บทที่ 376 : น่าสมเพช!
หลิงหยุนยืนชี้หน้าหลัวจ้งที่ถึงกับนิ่งเงียบหมดคำพูด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากขาวเป็นแดง และจากแดงเป็นเขียวจนถึงขั้นม่วงคล้ำ และท้ายที่สุดก็เปลี่ยนจากสีหน้าที่โกรธแค้นเป็นเศร้าสลดแทน และเหงื่อเย็นก็เริ่มไหลออกตามใบหน้าและร่างกาย!
ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมง และแสงแดดก็เริ่มเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้อุณหภูมิที่สูงถึง 34 องศา แต่ละคนล้วนชุ่มไปด้วยเหงื่อจากความร้อน แต่หลัวจ้งกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ!
ทันทีที่หลัวจ้งมาถึงที่เกิดเหตุ เขาก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสว่า หลิงหยุนเป็นผู้ต้องสงสัยที่เขาต้องทำการจับกุม
นักข่าวจากหลายสำนักทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์ ต่างก็บันทึกคำให้สัมภาษณ์ของหลัวจ้ง แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องจับกุมจริงๆ เขากลับไม่มีหลักฐานที่จะสามารถใช้จับกุมตัวหลิงหยุนได้ และยังถูกชี้หน้าด่าว่าเป็นคนชั่วช้าอีกด้วย!
หลัวจ้งต้องการจับหลิงหยุน แต่คำตอบของหลิงหยุนกลับทำให้หลัวจ้งกลายเป็นตัวตลกในทันที! หลัวจ้งพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย!
เขาไม่มีพยานหลักฐานอะไรสักอย่าง แต่หลิงหยุนกลับมีทั้งพยานและหลักฐานครบถ้วน เขากล่าวหาว่าหลิงหยุนจับกู่เหลียนซันเป็นตัวประกัน แต่เจ้าตัวกลับยืนยันปฏิเสธแทนหลิงหยุน เช่นนี้แล้วหลัวจ้งยังจะพูดอะไรได้อีก?!
ซูหลิงเฟย – นักข่าวคนสวยจากสถานีท้องถิ่นเดินขึ้นไปด้านหน้า เธอจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับรีบยกไมโครโฟนจ่อปากหลัวจ้ง และยิงคำถามที่ไม่ต่างจากการจงใจตีแสกหน้าหลัวจ้ง
“ผู้อำนวยการคะ.. คุณรู้สึกอย่างไรที่สถานการณ์กลับตาลปัตรไปแบบนี้?”
ในใจของหลัวจ้งนั้นรู้สึกโกรธและรำคาญนักข่าวสาวคนนี้มาก ที่จู่ๆก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา นี่ไม่เท่ากับยิ่งเป็นการตั้งใจฉีกหน้าเขางั้นหรือ?
แต่ถึงแม้หลัวจ้งจะรู้สึโกรธ แต่เขาก็ผ่านประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใหญ่ๆมามากมาย เขาจึงเพียงแค่ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นบนหน้าผากเบาๆ พร้อมกับตอบไปว่า
“เอ่อ.. ดูเหมือนเรื่องนี้จะค่อนข้างซับซ้อนกว่าที่ผมคิดไว้มาก.. คงต้องใช้เวลาในการสืบสวนและสอบสวนนานกว่านี้..”
ซูหลิงเฟยเป็นนักข่าวที่ใจเย็นและค่อนข้างถามตรงประเด็น เธอจึงถามต่อว่า
“ผู้อำนวยการหลัวคะ.. คุณไม่คิดว่ามันเป็นการไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอคะ? ตอนนี้ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกระจ่างชัดแล้วว่า หลิงหยุนไม่น่าจะใช่ผู้กระทำความผิด แต่กลับเป็นคนดี ต้องเรียกว่าดีมาก และเป็นแพทย์ที่มืออาชีพมาก แต่ทำไมคุณยังคิดจะจับกุมตัวเขาไปที่สำนักงานรักษาความมั่นคงอีก..”
หลัวจ้งได้แต่โบกไม้โบกมือพร้อมกับตอบไปว่า “เอ่อ.. ตอนนี้ผมยังไม่สะดวกที่จะตอบคำถามของคุณ ผมยังต้องใช้เวลาในการสอบสวนในคดีนี้อีก..”
ซูหลิงเฟยพยักหน้า แต่ก็ไม่ยอมปล่อยหลัวจ้งไป เธอชิงถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้น.. ไม่ทราบว่าขั้นตอนในการสอบสวนต่อไปของผู้อำนวยการหลัวคืออะไรคะ?”
หลัวจ้งครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงตอบไปว่า “เอ่อ.. ยังมีเรื่องที่หลิงหยุนทุบทำลายบ้านของผู้อำนวยการเถียนถึงสองหลัง ทุกคนก็เห็นกับตา.. ผมเชื่อว่าเขาคงยากที่จะปฏิเสธ..”
พูดจบ.. หลัวจ้งก็เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมกับถามเสียงดัง
“หลิงหยุน.. เรื่องสำนักงานรื้อถอนและเรื่องของกู่เหลียนซัน ฉันจะพักไว้ก่อน และจะสอบสวนทีหลัง แต่..”
หลัวจ้งยกมือชี้ไปทางบ้านที่เหลือแต่ซากทั้งสองหลังของเถียนป๋อเตา พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“บ้านสองหลังที่ถล่มลงมานั่นเป็นฝีมือของแกใช่ไม๊? ถ้าไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลแล้วล่ะก็ วันนี้สำนักงานรักษาความมั่นคงคงต้องจับแกขังไว้ก่อนชั่วคราวแล้วล่ะ! ถ้าแกอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องจับกุมแกให้ได้!”
“หลัวจ้ง.. แกนี่มันชั่วช้าไม่มีที่ติจริงๆ!” หลิงหยุนหันหน้าไปพูดใส่ไมโครโฟนของซูหลิงเฟยที่อยู่หน้าหลัวจ้ง
หลิงหยุนมองหลัวจ้งที่ข้างนอกทำท่าแข็งแกร่ง แต่ความจริงข้างในกำลังหวั่นไหวอย่างมาก ข้างนอกดุดัน แต่ข้างในหวาดกลัว แต่เขากก็ต้องฝืนปฏิบัติหน้าที่อย่างกระอักกระอ่วนใจอยู่ที่นี่! หลัวจ้งคงคิดว่าคำพูดของเขาจะทำให้หลิงหยุนรู้สึกกดดันได้บ้าง แต่หลิงหยุนยังมีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จอีกหลายอย่าง แน่นอนว่าเขายังปล่อยหลัวจ้งให้กลับไปตอนนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน!
หลิงหยุนยิ้มมุมปากให้หลัวจ้ง แล้วจึงหันไปร้องสั่งถังเมิ่งเสียงดัง “ถังเมิ่ง.. นายให้ใครไปพาตัวท่านเถียนมาที่นี่ซิ!”
ถังเมิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง และได้ยินหลิงหยุนเรียกหลัวจ้งว่าไอ้ชาติชั่วอยู่ตลอดเวลานั้น ทั้งตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก!
ตอนนี้หลิงหยุนให้เขาร่วมวงสนุกด้วยแล้ว เขาจึงรีบสั่งคนให้ไปพาตัวเถียนป๋อเตามาที่นี่
“ลุงหลัวครับ.. ที่พี่ชายของผมหลิงหยุน เรียกคุณลุงว่าไอ้ชาติชั่ว คุณลุงอย่าโกรธเลยนะครับ เพราะมันจะไม่เป็นผลดีกับสุขภาพของคุณลุง ถ้าไง.. ผมขอโทษแทนพี่ชายของผมด้วยนะครับ..”
แม้ว่าถังเมิ่งจะทำท่าทางเสียใจและเอ่ยขอโทษหลัวจ้ง แต่ในใจของเขากลับชื่นชมยินดีที่ได้เรียกหลัวจ้งว่าไอ้ชาติชั่ว แต่คนอื่นๆนั้นไม่ได้รู้ความนัยของถังเมิ่งไปด้วย
จะไม่ให้ถังเมิ่งฉวยโอกาสกร่นด่าได้อย่างไร? เพราะตอนนี้เสียเจิ้นเหยินก็ใหญ่โตในหน่วยงานราชการ ส่วนหลัวจ้งก็กุมมเมืองจิงฉูไว้ทั้งเมืองก็ว่าได้ อีกทั้งยังใช้อำนาจอิทธิพลปลดหลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าว ยากที่สองฝั่งจะประนีประนอมกันได้อีก ตอนนี้เหลือเพียงแค่หนทางเดียวคือสู้กันจนตายไปข้าง และสองฟากฝั่งก็เริ่มฉีกหน้ากันและกัน!
หลัวจ้งรู้ดีว่าคำของโทษของถังเมิ่งนั้นล้วนเป็นการแสดง แต่ตอนนี้เขากำลังคิดหาวิธีที่จะออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน จึงไม่ต้องการที่จะต่อปากต่อคำกับถังเมิ่งต่อ
หลิงหยุนเดินขึ้นไปด้านหน้า พร้อมกับยอมรับออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ครั้งนี้แกพูดได้ถูกต้อง! บ้านสองหลังนั้นฉันเป็นคนทุบทิ้งเองล่ะ!”
ผู้คนที่พากันรอคอยให้หลิงหยุนหาเหตุผลมาปฏิเสธเพื่อปกป้องตนเอง และรอคอยให้หลิงหยุนตอกหน้าหลัวจ้งกลับไปเหมือนเมื่อครู่อีกครั้ง แต่จู่ๆ หลิงหยุนกลับยอมรับว่าตนเองเป็นคนทำจริง! หลายคนต่างก็รู้สึกผิดหวัง..
“หลิงหยุนยอมรับงั้นเหรอ?!”
“แม่เจ้า.. นี่เขายอมรับได้ยังไง?”
“ในที่สุดหลัวจ้งก็หาเหตุจับกุมคนจนได้สินะ..”
แม้แต่หลงหวู่และเหลียงเฟิงอี้เองก็คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆหลิงหยุนจะยอมรับง่ายๆแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักข่าวอีกหลายๆสื่อ โดยเฉพาะซูเหลียงเฟย!
ซูเหลียงเฟยได้แต่มองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับแอบคิดในใจว่า ‘หมอนี่จู่ๆทำไมถึงกลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้? นี่เขายอมรับออกมาได้ยังไงกัน?’
หลังจากที่หลัวจ้งได้ยิน.. เขาก็มีสีหน้าดีอกดีใจอย่างออกหน้าออกตา ‘ในที่สุดแกก็ยอมรับแล้วสินะ! แต่ถึงแกไม่ยอมรับ ฉันก็หาเหตุมาจับกุมแกจนได้ล่ะน่า!’
แต่ยังไม่ทันที่หลัวจ้งจะได้พูดอะไร เขาก็ได้ยินหลิงหยุนพูดต่อว่า “ฉันไม่เพียงแค่ทุบบ้านทั้งสองหลังของมัจจุราชหวังนะ แต่ยังจะทุบบ้านหลังที่สามของมันด้วย หัวหน้าหลัว.. อย่าเพิ่งรีบกลับล่ะ รอดูฉันทุบบ้านหลังที่สามซะก่อน..”
หลัวจ้งร้องออกมาเสียงดัง “หลิงหยุน.. นี่แกยังจะไล่ทุบบ้านของคนอื่นอีกหรือไง? แค่สองหลังนั่นก็มีมูลค่าหลายล้านแล้ว และมันก็เพียงพอที่จะจำคุกแกได้หลายปีเลยล่ะ! เอาตัวมันไป!”
เหลียงเฟิงอี้และหลงหวู่ที่ฟังอยู่ได้แต่กระวนกระวายใจ ใบหน้าสวยงามของหญิงสาวทั้งสองคนต่างก็มีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไอ้คนชั่วช้า! แกคิดจะทำอะไร? อย่าด่วนดีใจนัก.. รอฟังคำตอบของคนแซ่เถียนนี่ก่อนไม่ดีกว่ารึ?”
พูดจบ.. หลิงหยุนก็ใช้เท้าเตะร่างของเถียนป๋อเตาที่นอนกองอยู่กับพื้น และพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“คนแซ่เถียน.. ลุกขึ้นมาพูดได้แล้ว! ไม่ต้องแกล้งนอนตายแบบนี้..”
ขณะที่หลิงหยุนใช้เท้าเตะเถียนป๋อเตานั้น เขาก็ได้จัดการคลายจุดให้แล้ว และเถียนป๋อเตาก็สามารถขยับร่างกายได้ เขาดิ้นขลุกขลักเพื่อลุกขึ้นยืน และโอนเอนแทบจะล้มลงไปกับพื้น
หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลาไปกับการเตือนเถียนป๋อเตา แต่จะปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายเลือกที่จะพูดด้วยตัวเอง เพราะถึงอย่างไรหลิงหยุนก็มีคำสารภาพของกู่เหลียนซันและเถียนป๋อเตาอยู่แล้ว ทั้งสองคนต่างก็สารภาพแล้วว่ามีใครบ้างที่อยู่เบื้องหลัง ตราบใดที่เขาเอาคำสารภาพออกมาเปิดเผยกับสื่อ แน่นอนว่าหลัวจ้งก็คงต้องย่อยยับไปด้วยอย่างแน่นอน หลิงหยุนจึงไม่มีอะไรต้องกังวลอีก!
“หัวหน้าหลัว.. เรื่องนี้จะตำหนิหลิงหยุนไม่ได้ ผมมีความแค้นส่วนตัวกับเขา และได้ฉวยโอกาสนี้รื้อทำลายบ้านของเขาทั้งที่ยังไม่ได้รับความยินยอมจากครอบครัวของเขา ดังนั้น.. สิ่งที่หลิงหยุนทำอยู่ตอนนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผมสมควรต้องได้รับ และหลิงหยุนก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น..”
เถียนป๋อเตายืนต่อหน้าหลัวจ้งด้วยท่าทางเคารพนบนอบ พร้อมกับพูดต่อว่า “และผมได้ตัดสินใจยกบ้านหลังที่ยังเหลืออยู่นี้ให้กับหลิงหยุนเป็นค่าชดเชยที่ได้รื้อถอนบ้านของเขาโดยพละการ จากนี้ไปก็แล้วแต่หลิงหยุนจะจัดการยังไงกับบ้านหลังนั้น เพราะไม่ใช่บ้านของผมอีกต่อไปแล้ว!”
“……” ทุกคนได้แต่ยืนตกตะลึง..
ก่อนหน้านั้น.. เถียนป๋อเตาเอาแต่ข่มเหงรังแกประชาชนตาดำๆ แม้กระทั่งเห็นเถียนป๋อเตาเดินมา พวกเขายังต้องหลีกทางให้ และเลียงไปเดินห่างๆ แต่ตอนนี้กลับลายเป็นว่า ผู้ที่เคยข่มเหงรังแกพวกเขา กลับเป็นฝ่ายยอมรับความผิดเสียเอง?!
หลิงหยุนกับถังเมิ่งได้ยิน ก็ได้แต่มองหน้ากันยิ้มๆ จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองเถียนป๋อเตาพร้อมกับพึมพำในใจ ‘อืมม..’
เถียนป๋อเตาต้องการทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก และหลัวจ้งก็จะได้รีบออกไปจากที่นี่!
เพราะแม้ว่าเถียนป๋อเตาจะนอนนิ่งอยู่ที่พื้น แต่ก็ได้ฟังวาทะศิลป์ของหลิงหยุนมาตลอด และได้เห็นหลิงหยุนสร้างความอัปยศให้กับหลัวจ้งครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจึงรู้สึกว่าหากปล่อยให้หลัวจ้งยังอยู่ที่นี่ต่อไป ก็ไม่เป็นผลดีกับหลัวจ้งอย่างแน่นอน!
เขาเป็นฝ่ายรื้อทำลายบ้านของหลิงหยุนก่อน และหลิงหยุนกลับมาทุบบ้านของเขาคืน แม้จะฟังดูไม่ถูกต้อง แต่ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล และถึงแม้มูลค่าของบ้านจะต่างกัน แต่ก็เป็นบ้านเหมือนกัน
ไม่เพียงเท่านั้น.. หากหลัวจ้งยังดึงดันที่จะจับกุมตัวหลิงหยุนไปอย่างไม่มีเหตุผล อย่าว่าแต่แก๊งมังกรเขียวจะไม่ยินยอม แม้แต่ประชาชนจำนวนมากที่มุงดูอยู่นี้ ก็คงไม่ยินยอมเช่นกัน!
อีกอย่าง.. หลิงหยุนยังมีไพ่ตายในมืออีก ตราบใดที่หลิงหยุนเอาวีดีโอของเขากับบรรดาหญิงบริการออกมาเผยแพร่ ใหนจะยังบันทึกคำสารภาพของเขาที่บอกว่าหลัวจ้งมีส่วนเกี่ยวข้องอีก ถึงตอนนั้นต่อให้หลัวจ้งอยากจะออกไปจากนี่นี่ ก็คงยากที่จะทำได้!
และถึงตอนนั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็คงต้องกลายเป็นหมาตายอยู่ข้างถนน!
หลังจากที่คำพูดของเถียนป๋อเตาดูเหมือนจะช่วยหลิงหยุนนั้น หากหลัวจ้งฉลาดพอ เขาก็น่าจะเดาสถานการณ์ออกว่า ไม่เหลือเหตุผลอะไรที่จะจับกุมหลิงหยุนได้อีกแล้ว และเขาควรจะรีบถอยกลับออกไปทันที!
และนี่คือแผนการของเถียนป๋อเตา หลิงหยุนได้ทุบบ้านของเขาทิ้งถึงสองหลังแล้ว และไม่เห็นว่าจะมีใครหยุดยั้งหลิงหยุนได้ หากหลิงหยุนต้องการจะทุบหลังที่สามอีก มันก็คงจะพังราบภายในเวลาเพียงแค่สองสามนาทีอย่างแน่นอน ดังนั้น น่าจะเป็นการดีกว่าหากเขาใส่พานถวายหลิงหยุนไปเลย อย่างน้อยก็น่าจะพอบรรเทาความโกรธแค้นของหลิงหยุนลงได้บ้าง!
อีกทั้งยังเป็นการหยุดยั้งปัญหาที่กำลังจะบานปลายมากขึ้นเพราะการกระทำของหลัวจ้ง หลังจากหลัวจ้งกลับไป และรอจนคนอื่นๆกลับไปด้วย ถึงตอนนั้นเขาจะต่อรองอะไรกับหลิงหยุนต่อก็ยังพอที่จะทำได้!
เถียนป๋อเตานับว่าเป็นคนหัวดีและช่างวางแผน แต่เขาประเมินเรื่องหนึ่งผิดไปอย่างมาก!
เขาประเมินความฉลาดปราดเปรื่องของหลิงหยุนต่ำเกินไป และประเมินผิดไปว่าหลิงหยุนมาวันนี้เพื่อจัดการกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!
หารู้ไม่ว่า.. ทุกสิ่งที่หลิงหยุนทำลงไปนั้น ก็เพื่อเป็นการใช้ปลาเล็กล่อปลาใหญ่อย่างหลัวจ้งให้มาติดเบ็ด หลิงหยุนยังมีเป้าหมายอีกหลายอย่างที่เขาต้องทำให้สสำเร็จ แล้วเขาจะปล่อยให้หลัวจ้งกลับไปง่ายๆได้อย่างไร?
ดังนั้น.. หลิงหยุนจึงเพียงแค่ยิ้มให้กับถังเมิ่ง และคร้านที่จะเปิดโปงแผนการของเถียนป๋อเตา เขากำลังรอดูปฏิกิริยาของหลัวจ้งอยู่
หลัวจ้งเองก็ไม่ใช่คนโง่.. เขารู้ความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเถียนป๋อเตาดี จึงแสร้งทำเป็นโมโหพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“หุบปาก! ผู้อำนวยการเถียน คุณเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่กลับใช้กำลังบีบบังคับรื้อบ้านคนอื่นแบบนี้? เรื่องนี้ผมต้องสอบสวนอย่างเคร่งครัด!”
จากนั้นก็หันไปพูดกับหลิงหยุน “หลิงหยุน.. เขาใช้อำนาจบีบบังคับรื้อถอนบ้านของเธอ เธอก็ต้องไปฟ้องร้องเอา ไม่ใช่มาใช้กำลังแก้แค้นเองส่วนตัวแบบนี้ ไม่อย่างนั้นสังคมเราจะอยู่กันอย่างสงบสุขได้ยังไง?”
“อีกอย่าง.. การกระทำของเธอก็เป็นการรบกวนชาวบ้านคนอื่นไปด้วย..”
ดูเหมือนหลัวจ้งจะสามารถฟื้นภาพลักษณ์เจ้าหน้าที่ที่สูงส่งของเขาขึ้นมาได้อีกครั้ง หลังจากที่พูดกับหลิงหยุนแล้ว เขาก็หันไปพูดกับนักข่าวว่า
“ในเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นเช่นนี้ สำหรับหลิงหยุนที่ถูกผู้อำนวยการเขตรื้อบ้านโดยไม่ได้รับความยินยอม ทางเราจะทำการสอบสวนเรื่องนี้กันอีกครั้ง และทางสำนักงานรักษาความมั่นคงจะแจ้งความคืบหน้าในการสอบสวนให้ทุกท่านทราบต่อไป ตอนนี้ขอให้ทุกท่านแยกย้ายกันได้แล้ว…”
หลัวจ้งสรุปเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยคำพูดที่แสนเรียบง่าย พร้อมกับหันไปสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ทุกคนกลับได้!”
และนี่คือความต้องการของหลัวจ้ง ในเมื่อไม่มีเหตุผลที่จะจับกุมตัวหลิงหยุน และพบว่าหลิงหยุนไม่ใช่คนที่เขาจะจัดการได้ง่ายๆอย่างที่คิดไว้!
ตอนแรกเขาคิดว่าหลิงหยุนคงจะใช้กำลังและความรุนแรงในการขัดขืนการจับกุม เพราะหากเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ลังเลที่จะสั่งจับตายเช่นกัน!
แต่กลับกลายเป็นว่า.. ไม่เพียงหลิงหยุนไม่ใช้ความรุนแรงในการขัดขืน แต่กลับใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายมีชัยชนะอย่างสวยงามได้!
หลัวจ้งที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียด เมื่อได้โอกาสก็ต้องการที่จะหลีกหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ แต่หลิงหยุนไม่มีทางปล่อยให้เขาได้ทำตามใจต้องการแน่!
หลิงหยุนยกมือขึ้นกดลงบนไหล่ของหลัวจ้งเพียงเบาๆ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“คนชั่ว.. เรื่องของแกจบแล้ว แต่เรื่องของฉันยังไม่จบ!”
หลัวจ้งผู้น่าสงสาร!
หลัวจ้งรู้สึกราวกับว่าไหล่ของเขานั้นมีของหนักหลายพันกิโลกรัมทับอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะก้าวขาต่อไปได้ และไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ หลัวจ้งถึงกับตกใจสุดขีด!
หลิงหยุนเพียงแค่วางมือลงบนไหล่ของเขาเบาๆ เพื่อให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“ไม่อยู่บังคับใช้กฏหมายต่อหรือไง? ใหนๆเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ที่นี่เต็มไปหมด ฉันจะได้ร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วก็จะได้คุยกับเจ้าคนชั่วนี่แบบต่อหน้า!”
หลัวจ้งถึงกับหน้าเสีย เขาดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากฝ่ามือของหลิงหยุน แต่กลับพบว่าไร้ประโยชน์ จึงได้แต่ตอบกลับไปว่า
“หลิงหยุน.. ฉันต้องรีบกลับไปที่สำนักงานเพื่อประชุมด่วน อย่าให้มันมากเกินไปนัก..!ถ้าอยากจะฟ้องร้อง ก็ไปที่สำนักงาน..”
หลิงหยุนแสยะยิ้มและตอบกลับไปว่า “ประชุมด่วนงั้นเหรอ? ประชุมเรื่องที่จะหาวิธีจับฉันยังไงต่อไปสินะ? วันนี้เป็นวันหยุด มีคนมาทำงานด้วยเหรอ?”
“เรื่องที่บ้านของฉันถูกรื้ออย่างไม่เป็นธรรม.. ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องไปร้องเรียนที่สำนักงาน แต่เรื่องที่ฉันต้องการจะร้องเรียนในตอนนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงโดยตรง และใหนๆแกก็อยู่ที่นี่แล้ว ฉันก็จะร้องเรียนกับแกตรงนี้เลยก็แล้วกัน แกพร้อมจะรับเรื่องไม๊ล่ะ?!”
หลิงหยุนต้องการคิดบัญชีกับหลัวจ้งที่นี่!
“ฉันขอถามว่า.. ตอนที่บ้านของฉันถูกรื้อถอนอย่างไม่เป็นธรรม ทำไมถึงไม่มีตำรวจไปห้ามและไม่มีใครไปตรวจสอบ แต่พอฉันมาทุบบ้านของคนอื่นบ้างเท่านั้นล่ะ สำนักงานรักษาความมั่นคงถึงกลับออกโรงมาจัดการทันที?!”
“คลินิกของฉันถูกคนบุกไปทำลาย ผู้จัดการกับคนงานตกแต่งร้านก็ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้ทางสำนักงานรักษาความมั่นคงไม่รู้ไม่เห็นบ้างหรือยังไง?!”
“ฉันอยากจะถามว่า.. แกจับน้องชายของฉันที่ชื่อตี้เสี่ยวอู๋ไปด้วยข้อหาอะไร? และใช้กฎหมายข้อใหน?! มีหลักฐานหรือไม่? หากไม่มีหลักฐาน และเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำไมสี่สิบแปดชั่วโมงแล้วถึงยังไม่ปล่อยตัวอีก?”
“ฉันอยากจะถามว่า.. ทำไมแกถึงได้สั่งยึดและปิดตายบ้านทั้งสองหลังของฉัน แล้วรู้ได้ยังไงว่าทรัพย์สินของฉันไม่มีที่มาที่ไป?! แล้วทำไมถึงสั่งอายัดบัญชีธนาคารของฉัน?!”
หลิงหยุนใช้มังกรคำรามพูดกับหลัวจ้ง และเพิ่มพลังเสียงให้ดังขึ้น!
ทุกคำพูด และทุกประโยคที่ออกจากปากของหลิงหยุนนั้น ทุกคนต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดแจน และทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของทุกคน!
หลังจากที่ตั้งคำถามมากมายกับหลัวจ้ง หลิงหยุนก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนจะสั่งเขาเสียงดังว่า
“ตอบมา!”
เสียงของหลิงหยุนดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ!
“โอ้โห.. หลัวจ้งมันทำกับหลิงหยุนมากมายถึงเพียงนี้ เรียกมันว่าไอ้ชาติชั่วยังน้อยไปด้วยซ้ำ!”
“ใช่แล้ว.. หลัวจ้ง! คุณเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคง แต่กลับทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้ จงใจกลั่นแกล้งประชาชนชัดๆ..”
“นั่นสิ.. น่าอายชะมัด! ใช้อำนาจจัดการกับประชาชนตาดำๆ”