Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 625 : แม่นยำ!
บทที่ 625 : แม่นยำ!
เซียนหยกเห็นหลิงหยุนทำท่าจะกลับ ก็รีบร้องเรียกทันที..
หลิงหยุนจึงถามขึ้นว่า “ทำไมเหรอครับ.. หรือว่าท่านเซียนหยกจะเปลี่ยนใจไม่ขาย? หรือเช็คของผมมีปัญหาอะไร?”
“ไม่ใช่.. ไม่ใช่!”
ใบหน้าขาวอวบของเซียนหยกเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เขารีบยกมือขึ้นโบกปฏิเสธพร้อมกับร้องบอกหลิงหยุนว่า
“น้องชาย.. ฉันไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนใจ แล้วเช็คของเธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้เธอยังไปใหนไม่ได้ ทุกคนกำลังคอยให้เธอตัดราชาหินอยู่!”
‘ต้องเปิดต่อหน้าผู้คนด้วยงั้นรึ?’
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า หากเปิดมาทุกคนก็ต้องเห็นว่าข้างในเป็นสีเขียวอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นคงจะกลายเป็นข่าวใหญ่โตถึงขั้นเป็นข่าวพาดหัวไปเลยก็ได้!
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนจึงยิ้มและแสร้งทำเป็นโง่ “เซียนหยก.. ผมต้องขอโทษด้วย ที่ผมซื้อหินพวกนี้ไปก็เพื่อต้องการนำกลับไปตกแต่งบ้าน ไม่ได้ซื้อมาเพื่อการพนันหิน..”
หลังจากสิ้นเสียงของหลิงหยุน บรรยากาศภายในลานกว้างก็เงียบกริบเข้าไปอีก!
อะไรนะ?! ไม่ได้ซื้อมาเพื่อพนันหิน แต่ซื้อกลับไปตกแต่งบ้าน?! ใช้เงินแปดสิบล้านเพื่อซื้อหินกลับไปตกแต่งบ้านนี่นะ?!
ทุกคนฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งอึ้ง!
หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปที่ราชาหินสีดำก้อนพร้อมกับพูดยิ้มๆ “ผมซื้อราชาหินก้อนนี้เพื่อนำกลับไปตกแต่งบ้าน และผมก็ไม่ได้ต้องการซื้อมาเพื่อหวังขายทำกำไร?”
อะไรนะ.. หินก้อนใหญ่มหึมาสีดำก้อนนี่นะ?! ดูท่าเขาคงจะร่ำรวยมากเลยถึงได้ซื้อเศษหินพวกนี้ไปในราคาสูงริบเพื่อไปตกแต่งบ้าน..
แทบไม่ต้องพูดถึงผู้คนที่อยู่รอบๆตัวหลิงหยุน ไม่เว้นแม้แต่ซ่งเจิ้งหยาง มู่หลงเวิ่นฉี ทุกคนต่างก็ช็อคกันหมด และได้แต่คิดว่าก่อนหน้านี้หลิงหยุนก็ดูสมองเป็นปกติดี แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้?
เกิดอะไรขึ้นกับหลิงหยุนในวันนี้?!
เซียนหยกยังคงเกลี้ยกล่อมต่อ “น้องชาย.. หินที่อยู่ในลานด้านหลังนี้ ล้วนเป็นหินดิบที่มีไว้เพื่อการพนันหิน และมันก็เป็นกฎระเบียบในการซื้อขายของที่นี่..”
“ถ้าเธอซื้อราชาหินไป แต่ไม่ยอมให้ตัดออกดูตามกฏระเบียบ หลังจากนี้หออวี้ติงเซวียนจะทำธุรกิจต่อไปยังไงล่ะ..?”
ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเซียนหยกจะร้อนใจมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าจะพบเจอคนประหลาดเช่นหลิงหยุน ที่ไม่ได้มาซื้อหินอิบเพื่อการพนันหิน แต่กลับซื้อเพื่อนำไปประดับตกแต่งดูเล่นที่บ้าน
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “แต่นี่เป็นหินสำหรับตกแต่งบ้านผม หากผมตัดออกมาแล้วปรากฏว่าข้างในไม่ได้เป็นสีเขียว ก็เท่ากับว่าหินตกแต่งบ้านของผมเสียหายฟรีๆ ผมจะยอมให้ตัดดู ถ้ามีคนพร้อมจะจ่ายค่าเสียหายให้กับผม..”
และในที่สุดหางจิ้งจอกของหลิงหยุนก็โผล่ออกมาจนได้ แน่นอนว่าเขาต้องการใช้โอกาสนี้ต่อรองแลกเปลี่ยนกับหินมังกรเขียวของเซียนหยก!
ในเมื่อหลิงหยุนยืนกรานเช่นนี้ เซียนหยกเองก็หมดหนทาง ได้แต่หันกลับไปมองซ่งเจิ้งหยางและมู่หลงเวิ่นฉีเพื่อขอความช่วยเหลือ
ซ่งเจิ้งหยางเห็นว่าในเมื่อหลิงหยุนจ่ายเงินซื้อไปแล้วก็คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว อีกทั้งเขาเองก็ต้องการรู้ว่าท้ายที่สุดราชาหินก้อนนี้จะเป็นสีเขียวหรือไม่? จึงได้แต่ร้องบอกหลิงหยุนไปว่า
“หลิงหยุน.. เธอก็ตัดออกดูหน่อยเถอะนะ! หากไม่ยอมตัด ทุกคนในที่นี้คงต้องกระอักเลือดตายด้วยความอยากรู้อยากเห็นแน่..”
“ผมไม่ตัดครับ.. เพราะนี่เป็นหินสำหรับตกแต่งบ้านผม!”
หลิงหยุนไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น เพราะหินก้อนนี้เป็นของเขาแล้ว หากเขาไม่ต้องการที่จะตัดมันออกดู คนทั่วทั้งจิงฉูก็ไม่มีใครสามารถบังคับเขาได้
“หลิงหยุน.. เอาเป็นว่าถ้าตัดออกดูแล้วปรากฏว่าข้างในไม่ใช่สีเขียว หากเธอต้องการจะเปลี่ยนใจไม่ซื้อ ฉันก็จะช่วยพูดกับเซียนหยกให้เอง” ซ่งเจิ้งหยางกระซิบกับหลิงหยุน
“ผมไม่ตัดครับ.. และขอแสดงความเสียใจกับทุกคนด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง! ผมเลือกซื้อหินก้อนนี้เพราะชื่นชอบรูปลักษณ์ที่ประหลาดของมัน และมันเป็นหินที่เหมาะกับการตกแต่งบ้านของผมที่สุด หากตัดออกดู รูปลักษณ์ของมันก็เสียหาย เช่นนี้แล้วจะนำไปตกแต่งบ้านอีกได้ยังไงกัน?”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นได้ยินกันทั่วทั้งบริเวณ และทุกคนต่างก็ได้แต่อึ้งพูดอะไรไม่ออก เขาใช้เงินแปดสิบล้านซื้อราชาหิน และเศษหินพวกนั้นเพียงเพราะรูปร่างที่แปลกประหลาดของมันงั้นหรือ? และต้องการนำไปเป็นของตกแต่งบ้านทั้งหมดจริงๆงั้นหรือ?
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ยังคลางแคลงใจ ราชาหินก้อนนี้พวกเขาเห็นตั้งแต่มันยังยาวแปดเมตร จนกระทั่งถูกตัดเหลือเท่านี้ และถูกทิ้งร้างไว้นานหลายปีโดยไม่มีใครสนใจ พวกเขาไม่ได้รู้สึกอิจฉาที่หลิงหยุนได้ไปครอบครองแม้แต่น้อย
ซ่งเจิ้งหยางเองก็ถึงกับอึ้งไปเช่นกัน แต่ก็แนะนำไปว่า “งั้นเธอก็บอกมาว่าต้องการให้ตัดยังไง แล้วฉันจะบอกกับพวกเขาให้เอง”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้ม ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดกว่าเดิม “ลุงซ่งครับ.. คุณลุงไม่ต้องเกลี้ยกล่อมผมแล้วครับ ยังไงผมก็ไม่ตัดสมบัติชิ้นนี้ของตัวเอง? ผมบอกแล้วไงว่าจะตัดออกดูก็ต่อเมื่อมีคนยินดีจ่ายค่าเสียหายคืนให้..”
ซ่งเจิ้งหยางได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนก็ถึงกับส่ายหน้า และหันไปมองเซียนหยกด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนแล้วพูดกับเขาว่า
“เซียนหยก.. คุณได้ยินที่หลิงหยุนพูดแล้วใช่มั๊ย? หลิงหยุนใช้เงินมากมายซื้อเศษหินของคุณเพื่อนำกลับไปตกแต่งบ้าน เรื่องนี้คงไม่มีทางออกอื่นอีกแล้วล่ะ..”
เซียนหยกเองก็ได้ยินข้อเสนอของหลิงหยุนแล้ว เขาเหลือบมองหินมังกรเขียวของตนเองพร้อมกับคิดในใจว่า
‘เด็กนี่ดูเหมือนจะต้องการสมบัติชิ้นนี้ของทางร้าน..’
แต่ไม่ว่าอย่างไร.. เขาก็ไม่มีทางยกสมบัติล้ำค่าของทางร้านนี้ให้กับหลิงหยุนอย่างแน่นอน เขาซื้อมันมาด้วยจำนวนเงินที่สูงถึงสองร้อยล้านหยวน แม้จะมีคนมาเสนอเงินให้ถึงสี่ร้อยล้านหยวนเพื่อขอซื้อ เขาก็ยังไม่ยอมขาย เขาจะไม่ยอมให้หลิงหยุนนำเงื่อนไขการตัดราชาหินนั่นมาทำให้เขาต้องสูญเสียหินมังกรเขียวอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนดูเหมือนจะย้ำเรื่องค่าเสียหายอยู่หลายครั้ง ทำให้เซียนหยกนึกถึงหินมังกรเขียวของตนเอง นับได้ว่าเซียนหยกนั้นเฉลียวฉลาดเหนือคนธรรมดาสามัญอย่างมาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้.. เซียนหยกก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจ้องมองไปทางรถเข็นทั้งสามคันของหลิงหยุน และคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลิงหยุนจะนำหินจำนวนมากขนาดนี้ไปตกแต่งบ้านจริงๆ? และเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า หินในรถเข็นทั้งสามคันนั้นจะมีสีเขียวบ้างหรือไม่?
แล้วเซียนหยกก็หันไปมองเถ้าแก่ฮั่น จากนั้นจึงหันไปมองหน้าซ่งเจิ้งหยางและมู่หลงเวิ่นฉีก่อนจะหันไปบอกหลิงหยุน
“น้องชาย.. ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้ตัดราชาหยกก้อนนี้ พวกเราก็คงไม่สามารถบีบบังคับเธอได้ แต่กฎของหออวี้ติงเซวียนก็ไม่สามารถทำลายได้เช่นกัน เธอเองก็ซื้อหินไปตั้งมากมาย ถ้าไงก็ตัดหินนั่นให้ทุกคนดูแทนก็แล้วกัน?”
“จริงด้วย.. อย่างน้อยก็ต้องตัดออกดูสักสองสามก้อน!”
“ตัดหินก้อนเล็กๆพวกนั้นไปหมดก็ยังไม่มีค่าเท่ากับราชาหินก้อนเดียว พวกเรารอดูราชาหิน!”
“ใช่ๆ ตัดอย่างน้อยสิบเซนติเมตรก็ยังดี..”
คำพูดของเซียนหยกได้รับการสนับสนุนจากทุกคน คำพูดที่ออกจากปากของชายผู้นี้มักจะมีเหตุมีผลที่ใครก็เถียงไม่ได้เสมอ แม้แต่หลิงหยุนเองก็ยังจนมุม..
เมื่อถูกเซียนหยกปล่อยหมัดชกเขาอย่างแรง.. หลิงหยุนจึงได้แต่แอบบ่มพึมพำอยู่ในใจ แต่แล้วความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นมา หากเขาผ่าหินก้อนอื่นออกดูแล้วเป็นสีเขียวทั้งหมด ทุกคนก็คงจะเร่งเร้าให้ผ่าราชาหินออกดู ถึงตอนนั้นดูสิว่าเซียนหยกจะทำอย่างไร?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิงหยุนจึงแสร้งทำเป็นอิดออด และพูดออกไปว่า “เฮ้อ.. กฎเกณฑ์บ้าบออะไรกัน? ปัญหาเยอะจริงๆ!”
หลิงหยุนแสร้งทำเป็นพูดโง่ๆให้ทุกคนหัวเราะ..
หลิงหยุนเดินไปที่รถเข็นทั้งสามคันของตัวเอง จากนั้นก็ยกหินดิบที่ไม่มีพลังชีวิตมาสี่ห้าก้อนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ.. ถ้าอยากจะตัดดูจริงๆ ก็ตัดหินพวกนี้ดูก่อนก็แล้วกัน น่าเบื่อจริงๆ..”
เซียนหยกสั่งให้คนนำหินที่หลิงหยุนหยิบออกมาไปวางไว้ที่จุดตัดหินทันที เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเศษหินที่หลิงหยุนขนซื้อไปนั้นจะมีสีเขียวบ้างหรือไม่? และหากตัดออกดูแล้วไม่มีสีเขียวสักก้อน ก็แสดงว่าเด็กนี่มีแต่เงินเท่านั้น และถึงตอนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องตัดราชาหินดูอีก!
“ไปดูดีกว่า.. ถ้าเป็นสีเขียวอย่างน้อยก็จะได้เงินกลับคืนมาบ้างเล็กๆน้อยๆก็ยังดี!” ถังเมิ่งลุกขึ้นเอามือปัดฝุ่นที่ก้น และรีบฝ่าฝูงชนเข้าไปที่จุดตัดหินทันที
ส่วนเซียนหยก เถ้าแก่ฮั่น ซ่งเจิ้งหยาง และมู่หลงเวิ่นฉี ต่างก็ยังคงนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ เพราะมั่นใจว่าไม่มีทางเป็นสีเขียวไปได้อย่างแน่นอน
ไม่เพียงแค่หินพวกนั้นเท่านั้น ความจริงแล้วพวกเขาต่างก็มั่นใจว่าหินที่หลิงหยุนเลือกไว้ทั้งหมดนั้นไม่มีทางที่จะมีก้อนใหนเป็นสีเขียวเลยด้วยซ้ำ เว้นแต่ว่าหลิงหยุนจะโชคดีมากจริงๆ!
เซียนหยกมองหลิงหยุนยิ้มๆ “น้องชาย.. คนที่จะตัดหินให้กับเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตัดหินของทางหออวี้ติงเซวียนที่สุดเลยล่ะ!”
และเมื่อเห็นท่าทางที่ดูลุ้นมากของหลิงหยุน เขาจึงได้แต่ล้อเลียน “น้องชาย.. ถ้าเป็นสีเขียวขึ้นมาจริงๆ อย่าลืมขายให้กับหออวี้ติงเซวียนด้วยล่ะ!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า “ผมตั้งใจซื้อหิน แต่จะเป็นหยกหรือเป็นอะไร.. ผมก็ไม่สนใจ!”
จูหย่งหวังและโหวเย่าจงเองก็คร้านที่จะเดินไปดูเช่นกัน และทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าเวลาอับอายขายหน้าของหลิงหยุนได้มาถึงแล้ว..
จูหย่งหวังมองหลิงหยุนอย่างสมเพชพร้อมกับร้องบอกไปว่า “หลิงหยุน.. ถ้าในรถของนายทั้งสามคันมีสีเขียวสักก้อน ฉันจะยอมจ่ายเงินค่าหินทั้งสามคันรถให้กับนายเอง!”
หลิงหยุนตอบกลับเสียงเรียบ “ได้..! แต่ถ้าจะจ่าย คุณต้องจ่ายทั้งหมดแปดสิบล้านเลยนะ! แล้วถ้าปรากฏว่าเป็นสีเขียวจริงๆ ก็อย่ากลับคำล่ะ!”
“แน่นอน..! นายฝันไปเถอะว่าจะมีสีเขียว ชาติหน้าโน่นล่ะ!”
โหวเย่าจงพูดต่อทันที “หลิงหยุน.. ฉันจะดูว่าถ้าไม่มีสีเขียวสักก้อน นายจะทำหน้ายังไง?”
หลิงหยุนรีบห้ามตี้เสี่ยวอู๋ที่ร้องออกไปว่า “แต่ฉันการันตีได้ว่าไม่เกินคืนพรุ่งนี้ฟันของนายจะร่วงหมดปากแน่!”
เซียนหยกยังคงจ้องมองหลิงหยุนนิ่งไม่พูดไม่จา แต่ก็ยังอ่านหลิงหยุนไม่ออก..
บรรยากาศภายในลานเริ่มเงียบกริบ ทุกคนกำลังรอคอยผลของหินที่กำลังถูกตัดด้วยเครื่องมืออย่างใจจดใจจ่อ
และเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง.. เสียงตะโกนดังมาจากจุดตัดหิน
“เป็นสีเขียวจริงๆ”
“มันคือหยก.. และเป็นหยกเนื้อน้ำแข็งเสียด้วย!”
“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหยกจริงๆ”