Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 1030 : ฝืนกฏสวรรค์
“ครูกง..”
หลิงหยุนยิ้มให้กงเสี่ยวลู่และทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง หลิงหยุนก็พบว่าทุกอย่างยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย และสะอาดสะอ้านเหมือนเช่นเคย
“สวัสดีค่ะครูกง..”ฉางหลิงและเกาเฉินเฉินเอ่ยทักทายเช่นกัน
ใบหน้างดงามของกงเสี่ยวลู่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขจากนั้นจึงหันไปถามหลิงหยุน
“หลิงหยนุ..เธอได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยหยางจิงหรือยัง”
แม้พักหลังกงเสี่ยวลู่จะมีท่าทีห่างเหินกับหลิงหยุนแต่เธอก็ยังคงเป็นห่วงเป็นใยเขาเช่นเคย
“ได้รับแล้วครับ..!”
กงเสี่ยวลู่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เพียงแค่พริบตาเดียว.. พวกเธอก็จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้วเหรอนี่”
จากนั้นจึงหันไปมองเกาเฉินเฉินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“น่าเสียดายที่เฉินเฉิน..”
เกาเฉินเฉินส่ายหน้าไปมาพร้อมกับตอบไปว่า“ครูคะ.. ไม่ต้องกังวลเรื่องของหนูเลยค่ะ ต่อให้หนูสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็ไปเรียนไม่ได้อยู่ดี..”
หลังจากพูดคุยกันเรื่องของเพื่อนๆคนอื่นไปแล้วหลิงหยุนจึงเอ่ยปากถามกงเสี่ยวลู่ “ครูกง.. อีกไม่นานผมก็ต้องเดินทางไปปักกิ่งอีก ไม่ทราบว่าครูวางแผนชีวิตไว้ยังไงบ้าง”
“เอ่อ..”กงเสี่ยวลู่คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะถามเธอเช่นนี้ จึงได้แต่นิ่งอึ้งไป
หลิงหยุนเห็นท่าทางของกงเสี่ยวลู่จึงได้แต่แอบถอนหายใจและได้แต่แอบคิดในใจว่า ดูเหมือนหลุมดำในใจของเธอยังคงไม่สลายหายไป และอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกงเสี่ยวลู่ในอดีตกันแน่ จึงทำให้เธอมีสภาพเช่นทุกวันนี้..
แต่เพราะอยู่ต่อหน้าเกาเฉินเฉินและฉางหลิงเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่านี้ จึงได้แต่ถามต่อว่า..
“ครูกง..ผมขอถามตามตรงว่า ครูคิดที่จะกลับไปอยู่ปักกิ่งบ้างมั๊ย”
หลิงหยุนต้องการที่จะรู้ว่ากงเสี่ยวลู่วางแผนชีวิตของตนเองจากนี้ไว้อย่างไรเพื่อที่ว่าเขาจะได้จัดการเรื่องของกงเสี่ยวลู่ได้อย่างเหมาะสม..
“ไม่ล่ะ..ครูคิดว่าอยู่ที่จิงฉูดีกว่า ที่นี่มีทั้งภูเขาแม่น้ำ อีกอย่างครูเองก็อยู่ที่นี่มานาน จึงค่อนข้างเคยชินกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว!”
หลิงหยุนจึงพูดต่อว่า“หากครูตัดสินใจที่จะอยู่ที่จิงฉู ก็ต้องเข้ารับราชการ..”
“ผมว่า..ตำแหน่ง.. ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจิงฉู อ่อ.. แล้วก็ผู้อำนวยการกองการศึกษาประจำเจียงหนานด้วย! ควบสองตำแหน่งไปเลย..”
หลิงหยุนตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนหลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวอยู่แล้วและจะขอให้หลี่ยี่เฟิงช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ และคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับหลี่ยี่เฟิง
กงเสี่ยวลู่ถึงกับตกใจและรีบระล่ำระลักออกมาทันที “หลิงหยุน.. เธอล้อเล่นใช่มั๊ย ครู.. ครูไม่มีคุณสมบัติพอ! ครูทำไม่ได้..”
หลิงหยุนจ้องลึกลงไปในดวงตาของกงเสี่ยวลู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า“ถ้าอย่างนั้น.. ครูก็ต้องไปปักกิ่งกับผม!”
และนั่นยิ่งทำให้กงเสี่ยวลู่ไม่อาจยอมรับได้เธอจึงรีบปฏิเสธทันควัน “ครูบอกแล้วไงว่าไม่ไปอยู่ปักกิ่ง!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ถ้างั้นก็ต้องรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำจิงฉู กับเจียงหนานควบสองตำแหน่ง! ผมเชื่อว่าครูมีคุณสมบัติเพียงพอ และสามารถทำได้!”
ฉางหลิงกับเกาเฉินเฉินถึงกับอ้าปากค้างที่หลิงหยุนมีอำนาจอิทธิพลมากถึงเพียงนี้เกาเฉินเฉินถึงกับพึมพำออกมา..
“หลิงหยุน..เรื่องแบบนี้แม้แต่ท่านปู่กับท่านพ่อของฉัน.. ยังทำไม่ได้เลย”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้!”
และที่หลิงหยุนกล้าพูดเช่นนี้เพราะเขามีตระกูลหลิงหนุนหลังอยู่นั่นเอง!ไม่เพียงเท่านั้น.. ยังมีตระกูลฉินอีกตระกูลหนึ่งด้วย!
กงเสี่ยวลู่พูดขึ้นอย่างกังวลใจ“แต่ครูเกรงว่าตัวเองจะทำไม่ได้!”
“ไม่มีใครทำอะไรเป็นตั้งแต่เกิดแต่ผมเชื่อว่าครูจะเป็นข้าราชการที่ดีมากคนหนึ่ง ผมเชื่อเช่นนั้น!”
ระหว่างที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นหลิงหยุนได้แอบมองกงเสี่ยวลู่อยู่เรื่อยๆ และสังเกตเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีสนิทสนมกับเขาเหมือนเช่นเคย เรียกว่าค่อนข้างห่างเหินด้วยซ้ำไป!
แม้ในสายตาของคนอื่นกงเสี่ยวลู่จะดูเป็นปกติดีแต่สำหรับหลิงหยุน.. เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ และได้แต่กำศิลากลั่นวิญญาณในมือไว้แน่นเพื่อสงบจิตสงบใจ..
จนกระทั่งเวลาสามทุ่มตรงทุกคนจึงขอตัวกลับ ฉางหลิงกับเกาเฉินเฉินร่ำลากงเสี่ยวลู่แล้วก็วิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ทั้งคู่อยู่ภายในห้องกันสองต่อสองอย่างรู้ใจ…ไอลีนโนเวล.
“เด็กสองคนนี้นี่จริงๆเลย..”
กงเสี่ยวลู่ไม่กล้าสบตาหลิงหยุนที่ยืนอยู่ในขณะที่หลิงหยุนเองก็ไม่รีบร้อนที่จะกลับนัก เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ครูกงครับ..ครูตั้งใจจะไม่กลับปักกิ่งจริงๆเหรอ”
กงเสี่ยวลู่กัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับก้มหน้าก้มตาและไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุนในขณะที่ตอบ “ไม่ไปอยู่.. แต่ใช่ว่าจะไม่กลับไปที่นั่นอีกเลย!”
หลิงหยุนจึงถามต่อทันที“บอกเหตุผลกับผมได้มั๊ยครับ”
กงเสี่ยวลู่ถึงกับหัวใจเต้นแรงและแทบจะยืนทรงตัวไม่ได้ หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า
“ผมก็แค่ถามดูเฉยๆแต่ถ้าครูไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร..”
ในเมื่อกงเสี่ยวลู่ไม่ต้องการที่จะตอบหลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการที่จะคาดคั้นเช่นกัน เพราะเขาย่อมมีวิธีที่จะสืบหาด้วยตัวเองอยู่แล้ว..
หลังจากพูดจากันอีกเพียงสองสามประโยคหลิงหยุนจึงขอตัวกลับ..
ขากลับหลิงหยุนเป็นฝ่ายขับรถและไปส่งฉางหลิงก่อน หลังจากที่ฉางหลิงลงไปแล้วโทรศัพท์มือถือของเกาเฉินเฉินก็ดังขึ้น
“หลิงยู่ส่งข้อความมาถามว่าพวกเราอยู่ที่ใหนตอนนี้น้าฉินเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรามาก!”
“ส่งโทรศัพท์มาให้ผม”
จากนั้นหลิงหยุนก็โทรกลับไปหาหนิงหลิงยู่และเมื่อรู้ว่าหนิงหลิงยู่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านเลขที่-9 แล้ว เขาจึงบอกหนิงหลิงยู่ไปว่า
“คืนนี้พวกเราจะยังไม่กลับไปบ้านเลขที่-9บอกน้าหญิงไม่ต้องเป็นห่วง!”
หลังจากวางสายไปแล้วหลิงหยุนก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านเลขที่-1 ตามเดิม เพราะที่นั่นยังมีพอล เจสเตอร์ หวังเฟยฮู๋ และคนอื่นๆอยู่ด้วย โม่วู๋เตาเองก็ยังคงอยู่ที่นั่น ส่วนตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งก็ยังคงรอเขาอยู่ที่บ้าน..
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะหายดีแล้วแต่เขายังต้องการพลังชีวิตจากสมุนไพรทั้งสามต้น อย่างน้อยก็ให้สามารถใช้งานแหวนพื้นที่ได้ก่อน..
เพราะแหวนพื้นที่นับเป็นสมบัติล้ำค่าของหลิงหยุนและภายในยังมีสมบัติชิ้นอื่นอยู่มากมาย หากยังไม่สามาถใช้งานได้ หลิงหยุนก็รู้สึกเหมือนขาดบางสิ่งบางอย่างไป และที่สำคัญที่สุดก็คือ.. ขาดความสะดวกในชีวิตไปอย่างมาก!
…..
“พี่หยุน!”
“คุณชายหลิง!”
ยังไม่ทันที่หลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินจะลงจากรถถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ หวังเฟยฮู๋ก็กรูกันเข้ามาหา
อ่อ..ยังมีอีกหนึ่งคนซึ่งก็คือโม่วู๋เตา
“เจ้าคนเสียสติ..”
หลิงหยุนไม่สนใจโม่วู๋เตาที่เรียกตนเองเช่นนั้นแต่ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋หันไปมองด้วยแววตาไม่พอใจ ถังเมิ่งถึงกับร้องตะโกนออกไปว่า
“นี่ร่างทรง..อย่าคิดว่าช่วยชีวิตพี่หยุนไว้แล้วจะทำอะไรตามใจชอบได้นะ! ฉันว่าก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นล่ะ! ถ้านายยังกล้าเรียกพี่หยุนว่าคนเสียสติอีก เชื่อมั๊ยว่าฉันจะปานายด้วยรองเท้านี่เลย”
โม่วู๋เตาตอบกลับอย่างไม่สนใจ“ก็เขาเป็นคนเสียสติจริงๆนี่นา!”
ถังเมิ่งโมโหมากและถึงกับถอดรองเท้าเตรียมปาใส่โม่วู๋เตา แต่หลิงหยุนห้ามไว้ “นี่.. อย่าสร้างปัญหาได้มั๊ย เขาอยากเรียกอะไรก็ปล่อยไป..”
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่า..แม้โม่วู๋เตาจะดูปกติดี แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับแดงก่ำ และดูหมดเรี่ยวหมดแรง หว่างคิ้วก็เป็นสีดำคล้ำ แม้แต่คำพูดยังดูไร้พลัง..
และนี่คือปรากฏการณ์ที่บ่งบอกว่าคนผู้นั้นได้ใช้พลังไปมากจนเกินไปหลิงหยุนรู้ว่าการที่ตัวเขาเองสามารถฟื้นขึ้นมาได้โดยเร็วเช่นนี้นั้น โม่วู๋เตาคงต้องสูญเสียไปอย่างมากมาย..
และการทำพิธีเรียกดวงวิญญาณของหลิงหยุนและขับไล่วิญญาณร้ายในครั้งนี้ ก็ทำให้โม่วู๋เตาถึงกับต้องอายุสั้นลงถึงสามปี!
แต่โม่วู๋เตาก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้หรือคิดที่จะทวงบุญคุณจากหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย..
“ภายในบ้านปกติดีมั๊ย”
หลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องนั่งเล่น..
“ทุกอย่างราบรื่นปกติดี!แต่พี่เมิ่งหานกับพี่เหยาลู่ไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเลขที่-9 ด้วย ทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของพี่เหยาลู่!”
หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้จากนั้นจึงวางศิลากลั่นวิญญาณในมือลงบนโต๊ะ หลังจากดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ จึงพูดขึ้นว่า..
“ดูเหมือนพายุในจิงฉูคงจะสงบลงแล้วจริงๆเมื่อครู่ฉันออกไปสำรวจดู ทุกอย่างก็ดูเป็นปกติดี..”
ระหว่างที่ขับรถไปโรงเรียนมัธยมจิงฉูนั้นหลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าตลอดทางนั้นไม่มีอันตรายใดๆเลย เขาจึงรู้สึกโล่งอกโล่งใจอย่างมาก..
ถังเมิ่งเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า“พี่หยุน.. พ่อโทรมาบอกว่า ถ้าพี่เสร็จธุระแล้วให้ไปหาพ่อที่บ้าน แล้วค่อยไปพบลุงหลี่พร้อมกัน ดูเหมือนลุงหลี่มีเรื่องที่จะอยากจะคุยกับพี่..”
หลิงหยุนพยักหน้าและเขาเองก็ตั้งใจว่าจะไปพบหลี่ยี่เฟิงอยู่แล้ว..
โม่วู๋เตายืนอยู่ตรงข้ามหลิงหยุนชุดเสื้อคลุมสีเทาสกปรกมอมแมมของเขานั้น ดูขัดกับเสื้อผ้าทันสมัยของผู้อื่นโดยรอบยิ่งนัก
“เจ้าคนเสียสติ..ข้ามีบางสิ่งบางอย่างจะถามเจ้า!” โม่วู๋เตาเห็นสบโอกาสจึงรีบร้องบอกหลิงหยุนทันที
“เรื่องอะไรรึว่ามาได้เลย..”
โม่วู๋เตาขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ข้าได้ยินถังเมิ่งพูดว่าเจ้าจะมอบเงินให้คนยากจนบนถนนหลินเจียงคนละหนึ่งล้านงั้นรึ”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ถูกต้อง.. พรุ่งนี้ถังเมิ่งจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย มีอะไรงั้นรึ”
โม่วู๋เตาจ้องมองหลิงหยุนนิ่งนานและจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องตะโกนออกมาจนทุกคนตกใจ
“มีอะไรงั้นรึ!ถามออกมาได้.. นี่เจ้ามันบ้า แล้วก็เสียสติจริงๆสินะ! เจ้าไม่รู้จริงๆงั้นรึ?”
ถังเมิ่งจ้องมองโม่วู๋เตาด้วยความงุนงงและได้แต่คิดในใจว่า ‘นักพรตนี่มันบ้าป่าววะ แค่ได้ยินว่าพี่หยุนจะแจกเงินคนยากจนถึงกับเสียดายขนาดนี้เลยเหรอ? อาการหนักกว่าฉันอีกนะนี่!’
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มและถามออกไปว่า “เจ้าต้องการจะบอกอะไรกับข้ากันแน่”
ใบหน้าของโม่วู๋เตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมากขึ้นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลิงหยุน.. เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้!”
“มันเป็นการฝืนกฎสวรรค์!”
“ข้ารู้ว่าเพราะเหตุใดทัณฑ์สวรรค์นั่นจึงได้เกิดขึ้นนั่นเพราะสิ่งที่เจ้าทำอยู่นั้น สวรรค์ไม่ยินยอม! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”
‘ฝืนกฎสวรรค์งั้นรึนี่เจ้ากำลังพูดเรื่องกฏสวรรค์กับข้างั้นรึ?’
หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของโม่วู๋เตาแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาเขามาจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ และผ่านทัณฑ์สวรรค์มาแล้วมากมาย ครั้งนี้ก็เพิ่งจะผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวมาได้!
หากจะพูดถึงกฎสวรรค์แล้วล่ะก็..คงไม่มีใครรู้ดีเท่าหลิงหยุนอีกแล้ว!
หลิงหยุนฝึกตนตามศาสตร์แห่งเต๋าไม่สนกฎสวรรค์ และมุ่งสู่ความเป็นอมตะเท่านั้น!
และข้าคือผู้ที่ลิขิตชีวิตตนเอง!
“ครูกง..”
หลิงหยุนยิ้มให้กงเสี่ยวลู่และทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง หลิงหยุนก็พบว่าทุกอย่างยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย และสะอาดสะอ้านเหมือนเช่นเคย
“สวัสดีค่ะครูกง..”ฉางหลิงและเกาเฉินเฉินเอ่ยทักทายเช่นกัน
ใบหน้างดงามของกงเสี่ยวลู่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขจากนั้นจึงหันไปถามหลิงหยุน
“หลิงหยนุ..เธอได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยหยางจิงหรือยัง”
แม้พักหลังกงเสี่ยวลู่จะมีท่าทีห่างเหินกับหลิงหยุนแต่เธอก็ยังคงเป็นห่วงเป็นใยเขาเช่นเคย
“ได้รับแล้วครับ..!”
กงเสี่ยวลู่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เพียงแค่พริบตาเดียว.. พวกเธอก็จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้วเหรอนี่”
จากนั้นจึงหันไปมองเกาเฉินเฉินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย“น่าเสียดายที่เฉินเฉิน..”
เกาเฉินเฉินส่ายหน้าไปมาพร้อมกับตอบไปว่า“ครูคะ.. ไม่ต้องกังวลเรื่องของหนูเลยค่ะ ต่อให้หนูสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็ไปเรียนไม่ได้อยู่ดี..”
หลังจากพูดคุยกันเรื่องของเพื่อนๆคนอื่นไปแล้วหลิงหยุนจึงเอ่ยปากถามกงเสี่ยวลู่ “ครูกง.. อีกไม่นานผมก็ต้องเดินทางไปปักกิ่งอีก ไม่ทราบว่าครูวางแผนชีวิตไว้ยังไงบ้าง”
“เอ่อ..”กงเสี่ยวลู่คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะถามเธอเช่นนี้ จึงได้แต่นิ่งอึ้งไป
หลิงหยุนเห็นท่าทางของกงเสี่ยวลู่จึงได้แต่แอบถอนหายใจและได้แต่แอบคิดในใจว่า ดูเหมือนหลุมดำในใจของเธอยังคงไม่สลายหายไป และอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกงเสี่ยวลู่ในอดีตกันแน่ จึงทำให้เธอมีสภาพเช่นทุกวันนี้..
แต่เพราะอยู่ต่อหน้าเกาเฉินเฉินและฉางหลิงเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่านี้ จึงได้แต่ถามต่อว่า..
“ครูกง..ผมขอถามตามตรงว่า ครูคิดที่จะกลับไปอยู่ปักกิ่งบ้างมั๊ย”
หลิงหยุนต้องการที่จะรู้ว่ากงเสี่ยวลู่วางแผนชีวิตของตนเองจากนี้ไว้อย่างไรเพื่อที่ว่าเขาจะได้จัดการเรื่องของกงเสี่ยวลู่ได้อย่างเหมาะสม..
“ไม่ล่ะ..ครูคิดว่าอยู่ที่จิงฉูดีกว่า ที่นี่มีทั้งภูเขาแม่น้ำ อีกอย่างครูเองก็อยู่ที่นี่มานาน จึงค่อนข้างเคยชินกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว!”
หลิงหยุนจึงพูดต่อว่า“หากครูตัดสินใจที่จะอยู่ที่จิงฉู ก็ต้องเข้ารับราชการ..”
“ผมว่า..ตำแหน่ง.. ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจิงฉู อ่อ.. แล้วก็ผู้อำนวยการกองการศึกษาประจำเจียงหนานด้วย! ควบสองตำแหน่งไปเลย..”
หลิงหยุนตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนหลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวอยู่แล้วและจะขอให้หลี่ยี่เฟิงช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ และคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับหลี่ยี่เฟิง
กงเสี่ยวลู่ถึงกับตกใจและรีบระล่ำระลักออกมาทันที “หลิงหยุน.. เธอล้อเล่นใช่มั๊ย ครู.. ครูไม่มีคุณสมบัติพอ! ครูทำไม่ได้..”
หลิงหยุนจ้องลึกลงไปในดวงตาของกงเสี่ยวลู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า“ถ้าอย่างนั้น.. ครูก็ต้องไปปักกิ่งกับผม!”
และนั่นยิ่งทำให้กงเสี่ยวลู่ไม่อาจยอมรับได้เธอจึงรีบปฏิเสธทันควัน “ครูบอกแล้วไงว่าไม่ไปอยู่ปักกิ่ง!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ถ้างั้นก็ต้องรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำจิงฉู กับเจียงหนานควบสองตำแหน่ง! ผมเชื่อว่าครูมีคุณสมบัติเพียงพอ และสามารถทำได้!”
ฉางหลิงกับเกาเฉินเฉินถึงกับอ้าปากค้างที่หลิงหยุนมีอำนาจอิทธิพลมากถึงเพียงนี้เกาเฉินเฉินถึงกับพึมพำออกมา..
“หลิงหยุน..เรื่องแบบนี้แม้แต่ท่านปู่กับท่านพ่อของฉัน.. ยังทำไม่ได้เลย”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้!”
และที่หลิงหยุนกล้าพูดเช่นนี้เพราะเขามีตระกูลหลิงหนุนหลังอยู่นั่นเอง!ไม่เพียงเท่านั้น.. ยังมีตระกูลฉินอีกตระกูลหนึ่งด้วย!
กงเสี่ยวลู่พูดขึ้นอย่างกังวลใจ“แต่ครูเกรงว่าตัวเองจะทำไม่ได้!”
“ไม่มีใครทำอะไรเป็นตั้งแต่เกิดแต่ผมเชื่อว่าครูจะเป็นข้าราชการที่ดีมากคนหนึ่ง ผมเชื่อเช่นนั้น!”
ระหว่างที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นหลิงหยุนได้แอบมองกงเสี่ยวลู่อยู่เรื่อยๆ และสังเกตเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีสนิทสนมกับเขาเหมือนเช่นเคย เรียกว่าค่อนข้างห่างเหินด้วยซ้ำไป!
แม้ในสายตาของคนอื่นกงเสี่ยวลู่จะดูเป็นปกติดีแต่สำหรับหลิงหยุน.. เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ และได้แต่กำศิลากลั่นวิญญาณในมือไว้แน่นเพื่อสงบจิตสงบใจ..
จนกระทั่งเวลาสามทุ่มตรงทุกคนจึงขอตัวกลับ ฉางหลิงกับเกาเฉินเฉินร่ำลากงเสี่ยวลู่แล้วก็วิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ทั้งคู่อยู่ภายในห้องกันสองต่อสองอย่างรู้ใจ…ไอลีนโนเวล.
“เด็กสองคนนี้นี่จริงๆเลย..”
กงเสี่ยวลู่ไม่กล้าสบตาหลิงหยุนที่ยืนอยู่ในขณะที่หลิงหยุนเองก็ไม่รีบร้อนที่จะกลับนัก เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ครูกงครับ..ครูตั้งใจจะไม่กลับปักกิ่งจริงๆเหรอ”
กงเสี่ยวลู่กัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับก้มหน้าก้มตาและไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุนในขณะที่ตอบ “ไม่ไปอยู่.. แต่ใช่ว่าจะไม่กลับไปที่นั่นอีกเลย!”
หลิงหยุนจึงถามต่อทันที“บอกเหตุผลกับผมได้มั๊ยครับ”
กงเสี่ยวลู่ถึงกับหัวใจเต้นแรงและแทบจะยืนทรงตัวไม่ได้ หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า
“ผมก็แค่ถามดูเฉยๆแต่ถ้าครูไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร..”
ในเมื่อกงเสี่ยวลู่ไม่ต้องการที่จะตอบหลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการที่จะคาดคั้นเช่นกัน เพราะเขาย่อมมีวิธีที่จะสืบหาด้วยตัวเองอยู่แล้ว..
หลังจากพูดจากันอีกเพียงสองสามประโยคหลิงหยุนจึงขอตัวกลับ..
ขากลับหลิงหยุนเป็นฝ่ายขับรถและไปส่งฉางหลิงก่อน หลังจากที่ฉางหลิงลงไปแล้วโทรศัพท์มือถือของเกาเฉินเฉินก็ดังขึ้น
“หลิงยู่ส่งข้อความมาถามว่าพวกเราอยู่ที่ใหนตอนนี้น้าฉินเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรามาก!”
“ส่งโทรศัพท์มาให้ผม”
จากนั้นหลิงหยุนก็โทรกลับไปหาหนิงหลิงยู่และเมื่อรู้ว่าหนิงหลิงยู่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านเลขที่-9 แล้ว เขาจึงบอกหนิงหลิงยู่ไปว่า
“คืนนี้พวกเราจะยังไม่กลับไปบ้านเลขที่-9บอกน้าหญิงไม่ต้องเป็นห่วง!”
หลังจากวางสายไปแล้วหลิงหยุนก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านเลขที่-1 ตามเดิม เพราะที่นั่นยังมีพอล เจสเตอร์ หวังเฟยฮู๋ และคนอื่นๆอยู่ด้วย โม่วู๋เตาเองก็ยังคงอยู่ที่นั่น ส่วนตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งก็ยังคงรอเขาอยู่ที่บ้าน..
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะหายดีแล้วแต่เขายังต้องการพลังชีวิตจากสมุนไพรทั้งสามต้น อย่างน้อยก็ให้สามารถใช้งานแหวนพื้นที่ได้ก่อน..
เพราะแหวนพื้นที่นับเป็นสมบัติล้ำค่าของหลิงหยุนและภายในยังมีสมบัติชิ้นอื่นอยู่มากมาย หากยังไม่สามาถใช้งานได้ หลิงหยุนก็รู้สึกเหมือนขาดบางสิ่งบางอย่างไป และที่สำคัญที่สุดก็คือ.. ขาดความสะดวกในชีวิตไปอย่างมาก!
…..
“พี่หยุน!”
“คุณชายหลิง!”
ยังไม่ทันที่หลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินจะลงจากรถถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ หวังเฟยฮู๋ก็กรูกันเข้ามาหา
อ่อ..ยังมีอีกหนึ่งคนซึ่งก็คือโม่วู๋เตา
“เจ้าคนเสียสติ..”
หลิงหยุนไม่สนใจโม่วู๋เตาที่เรียกตนเองเช่นนั้นแต่ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋หันไปมองด้วยแววตาไม่พอใจ ถังเมิ่งถึงกับร้องตะโกนออกไปว่า
“นี่ร่างทรง..อย่าคิดว่าช่วยชีวิตพี่หยุนไว้แล้วจะทำอะไรตามใจชอบได้นะ! ฉันว่าก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นล่ะ! ถ้านายยังกล้าเรียกพี่หยุนว่าคนเสียสติอีก เชื่อมั๊ยว่าฉันจะปานายด้วยรองเท้านี่เลย”
โม่วู๋เตาตอบกลับอย่างไม่สนใจ“ก็เขาเป็นคนเสียสติจริงๆนี่นา!”
ถังเมิ่งโมโหมากและถึงกับถอดรองเท้าเตรียมปาใส่โม่วู๋เตา แต่หลิงหยุนห้ามไว้ “นี่.. อย่าสร้างปัญหาได้มั๊ย เขาอยากเรียกอะไรก็ปล่อยไป..”
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่า..แม้โม่วู๋เตาจะดูปกติดี แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับแดงก่ำ และดูหมดเรี่ยวหมดแรง หว่างคิ้วก็เป็นสีดำคล้ำ แม้แต่คำพูดยังดูไร้พลัง..
และนี่คือปรากฏการณ์ที่บ่งบอกว่าคนผู้นั้นได้ใช้พลังไปมากจนเกินไปหลิงหยุนรู้ว่าการที่ตัวเขาเองสามารถฟื้นขึ้นมาได้โดยเร็วเช่นนี้นั้น โม่วู๋เตาคงต้องสูญเสียไปอย่างมากมาย..
และการทำพิธีเรียกดวงวิญญาณของหลิงหยุนและขับไล่วิญญาณร้ายในครั้งนี้ ก็ทำให้โม่วู๋เตาถึงกับต้องอายุสั้นลงถึงสามปี!
แต่โม่วู๋เตาก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้หรือคิดที่จะทวงบุญคุณจากหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย..
“ภายในบ้านปกติดีมั๊ย”
หลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องนั่งเล่น..
“ทุกอย่างราบรื่นปกติดี!แต่พี่เมิ่งหานกับพี่เหยาลู่ไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเลขที่-9 ด้วย ทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของพี่เหยาลู่!”
หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้จากนั้นจึงวางศิลากลั่นวิญญาณในมือลงบนโต๊ะ หลังจากดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ จึงพูดขึ้นว่า..
“ดูเหมือนพายุในจิงฉูคงจะสงบลงแล้วจริงๆเมื่อครู่ฉันออกไปสำรวจดู ทุกอย่างก็ดูเป็นปกติดี..”
ระหว่างที่ขับรถไปโรงเรียนมัธยมจิงฉูนั้นหลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าตลอดทางนั้นไม่มีอันตรายใดๆเลย เขาจึงรู้สึกโล่งอกโล่งใจอย่างมาก..
ถังเมิ่งเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า“พี่หยุน.. พ่อโทรมาบอกว่า ถ้าพี่เสร็จธุระแล้วให้ไปหาพ่อที่บ้าน แล้วค่อยไปพบลุงหลี่พร้อมกัน ดูเหมือนลุงหลี่มีเรื่องที่จะอยากจะคุยกับพี่..”
หลิงหยุนพยักหน้าและเขาเองก็ตั้งใจว่าจะไปพบหลี่ยี่เฟิงอยู่แล้ว..
โม่วู๋เตายืนอยู่ตรงข้ามหลิงหยุนชุดเสื้อคลุมสีเทาสกปรกมอมแมมของเขานั้น ดูขัดกับเสื้อผ้าทันสมัยของผู้อื่นโดยรอบยิ่งนัก
“เจ้าคนเสียสติ..ข้ามีบางสิ่งบางอย่างจะถามเจ้า!” โม่วู๋เตาเห็นสบโอกาสจึงรีบร้องบอกหลิงหยุนทันที
“เรื่องอะไรรึว่ามาได้เลย..”
โม่วู๋เตาขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ข้าได้ยินถังเมิ่งพูดว่าเจ้าจะมอบเงินให้คนยากจนบนถนนหลินเจียงคนละหนึ่งล้านงั้นรึ”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ถูกต้อง.. พรุ่งนี้ถังเมิ่งจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย มีอะไรงั้นรึ”
โม่วู๋เตาจ้องมองหลิงหยุนนิ่งนานและจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องตะโกนออกมาจนทุกคนตกใจ
“มีอะไรงั้นรึ!ถามออกมาได้.. นี่เจ้ามันบ้า แล้วก็เสียสติจริงๆสินะ! เจ้าไม่รู้จริงๆงั้นรึ?”
ถังเมิ่งจ้องมองโม่วู๋เตาด้วยความงุนงงและได้แต่คิดในใจว่า ‘นักพรตนี่มันบ้าป่าววะ แค่ได้ยินว่าพี่หยุนจะแจกเงินคนยากจนถึงกับเสียดายขนาดนี้เลยเหรอ? อาการหนักกว่าฉันอีกนะนี่!’
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มและถามออกไปว่า “เจ้าต้องการจะบอกอะไรกับข้ากันแน่”
ใบหน้าของโม่วู๋เตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมากขึ้นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลิงหยุน.. เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้!”
“มันเป็นการฝืนกฎสวรรค์!”
“ข้ารู้ว่าเพราะเหตุใดทัณฑ์สวรรค์นั่นจึงได้เกิดขึ้นนั่นเพราะสิ่งที่เจ้าทำอยู่นั้น สวรรค์ไม่ยินยอม! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”
‘ฝืนกฎสวรรค์งั้นรึนี่เจ้ากำลังพูดเรื่องกฏสวรรค์กับข้างั้นรึ?’
หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของโม่วู๋เตาแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาเขามาจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ และผ่านทัณฑ์สวรรค์มาแล้วมากมาย ครั้งนี้ก็เพิ่งจะผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวมาได้!
หากจะพูดถึงกฎสวรรค์แล้วล่ะก็..คงไม่มีใครรู้ดีเท่าหลิงหยุนอีกแล้ว!
หลิงหยุนฝึกตนตามศาสตร์แห่งเต๋าไม่สนกฎสวรรค์ และมุ่งสู่ความเป็นอมตะเท่านั้น!
และข้าคือผู้ที่ลิขิตชีวิตตนเอง!