บทที่ 309 : ถูกโจมตีใต้หลุมยักษ์!
ท่ามกลางความมืดมิด ร่างสูงใหญ่ของหลิงหยุนหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว และเพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็ร่วงลงไปถึงแปดเมตรแล้ว!
ผนังของหลุมยักษ์เริ่มราดเอียงขึ้นมากเรื่อยๆ และหลังจากตกลงไปลึกราวแปดเมตร หลิงหยุนก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะมีความลึกเท่าไหร่กันแน่?
แต่ด้วยความที่หลิงหยุนเป็นคนใจกล้า เขาจึงลืมตามองอยู่ตลอดระยะเวลาที่ตกลงไป ระหว่างนั้นเขาก็โคจรดารกะดายันไปทั่วร่าง และเมื่อตกลงมาในระยะที่ไหล่ของเขาอยู่ขนานกับหินที่ยื่นออกมาจากผนังของหลุมยักษ์ เขาก็รีบยื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างขวาออกมา และทิ่มลงไปบนหินที่ยื่นออกมานั้น นาทีเดียวกันนั้นเองร่างของหลิงหยุนที่กำลังตกลงไปก็หยุดทันที..
ร่างของหลิงหยุนห้อยต่องแต่งอยู่ที่หน้าผาลึกราวสี่ร้อยเมตร เขารู้สึกหวาดกลัวจนถึงกับเหงื่อตก..
“คิดไม่ถึงว่าหินในหลุมจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!” หลิงหยุนพึมพำออกมาอย่างผิดหวัง
นี่หากหลิงหยุนยังไม่เข้าสู่ดารกะดายันขั้นสอง เขาคงไม่กล้าลงมาสำรวจที่ก้นหลุมยักษ์แน่ เพราะอาจตกลงไปตายได้ตลอดเวลา
การตกลงจากความสูงในระดับสี่ร้อยเมตรนั้น รับรองได้ว่าอาการของเขาต้องสาหัสอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้ร่างกายของเขาตอนนี้จะอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-3 ก็คงไม่อาจทานทนได้เช่นกัน
หลิงหยุนห้อยอยู่บนหน้าผาครู่หนึ่ง แล้วจึงมองสำรวจลงไปด้านล่าง แต่ก็ยังมองไม่เห็นจุดเหมาะสมพอที่เขาจะกระโดดลงไปได้ เขาจึงค่อยๆไต่ลงไปตามก้อนหิน และในที่สุดร่างของเขาก็ไปยืนอยู่บนหน้าผาขนาดเล็ก
พื้นที่ที่ยื่นออกมาเป็นหน้าผานั้น มีขนาดเล็กเท่าอ่างล้างหน้า จึงสามารถยืนได้เพียงแค่คนเดียว และผนังของหลุมยักษ์นั้นมีความชันมาก หลิงหยุนจึงต้องยืนงอตัวเล็กน้อย เพื่อให้แผ่นหลังของเขาแนบติดกับผนังถ้ำ และสามารถยืนได้อย่างมั่นคง
จังหวะที่ร่างของหลิงหยุนร่วงลงมาในระดับแปดเมตรนั้น เขาก็พบว่าแสงจันทร์ก็ไม่สามารถส่องลงมาได้ถึงแล้ว รอบๆตัวของเขาจึงมีแต่ความมืดสนิท หากเป็นคนธรรมดาที่อยู่สถานการณ์เดียวกันกับหลิงหยุนเวลานี้ อาจจะฉี่ราดไปแล้วก็ได้ แต่หลิงหยุนกลับยังคงสงบนิ่งและรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก..
หลิงหยุนลองใช้สองนิ้วของเขาเจาะลงไปบนหินก้อนใหญ่ที่มีรอยแตก และพบว่าต้องใช้กำลังค่อนข้างมากในการเจาะหิน และกว่าจะลงไปปถึงก้นหลุม เขาคงจะต้องใช้พลังชีวิตไปเป็นจำนวนมากแล้วอย่างแน่นอน
แม้หลิงหยุนจะเข้าสู่ดารกะดายันขั้นที่สองแล้ว และร่างกายของก็แข็งแกร่งไม่ต่างจากเหล็กหรือหินผา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถใช้นิ้วเจาะหินแข็งหรือตัดเหล็กได้อย่างง่ายดาย
นี่ไม่ใช่การจิ้มนิ้วลงบนแผ่นเต้าหู้.. แต่มันคือการแทงนิ้วที่แกร่งดั่งเหล็กของเขาลงไปบนหินแข็ง แม้นิ้วของเขาจะแกร่งเหมือนเหล็ก แต่ก็ต้องออกแรงมากพอจึงจะสามารถเจาะลงไปในหินที่แข็งแกร่งได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหยุนก็จัดการดึงพู่กันจักรพรรดิออกมาอย่างไม่ลังเล และแน่นอนว่าพู่กันจักรพรรดินอกจากจะไม่แตกหักเสียหายแล้ว มันยังสามารถเจาะเข้าไปในหินแข็งได้อย่างง่ายดาย โดยที่หลิงหยุนแทบไม่ต้องใช้ความพยายามหรือออกแรงมากนัก
หลิงหยุนจับด้ามของพู่กันจักรพรรดิไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว และลองห้อยโตงเตงดู เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงค่อยๆปีนลงไปด้านล่าง จากนั้นก็ทดลองปีนขึ้นไปบนหน้าผาใหม่
และเมื่อพบว่าสามารถทำได้อย่างง่ายดาย หลิงหยุนจึงเริ่มที่จะค่อยๆปีนลงไปด้านล่าง เขากะระยะลงต่ำราวสองเมตร จากนั้นก็ทิ่มพู่กันจักรพรรดิลงไปในหิน และปีนลงอย่างระมัดระวัง
หลิงหยุนค่อยๆไต่ลงไปด้านล่างโดยใช้พู่กันจักรพรรดิช่วย และเพียงไม่กี่นาทีเขาก็สามารถลงไปได้อีกราวห้าสิบเมตร หลิงหยุนพบจุดที่สามารถยืนได้อีกหนึ่งจุด และจุดนี้มีพื้นที่ยาวถึงหนึ่งเมตร เขาจึงนั่งลงและกวาดสายตามองไปรอบๆ
“ด้านล่างมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยเต็มไปหมด!”
หลิงหยุนมองไปรอบๆด้วยความกระตือรือร้น และพบว่าในระดับความสูงที่เขาอยู่ในตอนนี้มีถ้ำอยู่มากมาย ทั้งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่เขายืนอยู่และด้านข้าง ต่างก็มีถ้ำอยู่เต็มไปหมด แต่ละถ้ำก็ดูพิลึก ทางเข้าก็ดูคล้ายกับปากของอสูรกายขนาดใหญ่เต็มไปหมด
ตามธรรมเนียมของคนจีนโบราณ เมื่อตายไปแล้วจะถูกนำไปฝังในสุสาน และจะต้องขุดหลุมฝังศพที่ลึกถึงห้าสิบเมตร
ทั่วทั้งเมืองจิงฉูนั้น บริเวณจุดชมวิวของทะเลสาปจิงฉูนับว่าเป็นบริเวณที่มีฮวงจุ้ยดีที่สุด และมีพลังชีวิตมากที่สุด ส่วนบริเวณที่นับว่าเป็นแดนขุมทรัพย์ ก็คือบริเวณที่อยู่ระหว่างเขามังกรกับเขาหยกด้านใต้ และมันก็คือบริเวณหุบเขาแห่งนี้นั่นเอง และหากสามารถเลือกบริเวณนี้ทำสุสานได้ ใครๆก็อยากจะเลือกที่นี่..
“บริเวณนี้มีสุสานมากมาย…”
หลิงหยุนค่อยๆแยกแยะอย่างละเอียดละออ เพราะมีทั้งถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และถ้ำที่ถูกเจาะขึ้นเอง บางแห่งก็มีร่อยรอยของการขุดเจาะอย่างชัดเจน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องเป็นสุสานโบราณอย่างแน่นอน!
แต่หลิงหยุนไม่ได้มาที่นี่เพื่อต้องการขโมยของในสุสาน เขามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นต้องทำ หลิงหยุนไม่สนใจและเริ่มปีนต่อ
“ปัง!!!”
ขณะที่หลิงหยุนกำลังจะปีนลงไปด้านล่างต่อ จู่ๆเขาก็ได้ยินเหมือนเสียงปืนดังออกมาจากถ้ำที่ใหนสักแห่ง แล้วก็ดังปังตามมาอีกหลายนัด!
พรึบ.. พรึบ..
“ดูท่านกตัวใหญ่พวกนี้คงจะตกใจเสียงปืน”
นกตัวใหญ่หลายสิบตัวที่ตกใจเสียงปืน ต่างก็บินออกมาจากถ้ำ และมาเกาะอยู่ตามผนังของหลุมยักษ์
“หรือจะเป็นพวกโจรปล้นสุสาน?! อย่าบอกนะว่าเจอผีดิบเข้าให้?”
หลิงหยุนรออยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแล้ว เขาก็ค่อยๆปีนลงไปด้านล่างต่อ
ผีดิบกับวิญญาณนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง วิญญาณที่หลิงหยุนตามหาเพื่อต้องการพลังหยินนั้น สามารถพบได้ในบริเวณที่มีค่ายกลหยินหยางเท่านั้น ไม่มีทางพบได้ตามถ้ำแบบนี้
ห่างจากที่หลิงหยุนยืนอยู่ไปทางด้านข้างราวสิบเมตร จะมีถ้ำอยู่มากมาย ซึ่งช่วยให้เขาสามารถปีนลงไปด้านล่างได้ง่ายขึ้น เพราะแต่ละถ้ำจะมีตำแหน่งที่สามารถยืนได้
แต่หลิงหยุนไม่ได้มาที่นี่เพื่อสำรวจถ้ำหรืออุโมงค์พวกนี้ เขาจึงใช้มันเป็นเพียงแค่ทางผ่าน และเพียงไม่นานเขาก็ลงไปได้ลึกอีกราวสี่สิบเมตร
ตอนนี้หลิงหยุนปีนลงมาได้ลึกถึงหนึ่งร้อยเมตร นับว่าลงมาได้ถึงหนึ่งในสี่ส่วนของหลุมยักษ์แล้ว หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า สิ่งที่เขาเห็นคือความมืด..แล้วก็ความมืด แต่เขากลับรู้สึกสดชื่นอย่างน่าแปลก
จากที่หลิงหยุนยืนอยู่ลึกลงไปอีกกว่าหนึ่งร้อยเมตร ตลอดทางจะมีหน้าผาหินยื่นออกมามากมาย
ท่ามกลางความมืดมิด หลิงหยุนกระโดดลงไปตามหน้าผาเหล่านั้น ระยะห่างของการกระโดดแต่ละครั้งก็ต่างกันไป แปดเมตรบ้าง หรือไม่ก็สิบห้าเมตรบ้าง และเพียงไม่พถึงหนึ่งนาที หลิงหยุนก็ลงไปได้ลึกอีกราวหนึ่งร้อยเมตร
ระหว่างที่กระโดดลงไปข้างล่างนั้น หลิงหยุนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอุณหภูมิภายในหลุมนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ และในเวลานี้หลิงหยุนก็อยู่ช่วงกลางของหลุมยักษ์แล้ว เขาสัมผัสได้ว่าอากาศภายในนี้ค่อนข้างชื้น และอุณหภูมิก็เกือบเท่าตอนกลางวัน
หมอกค่อยๆแผ่กระจายปกคลุมหลุมยักษ์ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง แม้หลิงหยุนจะใช้ความสามารถในการมองที่เหนือมนุษย์แล้ว แต่ก็สามารถเห็นได้ในระยะแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้นเอง
หินที่ยื่นออกมาในแต่ละจุดเริ่มลื่น และหากไม่ระวังก็อาจสามารถพลาดพลั้งได้
“อีกแค่สองร้อยเมตร แต่กลับยิ่งชันขึ้นมาก!”
ในสภาพเช่นนี้ หลิงหยุนต้องใช้วิธีค่อยๆคลานและไต่ลงไปด้านล่าง มือซ้ายของหลิงหยุนแทงพู่กันจักรพรรดิลงไปในหิน และนิ้วมือขวาก็จิกลงไปในหิน สภาพของหลิงหยุนตอนนี้ไม่ต่างจากจิ้งจกที่อยู่บนผนังบ้าน หลิงหยุนค่อยๆไต่ลงไปช้าๆ
แม้จากจุดนี้จะเหลือระยะทางอีกเพียงแค่ห้าสิบเมตร แต่หลิงหยุนต้องใช้เวลานานถึงสิบนาทีกว่าจะไต่ลงไปได้
หลังจากลงไปได้อีกกว่าห้าสิบเมตร หินที่ยื่นออกมาก็เริ่มมีพื้นที่ให้เหยียบน้อยลงไปเรื่อยๆ และชันขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไต่ลงไปได้อีกเพียงแค่สี่สิบเมตร หน้าผาก็ชันจนแทบจะเป็นแนวดิ่งอีกครั้ง
หลิงหยุนหยุดพักบนก้อนหินเล็กๆ ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปหมด แต่ไม่ใช่จากเหงื่อ แต่เป็นหยดน้ำที่หยดลงมาจากหิน
หลิงหยุนเพิ่งจะผ่านจุดที่ชันมากๆมา ตอนนี้รอบตัวเขาก็มีแต่ความมืด และระยะสี่ร้อยเมตรที่อยู่เหนือศรีษะของเขาขึ้นไปนั้น เขาก็ไม่สามารถมองอะไรเห็นอีก
ตอนนี้สายตาของหลิงหยุนสามารถมองเห็นได้ในระยะไม่ถึงสิบเมตร..
แล้วหลิงหยุนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัด จากนั้นก็ตามด้วยเสียงกรีดร้องที่โหยหวนอย่างน่าสงสาร มันไม่ต่างจากเสียงหมูที่กำลังถูกเชือดแม้แต่น้อย แต่เสียงน้ำหยดที่ดังเหมือนเสียงควบม้าก็ดังกลบเสียงเมื่อครู่จนหมด
“นี่มัน..” หลังจากนั้นราวสองหรือสามวินาที หลิงหยุนก็ได้ยินเหมือนเสียงคนล้มลงบนพื้น
“ลาภปากของบรรดานกแร้งสินะ!” หลิงหยุนแสยะยิ้ม
หลิงหยุนลุกขึ้นยืน และเริ่มกระโดดไปตามก้อนหินลงไปด้านล่างต่อ ครั้งนี้เขารู้สึผ่อนคลายมากขึ้น และในที่สุดก็ลงไปได้อีกราวหนึ่งร้อยเมตร แต่หลิงหยุนกลับไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย
ยิ่งลงไปใกล้ก้นหลุมมากเท่าไหร่ หลิงหยุนก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้นเท่านั้น และเพียงแค่กระโดดราวเจ็ดแปดครั้ง หลิงหยุนก็ลงไปได้ลึกอีกราวห้าสิบเมตร
แม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่หลิงหยุนก็รู้ว่า.. ทันทีที่ลงไปถึงก้นหลุม เขาจะต้องหาวิธีรับมือกับคางคกยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน
แต่จู่ๆหลิงหยุนก็รู้สึกราวกับมีพายุเฮริเคนพัดอยู่บริเวณด้านหลังของตนเอง เขาโคจรดารกะดายันไปทั่วร่าง และในเวลาเดียวกันนั้นเองก็ใช้มังกรพรางร่างเคลื่อนออกไกลออกไปจากตำแหน่งเดิมถึงสามเมตร จากนั้นก็เรียกตะปูออกมาจากแหวนพื้นที่ และจัดการซัดออกไปราวกับฝน!
การกระโดดหลบของหลิงหยุนเมื่อครู่นั้นใช้เวลาไปเพียงแค่หนึ่งวินาที แต่หลิงหยุนกลับมองไม่เห็นว่าเขาถูกอะไรโจมตี
“ห๊ะ..” ตะปูสิบกว่าเล่มพุ่งผ่านสายลม และปะทะเข้ากับร่างที่ดูเหมือนเงา
และในเวลานั้นเองที่หลิงหยุนได้เห็นสิ่งที่โจมตีเขา มันคืองูเหลือมขนาดใหญ่!
“แกรนหาที่เอง!”
เมื่อเห็นว่าเป็นงูเหลือม หลิงหยุนก็นึกตำหนิตัวเองที่ตื่นตระหนกจนเกินไป จากนั้นก็กำพู่กันจักรพรรดิแล้วพุ่งตัวออกไป!