บทที่ 346 : หัวเราะทีหลังดังกว่า (4)
ท่านหมอเสี่ยวเองก็มาจากสำนักหมอหุบเขาเทวะ เขาศึกษาและประสบความสำเร็จทางด้านการแพทย์ได้นั้นส่วนหนึ่งก็มาจากความรู้ที่ได้จากสำนักหุบเขาเทวะแห่งนี้ จากนั้นก็ท่องเที่ยวเดินทางไปทั่วโลกตลอดระยะเวลาสี่สิบปี และได้ช่วยเหลือผู้คนมามากมาย ในที่สุดก็สร้างชื่อเสียงในฐานะแพทย์จนโด่งดังไปทั่วโลก
จนท้ายที่สุดจึงได้ฉายาว่าหมอเทวดา เพราะความสามารถที่เทียบเท่าท่านเปี่ยนเชี่วยหมอเทวดาในประวัติศาสตร์!
สืบเนื่องจากอายุที่มากขึ้น และการได้พบกับเหมี่ยวเฟิงหวงจนถูกพิษหนอนกู่เข้าไป ทำให้ร่างกายของท่านหมอเสี่ยวไม่อาจต้านทานได้ พละกำลังจึงค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ ท่านหมอเสี่ยวจึงได้ยกกิจการและทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับลูกชายของเขา – เสี่ยวเฉิงเยี่วย เป็นผู้ดูแลต่อไป
จากนั้น.. เขาก็ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองจิงฉู เพื่อจะค้นหาวิธีควบคุมหนอนกู่ในร่างกาย ท่านหมอเสี่ยวยังได้พาเสี่ยวเม่ยหนิงหลานสาวที่รักสุดหัวใจมาอยู่ที่นี่กับเขาด้วย และได้ถ่ายทอดวิชาการแพทย์ให้กับเธอตั้งแต่เล็กๆ ในตอนนี้นับได้ว่าความรู้ทางด้านการแพทย์แผนจีนของเสี่ยวเม่ยหนิงนั้น อยู่ในขั้นที่ดีมาก..
อาจารย์ของท่านหมอเสี่ยวที่เป็นเจ้าสำนักหมอหุบเขาเทวะคนก่อนนั้น ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังคงติดต่อกับสำนักหุบเขาเทวะอยู่เรื่อยมา อีกทั้งยังกลับไปคาราวะป้ายวิญญาณของอาจารย์เป็นประจำทุกปี
‘ฮู๋เซ่าป๋ายอายุยังไม่ถึงยี่สิบ แต่กลับสามารถเข้าสู่ระดับเริ่มต้นของขั้นโฮ่วเทียน-9ได้แล้ว! ฮู๋ชิงซานเจ้าเองก็หมกตัวอยู่ในสำนักหุบเขาหมอเทวะมาได้ตั้งนาน แล้วจู่ๆเหตุใดจึงคิดจะออกสู่โลกภายนอก?!’
‘เจ้าส่งฮู๋เซ่าป๋ายมาแบบนี้ คงจะเตรียมการมาล่วงหน้าแล้วสินะ! คิดจะมาเป็นหลานเขยของข้า ก็ไม่ต่างจากการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัวหรอกรึ?’
แน่นอนว่าท่านหมอเสี่ยวย่อมต้องอ่านแผนการณ์ของฮู๋ชิงซานออก หากฮู๋เซ่าป๋ายได้แต่งงานกับเสี่ยวเม่ยหนิง กิจการที่ท่านหมอเสี่ยวทำมากว่าสี่สิบปี ไม่ต้องตกไปอยู่ในมือของฮู๋ชิงซานอย่างง่ายด้ายงั้นรึ?
‘เฮอะ.. โสมเก้าร้อยปีที่แม้แต่ฮ่องเต้เองยังยากที่จะหาได้ นี่ไม่เท่ากับเป็นการเอาโสมมาแลกกับธุรกิจของข้า-เสี่ยวเจิ้งจี๋งั้นรึ?! เจ้าช่างคิดการใหญ่นัก!’
ท่านหมอเสี่ยวยิ้มเย็นชาและค่อยๆนั่งลง หลังจากที่ผุดลุกขึ้นดูโสมเก้าร้อยปีในกล่องหยกนั่น!
แขกทุกคนที่อยู่ในบ้านต่างก็พากันอิจฉาตระกูลเสี่ยว และพากันถอนหายใจทุกคนต่างก็ปราถนาอยากจะได้โสมนั่นมาเป็นของตัวเอง
ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าจนเกินไป! แม้แต่เสี่ยวเฉิงเยี่วยเองยังไม่กล้าที่จะรับไว้ จึงได้แต่หันไปมองพ่อของเขา..
ของขวัญชิ้นอื่นๆนั้น ถ้าหนิงน้อยชื่นชอบและรับรับไว้ เมื่อใดที่ตระกูลของผู้ที่มอบให้มีงานมงคล เสี่ยวเฉิงเยี่วยก็สามารถจัดหาของขวัญที่มูลค่าเสมอกันไปมอบคืนให้ได้ แต่สำหรับโสมเก้าร้อยปีที่ไม่อาจประเมินค่าได้เช่นนี้ เขาจะไปหาจากที่ใหนได้!
ท่านหมอเสี่ยวเองก็กระอักกระอ่วนใจ เพราะโสมเก้าร้อยปีนั้นนับว่าเป็นของที่ดีมาก เขาเองก็ชื่นชอบไม่น้อย! แต่หากเขารับของขวัญชิ้นนี้ไว้ นั่นก็เท่ากับเป็นการเปิดทางให้ฮู๋ชิงซานเปิดปากพูดเรื่องการแต่งงานของเด็กทั้งสองคน และแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้น!
ในเวลานั้นเอง.. หลิงหยุนก็อิ่มพอดี! เขาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปาก และส่งกระแสจิตบอกเสี่ยวเม่ยหนิงว่า “ของขยะแบบนี้.. ห้ามรับ!”
ในแหวนพื้นที่ของเขาเวลานี้ มีทั้งโสมและสมุนไพรเหอโชวูที่เติบโตมาหลายพันปี หลิงหยุนตั้งใจนำกลับมาให้แม่ของเขากับท่านหมอเสี่ยว เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เรียกโสมที่มีอายุยังไม่ถึงพันปีนี้ว่าขยะได้อย่างไร?
‘ห๊ะ.. ไม่ให้รับงั้นเหรอ!?’ เสี่ยวเม่ยหนิงสูดลมหายใจลึก พร้อมกับอดคิดไม่ได้ว่า การที่หลิงหยุนปฏิเสธรับของนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ!
แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะไม่ให้รับไว้ แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าสร้อยเพชรสีชมพูนั่นเสียอีก เพราะมันเป็นของที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ แต่หลิงหยุนกลับเรียกว่าขยะ!
เธอมองหน้าหลิงหยุนด้วยสายตางุนงงปนสังสัย แต่ในที่สุดก็เอ่ยปฏิเสธออกไปเสียงเบา “พี่ฮู๋คะ.. ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ..”
เสี่ยวเม่ยหนิงไม่คิดที่จะถามความคิดเห็นของปู่หรือพ่อกับแม่ของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเธอเอ่ยปากปฏิเสธไม่รับของขวัญ ทุกคนในครอบบครัวต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับคิดในใจว่าสมแล้วที่เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลเสี่ยว!
เมื่อฮู๋เซ่าป๋ายเห็นเสี่ยวเม่ยหนิงไม่กล้ารับไว้ ความจริงแล้วเขานึกพอใจอยู่เงียบๆ แต่ในเมื่อเขามีหน้าที่ต้องส่งโสมนี้ให้กับตระกูลเสี่ยว เขาจึงได้แต่หันไปโน้มน้าวต่อ แต่ก็ไม่วายที่จะเหลือบมองหลิงหยุนด้วยสายตาเหยียดหยัน
“หนิงน้อย.. นี่เป็นเพียงแค่ของขวัญวันเกิด ทำไมถึงรับไว้ไม่ได้? แม้ว่าโสมนี่จะเป็นของหายากและไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่ผมก็ตั้งใจนำมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณ!”
พูดจบ.. ฮู๋เซ่าป๋ายก็หันไปมองผู้คนรอบๆตัวอย่างภาคภูมิใจ!
ห้องทั้งห้องเงียบกริบ.. และดูเหมือนทุกคนกำลังรอคอยการตัดสินใจของเสี่ยวเม่ยหนิงอีกครั้ง แม้ทุกคนต่างก็อิจฉา แต่ก็กลัวว่าเธอจะปฏิเสธอีก..
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา!
“โสมนั่นจะเป็นของหายากจริงงั้นรึ? อย่าได้โอ้อวดจนเกินจริง! สิ่งใหนที่เจ้ามี ก็อย่าคิดว่าคนอื่นไม่มี เดี๋ยวจะถูกคนอื่นเขาหัวเราะเยาะเอา!”
และนี่คือคำพูดที่ฮู๋เซ่าป๋ายเพิ่งจะพูดกับหลิงหยุนก่อนหน้านี้ เขาจึงตั้งใจหยิบคำพูดเขาฮู๋เซ่าป๋ายมาย้อนคืนกลับไปในสถานการณ์นี้!
ทุกคนในงานรวมถึงหนิงน้อยและพ่อแม่ของเธอ แม้กระทั่งท่านหมอเสี่ยวเองยังถึงกับตกใจกับคำพูดของหลิงหยุน!
“โสมเก้าร้อยปีต้นนี้ยังไม่เรียกว่าเป็นของหายากอีกเหรอ? หลิงหยุนกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน?”
“ฉันว่าเด็กคนนี้ท่าทางจะกินยาผิด? ถึงแม้เขาจะทำให้ทุกคนประหลาดใจก่อนหน้านี้ได้ แต่การพูดราวกับว่าโสมเก้าร้อยปีเป็นของไร้ค่าแบบนี้ มันไม่สมควรจริงๆ!”
ในเวลานั้นเอง.. ชายชราสวมสูทคอจีนสีน้ำเงินก็ไม่สามารถอดรนทนได้อีกต่อไป เขาถึงกับอ้าปากสั่งสอนหลิงหยุน
“พ่อหนุ่ม.. โสมนี่เป็นของที่ล้ำค่ามากนะ และไม่ใช่จะหามาได้ง่ายๆ มีเงินยังหาซื้อไม่ได้เลย!”
ท่านหมอเสี่ยวเองเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับใจสั่น พร้อมกับคิดในใจว่าครั้งนี้หลิงหยุนพลาดอย่างมากเลยทีเดียว!
เมื่อฮู๋เซ่าป๋ายเห็นปฏิกิริยาของทุกคนที่ต่างก็ชี้นิ้วไปที่หลิงหยุน เขาจึงยิ่งผยอง และหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า
“หลิงหยุน.. หนิงน้อยคงจะรอของขวัญวันเกิดจากเจ้าอยู่? ของขวัญวันเกิดของเจ้าล่ะอยู่ที่ใหน? ตอนนี้พวกเราทุกคนต่างก็มอบของขวัญวันเกิดให้กับหนิงน้อยหมดแล้ว แต่เจ้ากลับเอาแต่นั่งกิน!”
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าโสมของข้าเป็นของไร้ค่า เจ้าก็เอาของขวัญของเจ้าออกให้พวกเราได้เชยชมหน่อยสิ!”
เมื่อฮู๋เซ่าป๋ายพูดจบ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย เสี่ยวเม่ยหนิงและท่านหมอเสี่ยวต่างก็ใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา ในใจก็คิดว่าหลิงหยุนไม่น่าทำให้ตนเองต้องตกเป็นเป้าสายตาเลย!
“พ่อหนุ่ม.. ข้าชอบเจ้ามากก็จริง! แต่ในเมื่อเจ้าบอกว่าของขวัญของคนอื่นไร้ค่า งั้นก็เอาของขวัญของเจ้าออกมาให้ทุกคนได้ดูหน่อย ไม่อย่างนั้นวันนี้ต้องถือว่าเจ้าทำเรื่องผิดมหันต์..”
ชายชราอารมณ์ดีที่ยืนขึ้นอยู่ข้างเสี่ยวเฉิงเยี่วยนั้น สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ต้นโสมเก้าร้อยปีเพียงอย่างเดียว พร้อมพูดกับหลิงหยุนอย่างไม่พอใจนัก
หลิงหยุนเลียริมฝีปากพร้อมกับส่ายหน้าแล้วก็ถอนหายใจ “ความจริงแล้วที่ผมไม่เอาของขวัญออกมาก็เพราะมันไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่ในเมื่อทุกคนอยากจะเห็นนัก ผมก็จะเอาออกมาให้ทุกคนได้เห็น!”
หลิงหยุนได้กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของทุกๆคน พวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าหลิงหยุนที่ไม่ได้พกมาแม้แต่กระเป๋าเงินนั้น จะนำของขวัญมีค่าอะไรมาให้หนิงน้อย!
“แต่ของทั้งหมดอยู่ในรถด้านนอก ผมไม่ได้นำเข้ามาในงานด้วย ทุกคนอดใจรออยู่ที่นี่ก่อน ผมจะเดินออกไปหยิบมาเดี๋ยวนี้!”
“หนิงน้อย.. ช่วยไปหยิบถุงใบใหญ่ๆให้ผมหน่อยสิ ของมากมาย.. ผมถือมาไม่หมด!”
เสี่ยวเม่ยหนิงยืนนิ่งพร้อมกับคิดในใจว่า ‘นี่พี่หลิงหยุนเอาของขวัญวันเกิดมาให้จริงๆเหรอนี่.. ไม่อยากจะเชื่อเลย?!’
ฮู๋เซ่าป๋ายพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลิงหยุน ข้าว่าเจ้าไม่มีของขวัญวันเกิดมากกว่า ถ้าเจ้าคิดจะใช้วิธีนี้หลบหนีไปล่ะก็ ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าไม่สำเร็จแน่ เพราะเจ้าไม่มีทางหนีไปใหนได้!”
ฮู๋เซ่าป๋ายเริ่มโกรธและตั้งใจจะสร้างความอับอายให้กับหลิงหยุน ด้วยกำลังภายในของเขาในเวลานี้ การจะจัดการกับหลิงหยุนนั้นง่ายยิ่งกว่าฆ่ามดตัวหนึ่ง..
หลิงหยุนยิ้มจนเห็นลักยิ้มบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องละลาย แล้วจึงพูดเสียงไม่ดังนักว่า
“คุณชายแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าคิดว่าถ้าข้าต้องการจะไปจากที่นี่จริงๆ เจ้าจะมีปัญญาหยุดข้ารึไง?”
ฮู๋เซ่าป๋ายคิดว่าหลิงหยุนกำลังแสร้งปกปิดจุดอ่อนของตัวเอง เขาจึงพูดออกไปอย่างถือดี “เจ้ายังไม่รู้จักข้าดี.. แต่พูดราวกับว่าตัวเจ้าเองนั้นเก่งกาจสามารถ หากเจ้าหนีไปจริงๆ ก็อย่าตำหนิที่ข้าต้องจับเจ้ากลับมาก็แล้วกัน!”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจมากนะว่าข้าจะไม่มีของขวัญให้กับหนิงน้อย ไม่ต้องห่วง.. รับรองว่าข้าไม่หนีไปใหนแน่!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองเสี่ยวเม่ยหนิง และพบว่าเธอกำลังมองเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วงและกังวล!
หลิงหยุนยิ้มให้เสี่ยวเม่ยหนิงพร้อมกับขยิบตาให้ จากนั้นก็ร้องบอกเธอให้ไปหยิบถุงใส่ของมา
เมื่อเห็นท่าทางของหลิงหยุน เสี่ยวเม่ยหนิงที่ยังคงตกอกตกใจ ก็รีบวิ่งไปเอาถุงพลาสติสีดำมาให้
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเหลือบมองฮู๋เซ่าป๋ายและพูดขึ้นว่า “เจ้ากล้าให้ข้ายืมกล่องหยกนั่นไม๊ล่ะ?”
ฮู๋เซ่าป๋ายเหลือบมองหลิงหยุน ก่อนจะค่อยๆหยิบโสมออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วยื่นกล่องหยกในมือให้กับหลิงหยุน
ท่านเสี่ยวหมอเทวดาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่เขากำลังรอดูว่าหลิงหยุนกำลังจะทำอะไรกันแน่!?
“กรุณาหลีกทางให้ผมหน่อยครับ ผมจะออกไปเอาของขวัญวันเกิดให้กับหนิงน้อย แล้วจะรีบกลับมาก!”
ผู้คนที่อยู่ในห้องต่างพากันหลบให้หลิงหยุน และทุกสายตากลับจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนที่กำลังเดินออกนอกลานบ้านไป
หลิงหยุนไม่ได้ขับรถมาที่นี่ แต่เหตุผลที่เขาต้องออกมาด้านนอกนั้น เพราะไม่ต้องการให้ผู้คนเห็นว่าเขาเอาของออกมาจากแหวนพื้นที่ เพราะจะทำให้ทุกคนตกอกตกใจมากจนเกินไป จึงต้องหาที่เงียบๆเพื่อจัดการเรียกของออกมาจากแหวนพื้นที่
ตอนนี้หลิงหยุนอยู่นอกประตูรั้วของบ้านท่านหมอเสี่ยวเพียงคนเดียว เขาหันไปมองรอบตัวก่อนจะเรียกของทั้งหมดออกมา และใส่ทุกอย่างลงไปในถุงพลาสติกสีดำ จากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องนั่งเล่น