บทที่ 319 : ข่าวเรื่องสมุดจักรพรรดิ
เมื่อเห็นกำแพงสีดำเคลื่อนที่ได้เอง หลิงหยุนก็ถึงกับตกใจและเจ้าขาวปุยเองก็ถึงกับหวาดกลัวเช่นกัน มันกัดชายเสื้อของหลิงหยุนไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้
‘หากเป็นมังกรจริงๆ คงไม่มีทางหลบหนีได้?’ หลิงหยุนครุ่นคิดพร้อมกับสำรวจดูทางหนีทีไล่
เพราะหากเป็นมังกรจริงๆ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าด้วยความสามารถในขั้นปรับร่างกาย-4 ของหลิงหยุนนั้น ไม่มีทางที่เขาจะต่อกรกับมันได้อย่างแน่นอน!
‘ไม่ต้องกลัว.. ข้าขอเข้าไปดูหน่อยเดียว..’ หลิงหยุนส่งกระแสจิตบอกกับเจ้าขาวปุย เขาไม่กล้าแม้แต่จะกระซิบออกมา
ตอนนี้ไข่มุกราตรีทั้งหมดก็ถูกเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่แล้ว หลิงหยุนจึงค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้กำแพงสีดำนั่นด้วยความตื่นเต้น และกระตือรือร้นอย่างมาก
แต่เพียงแค่เห็นหลิงหยุนก็ถึงกับตกใจสุดขีด!
มันไม่ใช่กำแพงสีดำ.. แต่เป็นลำตัวของงูที่มีขนาดใหญ่มโหฬาร ใหญ่กว่างูเหลือมยักษ์ที่เขาเพิ่งพบมาหลายเท่านัก แต่ก็ไม่ใช่มังกรแน่ๆเพราะมันไม่มีขา น่าจะเป็นงูเหลือมที่มีขนาดใหญ่มโหฬารมากกว่า
ลำตัวของมันใหญ่และยาวมาก จนกระทั่งหลิงหยุนไม่สามารถมองเห็นหัวของมันได้ เพราะลำตัวของมันนั้นยาวสุดลูกหูลูกตา ยาวจนแม้แต่สายตาของเขาก็ไม่สามารถมองเห็นมองเห็นหัวของมันได้
ขนาดลำตัวของมันนั้นสูงเท่ากับร่างของหลิงหยุน และเกล็ดของมันหนึ่งเกล็ดก็มีขนาดเท่ากับอ่างล้างหน้า และมีสำดำแวววาว
ไม่ว่าจะเป็นบนสวรรค์หรือโลกมนุษย์ หากสถานที่ใดมีของวิเศษหรือสมับติล้ำค่าอยู่ ก็ย่อมต้องมีผู้พิทักษ์เป็นธรรมดา เป็นเรื่องที่หลิงหยุนเข้าใจได้ดี เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าผู้พิทักษ์น้ำลายมังกรจะเป็นงูขนาดมโหฬารเช่นนี้
หลิงหยุนเรียกกระบี่มังกรดำขึ้นมาถือไว้ในมือในขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางถ้ำที่มืดมิด เขารู้สึกว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เขาตัดสินใจได้ลำบากที่สุด..
‘เจ้ายังต้องการน้ำลายมังกรอยู่หรือไม่..หลิงหยุน? หากต้องการ.. เจ้าจะสามารถเอาชนะงูยักษ์นี้ได้งั้นรึ? หากไม่.. เจ้าก็ต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด?’
การจะฆ่างูที่มีลำตัวใหญ่มโหฬารถึงเพียงนี้ หลิงหยุนรู้ดีว่ากำลังในขั้นปรับร่างกาย-4 ของเขานั้นยังไม่เพียงพอ ต่อให้ใช้พู่กันจักรพรรดิก็ตามที!
พู่กันจักรพรรดิอาจสามารถแทงและกรีดเกล็ดที่ใหญ่ยักษ์ของมันได้ แต่แล้วยังไง? สำหรับงูที่มีลำตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ การทำเช่นนั้นกับเจ้างูยักษ์คงจะทำให้มันรู้สึกไม่ต่างจากการถูกยุงกัด!
หลิงหยุนกัดฟันและต้องการที่จะล้มเลิกความตั้งใจ และรอให้เข้าสู่ขั้นที่แข็งแกร่งกว่านี้ก่อน จึงค่อยกลับมาที่นี่อีกครั้ง! แต่ปัญหาก็คือ.. มันไม่ใช่เพียงแค่น้ำลายมังกรเท่านั้น!
บริเวณนี้คือหัวใจของค่ายกลมังกรหยินหยาง แน่นอนว่าต้องมีสมบัติล้ำค่าอีกมากมาย หากจะบอกว่าหลิงหยุนไม่ต้องการ ก็คงจะเป็นการพูดโกหก..
‘ขาวปุย.. หรือเราจะลองดู?!’
ภายในถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่โตมาก และเจ้างูยักษ์นี้ก็ยังไม่ขยับตัว เขากับเจ้าขาวปุยอาจจะหาช่องว่างที่จะสามารถแอบเข้าไปข้างใน?
หลิงหยุนตัดใจทิ้งสมบัติล้ำค่าตรงหน้านี้ไปไม่ได้ อย่างน้อยถ้านำกลับไปด้วยไม่ได้ ขอแค่เห็นก็ยังดี แล้วค่อยกลับมาเอาใหม่ครั้งหน้า
เจ้าขาวปุยเห็นสายตาของหลิงหยุนที่มองเข้าไปด้านใน มันก็ได้แต่พยักหน้าด้วยความกลัว
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นว่า “หากเจ้าไม่อยากเข้าไป เจ้าก็ไปหาที่หลบซ่อนคอยข้า ข้าจะเข้าไปดูข้างใน ถ้าเอากลับไปได้ ข้าก็จะเอา แต่ถ้าเอากลับไปไม่ได้ ข้าก็ไม่เอา..”
เมื่อเจ้าขาวปุยเห็นหลิงหยุนอนุญาตให้มันหลบไปซ่อนตัวได้ มันก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที มันมองหลิงหยุนด้วยแววตาเป็นประกาย
“เอาล่ะ.. งั้นก็ไปกันได้แล้ว!” หลิงหยุนบอกเจ้าขาวปุยยิ้มๆ
แต่เพียงแค่เอ่ยปาก.. หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงดังอยู่ทางด้านหน้า มีเสียงคนตะโกนคุยกันออกมาเสียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาก็เริ่มเห็นร่างใหญ่มโหฬารของเจ้างูยักษ์เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง!
“แย่แล้ว.. เพราะเจ้าคนโง่พวกนั้นทีเดียว!” หลิงหยุนรีบอุ้มเจ้าขาวปุยหลบหนีทันที
หากไม่มีเสียงคนร้องตะโกน หลิงหยุนมั่นใจว่าเขากับเจ้าขาวปุยจะสามารถแอบเข้าไปสำหรวจบริเวณตำแหน่งหัวใจที่อยู่ด้านหลังของเจ้างูยักษ์นี้ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถกลับออกมาได้อย่างสบายๆ
แต่ตอนนี้ เสียงคนตะโกนคุยกันกลับปลุกเจ้างูยักษ์เฝ้าสมบัตินี้ให้ตื่น!
ในเมื่อเจ้างูยักษ์มันตื่นขึ้นมาแล้ว.. และตอนนี้หลิงหยุนเองก็ได้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 แล้ว และยังมีพลังชีวิตที่กระจายออกมาจากน้ำลายมังกรอีก หลิงหยุนจึงตัดสินใจที่จะลองดู..
เนื่องจากบริเวณนี้เป็นตำแหน่งหัวใจมังกร จึงมีทางที่สามารถทะลุเข้าสู่ถ้ำแห่งนี้ได้หลายทาง และหยิงหยุนก็มั่นใจว่าคนพวกนั้นต้องเข้ามาอีกทางอย่างแน่นอน
ร่างของหลิงหยุนพุ่งไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงคล้ายเหล็กกระทบกัน แล้วก็มีเสียงคนร้องตะโกนออกมา “งูเหลือมนี้ตัวใหญ่มากเกินไป ไม่สามารถตัดมันขาดได้!”
หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับคิดในใจว่า งูยักษ์ตัวนี้ไม่สามารถใช้อาวุธธรรมดาจัดการได้ เพราะฉะนั้นกระบี่มังกรดำที่อยู่ในมือของเขา ก็อาจจะใช้ไม่ได้เช่นกัน!
หลิงหยุนค่อนข้างมั่นใจว่า ผู้ที่สามารถเข้ามาจนถึงค่ายกลมังกรหยินหยางแห่งนี้ได้นั้น จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นผู้ที่ฝึกวิทยายุทธมา ไม่เช่นนั้นแล้ว คงจะไม่สามารถรักษาชีวิตจนเข้ามาถึงจุดนี้ได้แน่
ดูเหมือนเจ้างูเหลือมยักษ์ตัวนี้ยังไม่โกรธ หลิงหยุนจึงค่อยๆหลบออกจากเส้นทางเลื้อยของมัน และรีบมุ่งหน้าไปยังบริเวณหัวใจมังกรทันที!
“ขาวปุย.. กอดข้าไว้ให้แน่นๆล่ะ!”
หลิงหยุนไม่โง่ถึงขนาดที่จะยั่วยุเจ้างูยักษ์ตัวนี้แน่ เขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตเข้มข้นที่กระจายออกมาจากน้ำลายมังกร เขามองเห็นบ่อหินที่ด้านในมีสีขาวขุ่นคล้ายนม ของเหลวที่อยู่ในนั้นต้องเป็นน้ำลายมังกรอย่างแน่นอน!
ลำตัวขนาดยักษ์ของเจ้างูเหลือมค่อยๆเลื้อยไปขดเป็นวงกลมหลายชั้นล้อมรอบบ่อน้ำลายมังกรไว้ ลำตัวส่วนหัวของมันตั้งสูงขึ้นมากกว่าสิบเมตร ดวงตาสองข้างของมันมีขนาดใหญ่เท่าลูกบาสเก็ตบอลและส่องสว่างราวกับหลอดไฟ แววตาของมันที่จ้องมองไปยังผู้คนที่อยู่บนพื้นนั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธ
หลิงหยุนรีบวิ่งไปทางด้านหางของงูยักษ์อย่างเงียบๆ เขากระโดดขึ้นและมองไปยังช่องที่เป็นรูขนาดใหญ่
หลิงหยุนเห็นคนราวแปดหรือเก้าคนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง และรู้สึกดีใจและแปลกใจไม่น้อยที่เห็นตู้กู่โม่อยู่ที่นั่นด้วย
มีคนราวแปดหรือเก้าคนอยู่ทางด้านโน้น เขารู้สึกดีใจและแปลกใจไม่น้อยที่เห็นตู้กู่โม่อยู่ที่นั่นด้วย ในเวลานั้นชายที่ถือกระบี่ในมือเพื่อใช้โจมตีเจ้างูยักษ์ก็หันมาเห็นหลิงหยุนพอดี เขามองหลิงหยุนด้วยสีหน้าตกใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“มีคนมาที่นี่ด้วย! ดูท่ามันคงต้องได้ข่าวเรื่องสมุดจักรพรรดิแน่!”
หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่า.. จะตะโกนหาสวรรค์วิมารอะไรกัน! เขาไม่สนใจตู้กู่โม่ที่มีสีหน้าตกใจอย่างมาก แต่กลับรีบหันไปมองประตูหินสามบานที่อยู่ในถ้ำ!
หลิงหยุนมองเห็นประตูถ้ำได้อย่างชัดเจน ภายในถ้ำนั้นนอกจากน้ำลายมังกรแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ดังนั้นหากจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ที่นี่จริง ก็จะต้องอยู่ด้านหลังประตูหินสามบานนี้อย่างแน่นอน
‘อะไรนะ?! สมุดจักรพรรดิงั้นรึ?!’ หลิงหยุนได้ยินเสียงที่ชายคนนั้นร้องตะโกนออกมา!
หลิงหยุนมีพู่กันจักรพรรดิแล้ว.. แต่ตอนนี้กลับได้ยินว่าที่นี่มีสมุดจักรพรรดิอีก และแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าไม่ต่างจากพู่กันจักรพรรดิด้ามนี้แน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลิงหยุนจึงเปลี่ยนใจและหยุดเรื่องการเอาไปเอาน้ำลายมังกรไว้ชั่วคราวก่อน!
ตอนนี้ หางของเจ้างูเหลือมยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มากนั้น ได้สะบัดเข้าใส่ตู้กู่โม่และคนอื่นๆกระเด็นออกไป!
ทั้งเก้าคนที่มาที่นี่นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-8 ขึ้นไป พวกเขาจึงสามารถกระโดดหลบได้ทันและไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
เจ้างูเหลือมยักษ์ไม่สามารถทำอันตรายคนพวกนั้นได้แม้แต่น้อย มันจึงเริ่มโกรธและฟาดหางที่ใหญ่โตของมันออกไปอีกครั้ง ในขณะที่คนพวกนั้นสามารถหลบการโจมตีของมันได้อีก เจ้างูยักษ์ก็ฉกปากที่กว้างใหญ่ของมันเข้าไปที่ชายคนหนึ่ง!
ดูเหมือนว่าชายผู้นั้นน่าจะอยู่ในขั้นโฮว่เทียน-9 คนผู้นั้นมองงูยักษ์ที่ฉกเข้าใส่อย่างไม่มีทีท่าตื่นตระหนกแม้แต่น้อย จากนั้นก็ค่อยๆกระโดดหลบกลางอากาศ และสามารถหลบพ้นจากการโจมตีของเจ้างูยักษ์ได้
‘ยอดเยี่ยมมาก!’ หลิงหยุนมองฉากหลบที่สวยงามและแอบนึกชื่นชมอยู่ในใจ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเจ้างูยักษ์จะโกรธมากทีเดียว มันไม่รอให้ยอดฝีมือผู้นั้นร่อนลงสู่พื้นดิน หัวของมันพุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้งอย่างดุร้าย
หากครั้งนี้ยอดฝีมือผู้นั้นไม่สามารถหลบได้แล้วล่ะก็ เขาจะต้องตายทันทีอย่างแน่นอน แต่ดูท่ายอดฝีมือผู้นั้นก็ไม่ได้เกรงกลัวอันตรายเลยแม้แต่น้อย มือขวาที่ถือดาบอยู่พุ่งเข้าใส่หัวของเจ้างูยักษ์ และเปิดฉากต่อสู้กับมันอย่างจริงจัง
หลิงหยุนเพียงแค่คิดอยู่ในใจว่า.. หากยอดฝีมือเหล่านี้ไม่ร่วมมือกันโจมตีเจ้างูยักษ์นี้พร้อมๆกัน ก็ไม่มีทางที่จะฆ่ามันได้อย่างแน่นอน
ตู้กู่โม่กระโดดหลบการโจมตีของงูยักษ์ เขาตรงเข้ามายืนอยู่หน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามยิ้มๆ “หลิงหยุน.. ไม่คิดว่าจะพบเจ้าที่นี่!”
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า “นั่นสิ.. นี่ล่ะมั้งที่เรียกว่าพรหมลิขิต อยู่ไกลกันแค่ใหนก็ต้องมาพบกันจนได้..”
หลิงหยุนกับเจ้าขาวปุยกระโดดหลบไปอยู่ด้านข้างของถ้ำหิน เพื่อหลบรัศมีการโจมตีของเจ้างูยักษ์ และตู้กู่โม่ก็ตามไปด้วยเช่นกัน
ตู้กู่โม่มองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “ข้าไม่เจอเจ้าแค่สองสามวัน ดูเหมือนกำลังภายในของเจ้าจะพัฒนาขึ้นมาก เจ้าใช้เคล็ดวิชาอะไรฝึกกำลังภายในกันแน่ ทำไมถึงได้ก้าวหน้ารวดเร็วแบบนี้?!”
หลิงหยุนมองตู้กู่โม่พร้อมกับหัวเราะ “ฉันยังไม่ก้าวหน้าไปถึงใหนเลย? แล้วนายล่ะ.. ตอนนี้เข้าสู่ขั้นโฮว่เทียน-9 แล้วสินะ?!”
ตู้กู่โม่รู้สึกแปลกใจ “เจ้ารู้ได้ยังไง? นี่เจ้าดูออกด้วยรึ?”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับไปถามถึงยอดฝีมือที่กำลังถูกงูยักษ์โจมตีอยู่ในขณะนี้ “คนพวกนั้นมากับนายรึเปล่า?”
ตู้กู่โม่ส่ายหน้าทันที “ข้ามาคนเดียว แต่บังเอิญมาเจอกันข้างล่าง คนพวกนั้นเป็นคนของตระกูลเก่าแก่ กับนิกายลับ..”
หลิงหยุนถามเสียงเรียบ “ฉันได้ยินใครบางคนพูดถึงสมุดจักรพรรดิ.. อะไรคือสมุดจักรพรรดิ? ที่นี่มีของแบบนี้ด้วยเหรอ?”
ตู้กู่โม่ขมวดคิ้ว “หลิงหยุน.. เจ้าไม่รู้หรือยังไงว่าประเทศจีนมีตำนานเรื่องสมุดจักรพรรดิ และก็เกิดขึ้นที่เมืองจิงฉูแห่งนี้ ตอนนี้พู่กันจักรพรรดิก็ถือกำเนิดแล้ว และที่นี่ก็มีสิ่งลี้ลับมากมาย นี่เป็นหลุมยุบขนาดใหญ่ ใครๆก็ต้องคิดว่าด้านล่างนี้ต้องเป็นจุดกำเนิดของสมุดจักรพรรดิอย่างแน่นอน!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นและใช้กระบี่ปัดเศษหินที่กระเด็นลอยมา “พู่กันจักรพรรดิถือกำเนิดขึ้นแล้วงั้นเหรอ ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินเลย? มีคนสร้างข่าวลือขึ้นมาเองรึเปล่า?”
ตู้กู่โม่ส่ายหน้าพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่หรอก.. พู่กันจักรพรรดิปรากฏขึ้นแล้วจริงๆ มันเป็นเรื่องจริง แม้ว่าจะไม่มีใครเคยเห็นแต่..”
จู่ๆตู้กู่โม่ก็เงียบไปเฉยๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีก แต่หลิงหยุนได้ยินเพียงแค่นั้นก็ถึงกับตกใจ!