Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 791 -792
บทที่ 791 : กระจ่าง!
ไม่เพียงเหลือแค่หนึ่งคะแนนจะได้คะแนนเต็มแต่ยังมีคะแนนสูงเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลเจียงหนานด้วย!
และแทบไม่ต้องสงสัย..นั่นคือผลการสอบของหลิงหยุนซึ่งหลี่เทียนขโมยไปเป็นผลงานของตนเอง!
ทั้งหลิงหยุนและถังเมิ่งเพียงแค่ได้ฟังกงเสี่ยวลู่พูด ก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที แล้วทั้งสองคนก็ถึงกับหัวเราะกันจนน้ำหูน้ำตาไหล
“นี่ถังเมิ่ง..นายขับรถให้มันดีๆหน่อยสิ! แล้วพวกนายสองคนเป็นอะไรกัน จู่ๆก็หัวเราะออกมาอย่างกับคนบ้าแบบนั้น?!”
เกาเฉินเฉินเห็นถังเมิ่งขับรถแทบไม่มองถนนก็รีบร้องตะโกนแทรกเสียงหัวเราะของทั้งคู่ขึ้นมาทันที..
“หลิงหยุน..มีอะไรเหรอ” กงเสี่ยวลู่ถามด้วยความแปลกใจ
หลิงหยุนยังคงไม่สามารถหยุดหัวเราะได้เขาต้องใช้เวลากลั้นหัวเราะอยู่นานกว่าจะสามารถสงบสติอารมณ์ และตอบกงเสี่ยวลู่ได้
“ครูกงครับ..ครูยังไม่รู้อะไร หลี่เทียนมันขี้โกง.. คะแนนสูงสุดในมณฑลเจียงหนานนั่นก็ไม่ใช่ของมัน.. ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนได้แต่คิดว่าหลี่เทียนช่างโง่สิ้นดีที่กล้าขโมยผลสอบของเขาไปเป็นของตัวเอง แต่ที่มันกล้าทำเช่นนั้น ก็คงเพราะคิดว่ามีคนใหญ่คนโตสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง
“ขี้โกงงั้นเหรอนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” กงเสี่ยวลู่ถามขึ้นอีกครั้งด้วยความงุนงง
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปทันที“หลี่เทียนมันไม่ได้เข้าสอบน่ะสิ!”
หลิงหยุนอุตส่าห์ตั้งใจและเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อการสอบเอนทรานซ์ครั้งนี้แต่กลับกลายเป็นว่าได้ศูนย์ทุกวิชา ส่วนหลี่เทียนที่ไม่ได้เข้าสอบ กลับได้คะแนนสูงสุดในสายศิลป์ของมณฑลเจียงหนาน!
แบบนี้ไม่เรียกว่าขี้โกงแล้วจะให้เรียกว่าอะไรเล่า
“ห๊ะ..อะไรนะ!”
“หลี่เทียนไม่ได้เข้าสอบเอนทรานซ์งั้นเหรอนี่เธอแน่ใจนะ?!”
เกาเฉินเฉินกับกงเสี่ยวลู่ต่างก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจและหากไม่ใช่เพราะกำลังนั่งอยู่ในรถ กงเสี่ยวลู่คงต้องกระโดดลุกขึ้นตัวลอยไปแล้ว..
หลิงหยุนหันหลังไปหากงเสี่ยวลู่กับเกาเฉินเฉินพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจขนาดนั้น..”
หลิงหยุนหยุดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่ออย่างมั่นใจ “ผมต้องแน่ใจอยู่แล้ว!เพราะผมกับหลี่เทียนรวมทั้งฉีเสี่ยวชิงได้สอบห้องเดียวกัน!”
“ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้นนะ..แต่นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมจิงฉูหลายคนก็สอบห้องเดียวกับผมอีกหลายคน ทุกคนต่างก็เป็นพยานในเรื่องนี้ได้!”
ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาทันทีระหว่างนั้นวิธีการมากมายที่จะใช้จัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขามากมาย
กงเสี่ยวลู่ได้ฟังถึงกับตกใจสุดขีด!หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงร้องถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคะแนนของหลี่เทียนก็ต้องเป็นผลสอบของเธอใช่มั๊ย!”
กงเสี่ยวลู่ไม่คลางแคลงใจเลยแม้แต่น้อยเพราะเธอรู้จักความสามารถและศักยภาพของหลิงหยุนดี ก่อนหน้าที่จะมีการสอบเอนทรานซ์นั้น กงเสี่ยวลู่ได้มอบหมายให้ครูในแต่ละวิชาจัดทำข้อสอบที่ยากที่สุดให้หลิงหยุนทดลองทำ และผลปรากฏว่าคะแนนของหลิงหยุนนั้นออกมาดีเยี่ยมทุกวิชา!
แม้กระทั่งเรียงความทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษหลิงหยุนก็สามารถเขียนออกมาได้ดีเยี่ยม ส่วนเรียงความภาษาจีนนั้นเขาก็สามารถเขียนออกมาได้มากกว่าแปดร้อยตัวอักษรเลยทีเดียว..
อย่าลืมว่าหลิงหยุนนั้นเป็นถึงปรมาจารย์ในการสร้างค่ายกล!
การเขียนเรียงความนั้นก็ไม่ต่างจากการสร้างค่ายกล..แต่ละตัวอักษรที่หลิงหยุนจรดปลายปากกาลงไปนั้น ล้วนแล้วแต่ใช้วิธีการเดียวกันกับการสร้างค่ายกล หากผู้ใดได้อ่านเรียงความที่เขียนด้วยลายมือของหลิงหยุน ก็จะต้องเคลิบเคลิ้มไปกับตัวอักษรที่งดงามอย่างยากที่จะถอนตัว..
ครูที่ทำหน้าที่ตรวจข้อสอบวิชานี้ระหว่างที่อ่านเรียงความที่เขียนโดยหลิงหยุนนั้น ก็ถึงกับตื่นตาตื่นใจราวกับได้ดูภาพวาดที่แสนงดงาม..
และหลิงหยุนก็เป็นคนเฉลียวฉลาดและเจ้าเล่ห์ มีหรือที่เขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากความสามารถพิเศษนี้กับเรียงความของตนเอง
หลิงหยุนมั่นใจว่าใครก็ตามที่ได้อ่านเรียงความที่เขาเขียนแล้วล่ะก็จะต้องตกตะลึงในตัวอักษรที่งดงามดั่งภาพวาดของเขา และหลังจากได้อ่านก็จะเกิดความรู้สึกเสน่หาขึ้นในใจเป็นพิเศษ
และความเสน่หานี้ก็จะนำพาให้ครูผู้ตรวจมอบคะแนนที่สูงที่สุดให้กับเขาอย่างแน่นอนหรืออาจจะให้คะแนนเต็มด้วยซ้ำไป!
เช่นเดียวกันกับวิชาที่ต้องเขียนวิเคราะห์อย่างประวัติศาสตร์และการเมือง..
และคนที่จะสามารถเอาชนะฉีเสี่ยวชิงได้ด้วยคะแนนที่เชือดเฉือนนั้นก็คงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากลูกศิษย์ที่เก่งกาจของกงเสี่ยวลู่.. หลิงหยุน!
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องธรรมดา!”
หลิงหยุนยืนยันกับหญิงสาวทั้งสองคนอีกครั้ง“หมอนั่นสอบห้องเดียวกับผมจริงๆ! และแทบไม่ต้องสอบสวนอะไร ผมอยากรู้เพียงแค่ว่าพวกมันเปลี่ยนชื่อในกระดาษข้อสอบของผมตอนใหนเท่านั้น”
การที่ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานจะสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูทำเรื่องอะไรแบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก!
“แต่..สถานที่ที่เก็บกระดาษข้อสอบในการสอบเอนทรานซ์ก็มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด พวกเขาจะทำได้ยังไงกัน แล้วเรื่องนี้ก็เป็นความผิดอาญาเชียวนะ!”
กงเสี่ยวลู่ร้องถามออกมาอย่างตกใจและรู้สึกงุนงงสับสนราวกับว่าโลกกำลังจะแตก!
ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ“ครูกงครับ.. ครูคงยังไม่รู้ว่าลุงของหลี่เทียนก็คือผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานคนปัจจุบัน..”
“ห๊ะ..อะไรนะ! หลี่.. หลี่จิ่วเจียงนี่นะ?!” กงเสี่ยวลู่ร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากตนเองไว้
“ไม่เพียงแค่หลี่จิ่วเจียงเท่านั้นนะครับแต่ยังมีผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำจิงฉู – หลู่กวนหวังอีกคนที่ร่วมมือด้วย!”
ถังเมิ่งต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่เรื่องการเดิมพันร้อยล้านระหว่างเสียเจิ้นเหยินกู่หยุนฟะ และหลิงหยุน ตามด้วยเรื่องของจิวเฟิ่งหัวซึ่งเป็นน้องสะใภ้ของหลู่กวนหวัง ที่ได้ถูกหลิงหยุนเปิดโปงความลับจนต้องถูกขับออกจากการเป็นครู แล้วก็เรื่องของหลี่เทียน..
ทั้งกงเสี่ยวลู่และเกาเฉินเฉินต่างก็นั่งฟังด้วยความตื่นเต้น..
ถังเมิ่งต้องใช้เวลาเล่าเรื่องทั้งหมดนานกว่าสิบนาทีจากนั้นจึงถามกงเสี่ยวลู่ว่า “เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ล่ะ ตอนนี้ครูคงจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างแล้วใช่มั๊ยครับ”
กงเสี่ยวลู่ถึงกับอึ้งไปก่อนที่จะพึมพำออกมา“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง.. เรื่องนี้ครูเองก็เป็นต้นเหตุด้วยเหมือนกัน..”
หากไม่ใช่เพราะเธอ..หลิงหยุนก็คงจะไม่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของหวังเว่ยเฉิงกับจิวเฟิ่งหัว จนต้องมีปัญหากับหลู่กวนหวัง แล้วก็หลู่เจิ้งเทียน
หลิงหยุนสังเกตเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของกงเสี่ยวลู่ที่ดูเหมือนกำลังตำหนิตัวเองเขาจึงรีบพูดขึ้นว่า..
“ครูอย่าคิดมากไปเลยครับ!เรื่องทั้งหมดเกิดจากตัวผมเอง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะเหลี่ยมจัดถึงกับร่วมมือกันทำให้ผลคะแนนสอบเอนทรานซ์ของผมออกมาเป็นแบบนี้..”
จากนั้นแววตาของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว“แต่ก็ดี..ผมจะได้จัดการคิดบัญชีใหม่กับบัญชีเก่ารวบยอดเลยทีเดียว..”
ในเมื่อทุกอย่างกระจ่างชัดออกมาเป็นเช่นนี้แล้วก็ได้เวลาที่หลิงหยุนจะต้องจัดการทุกอย่างเสียที!
ทันทีที่หลิงหยุนพูดจบโทรศัพท์มือถือของถังเมิ่งก็ดังขึ้นพอดี เขายกขึ้นดูแล้วร้องบอกหลิงหยุนว่า
“พี่หยุน..ลุงซ่งโทรมาจะรับมั๊ย”
แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเดิมพันหนึ่งร้อยล้านเวลานี้เสียเจิ้นหยินรู้แล้วว่าหลิงหยุนได้คะแนนสอบเอนทรานซ์เป็นศูนย์ ทั้งคู่ต่างก็ส่งคนมาขอให้ซ่งเจิ้งหยางมอบเงินเดิมพันทั้งหมดให้กับพวกมัน
หลิงหยุนพึมพำขึ้นว่า“ดูเหมือนว่าพวกมันสองคนจะโผล่หัวออกมาได้แล้วสินะ! สองคนนั่นคงอยากจะได้เนื้อชิ้นใหญ่นี้มากจนถึงกับยอมปรากฏตัว ดูท่าพวกมันคงจะยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆสินะ!”
ถังเมิ่งขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปถามหลิงหยุน.. “พี่หยุน..พวกเราจะทำยังไงดี”
ถังเมิ่งถามพร้อมกับยกนิ้วชูขึ้นมาหนึ่งนิ้วเป็นการส่งสัญญาณถามหลิงหยุนว่าจะยอมยกเงินหนึ่งร้อยล้านให้สองคนนั่นไปง่ายๆแบบนี้อย่างนั้นหรือ
หลิงหยุนส่ายหน้ายิ้มๆเขายื่นมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาจากถังเมิ่ง และกดรับสายของซ่งเจิ้งหยางทันที
“ลุงซ่ง..นี่หลิงหยุนพูดครับ!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงของหลิงหยุนซ่งเจิ้งหยางก็ถึงกับตื่นเต้น และรีบกระซิบกระซาบบางอย่างกับหลิงหยุนสองสามคำ หลิงหยุนจึงรีบตอบกลับไปว่า
“ลุงซ่ง..ลุงไม่ต้องกังวลใจไป! ตอนนี้คนที่จะมาเอาเงินก็อยู่ต่อหน้าลุงแล้ว ลุงหยิบสัญญาเดิมพันขึ้นมาอ่านให้พวกเขาฟัง ผมรับรองว่าพวกเขาจะไม่มีทางเอาเงินกลับไปได้แน่!”
“ห๊ะนี่หมายความว่ายังไงกัน?!”
ซ่งเจิ้งหยางร้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจในเมื่อคะแนนสอบเอนทรานซ์ของหลิงหยุนเป็นศูนย์ ย่อมไม่สามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงได้ตามที่เดิมพันไว้อย่างแน่นอน แล้วเหตุใดอีกฝ่ายจึงจะเอาเงินเดิมพันกลับไปไม่ได้
“หรือว่าเธอได้เตรียมตัวไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วงั้นเหรอ!”
หลิงหยุนตอบกลับอย่างอารมณ์ดี“ลุงซ่ง.. ถ้าผมจำไม่ผิด ในสัญญาเดิมพันได้ระบุไว้ว่า หลังจากสิ้นสุดการประกาศผลอย่างเป็นทางการระยะหนึ่งแล้ว การเดิมพันจึงจะถือว่าเป็นอันสิ้นสุด”
“ตอนนี้ผลการสอบเอนทรานซ์ก็เพิ่งจะประกาศออกมาดูเหมือนพวกมันจะรีบร้อนเกินไป!”
ในการร่างสัญญาเดิมพันครั้งนั้นทั้งสองฝ่ายก็ได้เห็นตรงกันว่าเงินเดิมพันหนึ่งร้อยล้านจะส่งมอบให้กับผู้ที่เป็นฝ่ายชนะหลังจากที่มหาวิทยาลัยหยานจิงเปิดรับนักศึกษาที่สอบเข้าได้แล้วอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ซ่งเจิ้งหยางทั้งตื่นเต้นและดีใจอย่างมากแต่ก็อดที่จะถามหลิงหยุนไม่ได้ “หลิงหยุน.. แต่คะแนนสอบของเธอเป็นศูนย์นี่ แล้วจะเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิงได้ยังไง!”
หลิงหยุนหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่า“แล้วทำไมคนที่สอบได้ศูนย์คะแนนจะเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิงไม่ได้ล่ะครับ”
บทที่ 792 : คิดบัญชี!
ซ่งเจิ้งหยางได้ฟังคำพูดที่แสนจะโอหังของหลิงหยุนก็ได้แต่อึ้ง..
ซ่งเจิ้งหยางรู้ดีว่าหลิงหยุนไม่เคยทำอะไรที่ตนเองไม่มั่นใจและจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นหลิงหยุนพ่ายแพ้ให้กับใครเลย!
คนธรรมดาเมื่อสอบเอนทรานซ์ได้ศูนย์ทุกวิชาเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมต้องไม่สามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงได้อย่างแน่นอน แต่หลิงหยุนไม่ใช่คนธรรมดา!
“ได้..ฉันรู้ว่าควรทำยังไง!” ซ่งเจิ้งหยางร้องบอกหลิงหยุนอย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงรีบวางสายไป
หลิงหยุนส่งโทรศัพท์มือถือคืนพร้อมกับหันไปพูดกับถังเมิ่งว่า“ถังเมิ่ง.. นายคอยดูศัตรูของเราถูกยำทีละคนก็แล้วกัน..”
เลือดในตัวของถังเมิ่งสูบฉีดขึ้นมาทันที “เสียเจิ้นเหยิน.. กู่หยุนฟะ.. พวกแกคิดจะฉกเงินร้อยล้านไปง่ายๆแบบนี้ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือไง”
ถังเมิ่งยังไม่ลืมเรื่องที่เสียเจิ้นเหยินส่งคนมาทำร้ายตัวเองและยังคงเคียดแค้นคนทั้งคู่อยู่!
ความจริงแล้วการเดิมพันกับหลิงหยุนครั้งนี้ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของกู่หยุนฟะ แต่เป็นเพียงก้าวแรกในการทำลายหลิงหยุนเท่านั้น..
กู่หยุนฟะโกรธแค้นหลิงหยุนอย่างมากและเพื่อต้องการแก้แค้นหลิงหยุน มันถึงกับวางแผนร่วมกับเสียเจิ้นเหยินไว้ว่า ก่อนวันสอบเอนทรานซ์ มันก็จะแกล้งชวนหลิงหยุนไปเสพยาที่บ้าน จากนั้นจึงเรียกตำรวจมาลากคอหลิงหยุนเข้าคุก!
แต่ถ้าแผนนั้นล้มเหลวกู่หยุนฟะก็ได้เตรียมเงินจำนวนหนึ่งสำหรับจ้างคนไปฆ่าหลิงหยุน และคนที่ตายไปแล้วก็ไม่สามารถไปสอบได้เช่นกัน..
แต่หลังจากที่ทั้งสองคนวางแผนไว้เป็นอย่างดีหลังจากวันเดิมพันผ่านไป หลิงหยุนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
และการหายตัวไปของหลิงหยุนนั้นก็ได้สร้างความสุขทางใจให้กับเสียเจิ้นเหยินและกู่หยุนฟะเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซัน ทำให้พวกมันทั้งสองคนต่างก็ทำตัวกร่างยิ่งกว่าเดิม เสียเจิ้นเหยินถึงกับกล้ารังแกหนิงหลิงยู่ และจัดการคิดบัญชีกับถังเมิ่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นขาหักสมองกระทบกระเทือนจนแทบเอาชีวิตไม่รอด..
ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนจากซันเทียนเปียวตระกูลเสีย ตระกูลกู่ และหลัวจ้ง ก็ได้ร่วมมือกันจัดการกับผู้ที่สนับสนุนหลิงหยุนอย่างหลี่ยี่เฟิงจนถึงกับถูกกักบริเวณ ส่วนถังเทียนห่าวก็ถูกสั่งพักงาน แม้กระทั่งท่านเสี่ยวหมอเทวดายังไม่สามารถช่วยอะไรคนทั้งคู่ได้..
แต่หลังจากหลิงหยุนกลับขึ้นมาจากหลุมยักษ์เขาก็ใช้เวลาเพียงแค่สั้นๆ จัดการสังหารยอดฝีมือตระกูลซัน และตัวซันเทียนเปียว อีกทั้งยังถล่มสำนักงานของกู่เหลียนเฉิง และบ้านของเถียนป๋อเตาทั้งสองหลังจนราบเป็นหน้ากอง รวมถึงจัดการกับหลัวจ้งจนต้องหลุดจากตำแหน่ง..
เพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆหลิงหยุนกลับกลายมาเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก และเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ได้สร้างความงุนงงและตกตะลึงให้กับกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินอย่างที่สุด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของคนทั้งคู่เป็นอย่างมาก
แต่ในช่วงเวลานั้นหลิงหยุนเองก็มัวแต่จัดการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจนไม่มีเวลาไล่ล่าทั้งสองคน พวกมันจึงอาศัยจังหวะนี้หลบหนีไปซ่อนตัว และไม่มีใครได้พบเห็นพวกมันทั้งคู่อีกเลย
ทั้งถังเทียนห่าวและหลี่ยี่เฟิงเองก็ได้บอกกับหลิงหยุนว่าลุงของเสียเจิ้นเหยินที่ชื่อเสียเจิ้นถังนั้นดำรงตำแหน่งสำคัญในปักกิ่ง อีกทั้งยังรู้จักกับคนใหญ่คนโตมากมาย หลิงหยุนจึงยังไม่รีบร้อนที่จะคิดบัญชีกับตระกูลเสียและตระกูลกู่มากนัก แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ถือคติว่า.. เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้!
อีกทั้งในช่วงเวลานั้นหลิงหยุนยังอยู่ในขั้นปรับร่างกาย-4 จึงยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะจะจัดการถอนรากถอนโคลนตระกูลเสียกับตระกูลกู่ได้ เขาจึงต้องอดกลั้นไว้ก่อน และตั้งแต่นั้นมาหลิงหยุนก็ไม่เคยไปวอแวกับตระกูลเสีย และตระกูลกู่อีกเลย แต่ถึงกระนั้นทั้งหลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าวเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย ทั้งคู่ต่างก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดอำนาจอิทธิพลในเมืองจิงฉูของทั้งสองตระกูลให้เหลือน้อยที่สุด..
เวลานี้กู่เหลียนเฉิงไม่มีเงินและต้องกู้ยืมมาจากธนาคารเจียงหนาน ส่วนน้องชายของเขากู่เหลียนซันก็ยังถูกขังอยู่ในคุก และทุกวันก็ต้องทนเจ็บปวดกับการที่เส้นลมปราณภายในร่างกายไหลเวียนติดขัด..
อีกทั้งบ่อนใต้ดินซึ่งเป็นแหล่งผลิตเม็ดเงินของกู่เหลียนเฉิงก็ถูกแก๊งมังกรเขียวเข้าแทรกซึม และปราบปราม จนเรียกได้ว่าหมดเขี้ยวเล็บที่จะตอบโต้หลิงหยุนได้!
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่แปลกที่กู่เหลียนเฉิงจะดิ้นรนจนสุดชีวิตและด้วยเหตุผลนี้ทำให้หลิงหยุนคาดเดาว่าตระกูลเสียกับตระกูลกู่จะต้องเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังคะแนนสอบเอนทรานซ์ที่เป็นศูนย์ของเขา
พวกมันนับว่าขี้ขลาดอย่างมาก..
ทันทีที่ประกาศผลสอบเอนทรานซ์เสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะที่หายหัวไปเกือบสามเดือน กลับยอมโผล่หัวออกมาอีกครั้ง พวกมันสองคนถึงกับกล้าส่งคนไปพบซ่งเจิ้งหยางเพื่อขอให้เขาทำตามสัญญาเดิมพัน..
และนี่ไม่ต่างจากแมงเม่าที่กำลังบินเข้ากองไฟเลยแม้แต่น้อย!
หลิงหยุนไม่เคยหวาดกลัวว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวหรือกระทำการใดๆ แต่เขากลัวว่าพวกมันสองคนจะหนีไปหลบซ่อนอีกเสียมากกว่า..
หลิงหยุนและถังเมิ่งรอคอยโอกาสสนี้มานานมากแล้วอีกทั้งยังมีบัญชีใหม่ที่หลิงหยุนจะต้องคิดรวบยอดกับพวกมันสองคนด้วย!
หลิงหยุนต้องการถอนรากถอนโคลนตระกูลเสียกับตระกูลกู่รวมทั้งหลู่กวนหวัง หลี่เทียน หลี่จิ่วเจียง และแม้กระทั่งตระกูลซันในปักกิ่ง เขาจะจัดการกับทุกคนพร้อมๆกันทีเดียว
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9แล้ว และด้วยฐานะของหลิงหยุนในเวลานี้ ไม่ได้มีเพียงตระกูลหลิง ตระกูลฉิน และตระกูลเกาหนุนที่หนุนหลังอยู่ แต่ยังมีตระกูลหลิน ตระกูลเสี่ยว แก๊งมังกรเขียว และคนอื่นๆอีกมากมายที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ ทำให้หลิงหยุนมั่นใจอย่างมากว่าเขาจะใช้เวลาจัดการกับคนเหล่านี้ไม่นานนัก..
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างหลิงหยุนกับถังเมิ่งและสีหน้าของคนทั้งคู่แล้ว กงเสี่ยวลู่ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาอย่างมาก และได้แต่แนะนำไปว่า..
“หลิงหยุน..ถังเมิ่ง.. ฟังคำแนะนำของครูหน่อยเถิดนะ! ไม่ว่าพวกเธอสองคนจะแก้ปัญหาอย่างไรก็ทำไป แต่อย่าทำเรื่องผิดกฎหมายจะดีที่สุด..”
และแน่นอนว่าทั้งหมดที่กงเสี่ยวลู่พูดออกมานั้นก็ล้วนแล้วแต่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นห่วงเป็นใยในตัวหลิงหยุน
หลิงหยุนจึงไม่ต้องการโต้เถียงและเพียงแค่ตอบกลับไปยิ้มๆ “ผมทราบ..”
อย่าทำเรื่องผิดกฏหมายจะดีที่สุดอย่างนั้นหรือนั่นเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดีสำหรับหลิงหยุน!
หลิงหยุนสังหารยอดฝีมือของตระกูลซันไปเป็นร้อยคนและสังหารเหล่านินจาบนเกาะเตียวหยูไปอีกร่วมสองร้อยคน เมื่อมาอยู่ปักกิ่งก็สังหารยอดฝีมือของตระกูลเฉินไปอีกนับร้อย ยังไม่รวมเหล่าแวมไพร์อีกว่าสองร้อยตน..
เรียกได้ว่าคนที่ตายด้วยน้ำมือของหลิงหยุนนั้นแม้จะยังไม่ถึงพันแต่ก็ไม่ต่ำกว่าเจ็ดแปดร้อยราย แล้วเขายังจะต้องกังวลเรื่องกฎหมายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ
หากต้องฆ่า..ก็ฆ่า!
หลิงหยุนคิดเพียงเท่านี้..หากคนที่คุณเผชิญหน้าอยู่กำลังจะส่งคุณไปตาย คุณยังจะคุยเรื่องกฎหมายกับพวกเขาอีกอย่างนั้นหรือ!
ช่างน่าขันสิ้นดี..
กงเสี่ยวลู่จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของหลิงหยุนจากด้านข้างและได้เห็นยิ้มเหยียดที่ปรากฏบนใบหน้าของหลิงหยุน เธอจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
แต่แล้วโทรศัพท์มือถือของถังเมิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้งถังเมิ่งยกโทรศัพท์มือถือขึ้นดูก็พูดขึ้นว่า.. “กะแล้วว่าจะต้องโทรมา..”
จากนั้นจึงกดรับสายอย่างไม่มีทางเลือกอื่น“ มีเรื่องอะไรครับพ่อ”
ถังเทียนห่าวโทรมาจากจิงฉู“ตอนนี้คนของแก๊งมังกรเขียวสิบกว่าคนไปปิดประตูสำนักงานการศึกษาไว้เมื่อเช้านี้ ตอบมา.. เรื่องนี้แกจะจัดการยังไง”
เวลานี้ถังเทียนห่าวอยู่ในห้องทำงานของหลี่ยี่เฟิงเขากระวนกระวายใจราวกับอยู่ในหม้อต้มร้อนๆ หมดหนทางที่จะจัดการ จึงได้แต่โทรหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง
ถังเมิ่งตอบกลับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“พ่อครับ.. ผมอยู่ปักกิ่งแล้วก็กำลังขับรถอยู่ ผมจะทำอะไรได้”
ถังเทียนห่าวได้ฟังจึงร้องตะโกนตอบกลับไปอย่างโมโห“แกอย่ามาพูดจากวนโมโหแบบนี้! ฉันขอเตือนแกไว้ก่อนไอ้ตัวดี.. ถ้าแกไม่คิดที่จะทำอะไรเลย อย่าคิดว่าผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงอย่างฉันจะไม่กล้าจับคนของแก..”
“รู้แล้วครับพ่อ..”
ถังเมิ่งเห็นว่าพ่อของเขากำลังโมโหมากจริงๆจึงได้แต่หันไปมองหลิงหยุนยิ้มๆพร้อมกับถามขึ้นว่า
“พี่หยุน..หลงหวู่สั่งให้อาปิงส่งคนไปปิดสำนักงานการศึกษาไว้ พี่จะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
หลิงหยุนเข้าใจเรื่องราวดีจึงตอบกลับไปยิ้มๆ“พอแค่นั้น! ตอนนี้เรื่องราวก็กระจ่างแล้ว นายโทรสั่งอาปิงให้พาคนกลับไปได้แล้ว!”
“อ่อ..อย่าลืมสวัสดีลุงถังแทนฉันด้วยล่ะ!”
กงเสี่ยวลู่ที่นั่งอยู่เบาะหลังนั้นได้ยินทุกอย่างชัดเจนจึงได้แต่นั่งนิ่งด้วยความตกตะลึง!
เธอเพิ่งจะบอกทั้งสองคนว่าอย่าทำเรื่องที่ผิดกฎหมายแต่เธอกลับได้ยินว่ามีคนไปปิดสำนักงานการศึกษา และคนที่สั่งการก็คือหลงหวู่ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของเธอเองด้วย..
และที่น่าขันยิ่งกว่านั้นก็คือแม้แต่ผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงก็ยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ และต้องโทรมาถามลูกชายของตัวเอง!
แต่ถึงกระนั้นกงเสี่ยวลู่ก็รู้ดีว่าถังเทียนห่าวไม่ได้ตั้งใจโทรมาขอความเห็นจากลูกชายของตนเอง แต่เขาตั้งใจถามความเห็นของหลิงหยุนต่างหาก!
กงเสี่ยวลู่เพิ่งจะตระหนักว่าหลายปีมานี้เธอมีนักเรียนที่ทรงอำนาจอิทธิพลอยู่หลายคนเลยทีเดียว..
และนี่หากกงเสี่ยวลู่ได้รู้ว่านักเรียนที่เพิ่งเข้าเรียนกลางภาคของเธออีกหนึ่งคนซึ่งก็คือเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นเพิ่งจะบุกเข้าไปที่บ้านของผู้อำนวยการหลู่กวนหวังแล้วล่ะก็ เธอคงจะต้องเป็นลมล้มตึงลงทันทีแน่!
ถังเมิ่งยื่นโทรศัพท์มือถือให้หลิงหยุน“พ่ออยู่ในสาย.. พี่คุยเองก็แล้วกัน”
หลิงหยุนรับโทรศัพท์มือถือมาจากถังเมิ่ง“สวัสดีครับลุงถัง.. นี่ผมเองหลิงหยุน!”
“หลิงหยุนเองเรอะอยู่ปักกิ่งเป็นไงบ้างล่ะ.. สบายดีมั๊ย?”
ถังเทียนห่าวได้ยินเสียงของหลิงหยุนก็รีบถามไถ่สารทุกข์สุกดิบราวกับว่าเขาเป็นลูกในไส้ก็ไม่ปาน..
“ขอบคุณลุงถังที่เป็นห่วงนะครับ!ผมสบายดีครับ ผมต้องขอโทษคุณลุงด้วยที่เรื่องของผมทำให้ท่านลุงต้องลำบาก!”
“ไม่เป็นไร..ไม่ได้ลำบากอะไรเลย! เรื่องเล็กนิดเดียว สำนักงานการศึกษาเองก็ทำเกินไป สมควรต้องเจอบแบบนี้..”
ถังเมิ่งที่นั่งฟังถังเทียนห่าวคุยกับหลิงหยุนถึงกับแอบคิดในใจว่า‘พ่อนะพ่อ.. ทีกับพี่หยุนนี่พูดซะดีเชียว!’
หลิงหยุนตอบถังเทียนห่าวกลับไปว่า“ลุงถัง.. ผมจดบัญชีทุกอย่างไว้ในใจแล้ว คุณลุงไม่ต้องห่วง ผมจะคิดบัญชีกับพวกมันทุกคน!”
“ลุงถังครับ..รบกวนช่วยบอกลุงหลี่ไว้ได้เลยว่า ให้ลุงหลี่เตรียมตัวเปลี่ยนผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำจิงฉูไว้ได้เลย!”
“ห๊ะ!เอาอย่างนั้นเลยเรอะ?”
ถังเทียนห่าวยิ้มกริ่มแต่ก็สามารถเข้าใจได้ทันที! เขาได้แต่คิดในใจว่า.. หลู่กวนหวังช่างรนหาที่แท้ๆ ที่กล้ายุ่งกับเด็กคนนี้..
ถังเทียนห่าวนั้นรู้จักหลิงหยุนดีเขาจึงเข้าใจดีว่าการที่หลิงหยุนพูดประโยคนี้ออกมา ย่อมหมายความว่าตำแหน่งผู้อำนวยการของหลู่กวนหวังจะต้องหลุดจากบ่าแล้วอย่างแน่นอน..
หลังจากวางสายไปจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็สังเกตุเห็นความผิดปกติทางด้านรถ จึงรีบร้องบอกถังเมิ่งว่า
“นายเลี้ยวไปทางแยกถนนด้านหน้าที่ตัดกับถนนวงแหวนที่ห้า..”
ศัตรูกำลังไล่ล่า..!
บทที่ 791 : กระจ่าง!
ไม่เพียงเหลือแค่หนึ่งคะแนนจะได้คะแนนเต็มแต่ยังมีคะแนนสูงเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลเจียงหนานด้วย!
และแทบไม่ต้องสงสัย..นั่นคือผลการสอบของหลิงหยุนซึ่งหลี่เทียนขโมยไปเป็นผลงานของตนเอง!
ทั้งหลิงหยุนและถังเมิ่งเพียงแค่ได้ฟังกงเสี่ยวลู่พูด ก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที แล้วทั้งสองคนก็ถึงกับหัวเราะกันจนน้ำหูน้ำตาไหล
“นี่ถังเมิ่ง..นายขับรถให้มันดีๆหน่อยสิ! แล้วพวกนายสองคนเป็นอะไรกัน จู่ๆก็หัวเราะออกมาอย่างกับคนบ้าแบบนั้น?!”
เกาเฉินเฉินเห็นถังเมิ่งขับรถแทบไม่มองถนนก็รีบร้องตะโกนแทรกเสียงหัวเราะของทั้งคู่ขึ้นมาทันที..
“หลิงหยุน..มีอะไรเหรอ” กงเสี่ยวลู่ถามด้วยความแปลกใจ
หลิงหยุนยังคงไม่สามารถหยุดหัวเราะได้เขาต้องใช้เวลากลั้นหัวเราะอยู่นานกว่าจะสามารถสงบสติอารมณ์ และตอบกงเสี่ยวลู่ได้
“ครูกงครับ..ครูยังไม่รู้อะไร หลี่เทียนมันขี้โกง.. คะแนนสูงสุดในมณฑลเจียงหนานนั่นก็ไม่ใช่ของมัน.. ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนได้แต่คิดว่าหลี่เทียนช่างโง่สิ้นดีที่กล้าขโมยผลสอบของเขาไปเป็นของตัวเอง แต่ที่มันกล้าทำเช่นนั้น ก็คงเพราะคิดว่ามีคนใหญ่คนโตสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง
“ขี้โกงงั้นเหรอนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” กงเสี่ยวลู่ถามขึ้นอีกครั้งด้วยความงุนงง
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปทันที“หลี่เทียนมันไม่ได้เข้าสอบน่ะสิ!”
หลิงหยุนอุตส่าห์ตั้งใจและเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อการสอบเอนทรานซ์ครั้งนี้แต่กลับกลายเป็นว่าได้ศูนย์ทุกวิชา ส่วนหลี่เทียนที่ไม่ได้เข้าสอบ กลับได้คะแนนสูงสุดในสายศิลป์ของมณฑลเจียงหนาน!
แบบนี้ไม่เรียกว่าขี้โกงแล้วจะให้เรียกว่าอะไรเล่า
“ห๊ะ..อะไรนะ!”
“หลี่เทียนไม่ได้เข้าสอบเอนทรานซ์งั้นเหรอนี่เธอแน่ใจนะ?!”
เกาเฉินเฉินกับกงเสี่ยวลู่ต่างก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจและหากไม่ใช่เพราะกำลังนั่งอยู่ในรถ กงเสี่ยวลู่คงต้องกระโดดลุกขึ้นตัวลอยไปแล้ว..
หลิงหยุนหันหลังไปหากงเสี่ยวลู่กับเกาเฉินเฉินพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจขนาดนั้น..”
หลิงหยุนหยุดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่ออย่างมั่นใจ “ผมต้องแน่ใจอยู่แล้ว!เพราะผมกับหลี่เทียนรวมทั้งฉีเสี่ยวชิงได้สอบห้องเดียวกัน!”
“ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้นนะ..แต่นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมจิงฉูหลายคนก็สอบห้องเดียวกับผมอีกหลายคน ทุกคนต่างก็เป็นพยานในเรื่องนี้ได้!”
ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาทันทีระหว่างนั้นวิธีการมากมายที่จะใช้จัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขามากมาย
กงเสี่ยวลู่ได้ฟังถึงกับตกใจสุดขีด!หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงร้องถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคะแนนของหลี่เทียนก็ต้องเป็นผลสอบของเธอใช่มั๊ย!”
กงเสี่ยวลู่ไม่คลางแคลงใจเลยแม้แต่น้อยเพราะเธอรู้จักความสามารถและศักยภาพของหลิงหยุนดี ก่อนหน้าที่จะมีการสอบเอนทรานซ์นั้น กงเสี่ยวลู่ได้มอบหมายให้ครูในแต่ละวิชาจัดทำข้อสอบที่ยากที่สุดให้หลิงหยุนทดลองทำ และผลปรากฏว่าคะแนนของหลิงหยุนนั้นออกมาดีเยี่ยมทุกวิชา!
แม้กระทั่งเรียงความทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษหลิงหยุนก็สามารถเขียนออกมาได้ดีเยี่ยม ส่วนเรียงความภาษาจีนนั้นเขาก็สามารถเขียนออกมาได้มากกว่าแปดร้อยตัวอักษรเลยทีเดียว..
อย่าลืมว่าหลิงหยุนนั้นเป็นถึงปรมาจารย์ในการสร้างค่ายกล!
การเขียนเรียงความนั้นก็ไม่ต่างจากการสร้างค่ายกล..แต่ละตัวอักษรที่หลิงหยุนจรดปลายปากกาลงไปนั้น ล้วนแล้วแต่ใช้วิธีการเดียวกันกับการสร้างค่ายกล หากผู้ใดได้อ่านเรียงความที่เขียนด้วยลายมือของหลิงหยุน ก็จะต้องเคลิบเคลิ้มไปกับตัวอักษรที่งดงามอย่างยากที่จะถอนตัว..
ครูที่ทำหน้าที่ตรวจข้อสอบวิชานี้ระหว่างที่อ่านเรียงความที่เขียนโดยหลิงหยุนนั้น ก็ถึงกับตื่นตาตื่นใจราวกับได้ดูภาพวาดที่แสนงดงาม..
และหลิงหยุนก็เป็นคนเฉลียวฉลาดและเจ้าเล่ห์ มีหรือที่เขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากความสามารถพิเศษนี้กับเรียงความของตนเอง
หลิงหยุนมั่นใจว่าใครก็ตามที่ได้อ่านเรียงความที่เขาเขียนแล้วล่ะก็จะต้องตกตะลึงในตัวอักษรที่งดงามดั่งภาพวาดของเขา และหลังจากได้อ่านก็จะเกิดความรู้สึกเสน่หาขึ้นในใจเป็นพิเศษ
และความเสน่หานี้ก็จะนำพาให้ครูผู้ตรวจมอบคะแนนที่สูงที่สุดให้กับเขาอย่างแน่นอนหรืออาจจะให้คะแนนเต็มด้วยซ้ำไป!
เช่นเดียวกันกับวิชาที่ต้องเขียนวิเคราะห์อย่างประวัติศาสตร์และการเมือง..
และคนที่จะสามารถเอาชนะฉีเสี่ยวชิงได้ด้วยคะแนนที่เชือดเฉือนนั้นก็คงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากลูกศิษย์ที่เก่งกาจของกงเสี่ยวลู่.. หลิงหยุน!
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องธรรมดา!”
หลิงหยุนยืนยันกับหญิงสาวทั้งสองคนอีกครั้ง“หมอนั่นสอบห้องเดียวกับผมจริงๆ! และแทบไม่ต้องสอบสวนอะไร ผมอยากรู้เพียงแค่ว่าพวกมันเปลี่ยนชื่อในกระดาษข้อสอบของผมตอนใหนเท่านั้น”
การที่ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานจะสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำเมืองจิงฉูทำเรื่องอะไรแบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก!
“แต่..สถานที่ที่เก็บกระดาษข้อสอบในการสอบเอนทรานซ์ก็มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด พวกเขาจะทำได้ยังไงกัน แล้วเรื่องนี้ก็เป็นความผิดอาญาเชียวนะ!”
กงเสี่ยวลู่ร้องถามออกมาอย่างตกใจและรู้สึกงุนงงสับสนราวกับว่าโลกกำลังจะแตก!
ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ“ครูกงครับ.. ครูคงยังไม่รู้ว่าลุงของหลี่เทียนก็คือผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาประจำมณฑลเจียงหนานคนปัจจุบัน..”
“ห๊ะ..อะไรนะ! หลี่.. หลี่จิ่วเจียงนี่นะ?!” กงเสี่ยวลู่ร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากตนเองไว้
“ไม่เพียงแค่หลี่จิ่วเจียงเท่านั้นนะครับแต่ยังมีผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำจิงฉู – หลู่กวนหวังอีกคนที่ร่วมมือด้วย!”
ถังเมิ่งต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่เรื่องการเดิมพันร้อยล้านระหว่างเสียเจิ้นเหยินกู่หยุนฟะ และหลิงหยุน ตามด้วยเรื่องของจิวเฟิ่งหัวซึ่งเป็นน้องสะใภ้ของหลู่กวนหวัง ที่ได้ถูกหลิงหยุนเปิดโปงความลับจนต้องถูกขับออกจากการเป็นครู แล้วก็เรื่องของหลี่เทียน..
ทั้งกงเสี่ยวลู่และเกาเฉินเฉินต่างก็นั่งฟังด้วยความตื่นเต้น..
ถังเมิ่งต้องใช้เวลาเล่าเรื่องทั้งหมดนานกว่าสิบนาทีจากนั้นจึงถามกงเสี่ยวลู่ว่า “เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ล่ะ ตอนนี้ครูคงจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างแล้วใช่มั๊ยครับ”
กงเสี่ยวลู่ถึงกับอึ้งไปก่อนที่จะพึมพำออกมา“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง.. เรื่องนี้ครูเองก็เป็นต้นเหตุด้วยเหมือนกัน..”
หากไม่ใช่เพราะเธอ..หลิงหยุนก็คงจะไม่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของหวังเว่ยเฉิงกับจิวเฟิ่งหัว จนต้องมีปัญหากับหลู่กวนหวัง แล้วก็หลู่เจิ้งเทียน
หลิงหยุนสังเกตเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของกงเสี่ยวลู่ที่ดูเหมือนกำลังตำหนิตัวเองเขาจึงรีบพูดขึ้นว่า..
“ครูอย่าคิดมากไปเลยครับ!เรื่องทั้งหมดเกิดจากตัวผมเอง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะเหลี่ยมจัดถึงกับร่วมมือกันทำให้ผลคะแนนสอบเอนทรานซ์ของผมออกมาเป็นแบบนี้..”
จากนั้นแววตาของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว“แต่ก็ดี..ผมจะได้จัดการคิดบัญชีใหม่กับบัญชีเก่ารวบยอดเลยทีเดียว..”
ในเมื่อทุกอย่างกระจ่างชัดออกมาเป็นเช่นนี้แล้วก็ได้เวลาที่หลิงหยุนจะต้องจัดการทุกอย่างเสียที!
ทันทีที่หลิงหยุนพูดจบโทรศัพท์มือถือของถังเมิ่งก็ดังขึ้นพอดี เขายกขึ้นดูแล้วร้องบอกหลิงหยุนว่า
“พี่หยุน..ลุงซ่งโทรมาจะรับมั๊ย”
แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเดิมพันหนึ่งร้อยล้านเวลานี้เสียเจิ้นหยินรู้แล้วว่าหลิงหยุนได้คะแนนสอบเอนทรานซ์เป็นศูนย์ ทั้งคู่ต่างก็ส่งคนมาขอให้ซ่งเจิ้งหยางมอบเงินเดิมพันทั้งหมดให้กับพวกมัน
หลิงหยุนพึมพำขึ้นว่า“ดูเหมือนว่าพวกมันสองคนจะโผล่หัวออกมาได้แล้วสินะ! สองคนนั่นคงอยากจะได้เนื้อชิ้นใหญ่นี้มากจนถึงกับยอมปรากฏตัว ดูท่าพวกมันคงจะยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆสินะ!”
ถังเมิ่งขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปถามหลิงหยุน.. “พี่หยุน..พวกเราจะทำยังไงดี”
ถังเมิ่งถามพร้อมกับยกนิ้วชูขึ้นมาหนึ่งนิ้วเป็นการส่งสัญญาณถามหลิงหยุนว่าจะยอมยกเงินหนึ่งร้อยล้านให้สองคนนั่นไปง่ายๆแบบนี้อย่างนั้นหรือ
หลิงหยุนส่ายหน้ายิ้มๆเขายื่นมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาจากถังเมิ่ง และกดรับสายของซ่งเจิ้งหยางทันที
“ลุงซ่ง..นี่หลิงหยุนพูดครับ!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงของหลิงหยุนซ่งเจิ้งหยางก็ถึงกับตื่นเต้น และรีบกระซิบกระซาบบางอย่างกับหลิงหยุนสองสามคำ หลิงหยุนจึงรีบตอบกลับไปว่า
“ลุงซ่ง..ลุงไม่ต้องกังวลใจไป! ตอนนี้คนที่จะมาเอาเงินก็อยู่ต่อหน้าลุงแล้ว ลุงหยิบสัญญาเดิมพันขึ้นมาอ่านให้พวกเขาฟัง ผมรับรองว่าพวกเขาจะไม่มีทางเอาเงินกลับไปได้แน่!”
“ห๊ะนี่หมายความว่ายังไงกัน?!”
ซ่งเจิ้งหยางร้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจในเมื่อคะแนนสอบเอนทรานซ์ของหลิงหยุนเป็นศูนย์ ย่อมไม่สามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงได้ตามที่เดิมพันไว้อย่างแน่นอน แล้วเหตุใดอีกฝ่ายจึงจะเอาเงินเดิมพันกลับไปไม่ได้
“หรือว่าเธอได้เตรียมตัวไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วงั้นเหรอ!”
หลิงหยุนตอบกลับอย่างอารมณ์ดี“ลุงซ่ง.. ถ้าผมจำไม่ผิด ในสัญญาเดิมพันได้ระบุไว้ว่า หลังจากสิ้นสุดการประกาศผลอย่างเป็นทางการระยะหนึ่งแล้ว การเดิมพันจึงจะถือว่าเป็นอันสิ้นสุด”
“ตอนนี้ผลการสอบเอนทรานซ์ก็เพิ่งจะประกาศออกมาดูเหมือนพวกมันจะรีบร้อนเกินไป!”
ในการร่างสัญญาเดิมพันครั้งนั้นทั้งสองฝ่ายก็ได้เห็นตรงกันว่าเงินเดิมพันหนึ่งร้อยล้านจะส่งมอบให้กับผู้ที่เป็นฝ่ายชนะหลังจากที่มหาวิทยาลัยหยานจิงเปิดรับนักศึกษาที่สอบเข้าได้แล้วอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ซ่งเจิ้งหยางทั้งตื่นเต้นและดีใจอย่างมากแต่ก็อดที่จะถามหลิงหยุนไม่ได้ “หลิงหยุน.. แต่คะแนนสอบของเธอเป็นศูนย์นี่ แล้วจะเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิงได้ยังไง!”
หลิงหยุนหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่า“แล้วทำไมคนที่สอบได้ศูนย์คะแนนจะเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิงไม่ได้ล่ะครับ”
บทที่ 792 : คิดบัญชี!
ซ่งเจิ้งหยางได้ฟังคำพูดที่แสนจะโอหังของหลิงหยุนก็ได้แต่อึ้ง..
ซ่งเจิ้งหยางรู้ดีว่าหลิงหยุนไม่เคยทำอะไรที่ตนเองไม่มั่นใจและจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นหลิงหยุนพ่ายแพ้ให้กับใครเลย!
คนธรรมดาเมื่อสอบเอนทรานซ์ได้ศูนย์ทุกวิชาเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมต้องไม่สามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงได้อย่างแน่นอน แต่หลิงหยุนไม่ใช่คนธรรมดา!
“ได้..ฉันรู้ว่าควรทำยังไง!” ซ่งเจิ้งหยางร้องบอกหลิงหยุนอย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงรีบวางสายไป
หลิงหยุนส่งโทรศัพท์มือถือคืนพร้อมกับหันไปพูดกับถังเมิ่งว่า“ถังเมิ่ง.. นายคอยดูศัตรูของเราถูกยำทีละคนก็แล้วกัน..”
เลือดในตัวของถังเมิ่งสูบฉีดขึ้นมาทันที “เสียเจิ้นเหยิน.. กู่หยุนฟะ.. พวกแกคิดจะฉกเงินร้อยล้านไปง่ายๆแบบนี้ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือไง”
ถังเมิ่งยังไม่ลืมเรื่องที่เสียเจิ้นเหยินส่งคนมาทำร้ายตัวเองและยังคงเคียดแค้นคนทั้งคู่อยู่!
ความจริงแล้วการเดิมพันกับหลิงหยุนครั้งนี้ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของกู่หยุนฟะ แต่เป็นเพียงก้าวแรกในการทำลายหลิงหยุนเท่านั้น..
กู่หยุนฟะโกรธแค้นหลิงหยุนอย่างมากและเพื่อต้องการแก้แค้นหลิงหยุน มันถึงกับวางแผนร่วมกับเสียเจิ้นเหยินไว้ว่า ก่อนวันสอบเอนทรานซ์ มันก็จะแกล้งชวนหลิงหยุนไปเสพยาที่บ้าน จากนั้นจึงเรียกตำรวจมาลากคอหลิงหยุนเข้าคุก!
แต่ถ้าแผนนั้นล้มเหลวกู่หยุนฟะก็ได้เตรียมเงินจำนวนหนึ่งสำหรับจ้างคนไปฆ่าหลิงหยุน และคนที่ตายไปแล้วก็ไม่สามารถไปสอบได้เช่นกัน..
แต่หลังจากที่ทั้งสองคนวางแผนไว้เป็นอย่างดีหลังจากวันเดิมพันผ่านไป หลิงหยุนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
และการหายตัวไปของหลิงหยุนนั้นก็ได้สร้างความสุขทางใจให้กับเสียเจิ้นเหยินและกู่หยุนฟะเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซัน ทำให้พวกมันทั้งสองคนต่างก็ทำตัวกร่างยิ่งกว่าเดิม เสียเจิ้นเหยินถึงกับกล้ารังแกหนิงหลิงยู่ และจัดการคิดบัญชีกับถังเมิ่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นขาหักสมองกระทบกระเทือนจนแทบเอาชีวิตไม่รอด..
ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนจากซันเทียนเปียวตระกูลเสีย ตระกูลกู่ และหลัวจ้ง ก็ได้ร่วมมือกันจัดการกับผู้ที่สนับสนุนหลิงหยุนอย่างหลี่ยี่เฟิงจนถึงกับถูกกักบริเวณ ส่วนถังเทียนห่าวก็ถูกสั่งพักงาน แม้กระทั่งท่านเสี่ยวหมอเทวดายังไม่สามารถช่วยอะไรคนทั้งคู่ได้..
แต่หลังจากหลิงหยุนกลับขึ้นมาจากหลุมยักษ์เขาก็ใช้เวลาเพียงแค่สั้นๆ จัดการสังหารยอดฝีมือตระกูลซัน และตัวซันเทียนเปียว อีกทั้งยังถล่มสำนักงานของกู่เหลียนเฉิง และบ้านของเถียนป๋อเตาทั้งสองหลังจนราบเป็นหน้ากอง รวมถึงจัดการกับหลัวจ้งจนต้องหลุดจากตำแหน่ง..
เพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆหลิงหยุนกลับกลายมาเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก และเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ได้สร้างความงุนงงและตกตะลึงให้กับกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินอย่างที่สุด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของคนทั้งคู่เป็นอย่างมาก
แต่ในช่วงเวลานั้นหลิงหยุนเองก็มัวแต่จัดการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจนไม่มีเวลาไล่ล่าทั้งสองคน พวกมันจึงอาศัยจังหวะนี้หลบหนีไปซ่อนตัว และไม่มีใครได้พบเห็นพวกมันทั้งคู่อีกเลย
ทั้งถังเทียนห่าวและหลี่ยี่เฟิงเองก็ได้บอกกับหลิงหยุนว่าลุงของเสียเจิ้นเหยินที่ชื่อเสียเจิ้นถังนั้นดำรงตำแหน่งสำคัญในปักกิ่ง อีกทั้งยังรู้จักกับคนใหญ่คนโตมากมาย หลิงหยุนจึงยังไม่รีบร้อนที่จะคิดบัญชีกับตระกูลเสียและตระกูลกู่มากนัก แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ถือคติว่า.. เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้!
อีกทั้งในช่วงเวลานั้นหลิงหยุนยังอยู่ในขั้นปรับร่างกาย-4 จึงยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะจะจัดการถอนรากถอนโคลนตระกูลเสียกับตระกูลกู่ได้ เขาจึงต้องอดกลั้นไว้ก่อน และตั้งแต่นั้นมาหลิงหยุนก็ไม่เคยไปวอแวกับตระกูลเสีย และตระกูลกู่อีกเลย แต่ถึงกระนั้นทั้งหลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าวเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย ทั้งคู่ต่างก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดอำนาจอิทธิพลในเมืองจิงฉูของทั้งสองตระกูลให้เหลือน้อยที่สุด..
เวลานี้กู่เหลียนเฉิงไม่มีเงินและต้องกู้ยืมมาจากธนาคารเจียงหนาน ส่วนน้องชายของเขากู่เหลียนซันก็ยังถูกขังอยู่ในคุก และทุกวันก็ต้องทนเจ็บปวดกับการที่เส้นลมปราณภายในร่างกายไหลเวียนติดขัด..
อีกทั้งบ่อนใต้ดินซึ่งเป็นแหล่งผลิตเม็ดเงินของกู่เหลียนเฉิงก็ถูกแก๊งมังกรเขียวเข้าแทรกซึม และปราบปราม จนเรียกได้ว่าหมดเขี้ยวเล็บที่จะตอบโต้หลิงหยุนได้!
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่แปลกที่กู่เหลียนเฉิงจะดิ้นรนจนสุดชีวิตและด้วยเหตุผลนี้ทำให้หลิงหยุนคาดเดาว่าตระกูลเสียกับตระกูลกู่จะต้องเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังคะแนนสอบเอนทรานซ์ที่เป็นศูนย์ของเขา
พวกมันนับว่าขี้ขลาดอย่างมาก..
ทันทีที่ประกาศผลสอบเอนทรานซ์เสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะที่หายหัวไปเกือบสามเดือน กลับยอมโผล่หัวออกมาอีกครั้ง พวกมันสองคนถึงกับกล้าส่งคนไปพบซ่งเจิ้งหยางเพื่อขอให้เขาทำตามสัญญาเดิมพัน..
และนี่ไม่ต่างจากแมงเม่าที่กำลังบินเข้ากองไฟเลยแม้แต่น้อย!
หลิงหยุนไม่เคยหวาดกลัวว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวหรือกระทำการใดๆ แต่เขากลัวว่าพวกมันสองคนจะหนีไปหลบซ่อนอีกเสียมากกว่า..
หลิงหยุนและถังเมิ่งรอคอยโอกาสสนี้มานานมากแล้วอีกทั้งยังมีบัญชีใหม่ที่หลิงหยุนจะต้องคิดรวบยอดกับพวกมันสองคนด้วย!
หลิงหยุนต้องการถอนรากถอนโคลนตระกูลเสียกับตระกูลกู่รวมทั้งหลู่กวนหวัง หลี่เทียน หลี่จิ่วเจียง และแม้กระทั่งตระกูลซันในปักกิ่ง เขาจะจัดการกับทุกคนพร้อมๆกันทีเดียว
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9แล้ว และด้วยฐานะของหลิงหยุนในเวลานี้ ไม่ได้มีเพียงตระกูลหลิง ตระกูลฉิน และตระกูลเกาหนุนที่หนุนหลังอยู่ แต่ยังมีตระกูลหลิน ตระกูลเสี่ยว แก๊งมังกรเขียว และคนอื่นๆอีกมากมายที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ ทำให้หลิงหยุนมั่นใจอย่างมากว่าเขาจะใช้เวลาจัดการกับคนเหล่านี้ไม่นานนัก..
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างหลิงหยุนกับถังเมิ่งและสีหน้าของคนทั้งคู่แล้ว กงเสี่ยวลู่ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาอย่างมาก และได้แต่แนะนำไปว่า..
“หลิงหยุน..ถังเมิ่ง.. ฟังคำแนะนำของครูหน่อยเถิดนะ! ไม่ว่าพวกเธอสองคนจะแก้ปัญหาอย่างไรก็ทำไป แต่อย่าทำเรื่องผิดกฎหมายจะดีที่สุด..”
และแน่นอนว่าทั้งหมดที่กงเสี่ยวลู่พูดออกมานั้นก็ล้วนแล้วแต่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นห่วงเป็นใยในตัวหลิงหยุน
หลิงหยุนจึงไม่ต้องการโต้เถียงและเพียงแค่ตอบกลับไปยิ้มๆ “ผมทราบ..”
อย่าทำเรื่องผิดกฏหมายจะดีที่สุดอย่างนั้นหรือนั่นเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดีสำหรับหลิงหยุน!
หลิงหยุนสังหารยอดฝีมือของตระกูลซันไปเป็นร้อยคนและสังหารเหล่านินจาบนเกาะเตียวหยูไปอีกร่วมสองร้อยคน เมื่อมาอยู่ปักกิ่งก็สังหารยอดฝีมือของตระกูลเฉินไปอีกนับร้อย ยังไม่รวมเหล่าแวมไพร์อีกว่าสองร้อยตน..
เรียกได้ว่าคนที่ตายด้วยน้ำมือของหลิงหยุนนั้นแม้จะยังไม่ถึงพันแต่ก็ไม่ต่ำกว่าเจ็ดแปดร้อยราย แล้วเขายังจะต้องกังวลเรื่องกฎหมายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ
หากต้องฆ่า..ก็ฆ่า!
หลิงหยุนคิดเพียงเท่านี้..หากคนที่คุณเผชิญหน้าอยู่กำลังจะส่งคุณไปตาย คุณยังจะคุยเรื่องกฎหมายกับพวกเขาอีกอย่างนั้นหรือ!
ช่างน่าขันสิ้นดี..
กงเสี่ยวลู่จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของหลิงหยุนจากด้านข้างและได้เห็นยิ้มเหยียดที่ปรากฏบนใบหน้าของหลิงหยุน เธอจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
แต่แล้วโทรศัพท์มือถือของถังเมิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้งถังเมิ่งยกโทรศัพท์มือถือขึ้นดูก็พูดขึ้นว่า.. “กะแล้วว่าจะต้องโทรมา..”
จากนั้นจึงกดรับสายอย่างไม่มีทางเลือกอื่น“ มีเรื่องอะไรครับพ่อ”
ถังเทียนห่าวโทรมาจากจิงฉู“ตอนนี้คนของแก๊งมังกรเขียวสิบกว่าคนไปปิดประตูสำนักงานการศึกษาไว้เมื่อเช้านี้ ตอบมา.. เรื่องนี้แกจะจัดการยังไง”
เวลานี้ถังเทียนห่าวอยู่ในห้องทำงานของหลี่ยี่เฟิงเขากระวนกระวายใจราวกับอยู่ในหม้อต้มร้อนๆ หมดหนทางที่จะจัดการ จึงได้แต่โทรหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง
ถังเมิ่งตอบกลับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“พ่อครับ.. ผมอยู่ปักกิ่งแล้วก็กำลังขับรถอยู่ ผมจะทำอะไรได้”
ถังเทียนห่าวได้ฟังจึงร้องตะโกนตอบกลับไปอย่างโมโห“แกอย่ามาพูดจากวนโมโหแบบนี้! ฉันขอเตือนแกไว้ก่อนไอ้ตัวดี.. ถ้าแกไม่คิดที่จะทำอะไรเลย อย่าคิดว่าผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงอย่างฉันจะไม่กล้าจับคนของแก..”
“รู้แล้วครับพ่อ..”
ถังเมิ่งเห็นว่าพ่อของเขากำลังโมโหมากจริงๆจึงได้แต่หันไปมองหลิงหยุนยิ้มๆพร้อมกับถามขึ้นว่า
“พี่หยุน..หลงหวู่สั่งให้อาปิงส่งคนไปปิดสำนักงานการศึกษาไว้ พี่จะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
หลิงหยุนเข้าใจเรื่องราวดีจึงตอบกลับไปยิ้มๆ“พอแค่นั้น! ตอนนี้เรื่องราวก็กระจ่างแล้ว นายโทรสั่งอาปิงให้พาคนกลับไปได้แล้ว!”
“อ่อ..อย่าลืมสวัสดีลุงถังแทนฉันด้วยล่ะ!”
กงเสี่ยวลู่ที่นั่งอยู่เบาะหลังนั้นได้ยินทุกอย่างชัดเจนจึงได้แต่นั่งนิ่งด้วยความตกตะลึง!
เธอเพิ่งจะบอกทั้งสองคนว่าอย่าทำเรื่องที่ผิดกฎหมายแต่เธอกลับได้ยินว่ามีคนไปปิดสำนักงานการศึกษา และคนที่สั่งการก็คือหลงหวู่ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของเธอเองด้วย..
และที่น่าขันยิ่งกว่านั้นก็คือแม้แต่ผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงก็ยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ และต้องโทรมาถามลูกชายของตัวเอง!
แต่ถึงกระนั้นกงเสี่ยวลู่ก็รู้ดีว่าถังเทียนห่าวไม่ได้ตั้งใจโทรมาขอความเห็นจากลูกชายของตนเอง แต่เขาตั้งใจถามความเห็นของหลิงหยุนต่างหาก!
กงเสี่ยวลู่เพิ่งจะตระหนักว่าหลายปีมานี้เธอมีนักเรียนที่ทรงอำนาจอิทธิพลอยู่หลายคนเลยทีเดียว..
และนี่หากกงเสี่ยวลู่ได้รู้ว่านักเรียนที่เพิ่งเข้าเรียนกลางภาคของเธออีกหนึ่งคนซึ่งก็คือเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นเพิ่งจะบุกเข้าไปที่บ้านของผู้อำนวยการหลู่กวนหวังแล้วล่ะก็ เธอคงจะต้องเป็นลมล้มตึงลงทันทีแน่!
ถังเมิ่งยื่นโทรศัพท์มือถือให้หลิงหยุน“พ่ออยู่ในสาย.. พี่คุยเองก็แล้วกัน”
หลิงหยุนรับโทรศัพท์มือถือมาจากถังเมิ่ง“สวัสดีครับลุงถัง.. นี่ผมเองหลิงหยุน!”
“หลิงหยุนเองเรอะอยู่ปักกิ่งเป็นไงบ้างล่ะ.. สบายดีมั๊ย?”
ถังเทียนห่าวได้ยินเสียงของหลิงหยุนก็รีบถามไถ่สารทุกข์สุกดิบราวกับว่าเขาเป็นลูกในไส้ก็ไม่ปาน..
“ขอบคุณลุงถังที่เป็นห่วงนะครับ!ผมสบายดีครับ ผมต้องขอโทษคุณลุงด้วยที่เรื่องของผมทำให้ท่านลุงต้องลำบาก!”
“ไม่เป็นไร..ไม่ได้ลำบากอะไรเลย! เรื่องเล็กนิดเดียว สำนักงานการศึกษาเองก็ทำเกินไป สมควรต้องเจอบแบบนี้..”
ถังเมิ่งที่นั่งฟังถังเทียนห่าวคุยกับหลิงหยุนถึงกับแอบคิดในใจว่า‘พ่อนะพ่อ.. ทีกับพี่หยุนนี่พูดซะดีเชียว!’
หลิงหยุนตอบถังเทียนห่าวกลับไปว่า“ลุงถัง.. ผมจดบัญชีทุกอย่างไว้ในใจแล้ว คุณลุงไม่ต้องห่วง ผมจะคิดบัญชีกับพวกมันทุกคน!”
“ลุงถังครับ..รบกวนช่วยบอกลุงหลี่ไว้ได้เลยว่า ให้ลุงหลี่เตรียมตัวเปลี่ยนผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำจิงฉูไว้ได้เลย!”
“ห๊ะ!เอาอย่างนั้นเลยเรอะ?”
ถังเทียนห่าวยิ้มกริ่มแต่ก็สามารถเข้าใจได้ทันที! เขาได้แต่คิดในใจว่า.. หลู่กวนหวังช่างรนหาที่แท้ๆ ที่กล้ายุ่งกับเด็กคนนี้..
ถังเทียนห่าวนั้นรู้จักหลิงหยุนดีเขาจึงเข้าใจดีว่าการที่หลิงหยุนพูดประโยคนี้ออกมา ย่อมหมายความว่าตำแหน่งผู้อำนวยการของหลู่กวนหวังจะต้องหลุดจากบ่าแล้วอย่างแน่นอน..
หลังจากวางสายไปจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็สังเกตุเห็นความผิดปกติทางด้านรถ จึงรีบร้องบอกถังเมิ่งว่า
“นายเลี้ยวไปทางแยกถนนด้านหน้าที่ตัดกับถนนวงแหวนที่ห้า..”
ศัตรูกำลังไล่ล่า..!