บทที่ 378 : ชนะขาดลอย!
หลัวจ้งเริ่มรู้สึกสำนึกผิด!
เขาและหลิงหยุนต่างก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แต่การที่เขาเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็เพียงเพราะเหตุผลสามประการ
เหตุผลข้อแรกคือ.. ผลประโยชน์จำนวนมากที่เขาได้รับจากกู่เหลียนซัน
เหตุผลข้อที่สองก็คือ.. ทั้งเขาและเสียเจิ้นเหยินล้วนชิงดีชิงเด่น และเป็นปฏิปักษ์กับหลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าวมานานหลายปี
หลี่ยี่เฟิงควบคุมดูแลทั่วทั้งจิงฉู อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากถังเทียนห่าว ทำให้มีอำนาจในมืออย่างเหลือเฟือ จนบทบาทของหลัวจ้งค่อยๆถูกลดทอนลงเรื่อยๆ
แต่เพราะนางหนิวเฟิ่นเหยียวและซันจิ้ง ต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในระหว่างที่อยู่จิงฉู ตระกูลซันโกรธแค้นเป็นอย่างมาก และซันเทียนเปียวก็ได้ใช้อำนาจ และคอนเน็คชั่นที่มีอยู่ จัดการปลดหลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าวที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลิงหยุน เรียกได้ว่าพายุลูกใหญ่กำลังพัดทำลายเมืองจิงฉู!
พายุแห่งความโกรธแค้นของตระกูลซัน ทำให้หลี่ยี่เฟิงที่มีอำนาจและอิทธิพลมากมายอยู่ในมือ กลับถูกตระกูลซันปลดลงภายในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียว!
เสียเจิ้นติงกับหลัวจ้งรู้ว่าโอกาสของพวกเขามาถึงแล้ว จึงรีบปรึกษากันและตัดสินใจที่จะฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ ทั้งคู่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างตระกูลซัน และประกาศตัวเป็นศัตรูกับหลิงหยุน
และหากหลัวจ้งสามารถจับกุมหลิงหยุนได้ และแอบส่งตัวให้กับซันเทียนเปียวได้เร็วมากเท่าไหร่ นั่นก็เท่ากับว่าเขาได้สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงให้กับตระกูลซัน และด้วยอำนาจอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลซัน รับรองได้ว่าตำแหน่งของหลัวจ้งคงต้องขึ้นพรวดพราดอย่างแน่นอน!
ไม่เพียงแค่หลัวจ้งจะมีอนาคตที่ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่เขายังสามารถเหยียบศัตรูคู่แข่งให้จมดินได้ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลซัน และนี่คือเหตุผลข้อที่สามของหลัวจ้ง!
แต่หลัวจ้งกับเสียเจิ้นติงกลับลืมคิดถึงจุดเล็กๆน้อยๆไป แต่กลับกลายเป็นจุดที่อันตรายถึงชีวิต! บางทีพวกเขาอาจจะคิด แต่ไม่ได้ใส่ใจและให้ความสำคัญกับมันมากนัก
นั่นก็คือ.. พวกเขาทั้งคู่ลืมคิดไปว่า หลิงหยุนคือผู้ที่ทำให้ตระกูลซันโกรธแค้นได้จนถึงขนาดที่ซันเทียนเปียวต้องลงมาจัดการกับเขาด้วยตัวเองได้ เช่นนี้แล้วหลิงหยุนจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆไปได้อย่างไร?
ทั้งหลัวจ้งและเสียเจิ้นติงต่างก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง และไม่ใช่เพียงแค่คิด แต่ยังเคยได้ยินเรื่องกำลังและความสามารถเกินมนุษย์ของของหลิงหยุนที่ได้แสดงต่อหน้าผู้คนมาแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่กลับไม่คิดจริงจังอะไรมาก พวกเขาต่างก็คิดว่าหลิงหยุนคงจะไม่แข็งแกร่งถึงขั้นที่จะสามารถต่อกรกับตระกูลซันได้!
ก่อนหน้านี้หลัวจ้งคิดว่าไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ตราบใดที่หลิงหยุนปรากฏตัว เขาก็จะเข้าจับกุมตัวส่งให้กับตระกูลซันทันที หลังจากนั้นก็หมดธุระของเขาแล้ว!
แต่ช่างโชคร้าย.. ที่ทุกอย่างกลับตรงข้ามกับสิ่งที่หลัวจ้งคิดไว้ ไม่เพียงไม่สามารถหาเหตุผลในการจับกุมตัวหลิงหยุนได้ แต่ความแข็งแรงและแข็งแกร่งของหลิงหยุนกลับค่อยๆปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นหลัวจ้งจึงเริ่มรู้สึกตัวว่า ครั้งนี้เขารีบร้อนกระโจนลงมาร่วมสังฆกรรมรวดเร็วเกินไป อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ควรต้องปรากฏตัวในเวลานี้
หลัวจ้งกวาดสายตามองไปด้านหลัง และพบว่าตำรวจหลายนายที่เขาสั่งการให้มานั้น ค่อยๆถอยห่างออกไปอย่างเงียบๆ
เป็นธรรมดาของโลกใบนี้.. เมื่อผู้คนพบว่าคุณกำลังจะสิ้นชื่อ ต่างก็ไม่มีใครสนใจคุณอีก พวกเขาต่างก็กลัวว่าจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นยิ่งอยู่ให้ห่างได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!
หลัวจ้งเริ่มรับรู้ได้ทันทีว่า เขากำลังตกลงสู่สถานการณ์ที่ถูกลูกน้องโดดเดี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ เขาทั้งรู้สึกเสียใจและตกใจ จึงรีบตอบคำถามของหลิงหยุนทันที
“หากคดีนี้ไม่ใช่การข่มขู่รีดไถอย่างที่ถูกร้องเรียน ฉันก็จะโทรหาลูกน้องให้จัดการปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยซะ.. ปล่อยตอนนี้เลย!”
หลิงหยุนได้แต่คิดเย้ยหยันอยู่ในใจว่า ‘ถ้ารู้จักฉลาดอย่างนี้ตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องให้ข้าลำบากถึงเพียงนี้?’
จากนั้นก็ดึงฝ่ามือที่วางอยู่บนไหล่ของหลัวจ้งออกพร้อมกับพูดเบาๆว่า “เร็วหน่อยก็แล้วกัน! อย่าให้เลยเวลากินข้าวเที่ยงของฉันกับตี้เสี่ยวอู๋ล่ะ เขาอยู่ในความรักผิดชอบของแก เพราะฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับตี้เสี่ยวอู๋ แกจะต้องเป็นคนรับผิดชอบเต็มๆ!”
ทันทีที่หลิงหยุนเอามือออกจากไหล่ หลัวจ้งก็รู้สึกหายเจ็บปวดทันที และรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรเข้าไปที่สถานีตำรวจ
“สั่งคนให้ปล่อยตัวตี้เสี่ยวอู๋ทันที.. เดี๋ยวนี้!”
“ใช่.. ตอนนี้ตรวจสอบชัดเจนแล้วว่าผู้จัดการทั่วไปของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น เป็นคนจ่ายเงินชำระหนี้เอง แต่เขาถูกปรักปรำ ปล่อยตัวเขาตอนนี้เลย!”
หลัวจ้งรีบวางสายและหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับถามว่า “เธอ.. ยังมีเรื่องอื่นอีกไม๊?”
หลิงหยุนมองหลัวจ้งด้วยสายตาเหยียดหยันพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ยังจะถามอีก? แล้วเรื่องบ้านสองหลังของฉันที่ถูกยึดกับบัญชีธนาคารที่ถูกอายัดล่ะ แกจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
“เอ่อ.. เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด เป็นเรื่องเข้าใจผิดมากๆ ฉันจะรีบโทรไปจัดการให้!”
พูดจบหลัวจ้งก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอีกครั้ง และได้ชี้แจงว่าไม่พบปัญหาเรื่องที่มาที่ไปของบ้านและบัญชีธนาคารของหลิงหยุน พร้อมกับสั่งให้ยกเลิกการอายัดบัญชีทันที และจัดการส่งมอบกุญแจบ้านทั้งสองหลังคืนให้กับหลิงหยุน
มีเพียงความพ่ายแพ้แล้วพ่ายแพ้อีก! เพียงแค่ปกป้องคุ้มครองตัวเองก็ยากแล้ว จึงไม่มีทางที่เขาจะทำอะไรหลิงหยุนได้อีก..
ตอนนี้หลิงหยุนกลับพลิกสถานการณ์ทุกอย่างให้ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกประตู เขาเพียงแค่พูดยิ้มๆ “ดีมาก..”
หลัวจ้งไม่พูดอะไร ได้แต่เช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามใบหน้า และอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
มาถึงขั้นนี้แล้ว หลัวจ้งก็ไม่กล้าคิดที่จะทำอะไรอีก แต่เขาคิดเพียงแค่ว่า เขาจะกู้ภาพพจน์กลับคืน และลบล้างภาพที่น่าสมเพชนี้ออกได้อย่างไร?
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับหันไปถามหลัวจ้งว่า “ฉันได้ยินมาว่าแกกำลังสอบสวนคดีที่คนของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นถูกทำร้ายบาดเจ็บด้วยใช่ไม๊? แล้วจับตัวผู้ต้องสงสัยได้รึยังล่ะ?”
ตอนนี้หลิงหยุนกำลังพูดถึงเรื่องที่เขาเตะกู่เหลียนเฉิงและคนของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นจนต้องกลายเป็นขันทีทั้งหมด
และนี่เป็นข้อกล่าวหาที่หลัวจ้งตั้งใจจะใช้เป็นข้ออ้างในการจับกุมตัวหลิงหยุนตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการรื้อทุบบ้าน แต่ตอนนี้หลิงหยุนกลับเป็นฝ่ายถามเรื่องนี้ขึ้นมาเอง
ความจริงเรื่องนี้ทั้งตระกูลหลิน หลี่ยี่เฟิง และถังเทียนห่าว ต่างก็ได้จัดการเรื่องนี้จนเงียบไปแล้ว และไม่มีใครพูดถึงอีก อีกทั้งยังไม่มีผลกระทบใดๆกับหลิงหยุ เพราะหลินเมิ่งหานได้ให้การว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลิงหยุน และเธอก็ออกจากเมืองจิงฉูไป
แต่เมื่อตระกูลซันซึ่งนำโดยซันเทียนเปียวได้จัดการกับถังเทียนห่าว และหลี่ยี่เฟิง ส่วนตระกูลหลินก็อยู่คนละเมือง หลัวจ้งจึงดึงคดีนี้ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการจับกุมตัวหลิงหยุนทันที
แต่หลัวจ้งไม่กล้ากระโตกกระตากในเรื่องนี้นัก เพราะเกรงว่าจะสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับตระกูลหลิน เพราะหากตระกูลหลินและตระกูลซันต้องบาดหมางกันเพราะเรื่องนี้แล้วล่ะก็ ตัวเขาเองนี่ล่ะที่จะเป็นฝ่ายที่ต้องพบกับจุดจบ..!
หากเปรียบเทียบความสำคัญของตระกูลหลินกับหลัวจ้งนั้น เขาเป็นเพียงแค่เศษดินที่ไร้ความหมาย เพราะถึงแม้เขาจะทำงานให้กับตระกูลซัน แต่หากตระกูลซันต้องมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลหลินเพราะหลัวจ้ง แต่นอนว่าตระกูลซันคงไม่เลือกปกป้องเขาอย่างแน่นอน
และหลัวจ้งเองก็เข้าใจในจุดนี้ดี! อีกทั้งตอนนี้หลัวจ้งก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุน จึงไม่มีเหตุผลต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก
“หลิงหยุน.. เรื่องที่เธอพูดนั้นเป็นข่าวลือ ไม่มีความจริงแม้แต่น้อย จึงไม่จำเป็นต้องสอบสวนอะไรอีก..”