Double รักร้ายคูณสอง - ตอนที่ 23
หมับ!
“อ๊ะ…” ฉันอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ท่อนแขนแข็งแรงก็คว้าเอวบางไปโอบแล้วดันให้เข้าไปใกล้เขามากขึ้นโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนเอริคจะโน้มลงมากดจูบที่เนินอกพร้อมกับกระซิบบอกเสียงเข้มต่ำอย่างเย้าแหย่
“กอดแน่นๆ ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บ”
“ระ… รู้แล้ว อื้อ!” มือบางจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังกว้างทันทีที่เอริคค่อยๆ ดุนดันแก่นกายเข้ามาภายในตัวฉันช้าๆ ความอึดอัดปนเสียวซ่านทำให้ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วซบหน้ากับบ่าแกร่งอีกครั้ง
“ผ่อนคลายหน่อยโมนา”
“ฉัน… ฉันก็กำลังทำอยู่นี่ไง อ๊ะ… เอริค”
พรึ่บ
“หึ ว่าไง”
เอริคอุ้มฉันขึ้นไปไว้ในอ้อมแขนแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ ฉันกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงครางเมื่อแก่นกายของเขาขยับเข้ามาในตัวของฉันลึกกว่าเดิม พอเงยหน้าสบกับสายตาคมดุดัน ฝ่ามือหนาก็จับขาเรียวทั้งสองข้างตั้งชันไว้บนเบาะ ฉันสูดหายใจเฮือกใหญ่ ขยับสะโพกขึ้นลงบนตักของเขาเล็กน้อย ให้ตายสิ ตอนนี้สมองฉันมึนเบลอไปหมดแล้ว
“อื้อ ไหนคุณจะเปลี่ยนบรรยากาศไง…” ฉันบอกร่างสูงเสียงแหบพร่าพร้อมกับจิกเล็บไปบนท้ายทอยของเอริคแรงๆ เมื่อเขาค่อยๆ กระแทกกระทั้นเข้าออกด้วยความเร่าร้อน “อ๊ะ… แล้วทำไมถึงมาตรงนี้ อื้อ!”
“อยากเห็นหน้าเธอชัดๆ”
“ว่า… อ๊ะ ว่าไงนะ” เอริคยิ้มบาง นิ้วเรียวยาวเกลี่ยแก้มเนียนใสไปมาแล้วลากไล้นวดคลึงริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา
“อยากเห็นหน้าเธอ… อยากมองให้ชัดๆ”
ฉันเผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย ดวงตาที่หรี่ปรือจ้องมองใบหน้าหล่อคมคายแล้วยิ้มตอบ เอริคขยับแก่นกายเข้าออกเนิบนาบแล้วค่อยๆ รัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาโน้มมาจูบฉันอย่างเร่าร้อน
ความเสียวซ่านเริ่มทวีคูณเมื่อฝ่ามือหนาบีบเค้นยอดอกที่แข็งชูชันจนฉันครางหวิวในลำคอเคล้าเสียงจูบดูดดื่มจากเอริค ให้ตายเถอะ ทำไมครั้งนี้เขาดูรีบร้อนนักนะ แถมสายตาคมคู่สวยยังทำให้ฉันใจเต้นอย่างบ้าคลั่งอีกต่างหาก บ้าชะมัด มันก็แค่เซ็กส์ไม่ใช่หรือไงกัน มันก็แค่เซ็กส์ที่ปราศจากความรู้สึกลึกซึ้งของเราสองคน…
หมับ!
“อ๊ะ… เอริค อื้อ!”
“โมนา คิดอะไรอยู่?” เอริคจับเอวบางแล้วกระแทกกระทั้นเข้ามาหนักหน่วงจนฉันต้องหลับตาพริ้มพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างจนเจ็บ ท่อนแข็นแข็งแรงอีกข้างยังโอบกอดฉันไว้ไม่ห่าง กว่าจะรู้ตัวฉันก็ขยับสะโพกรับแรงกระแทกจากเขาอย่างมึนเบลอ….
“อ๊ะ… อ๊า เอริค!”
“หึ” ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างจับเอวบางแน่น ฉันขยับขึ้นลงบนตักแกร่งสวนรับกับสะโพกสอบรัวเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความเสียวซ่านและความเร่าร้อนของเราสองคน เสียงเฉอะแฉะน่าอายดังสอดประสานกับเสียงจูบของเอริคที่ไล้เลียดูดดึงยอกอกของฉันไม่ห่าง
มือบางเอื้อมไปขยุ้มเส้นผมของร่างสูงโดยไม่รู้ตัวทันทีที่ภายในตอดรัดแก่นกายใหญ่ถี่ยิบ และเอริคคงกลัวว่าฉันจะกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงครางจนเลือดซิบไปซะก่อน เขาเลยผละจากการซุกไซ้หน้าอกของฉันขึ้นมาจูบด้วยความช่ำชองแทน
หัวใจของฉันเต้นตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่… ลิ้นเล็กเกี่ยวตวัดลิ้นเปียกชื้นพร้อมกับมือบางลูบไล้แผงอกกำยำด้วยความเย้ายวน ร่างสูงคำรามในลำคออย่างพอใจ จากนั้นเขาก็กระแทกกระทั้นเข้ามาภายในตัวฉันลึกกว่าเดิมจนจุกปนเสียวซ่านไปหมด…
“อื้อ! อ๊ะ… เอริค ฉัน… อ๊า!!”
สมองของฉันพร่าเบลอ ขาเรียวที่ตั้งชันกับเบาะเก้าอี้เกร็งเมื่อเสียวเกินบรรยาย ฉันแหงนหน้าหลับตาพริ้ม ความสุขสมทำให้ฉันเผลอยิ้มบางก่อนจะซบใบหน้าลงกับบ่าแกร่งอีกครั้ง ฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่นหลังเนียนอย่างปลอบโยน ก่อนจะขยับเข้าออกดุดันสองสามครั้งและแช่แก่นกายไว้นิ่ง เสียงหอบหายใจของเราสองคนผสมผสานกับเสียงแอร์จนแยกแทบไม่ออก ให้ตายสิ ทำไมฉันถึงรู้สึกอบอุ่นกว่าที่เคยกันนะ…
ฟุ่บ
ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเอริคใส่เสื้อผ้าให้ฉันเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีฉันก็นอนอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของเขาซะแล้ว พอค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งฉันกลับเหลือบไปเห็นร่างสูงยืนพิงพนังห้องพร้อมกับยกยิ้มมองมาด้วยสายตาคมวาววับ ฉันเม้มปาก กระแอมกับตัวเองเบาๆ แล้วหันไปหยิบแก้วน้ำเปล่าบนโต๊ะขึ้นมาจิบแก้เก้อ บ้าจริง เอริคจะยืนจ้องฉันไปถึงไหนกันเนี่ย!
“คุณ… คุณหิวข้าวมั้ยคะ นี่ก็จะเลยพักเที่ยงแล้วด้วย เดี๋ยวฉันออกไปซื้อให้ก็ได้”
“ไม่ต้องหรอก” ฉันเลิกคิ้วด้วยความงุนงง เอริคไม่หิวหรือไงน่ะ ตอนนี้ท้องฉันร้องโครกครากไปหมดแล้วนะ ฉันกำลังจะอ้าปากบอกเขาแต่เอริคก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน “ฉันให้เลวี่ไปซื้อมาให้แล้ว เผื่อเธอด้วย”
“งะ…งั้นเหรอ” ฉันพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจแล้วรีบหลบสายตาคมเจ้าเล่ห์ของเขาไปมองทางอื่นด้วยความรวดเร็ว
“เธอคงหิว ใช้พลังงานเยอะไปหน่อย”
“เอริค! หยุดพูดเรื่องนั้นเลยนะ”
เอริคยิ้มขำที่เห็นฉันกะพริบตาปริบๆ และหันขวับไปมองทางบานประตูห้องทำงานของเขาอย่างเลิ่กลั่ก เขาพูดน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมต้องเสียงดังกว่าตอนพูดปกติด้วยเล่า!
“อะไรกัน ก็เราใช้พลังงานกันเยอะจริงๆ”
“เอริค ฉันบอกให้หยุดไงเล่า!”
ฉันขมวดคิ้วมุ่นแล้วเงยหน้ามองเขาอย่างขุ่นเคืองหน่อยๆ ที่กวนประสาทใส่ แต่เอริคกลับยักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้านพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“หึ หยุดไม่ได้หรอก เธอน่ากินขนาดนี้” น่ากินอะไรกันล่ะยะ! เขาหิวจนเพ้อเจ้อไปแล้วหรือไง ว่าแต่… ทำไมหัวใจฉันกลับเต้นผิดจังหวะเพราะคำพูดเลอะเทอะแสนกวนประสาทของเอริคด้วยก็ไม่รู้ เหอะ! ไม่หวั่นไหวหรอก ฉันจะไม่มีทางหวั่นไหวเด็ดขาด!
“ฉันจะไปดูว่าเลวี่มาหรือยัง เหมือนจะได้ยินเสียงเธอน่ะ”
พอเดินดุ่มๆ ออกมาจากห้องทำงานของเอริคได้ฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อยู่กับเขาสองคนแล้วรู้สึกประหม่าชะมัด ทั้งๆ ที่เอริคแค่ยืนจ้องมองร่างกายของฉันด้วยสายตาวาววับเท่านั้นเอง…
“ให้ตายสิ ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้นะ”
ฉันยกมือบางลูบอกข้างซ้ายป้อยๆ เผื่อว่าจังหวะการเต้นของหัวใจจะช้าลงบ้าง แต่มันก็ยังคงเต้นอย่างบ้าคลั่งไม่หายทุกครั้งนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของเอริค ฉันสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดฟุ้งซ่าน โอ๊ย! หยุดเลอะเทอะสักทียัยโมนา!
“โมนา…”
“ตาเถร! โอ๊ะ… เลวี่เองหรอกเหรอ” ฉันสะดุ้งตกใจและเผลออุทานออกไปจนเลวี่ได้แต่มองมาด้วยความสงสัย ฉันเลยยิ้มแห้งไปให้เธอก่อนจะรีบถามเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อนอาการเลิ่กลั่ก “เอ่อ… เลวี่มาแล้วเหรอ เดี๋ยวฉันช่วยถือๆ”
“จ้ะ พอดีคุณเอริคให้ไปซื้อเบอร์เกอร์ที่ร้านใกล้ๆ บริษัทนี่เองน่ะ เลยพักเที่ยงแล้วด้วยคนเลยไม่เยอะเท่าไหร่” เลวี่พยักหน้าหงึกหงักพลางยิ้มสดใสกลับมาให้ฉันเช่นเคย แต่สักพักเธอก็ขมวดคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยอีกครั้ง “ว่าแต่คุณเอริคใช้งานโมนาเยอะเหรอถึงไม่ได้พักกันเลย งานประชุมกับคุณคาลอฟท์ใช่หรือเปล่า มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย?”
“เอ่อ… คือจะว่ายังงั้นก็คงใช่แหละ แต่ไม่เป็นไรหรอกเลวี่ ฉันทำเสร็จหมดแล้วแหละ แหะๆ”
ฉันหัวเราะแห้งๆ อย่างทำตัวไม่ค่อยถูก… จะว่าเอริคใช้ฉัน มันก็จริงนั่นแหละ หนักมากด้วย แถมฉันยังร่วมมือกับเขาอีกต่างหาก ถึงมันจะเป็นงานที่คนละความหมายกับเลวี่ก็เถอะนะ… ฉันกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกด้วยความยากลำบาก อยากจะยกมือทึ้งหนังหัวตัวเองถ้าไม่กลัวว่าเลวี่จะสงสัยกว่าเดิมซะก่อน ฉันไม่ได้อยากโกหกเธอหรอกนะ เพราะฉันคิดว่าเลวี่ก็เหมือนเพื่อนฉัน… แต่จะให้บอกไปตามตรงตอนนี้เลยมันก็ยังไงอยู่…
“งั้นเหรอ ฉันเห็นเธอตั้งใจทำงานเลยกลัวจะเครียดเกินไปน่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะโมนา งานฉันเป็นคนคอยช่วยเลขาอยู่แล้ว”
“อื้อๆ ขอบคุณมากนะเลวี่” ฉันพยักหน้าพลางยิ้มกว้างให้เลวี่อย่างปลื้มใจ ก่อนจะคุยกับเธอเรื่องทั่วไปอีกเล็กน้อยแล้วเอาเบอร์เกอร์ที่เอริคสั่งไปให้เขาที่ห้องทำงาน
ฉันยืนสูดหายใจลึกๆ อยู่หน้าบานประตูเพื่อรวบรวมสมาธิของตัวเอง พยายามไม่นึกถึงเรื่องที่เราสองคนทำเมื่อหลายนาทีก่อน เรื่องนั้นไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวกับเอริคสักหน่อย มันก็แค่ความต้องการอย่างหนึ่งของเราทั้งคู่ที่ไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งไปมากกว่าเจ้านายและเลขา
จำเอาไว้นะยัยโมนา… แกต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ให้สมกับที่เคยบอกท่านประธานไว้ยังไงเล่า!