Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 1034 : เจ้าของคนใหม่!
สิบนาทีต่อมา..รถ Mercedes-Benz คันยาวก็เข้าไปจอดบนถนนกว้างหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง และทั้งหมดก็ลงจากรถ และเดินตรงเข้าไปที่ร้านทันที
ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านที่ไม่ใหญ่โตอะไรนักแต่กลับสะอาดสะอ้าน และเมื่อเข้าไปในร้านทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสดชื่นได้ในทันที ภายในร้านมีโต๊ะอยู่เพียงแค่สิบกว่าโต๊ะเท่านั้น และดูเหมือนจะเป็นที่ฝากท้องในมื้อเช้าสำหรับคนทำงานทั่วไป..
หลังจากหลิงหยุนได้ลิ้มรสอาหารในร้านไปมากมายจนอิ่มแปล้แล้วไม่ว่าจะเป็นขนมปังบัน สเต๊ก หรือว่าเบอเกอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีรสชาติดีเยี่ยมอย่างมากนั้น เขาก็ได้หันไปบอกถังเมิ่งว่า
“ถังเมิ่ง..นายไปเจรจากับเจ้าของร้านเพื่อขอซื้อธุรกิจร้านอาหารนี้ แล้วจัดการขยายสาขาให้ทั่วจิงฉู อย่างน้อยๆ ก็ควรต้องมีสิบสาขาขึ้นไป..”
ถังเมิ่งร้องถามออกมาอย่างตกใจและงุนงง“พี่หยุน.. นี่พี่จะซื้อธุรกิจร้านอาหารนี้ด้วยจริงๆน่ะเหรอ”
หลิงหยุนพยักหน้า“แน่นอน! ธุรกิจทำเงินได้ดีแบบนี้ ไม่ซื้อก็น่าเสียดายแย่! นายดูสิ.. นี่แค่แปดโมงครึ่ง แต่โต๊ะในร้านเต็มเกือบทุกโต๊ะเลย..”
ถังเมิ่งพยักหน้ารับรู้แต่กลับขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับบอกไปว่า “พี่หยุน.. แต่เจ้าของร้านนี้ก็แปลกอยู่นะ เขาเปิดร้านอาหารมากว่ายี่สิบปี แต่กลับไม่ยอมขยายสาขาเลย ดูท่าเขาน่าจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทองนัก..”
แต่หลิงหยุนตอบกลับมายิ้มๆ“ฉันไม่เชื่อหรอก! มีใครบ้างทำธุรกิจแต่ไม่ให้ความสำคัญกับเงิน..”
“นายไปจัดการ..จะใช้วิธีใหนก็แล้วแต่ จากนั้นก็รีบทำการขยายสาขาไปทั่วจิงฉูให้เร็วที่สุด!”
“แล้วถ้าเจ้าของร้านคุยยากมาก..ไม่ว่าเขาจะเรียกร้องอะไร ถ้าไม่มากจนเกินไปนายก็ตอบตกลงไปได้เลย!”
ถังเมิ่งถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกพวกเขามาเพื่อกินอาหารเช้า แต่กลับกลายเป็นว่าได้ซื้อธุรกิจร้านอาหารกลับไป!
หลังจากกินอาหารเช้ากันจนอิ่มแล้วหลิงหยุนก็ให้ตี้เสี่ยวอู๋ขับรถตระเวนไปดูธุรกิจต่างๆทั่วเมืองจิงฉู และเมื่อพบว่าธุรกิจใหนน่าจะทำรายได้ได้ดี หลิงหยุนก็สั่งให้ถังเมิ่งไปจัดการกว้านซื้อมาให้ได้..
และเวลานี้..หลิงหยุนก็สั่งให้ถังเมิ่งซื้อธุรกิจจำหน่ายรถหรู ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา โรงภาพยนตร์ โรงแรมห้าดาว โรงพยาบาลเอกชน ร้านอุปรกรณ์ก่อสร้าง และอีกมากมาย..
ทุกคนในรถต่างก็นิ่งอึ้งและได้แต่อ้าปากค้าง ถังเมิ่งรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดคำนวนตัวเลขดูคร่าวๆ และพบว่าภายในเวลาเพียงแค่สามชั่วโมง หลิงหยุนใช้เงินไปกว่าสามพันล้าน..
ส่วนหลิงหยุนนั้นหลังจากสั่งการไปแล้วก็เอาแต่นั่งกำศิลากลั่นวิญญาณในมือไว้แน่น และพยายามรวบรวมสมาธิควบคุมจิตเพื่อเชื่อมต่อกับแหวนพื้นที่ จนไม่ทันสังเกตว่าภายในรถนั้นเงียบสนิท..
จนกระทั่งถังเมิ่งเป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบขึ้นมา“พี่หยุน.. เพียงแค่เดี๋ยวเดียวพี่จะซื้อธุรกิจมากมายขนาดนี้ ฉันถามจริงๆ พี่อยากทำมันจริงๆเหรอ”
หลิงหยุนชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า“จุดประสงค์ของฉันในการซื้อธุรกิจมีเพียงแค่สามข้อ..”
“ข้อที่หนึ่ง..เพื่อสร้างรายได้..”
“ข้อที่สอง..นายเป็นคนบอกเองว่า ต้องมีธุรกิจในเครือมากๆ เพื่อให้สมกับชื่อของกลุ่มบริษัทเทียนตี้..”
“และข้อที่สาม..เพื่อความสะดวกสบายในชีวิต..”
ถังเมิ่งยกมือขึ้นเกาศรีษะอย่างไม่เข้าใจในจุดประสงค์ข้อที่สาม..หลิงหยุนจึงอธิบายยิ้มๆ
“ไม่เห็นจะเข้าใจยาก..นายหิวเมื่อไหร่ก็มีร้านอาหารของตัวเอง อยากจะไปพักผ่อนก็มีโรงแรมของตัวเอง อยากซื้อหาอะไรก็มีซุปเปอร์มาร์เก็ตของตัวเอง อยากได้รถหรูก็มีร้านขายรถเป็นของตัวเอง แล้วถ้าอยากดูหนังก็มีโรงภาพยนตร์เป็นของตัวเอง…..”
ถังเมิ่งถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกและได้แต่คิดในใจว่าใช้เงินสามพันล้านภายในสามชั่วโมงเพื่อซื้อความสะดวกสบายนี่นะ!
หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นพลังชี่แล้วและตราบใดที่เขาฟื้นคืนความแข็งแกร่งกลับมาได้ เขาก็จะต้องออกจากจิงฉู และเดินทางไปไกล จึงจำเป็นต้องเตรียมการเรื่องธุรกิจของครอบครัวให้เรียบร้อยเสียก่อน..
เพราะไม่ว่าอย่างไร..เมืองจิงฉูก็คือรากฐานของหลิงหยุน!
ธุรกิจต่างๆที่หลิงหยุนซื้อไว้นั้นไม่เพียงแค่เรื่องความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเพื่อคนในครอบครัวของเขาด้วย..
และธุรกิจต่างๆภายใต้บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นซึ่งมีหลิงหยุนเป็นเจ้าของนั้น จะไม่มีทางตกต่ำ และจะต้องมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้น.. หากจิงฉูซึ่งเป็นรากฐานของเขาแข็งแกร่งมากเท่าใด เขาก็จะยิ่งสามารถเดินทางไปที่ต่างๆได้อย่างหมดห่วงมากขึ้นเท่านั้น..
จากนั้นหลิงหยุนจึงถามถังเมิ่งถึงเรื่องเงินจำนวนหนึ่งล้านสำหรับทุกครอบครัวบนถนนหลิงเจียนถังเมิ่งรายงานว่าเนื่องจากยอดเงินมากกว่าหนึ่งร้อยล้าน จึงต้องใช้เวลานานนิดหน่อย
โม่วู๋เตาได้ยินเรื่องนี้ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับถอนหายใจ..
จากนั้นถังเมิ่งจึงถามขึ้นว่า“พี่หยุน.. แล้วเราจะไปที่ใหนกันต่อดี”
“บริษัทเหลียนเฉิง เรียลเอสเตท!”.ไอรีนโนเวล.
ตั้งแต่ได้รับมอบบริษัทเหลียนเฉิงเรียลเอสเตทมาจากกู่เหลียนเฉิงหลิงหยุนก็ยังไม่เคยเข้าไปดูบริษัทเลยสักครั้ง..
ครึ่งชั่วโมงต่อมา..รถของหลิงหยุนก็ไปจอดอยู่หน้าอาคารเหลียนเฉิง ซึ่งเป็นอาคารสไตล์โมเดิร์นหรูหราสูงยี่สิบแปดชั้น และเพิ่งจะก่อสร้างเสร็จไปไม่กี่ปีนี่เอง..
แต่เมื่อเห็นป้ายอาคารที่เขียนไว้ว่า‘อาคารเหลียนเฉิง’ หลิงหยุนก็ถึงกับขมวดคิ้ว และหันไปสั่งถังเมิ่ง
“นายไปจัดการเปลี่ยนชื่ออาคารเป็น‘อาคารหลิงหยุน’ ด้วย”
ถังเมิ่งพยักหน้ายิ้มๆจากนั้นทั้งหมดก็เดินเข้าไปภายในอาคาร โม่วู๋เตาที่แอบสำรวจดูพื้นที่รอบอาคารอย่างละเอียดก็ถึงกับร้องอุทานออกมา
“โอ้โห..ฮวงจุ้ยที่นี่ดีมากเลยทีเดียว! ดูเหมือนผู้ที่เลือกพื้นที่ก่อสร้างอาคารให้ จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องฮวงจุ้ยเป็นอย่างดี!”
ก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในตัวอาคารนั้นโม่วู๋เตาก็ยกมือขึ้นชี้ไปที่ตัวอาคารสูงตรงหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พวกเจ้าดูตึกนี้สิ..ถึงแม้จะสูงกว่าร้อยเมตร แต่ก็ยังต่ำกว่าภูเขาที่อยู่ด้านหลังนั้นเล็กน้อย ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว.. นี่คือการยืมพลังจากธรรมชาติ และเมื่อมีขุนเขาอยู่ด้านหลังเช่นนี้ ก็เสมือนหนึ่งมีสิ่งค้ำยันที่แข็งแกร่ง จึงยากที่ผู้เป็นเจ้าของจะตกอับได้..”
หลิงหยุนถึงกับยิ้มออกมาและบอกกับโม่วู๋เตาว่า “โม่วู๋เตา.. ข้าว่าเจ้าคงไม่เก่งอย่างที่โอ้อวดแล้วล่ะ!”
“หากเป็นจริงตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว..เจ้าของที่ผืนนี้จะต้องร่ำรวย เพราะมีพลังจากขุนเขาที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน จึงไม่มีวันตกต่ำ แล้วเหตุใดกู่เหลียนเฉิงจึงต้องยกทรัพย์สินทั้งหมดของเขาให้กับข้าจนตนเองตกต่ำด้วยเล่า”
โม่วู๋เตาไม่รีบร้อนตอบหลิงหยุนนักเขาเหลือบมองหลิงหยุนครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. เจ้าช่างพูดได้ไม่อายปาก! ทุกอย่างเจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจดี.. ว่าเป็นเพราะเหตุใด”
โม่วู๋เตาไม่รอให้หลิงหยุนได้ตอบโต้และรีบอธิบายต่อทันที “แม้ข้าจะไม่เคยพบหน้ากู่เหลียนเฉิง ไม่รู้แม้กระทั่งวันเดือนปีเกิดของเขา แต่จากชื่อของเขานั้น ข้าก็พอจะบอกได้ว่า..”
“ชายผู้นี้เป็นผู้ที่ความทะเยอทะยานสูงยิ่งนักอีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง สามารถก่อร่างสร้างตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถก่อตั้งบริษัทเหลียนเฉิงเรียลเอสเตทที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ ความจริงแล้ว.. ชะตาชีวิตของเขาจะต้องร่ำรวย และไม่ควรต้องประสบพบเจอกับความทุกข์ยากเช่นนี้..”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข“เจ้าอย่าเล่นลิ้นดีกว่า.. แล้วก็ช่วยตอบให้ตรงคำถามด้วย!”
โม่วู๋เตายิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า“นั่นเพราะกู่เหลียนเฉิงโคจรมาพบกับเจ้าน่ะสิ! เขาเปรียบเสมือนนกน้อยที่บินหลงเข้าไปในพายุหมุนลูกใหญ่ ไม่เช่นนั้นแล้ว.. ชะตาชีวิตของเขาก็คงจะไม่พลิกผลันถึงเพียงนี้แน่!”
จากนั้นโม่วู๋เตาก็ก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า “กู่เหลียนเฉิงทำผิดพลาดใหญ่หลวงอยู่สองเรื่อง..”
“เรื่องแรก..เขาไม่ควรหมกมุ่นในอิสตรีมากจนเกินไป! และเรื่องที่สอง.. เขามีลูกแต่กลับไม่อบรมลูกให้ดี สุดท้ายทุกอย่างจึงต้องลงเอยเช่นนี้!”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งและหันไปจ้องโม่วู๋เตาเขม็ง เขาได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ‘โม่วู๋เตาผู้นี้ทำนายได้แม่นยำราวกับตาเห็น’
นั่นเพราะกู่เหลียนเฉิงได้พบกับหลิงหยุนครั้งแรกเพราะเขาต้องการที่จะได้ตัวหลินเมิ่งหาน จากนั้นจึงชักนำเรื่องราวต่างๆมากมายให้เกิดขึ้น จนกระทั่งในที่สุดกู่เหลียนเฉิงต้องหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง..
“วิชาเหมาซานช่างน่าทึ่งนัก!”
โม่วู๋เตายิ้มกว้างรับคำชมแล้วทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปภายในอาคารทันที แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาขวางไว้พร้อมกับสอบถามว่าพวกเขาเป็นใคร
ถึงแม้ว่าบริษัทเหลียนเฉิงเรียลเอสเตทจะเปลี่ยนมือไปแล้วแต่พนักงานทุกคนยังคงทำงานกันตามปกติเช่นเดิม..
ถังเมิ่งถึงกับคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจและตอบด้วยเสียงที่ห้วน “นายใหม่ของพวกคุณ!”
เจ้าหน้าที่รักษความปลอดภัยผู้นั้นมองถังเมิ่งด้วยความสงสัยแล้วจึงหันไปมองคนอื่นๆ ก่อนจะไปหยุดนิ่งอยู่ที่โม่วู๋เตาซึ่งอยู่ในชุดนักพรต..
จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงพูดขึ้นว่า“ทุกคนดูแข็งแรงมากจริงๆ แต่ผมไม่รู้ว่ามีการรับหัวหน้ารักษาความปลอดภัยคนใหม่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลิงหยุนและคนอื่นๆต่างก็หันไปมองหน้ากันโดยเฉพาะตี้เสี่ยวอู๋กับโม่วู๋เตา ทั้งคู่แทบจะระเบิดสียงหัวเราะออกมาทันที
ถังเมิ่งรู้สึกอับอายมากคิ้วของเขาขมวดแน่นก่อนจะร้องตะโกนออกไปว่า
“หัวหน้ารักษาความปลอดภัยคนใหม่อะไรกัน!นี่พี่หยุน.. เป็นเจ้าของตึกคนใหม่ รู้ไว้ซะด้วย!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนถึงกับอ้าปากหวอด้วยความตกใจแล้วผู้ที่เป็นหัวหน้าก็ถึงกับพูดติดอ่าง..
“ห๊ะ..คุณ.. คุณคือหลิง. หลิงหยุนเหรอนี่”
หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้าและรู้สึกพอใจมาก นี่ย่อมหมายความว่ากู่เหลียนเฉิงได้แจ้งกับพนักงานทุกคนแล้วว่า หลิงหยุนคือเจ้าของบริษัทคนใหม่ ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็คงจะไม่รู้จักเขา..
“โอ้..ผม.. ผมจำคุณได้.. คุณคือคนที่เล่นมายากลออกทีวี!”
หัวหน้าหวังถึงกับเซถอยหลังและรีบตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ “เจ้านายคนใหม่ของที่นี่ ก็คือหลิงหยุนงั้นเหรอ”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มและพูดขึ้นว่า“หัวหน้าหวัง.. รบกวนช่วยพาผมไปที่ห้องประธานบริษัทหน่อยสิ!”
“ครับผม!”
หัวหน้าหวังเห็นว่าหลิงหยุนไม่เพียงไม่ถือโทษแต่ยังให้เขาช่วยนำทางไปที่ห้องประธานเช่นนี้ จึงรู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก..
หัวหน้าหวังเดินนำทุกคนออกจากลิฟท์และเลี้ยวขวาเดินตรงไปอีกราวยี่สิบเมตรก็ไปหยุดอยู่หน้าห้องทำงานห้องหนึ่ง
“ห้องนี้ล่ะครับ..”จากนั้นจึงจัดการเปิดประตูห้องให้
“โอ้โห..หรูหราใหญ่โตมากเลยทีเดียว!”
ภายในห้องทำงานของประธานบริษัทนั้นแบ่งเป็นห้องทำงาน ห้องอาหาร ห้องนอน และห้องนั่งเล่น ไม่ต่างจากห้องชุดหรูหราทีเดียว..
“แม่เจ้าโว้ย..คนร่ำคนรวยเขาใช้ชีวิตกันแบบนี้เองเหรอ!”
หลิงหยุนหันไปสั่งหัวหน้าหวัง“หัวหน้าหวัง.. รบกวนคุณช่วยไปแจ้งให้พนักงานทุกคนเข้ามาประชุมกันในห้องนี้!”
และภายในเวลาเพียงแค่สิบนาทีพนักงานกว่าสามสิบคนตั้งแต่ระดับปฏิบัติการไปจนถึงระดับผู้จัดการ ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ในห้องประธาน และยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน
หลิงหยุนนั่งเอนกายพิงเก้าอี้อย่างสบายใจพร้อมกับกำศิลากลั่นวิญญาณไว้ในมือแน่นเขากวาดสายมองพนักงานสามสิบกว่าคน แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะกล้าสบตาเขา ทุกคนต่างก็ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา
หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้มและพูดขึ้นว่า“ดูเหมือนทุกคนคงจะรู้แล้วสินะว่า บริษัทเหลียนเฉิงเรียลเอสเตทได้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว..”
“ถ้าเช่นนั้นผมก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก..ผมมาที่นี่เพื่อแจ้งกับพวกคุณเพียงแค่สามเรื่อง!”
“เรื่องแรก..ผมมาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับทุกๆคน”
“เรื่องที่สอง..ในเมื่อบริษัทเหลียนเฉิงเรียลเอสเตทตกมาอยู่ในกำมือของผมแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจจะต้องรุ่งเรืองกว่าเดิม จึงขอให้ทุกคนทำหน้าที่ในตำแหน่งเดิมของตนเองต่อไป..”
“หากใครตั้งใจที่จะทำงานเพื่อให้บริษัทนี้ก้าวหน้าก็จะสามารถทำงานที่นี่ต่อไปได้ แต่หากใครคิดที่จะสร้างความวุ่นวายขึ้นภายในบริษัท ก็อย่าได้ตำหนิหากผมจะจัดการขั้นเด็ดขาด!”
“และเรื่องสุดท้าย..เป็นเรื่องสำคัญที่สุด! ผมขอแจ้งให้ทุกคนทราบว่า ผมไม่ใช่ประธานบริษัทคนใหม่ แต่ประธานบริษัทคนใหม่ก็คือ..”
จากนั้นหลิงหยุนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ประธานแล้วลากถังเมิ่งเข้าไปนั่งแทน!
“ประธานคนใหม่ก็คือถังเมิ่งน้องชายของผมเอง เขาเป็นลูกชายของผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงคนปัจจุบัน และนับจากนี้ไปถังเมิ่งจะเป็นเจ้าของอาคารเหลียนเฉิง ซึ่งต่อไปจะเปลี่ยนชื่อเป็นอาคารหลิงหยุนแทน..”
“นับจากนี้ไป..เรื่องทุกอย่างในบริษัท และอาคารแห่งนี้ ถังเมิ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมด!”
“ทุกคนเข้าใจดีแล้วใช่มั๊ย”
พนักงานต่างก็พยักหน้าพร้อมกันในขณะที่ถังเมิ่งยังคงทำอะไรไม่ถูก เมื่อครู่หลิงหยุนเพิ่งจะบอกว่าให้เขาเป็นประธานบริษัท แต่ตอนนี้กลับบอกให้เขาเป็นเจ้าของอาคาร..
ถังเมิ่งมีสีหน้าท่าทางกระอักกระอ่วนและคิดที่จะลุกจากเก้าอี้อยู่หลายครั้ง แต่กลับถูกหลิงหยุนห้ามไว้ด้วยสายตา!
“ประธานถัง..ในเมื่อทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว ท่านประธานจะไม่พูดอะไรกับทุกคนหน่อยเหรอ”
หลิงหยุนขยิบตาให้ถังเมิ่งเป็นการหยอกเย้าถังเมิ่งถูกบังคับเช่นนี้ จึงไม่มีทางเลือก และได้แต่กัดฟันพูดออกไป
“เอาล่ะ..ถ้างั้นก็เข้าเรื่องงานกันเลยก็แล้วกัน!”
“สิ่งแรกที่ต้องทำคือ..จัดการเปลี่ยนป้ายอาคารเป็น – อาคารหลิงหยุน และผมจะใช้ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น!”
ในเมื่อมีอาคารที่หรูหราเช่นนี้อีกทั้งโม่วู๋เตายังเอ่ยปากชมว่าที่นี่ฮวงจุ้ยดีมาก จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเทียนตี้..
“ใครคือผู้จัดการทั่วไปกับผู้จัดการฝ่ายการเงิน กรุณาก้าวออกมาข้างหน้าด้วย!”
หลังจากที่ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกสองคนก้าวออกมาข้างหน้าแล้วถังเมิ่งจึงหันไปสั่งว่า
“บ่ายนี้ผู้จัดการทั่วไปช่วยไปจัดการสรุปโครงการทั้งหมดมาให้ผมด้วย..”
“ส่วนผู้จัดการฝ่ายการเงิน..รบกวนช่วยเตรียมรายละเอียดเรื่องบัญชีของบริษัท มาสรุปให้ผมฟังด้วย..”
“ทุกอย่างขอให้เสร็จเรียบร้อยภายในพรุ่งนี้เช้า!”
และโดยไม่รู้ตัว..ถังเมิ่งเริ่มจะมีลักษณะของผู้บริหารขึ้นมาบ้างแล้ว!