Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 362
บทที่ 362 : ล้างบางเมืองจิงฉู (11) – รื้อถอนบ้าน!
“อะไรนะ?! ดูตัวงั้นเหรอ?!”
หลิงหยุนฟังแล้วถึงกับต้องถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด!
เขากับเกาเฉินเฉินอาบน้ำในอ่างด้วยกัน นอนกอดกันอยู่บนเตียงของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กระทำการที่ล่วงเกินเกาเฉินเฉินมากไปกว่านั้น แต่จะต่างอะไรกันมากมาย!
ให้หลิงหยุนเชื่อว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก ยังเป็นไปได้มากกว่าจะให้เชื่อว่าเกาเฉินเฉินยอมไปให้คนอื่นดูตัว!
“แต่จะเรียกว่าดูตัวก็ไม่ถูกนัก.. ความจริงเกาเฉินเฉินกลับไปเพื่อล้มเลิกการหมั้นหมายมากกว่า!”
หลิงหยุนได้ฟังคำพูดวกไปวนมาของถังเมิ่งก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที เขาเขกหัวถังเมิ่งไปสองทีพร้อมกับพูดออกไปอย่างโมโห
“นายพูดให้มันตรงประเด็นจะดีกว่า! ไปดูตัวกับไปล้มเลิก.. มันคนละความหมายกันเลย!”
แต่จะตำหนิว่าหลิงหยุนใจร้อนเกินไปก็ไม่ถูกนัก เพราะเป็นใครฟังก็ต้องโมโห หากรู้ว่าผู้หญิงของตัวเองไปให้คนอื่นดูตัว!
ถังเมิ่งลูบหัวล้านของตัวเอง เขาฉีกยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับเล่าต่อว่า “ตอนเธอไปก็ดูเหมือนไม่มีอะไรนี่นา แต่ทำไมป่านนี้แล้วยังไม่กลับมาอีก?!”
ถังเมิ่งเริ่มจริงจังมากกว่าเดิม “ตอนนั้นเธอติดต่อนายไม่ได้ ก็เลยโทรหาฉัน แล้วฝากฉันให้บอกนายแทนว่า นายไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากเสร็จธุระแล้ว เธอจะรีบกลับมาหานายแน่นอน!”
“แต่วันนี้ฉันก็ติดต่อเธอไม่ได้เลยเหมือนกัน ไม่แน่เธออาจจะกำลังอยู่บนเครื่องก็ได้ เลยไม่ได้เปิดโทรศัพท์..”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว และคิดว่าจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นกับเกาเฉินเฉินอย่างแน่นอน เขายังจำคืนที่ไปเต้นรำกับเกาเฉินเฉินได้ คืนนั้นระหว่างที่เขาและเธอนั่งคุยกันอยู่ที่สนาม ก็มีสายจากต่างประเทศโทรเข้ามือถือของเธอพอดี
เกาเฉินเฉินบอกกับเขาว่าเป็นญาติของเธอเอง ผู้ชายคนนั้นเป็นคนตระกูลเฉิน และคอยโทรมารังควานเธอเป็นเดือนแล้ว!
ตระกูลเฉินงั้นเหรอ?!
‘หรือเขาจะกลับมาขอหมั้นเฉินเฉินแล้วงั้นเหรอ? ตระกูลเฉินเองก็นับว่ามีหน้ามีตาไม่แพ้ตระกูลเกา’ หลิงหยุนคิดอยู่ในใจเงียบๆ
เหล่ากุ่ยได้ฟังแล้วถึงกับถอนหายใจ พร้อมกับแอบคิดว่านายน้อยของเขามีคนรักกี่คนกันแน่?!
ที่หลิงหยุนต้องกลายเป็นศัตรูกับตระกูลซันก็เพราะสาวสวยแห่งตระกูลเฉิงที่ชื่อเฉิงเม่ยเฟิง ใหนจะยังมีเสี่ยวเม่ยหนิง และเหยาลู่ที่เหล่ากุ่ยเคยเห็น แต่มาตอนนี้ยังได้ยินหลิงหยุนพูดถึงตระกูลเกาอีก และดูเหมือนว่าลูกสาวตระกูลเกาคงจะต้องเป็นคนรักของหลิงหยุนอีกคน!
เหล่ากุ่ยได้แต่คิดว่าอุปนิสัยข้อนี้ของหลิงหยุนนั้น ไม่เหมือนทั้งหลิงเสี่ยวและแม่ผู้ให้กำเนิดเขาเลยแม้แต่น้อย แต่จะเหมือนใครเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้?
หลิงหยุนคิดว่าเกาเฉินเฉินนั้นมีสถานะที่สูงส่งในตระกูลเกา และอำนาจอิทธิพลของตระกูลเกาและตระกูลเฉินก็ไม่น่าจะเหนือกว่ากันนัก จึงไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องหนักใจ!
แต่อาจเป็นเพราะการกลับไปล้มเลิกการหมั้นของเกาเฉินเฉิน ทำให้อาวุโสในตระกูลขุ่นเคืองอย่างมาก จึงได้กักขังเธอไว้ไม่ให้กลับมาที่เมืองจิงฉูอีกก็เป็นได้..
เมื่อคิดได้แบบนี้ หลิงหยุนก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น เขาภาวนาขอให้เกาเฉินเฉินอดทนรอเขาก่อน หลังจากที่เขาสะสางปัญหาที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว เขาจะไปตามหาเธอที่เมืองหลวงเอง
แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องที่เขาต้องสจัดการอีกมากมาย เขาจึงหยุดคิดเรื่องของเกาเฉินเฉินไว้ก่อน..
“ถังเมิ่ง.. นายรู้ไม๊ว่าใครอยู่เบื้องหลังการรื้อถอนบ้านที่ถนนหลินเจียงของแม่ฉัน?”
หลิงหยุนจำได้ว่าตามกฏหมายที่ดินนั้น การจะรื้อถอนบ้านต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของบ้านเสียก่อน หากเจ้าของบ้านไม่ยินยอม.. ก็ไม่สามารถเข้าทำการรื้อถอนได้!
ถังเมิ่งแทบไม่ต้องหยุดคิด เขาตอบกลับไปทันที “พี่หยุน.. ยังจำเถียนป๋อเตาที่เราสองคนรุมกระทืบมันที่หน้าคลีนิคได้ไม๊?”
หลิงหยุนพยักหน้า “จำได้สิ.. อย่าบอกนะว่าเป็นมัน?”
หลิงหยุนจำได้ว่าเขาไม่เพียงจัดการเถียนป๋อเตาจนแทบลุกไม่ขึ้น แต่ยังกระทืบหลานของมันที่ชื่อเถียนเสี่ยวกวงด้วย
ถังเมิ่งทำเสียงเยาะหยัน “หมอนั่นน่ะเหรอจะมีปัญญา.. แต่เป็นบริษัทที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนถนนหลินเจียงต่างหาก แล้วนายรู้ไม๊ว่าเป็นบริษัทของใคร?”
ใจของหลิงหยุนเต้นแรง ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “กู่เหลียนเฉิงสินะ?!”
ถังเมิ่งพยักหน้า “ใช่แล้ว.. เป็นบริษัทเหลียนเฉิงเอสเตทซึ่งเป็นของกู่เหลียนเฉิง! นายเตะมันจนไอ้นั่นใช้การไม่ได้ ทั้งกู่เหลียนเฉิงและกู่หยุนฟะต่างก็เกลียดนายเข้ากระดูกดำ แถมตอนนี้มันยังสนิทกับคนของสำนักงานรักษาความมั่นคงอีก มันจ้องจะเอาคืนนายอยู่แล้ว พอรู้ว่านายหายตัวไปหลายวันแล้ว มีหรือมันจะไม่รีบฉวยโอกาสนี้ล้างแค้น!”
หลิงหยุนได้ฟัง ก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างได้ชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น เถียนเสี่ยวกวงกับเถียนป๋อเตาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมมือกับกู่หยุนฟะและกู่เหลียนเฉิงซึ่งเป็นเจ้าของบรษัทผู้รับเหมาอย่างเหลียนเฉิงเอสเตท จัดการรื้อถอนบ้านของเขาตอนที่เขาหายตัวไป!
“ตอนนี้ทั้งพ่อของฉันแล้วก็ลุงหลี่ ต่างก็ถูกริดรอนอำนาจไปแล้ว เสียเจิ้นติง หลัวจ้ง และกู่เหลียนเฉิง ถึงได้โห่ร้องดีใจได้อีกครั้ง พวกมันร่วมมือกัน และควบคุมทำอย่างไว้ในกำมือของพวกมัน ไม่อย่างนั้น.. มีเหรอกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินจะกร่างและสารเลวได้ยิ่งกว่าเดิม พวกมันมีเรื่องกับคนอื่นได้ไม่เว้นแต่ละวัน!”
“พวกมันช่างกล้าดีนี่!” หลิงหยุนพูดยิ้มๆพร้อมกับพยักหน้า “ถ้างั้น.. ก็ได้เวลาไปหาพวกมัน และต้องตอบแทนพวกมันอย่างสาสมแล้ว!”
ถังเมิ่งถึงกับตกใจจนพูดไม่ออกครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับไปว่า “พี่หยุน.. นี่พี่หมายความว่า…?!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ในเมื่อมันรื้อบ้านของฉัน ฉันก็จะรื้อบ้านของมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!”
ตู้กู่โม่ถึงกับเหลือบมองหลิงหยุนเมื่อได้ฟังข้อสรุปที่ว่า.. เขาจะไปรื้อถอนบ้านของคนที่รื้อบ้านเขา!
ส่วนเหล่ากุ่ยนั้นตกใจสุดขีด พร้อมกับคิดว่าการที่คนพวกนั้นกล้ามารื้อถอนบ้านของนายน้อยเขาโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบ้านได้นั้น แสดงว่าคนพวกนั้นก็ต้องเตรียมการมาอย่างดี และต้องวางแผนรับมือไว้ทุกช่องทางแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะโดยถูกกฏหมายหรือผิดกฏหมาย..
แต่การที่จู่ๆหลิงหยุนจะไปรื้อถอนบ้านของคนอื่นนั้น.. ไม่ใช่ว่านึกอยากจะรื้อถอนบ้านใคร ก็จะสามารถรื้อถอนกันได้ง่ายๆตามอำเภอใจ!
เหล่ากุ่ยรีบอ้าปากเพื่อจะห้ามปรามหลิงหยุน และต้องการให้หลิงหยุนหาวิธีอื่นสั่งสอนศัตรูแทน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะพูดดักขึ้นมาก่อน
“เหล่ากุ่ย.. ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมอะไรทั้งนั้น ทำตามที่ข้าตัดสินใจ!”
‘พวกเจ้ากล้าทุบบ้านของข้าทิ้ง.. อย่าว่าแต่เป็นบ้านเลย ต่อให้เป็นสิ่งของของข้า หากข้าไม่ยินดีให้พวกเจ้าแตะต้อง ใครก็จะเคลื่อนย้ายไปใหนไม่ได้! ข้าต้องตอบแทนพวกเจ้าอย่างสาสมแน่ และหลังจากที่ข้ารื้อถอนบ้านของพวกเจ้าแล้ว พวกเราค่อยมานั่งคุยกันเรื่องเงินชดเชยค่าเสียหายอีกที!’
‘หากไม่ทำเช่นนี้.. ข้าหลิงหยุนจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างไร?’
“เอาล่ะ.. พักผ่อนกันดีกว่า! พรุ่งนี้ค่อยไปหาพวกมันที่บ้าน” หลิงหยุนจบบทสนทนาในคืนนั้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ความจริงแล้ว.. การรื้อบ้านของพวกมันไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของหลิงหยุน จุดประสงค์ที่แท้จริงของหลิงหยุนก็คือการทำเรื่องราวให้มันใหญ่โต เพื่อล่อให้กู่เหลียนเฉิง และหลัวจ้งโผล่หัวออกมาต่างหาก เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่โผล่หัวออกมาแล้ว พวกมันจะได้เจอดีแน่!
หลังจากพูดจบ.. หลิงหยุนก็ร่ำลาทั้งสามคน แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับเจ้าขาวปุย
เหล่ากุ่ย ตู้กู่โม่ และถังเมิ่งต่างก็มองหน้ากัน จากนั้นตู้กู่โม่ก็เดินแยกตัวออกไปฝึก ส่วนเหล่ากุ่ยก็เพียงแค่พยักหน้าให้ถังเมิ่ง แล้วก็หลับตาเดินลมปราณเช่นกัน
ถังเมิ่งนั้นตั้งแต่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บหลังจากที่หลิงหยุนรักษาให้ เขาก็ออกไปตะลอนๆอยู่ข้างนอกหลายชั่วโมง อีกทั้งตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็นอนหลับไม่สนิทมาตลอด เมื่อถึงเวลานอน จึงล้มตัวลงนอนหลับบนโซฟาทันที
หลังจากที่เข้าไปห้องนอน หลิงหยุนก็ปิดประตูและสำรวจไปรอบๆห้องนอน เขามองเห็นเสื้อผ้าของเฉิงเม่ยเฟิง จากนั้นก็มองไปที่คอมพิวเตอร์ และพบจดหมายวางอยู่ ที่หน้าซองเขียนไว้ว่า – หลิงหยุน
หลิงหยุนจำได้ว่าเป็นลายมือของเฉิงเม่ยเฟิง เขารีบดึงจดหมายที่อยู่ด้านในออกมาอ่าน
-สามี.. คุณหายไปใหนกันแน่? ใหนนายเคยสัญญากับฉันว่าจะไม่ทิ้งฉันไปใหนอีก? ฉันเป็นห่วงนายมากจริงๆ.. –
-สามี.. ผ่านมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ยังติดต่อนายไม่ได้อีก ฉัน น้องสาวนาย-หลิงยู่ แล้วก็น้องเสี่ยว พวกเราสามคนต่างก็เป็นห่วงนายมาก ส่วนป้าฉินก็ออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าตรู่ หลิงยู่ก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน?-
-สามี.. ตระกูลซันกลับมาที่นี่อีกแล้ว ตอนนี้พวกมันจับพ่อแม่และน้องสาวของฉันไว้ เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะฉันคนเดียว ฉันไม่สามารถหนีเอาตัวรอดคนเดียวได้ ฉันต้องกลับไปเผชิญหน้ากับมัน ถ้านายกลับมา ก็อย่าได้ตำหนิที่ฉันต้องทำแบบนี้เลยนะ..-
-สามี.. จนถึงตอนนี้ฉันยังคงไม่สามารถติดต่อนายได้ น้องสาวของนายตกใจกลัวมากรู้ไม๊? เธอเอาแต่ร้องไห้ ส่วนน้องเสี่ยวก็กระวนกระวายร้อนใจมากเหมือนกัน พวกเราเป็นห่วงนายมากนะ!
-สามี.. ฉันคงต้องกลับไปบ้านแล้วจริงๆ นี่เป็นปัญหาของฉัน ฉันไม่สามารถปล่อยให้คนในครอบครัวต้องมารับเคราะห์แทนฉันได้! นายมั่นใจได้ว่าฉันเป็นของนายคนเดียว และหากต้องเป็นของคนอื่น ฉันยอมตายแน่นอน!-
-ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ถ้านายกลับมา ไม่ว่าฉันจะตกอยู่ในสภาพใหน อย่าได้กลับไปช่วยฉันอีก ฉันไม่ต้องการให้นายต้องไปตกอยู่ในอันตรายเพราะฉันอีก!-
-รักเสมอ! เม่ยเฟิง – วันที่ 8 เมษายน เวลาสองทุ่ม-
จดหมายฉบับนั้นไม่ยาว และไม่ใช่ข้อความที่เขียนรวดเดียวจบ แต่เฉิงเม่ยเฟิงเขียนทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุที่บ้าน และหลังเกิดเหตุที่บ้าน เธอรอจนกระทั่งเวลาสองทุ่มของวันอังคาร เมื่อเห็นว่ายังไม่สามารถติดต่อหลิงหยุนได้ เธอจึงตัดสินใจบุกเข้าถ้ำเสือด้วยตัวเอง
“ซันเทียนเปียว. ครั้งนี้ถ้าเฉิงเม่ยเฟิงเป็นไรแม้แต่ปลายผม ข้าจะทำให้ตระกูลของเจ้าสูญหายไปจากปักกิ่ง!”
หลิงหยุนพึมพำพร้อมกับพับจดหมายวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ค่อยๆใช้วิชาพลังลับหยินหยางเดินลมปราณในร่างกาย
เช้าวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน เวลาหกโมงเช้า หลิงหยุนออกจากสมาธิ และลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ระเบียง แล้วเริ่มฝึกดารกะดายัน
เขาไม่รู้ว่าตระกูลซันจะพายอดฝีมือมากี่คน ตอนนี้หลิงหยุนจึงต้องรีบพัฒนากำลังภายในของตนเองให้สูงขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่เขาจะได้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม
ตอนนี้หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่ากำลังภายในของตนเองอยู่ในขั้นใหนกันแน่ เขารู้เพียงว่าร่างกายของตอนนี้เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-4 แล้ว!
ความแข็งแกร่งของขั้นปรับร่างกาย-4บนโลกนี้ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าเมื่ออยู่ในโลกบ่มเพาะ นั่นอาจเป็นเพราะจุดตันเถียนแลเส้นลมปราณที่ขยายขึ้นมากมายหลายเท่า
หลิงหยุนหันกลับไปมองเหล่ากุ่ยและตู้กู่โม่ ที่กำลังเดินอยู่ในห้องรับแขก เขายิ้มให้กับคนทั้งคู่แล้วพูดขึ้นว่า
“ปลุกเจ้าหมูขี้เซาถังเมิ่ง แล้วออกเดินทางกันได้แล้ว!”