Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 399
บทที่ 399 : จับโจรต้องจับหัวหน้า!
“เชอะ.. แม่ชีเฒ่าคงจะคิดว่าตัวเองได้สมบัติล้ำค่าไปสินะ?! ไม่แน่ว่าเฉิงเม่ยเฟิงอาจจะเป็นระเบิดเวลา ที่รอคอยวันระเบิด และทำลายล้างสำนักจิ้งซินก็เป็นได้!”
ซันเทียนเปียวรู้สึกหงุดหงิดขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้แค่เพียงรอคอยให้ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 ผู้นั้น บุกถล่มสำนักจิ้งซินด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นคงจะสนุกน่าดู..
จากนั้น ซันเทียนเปียวก็ได้สั่งให้คนของเขาเพียงแค่ควบคุมตัวคนของตระกูลเฉิงไว้เท่านั้น และห้ามไม่ให้รบกวนพวกเขาอีกต่อไป
ซันเทียนเปียวรู้ดีว่าวิชาไร้ใจของสำนักจิ้งซินนั้นยากที่เขาจะรับมือได้ และศิษย์ของสำนักจิ้งซินแต่ละคนก็ล้วนฝีมือร้ายกาจ หากเขากล้าไปลองดี ตระกูลซันคงต้องถึงคราวสิ้นชื่อแน่!
ในคืนนั้น ซันเทียนเปียวจึงสั่งให้คนของเขานำเฉิงเทียนและครอบครัวไปไว้ที่บ้านในอ่าวจิงฉู และให้ยอดฝีมือคุมตัวไว้จนกว่าหลิงหยุนจะบุกมา และหลังจากที่เขาลงมือจัดการสังหารหลิงหยุนเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยปล่อยตัวทั้งสามคน ส่วนตัวเขาก็จะกลับไปที่ปักกิ่ง
นอกเหนือจากความร่ำรวยมั่งคั่งเป็นหลายพันล้านแล้ว เฉิงเทียนก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ของเขาคืนนั้น จะว่าไปก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนของตระกูลเฉิงมากมาย ซันเทียนเปียวจึงไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาก็ได้
เขาไม่สังหารคนของตระกูลเฉิงได้ แต่ไม่ฆ่าหลิงหยุนไม่ได้!
ต่อให้หลิงหยุนหายตัวไป ซันเทียนเปียวก็ต้องสั่งคนของเขาให้ตามล่าหาตัวมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นตระกูลซันคงต้องเสียหน้าอย่างมาก
แต่การที่ซันเทียนเปียวจ้องจะเล่นงานหลิงหยุนเช่นนี้ ก็ไม่ต่างจากการดึงหัวไชเท้าที่ย่อมต้องมีโคลนติดขึ้นมาด้วย เพราะเขากลับนึกไม่ถึงว่า ยิ่งเขาจ้องจะกดดันหลิงหยุนมากเท่าไหร่ คนทั่วทั้งเมืองจิงฉูกลับแสดงตัวยินยอมปกป้องหลิงหยุนมากขึ้นเท่านั้น!
เพราะไม่เพียงแค่หลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าวซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงของจิงฉู แต่ยังมีแก๊งมังกรเขียวซึ่งทำธุรกิจใต้ดิน ที่คอยแอบปกป้องหลิงหยุนอยู่อย่างลับๆ แม้กระทั่งท่านเสี่ยวหมอเทวดาซึ่งเป็นแพทย์ที่เก่งที่สุดในประเทศนี้ ก็ยังออกหน้าให้หลิงหยุน เสี่ยวเจิ้งจี๋ถึงกับโทรหาตระกูลซันด้วยตัวเอง และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการปกป้องเขา!
ในเมื่อมีอุปสรรคชิ้นใหญ่อย่างท่านเสี่ยวหมอเทวดา แผนการของซันเทียนเปียวจึงยิ่งยากเย็นขึ้นมาก และสองฝ่ายต่างก็เริ่มต้านทานอำนาจของกันและกัน แต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซันเทียนเปียวก็ถึงกับเหน็ดเหนื่อย และต้องรอคอยโอกาสดีๆที่จะปรากฏ
ในคืนวันเสาร์ หลิงหยุนแอบกลับเข้าเมืองจิงฉูอย่างเงียบๆ และในเช้าวันอาทิตย์เขาก็เริ่มตอบโต้กลับอย่างรุนแรง ด้วยการรื้อถอนสำนักงานของกู่เหลียนเฉิง และบ้านของเถียนป๋อเตาถึงสองหลังต่อหน้าผู้คนมากมาย!
ซันเทียนเปียวได้ข่าวการตอบโต้ของหลิงหยุน แต่ก็ไม่สามารถลงมือจัดการได้ในช่วงกลางวัน หลังจากที่รู้ว่าหลัวจ้งพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุน เขาก็ถึงกับตบโต๊ะพร้อมกับกร่นด่า และสาปแช่งหลัวจ้งอย่างรุนแรง!
หลังจากที่เฉิงเม่ยเฟิงถูกแม่ชีมี่ยื่อนำตัวกลับไปที่สำนักจิ้งซิน ซันเทียนเปียวก็ได้ส่งยอดฝีมือมากมายไปรอจับตัวหลิงหยุนที่คฤหาสน์ของเฉิงเทียน รอคอยเพียงให้หลิงหยุนเดินเข้ามาในกับดักที่เขาวางไว้ ส่วนตัวเขาเองก็ไปจับตัวถังเทียนห่าว และนำไปกักขังไว้ที่บ้านในอ่าวจิงฉูเพื่อทำการสอบสวนด้วยตัวเอง
ซันเทียนเปียวคิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเฉิงที่ชานเมืองด้านตะวันตก จะถูกหลิงหยุนถล่มราวกับพายุจนบาดเจ็บสาหัส และล้มตายกันมากมาย เหลือเพียงไป่หยวนเจียที่ไม่เป็นอะไร และได้ทำหน้าที่นำทางให้กับหลิงหยุน
ความจริงแล้วซันเทียนเปียวก็นับว่าโชคร้าย เพราะคนที่ยังคงมีความทรงจำในคืนนั้นอยู่ ไม่ได้มีเพียงแค่เฉิงเม่ยเฟิง แต่ยังมีถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ เสี่ยวเม่ยหนิง และเกาเฉินเฉินอีกที่รู้!
เสี่ยวเม่ยหนิงนั้นซันเทียนเปียวไม่กล้าแตะต้อง ส่วนเกาเฉินเฉินก็กลับไปบ้านที่ปักกิ่งแล้ว
ส่วนถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋นั้น ซันเทียนเปียวเห็นว่าทั้งคู่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาไม่มีวรยุทธอะไร เขาจึงไม่คิดว่าทั้งสองคนจะอยู่ร่วมในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
อีกทั้งคนหนึ่งก็ถูกสำนักงานรักษาความมั่นคงจับตัวไปแล้ว ส่วนอีกคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกเสียเจิ้นเหยินกระทืบ ซันเทียนเปียวจึงไม่สนใจคนไร้ค่าทั้งสองคนอีก..
แต่ซันเทียนเปียวกลับนึกถึงคนสำคัญอีกคนหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือถังเทียนห่าวซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนที่สำคัญมาก แต่เขากลับมองข้าม เขาจึงต้องไปจับตัวถังเทียนห่าวไปสอบสวนด้วยตัวเอง
ซันเทียนเปียวมองถังเทียนห่าวด้วยความรู้สึกประหลาดใจ พร้อมกับคิดในใจว่า ‘ทำไมคนพวกนี้ถึงได้มีร่างกายที่สะอาดราวกับเกิดใหม่เช่นนี้?’
และนั่นเป็นเพราะหลิงหยุนได้ใช้พลังอมตะชำระล้างภายในให้กับถังเทียนห่าวด้วยเช่นกัน ส่วนซันเทียนเปียวก็ได้แต่มองด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมกับเหงื่อที่ไหลเปียกผมสีขาวบนศรีษะ
ช่างน่ากลัว!
“ผู้อำนวยการถัง.. คุณไม่ต้องกังวลอะไรมาก ผมพาคุณมาที่นี่ก็เพราะต้องการล่อหลิงหยุนมาเท่านั้น ผมรับรองว่าคุณจะปลอดภัยดี!”
ซันเทียนเปียวจับตัวคนที่เขาไม่สามารถบีบบังคับให้พูดได้มา จึงได้แต่ยอมรับว่าตนเองช่างโชคร้ายนัก! แต่เวลานี้หลิงหยุนปรากฏตัวออกมาแล้ว ตราบใดที่เขาจับตัวหลิงหยุนได้ ทุกอย่างก็จะกระจ่างแจ้งเอง เขาไม่จำเป็นต้องถามอะไรจากถังเทียนห่าวอีก..
แต่ถังเทียนห่าวกลับตอบซันเทียนเปียวด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่ง “คุณซัน.. ความจริงคุณไม่ต้องพยายามมากมายขนาดนี้ก็ได้ เท่าที่ผมรู้จักหลิงหยุน ต่อให้คุณไม่จับตัวผมมา เขาก็ต้องมาหาคุณอยู่ดี!”
ซันเทียนเปียวตอบกลับยิ้มๆ “เอ่อ.. แต่ตอนนี้หลิงหยุนหายตัวไป คุณไม่นึกกังวลและเป็นห่วงเขาบ้างเลยรึ?”
ถังเทียนห่าวตอบกลับยิ้มๆ “ห่วงสิ.. ห่วงมากจริงๆ แต่ผมเป็นไม่ได้เป็นห่วงหลิงหยุนหรอกนะ แต่ห่วงคุณมากกว่า!”
“งั้นรึ? ถ้างั้นเราก็มาคอยดูกัน?”
ซันเทียนเปียวยิ้มเยือกเย็น และไม่สนใจถังเทียนห่าวที่เริ่มหลับตา
………..
ณ คฤหาสน์ตระกูลเฉิงที่อยู่ชานเมืองทางด้านตะวันตก
ศพมากมายนอนเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วบริเวณ เลือดไหลเจิ่งนองราวกับสายน้ำ และสวนภายในบ้านก็มีแขนที่ขาดอยู่เต็มไปหมด หากคนธรรมดาได้มาเห็นภาพเช่นนี้ คงต้องอาเจียนออกมาแน่นอน
ชายคลุมผ้าปิดบังใบหน้าสองคนโผล่ออกมาที่สวนในบ้านอย่างเงียบๆที่ ทั้งคู่สำรวจร่างไร้วิญญาณที่เกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้นอย่างละเอียด
“เหลยเชิ่ง พวกเรามาช้าไปก้าวเดียว ตระกูลซันโดนถล่มยับแล้ว!” ชายตัวเล็กสวมชุดดำพูดขึ้น
เหลยเชิ่งพยักหน้าไม่พูดอะไร แต่จู่ๆก็หันไปทางประตูพร้อมกับกระซิบว่า “ยังมีคนที่รอดชีวิตอยู่ ไปถามพวกเขาดูดีกว่า!”
ชายชุดดำตัวเล็กชื่อเจี่ยเฟยพยักหน้า แต่ร่างของเขานำได้นำหน้าไปไกลถึงสี่สิบเมตรแล้ว และเหลยเช่ยก็รีบตามไปที่หน้าประตูเช่นกัน
มียอดฝีมือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่สองสามคน และยังไม่ตาย พวกเขาคือยอดฝีมือที่หลิงหยุนเมตตาไว้ชีวิต
เหลยเชิ่งยกมือขึ้นจับร่างยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-8 ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับถามว่า
“ใครกันที่สังหารผู้คนมากมายขนาดนี้? แล้วคนผู้นั้นหายไปใหน?”
“โลหิต.. กระบี่ปีศาจ อ่าวจิงฉู บ้าน.. เลขที่-1 รีบไป.. เร็วเข้า..”
“นี่เจ้าพูดถึงอะไร? กระบี่อะไร?” เหลยเชิ่งฟังด้วยความตกใจและรีบถามขึ้นอย่างงุนงง
“มันคือกระบี่โลหิตแดนใต้! กระบี่โลหิตแดนใต้กลับมาอีกครั้งแล้ว!”
ระหว่างที่รอคอยยอดฝีมือที่บาดเจ็บสาหัสตอบ ยอดฝีมือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกคนที่อยู่ไกลออกไป ก็ตะโกนบอกแทน เขาก็คือคนที่ร้องขอชีวิตกับหลิงหยุน เขาถูกหักแขนขวา และโดนตะปูซัดเข้าที่หัวเข่าทั้งสองข้าง
“กระบี่โลหิตแดนใต้งั้นรึ? เป็นกระบี่โลหิตแดนใต้จริงๆงั้นรึ?!”
เหลยเชิ่งพึมพำอยู่สองสามคำจึงพูดกับเจี่ยเฟยว่า “เจ้าไปรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าใหญ่รู้ก่อน ส่วนยอดฝีมือที่ยังไม่ตายนี่ เจ้าก็ช่วยดูแลพวกเขาไปก่อน ข้าจะไปที่หมู่บ้านในอ่าวจิงฉูตอนนี้ หวังว่าข้าจะไปทันเวลา!”
เหลยเชิ่งไม่รอช้า เขารีบใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามกิ่งไม้ และชั่วประเดี๋ยวเดียวก็กระโดดออกไปไกลถึงร้อยเมตร!
……………
ปี่หยวนเจียยกมือขึ้นชี้ไปที่บ้านใหญ่โตหลังหนึ่งพร้อมกับกระซิบว่า
“บ้านเลขที่-1 หลังที่ใหญ่ที่สุด คนของตระกูลเฉิงอยู่ข้างใน พวกถูกจับมาไว้ที่นี่เมื่อสองวันที่แล้ว”
หลิงหยุนคำนวณระยะทางระหว่างบ้านหลังนี้กับบ้านเลขที่-9 ของแม่เขา ก็พอจะทราบระยะทางคร่าวๆ จากนั้นก็พยักหน้าให้กับปี่หยวนเจีย และพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ.. เจ้าไปได้ วิชาตัวเบาของเจ้ายอดเยี่ยมมาก!”
ปี่หยวนเจียได้ฟังก็รู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างมาก “นี่ท่านปล่อยข้าไปจริงๆงั้นเหรอ?”
หลิงหยุนฆ่าคนอย่างเหี้ยมโหดและไร้ความเมตตา แต่เพียงแค่เขานำทางมาที่นี่ เขากลับได้รับการปล่อยตัว ปี่หยวนเจียจึงแทบไม่อยากจะเชื่อ
หลิงหยุนเปลี่ยนมาถือกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือซ้าย พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทำไม.. หรือว่าเจ้าอยากตาย ข้าจะได้สนองให้!”
“ออกไปจากเมืองจิงฉูเดี๋ยวนี้! ยิ่งไปให้ไกลได้เท่าไหร่ก็จะยิ่งดีกับเจ้าเอง เข้าใจไม๊?”
ปี่หยวนเจียไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุน เขารีบหันหลังกลับไปพร้อมกับโบกมืและร้องตะโกนว่า “ข้าไปแล้ว.. ข้าไปแล้ว.. ขอบคุณท่านมากที่ไว้ชีวิตข้า!”
หลังจากที่ปี่หยวนเจียพูดจบ เขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ ร่างของเขาไกลออกไปถึงเจ็ดสิบเมตร ปลายเท้าของเขาสัมผัสสยอดไม้อย่างนุ่มนวล และหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ปี่หยวนเจียใช้กำลังภายในทั้งหมดเท่าที่มี กระโดดหนีไปทางทิศตะวันออกอย่างสุดชีวิต ก่อนจะกระโจนลงกับพื้นพร้อมกับอาเจียนออกมา
ปี่หยวนเจียไม่เคยเห็นฆาตกรที่โหดเหี้ยมอย่างหลิงหยุนมาก่อน เขาไม่เคยเห็นใครสังหารคนมากมายได้ภายในหนึ่งลมหายใจ แต่นี่เขาเห็นกับตาตัวเอง
“นี่.. หลังจากเจ้าอาเจียนเสร็จแล้ว ก็บอกข้ามาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? แล้วเหตุใดเจ้าจึงได้อาเจียนออกมาเช่นนี้?”
ปี่หยวนเจียอาเจียนจนรู้สึกว่าท้องไส้หายปั่นป่วนแล้ว ก็ได้ยินเสียงดังอยู่ด้านหลัง!
เขาหันกลับไปมองอย่างตกใจ และก็พบว่าบนยอดไม้ห่างไปราวสิบกว่าเมตร มีหญิงสาวถือกระบี่ สวมผ้าคลุมปิดบังผิวขาวราวหิมะไว้เผยให้เห็นคิ้วคู่สวย ส่วนกระโปรงสีขาวก็พริ้วไสวไปตามแรงลมราวกับเทพธิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
………..
“ไม่มีประโยชน์ที่จะบุกเข้าไปช่วยคนก่อน เพราะจะต้องพบเจอเรื่องยุ่งยากมากมาย.. ก่อนอื่นเราต้องจัดการสังหารพวกมันก่อน แล้วจึงค่อยพูดจากันทีหลัง ไม่อย่างนั้นเราสามคนต้องตกที่นั่งลำบากแน่!”
หลังจากที่ปี่หยวนเจียจากไป หลิงหยุนก็นัดแนะวางแผนกับตู้กู่โม่และเหล่ากุ่ย..
ครั้งนี้ มียอดฝีมือขั้นเซียงเทียนถึงสามคน แม้หลิงหยุนอยู่ในภาวะอารมณ์ที่อยากจะฆ่าคนมาก แต่เขาก็ไม่สามารถรับมือเพียงคนเดียวได้
“แล้วจะฆ่าใครก่อนดี?!” ตู้กู่โม่ถามเสียงราบเรียบ
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ถ้าจะจับโจรก็ต้องจับหัวหน้ามันก่อน พวกเราสามคนร่วมมือกันฆ่าซันเทียนเปียวก่อน พวกเจ้าสองมีหน้าที่คอยต้านคนอื่น!”
“เอาล่ะ.. เข้าไปกันได้แล้ว!”