ตอนที่ 19
“โมนา”
เสียงเข้มต่ำดุดันดังขึ้นข้างใบหูจนฉันสะดุ้งตกใจ แล้วกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเอริคที่ยืนใส่ชุดคาวบอยเท่ๆ อยู่ข้างๆ ให้ตายสิ นี่มันการแสดงอะไรของออสตินไม่ทราบยะ! ทำไมมันถึงดูติดเรท แถมยังมีแส้อะไรก็ไม่รู้ให้ฉันแสดงโชว์ให้ลูกค้าวีไอพีในผับของเขาดูอีกต่างหาก ว่าแต่… ทำไมเอริคใส่ชุดนี้แล้วยังดูเท่ได้อีกล่ะเนี่ย
“เอ่อ… คุณเรียกฉันงั้นเหรอ?”
ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้ร่างสูงเพื่อถามเขาด้วยความสงสัย เสียงดนตรีภายในผับก็ดังจนฉันคุยกับเอริคแทบจะไม่รู้เรื่องอยู่แล้วเนี่ย
“เธอเป็นอะไร กลัวฉันทำพลาดรึไง”
“ฉันไม่กลัวหรอกค่ะ ตอนซ้อมคุณที่ไม่ได้ทำพลาดอะไรหนิ”
เอริคเลิกคิ้วเข้มถามเสียงเข้มต่ำอย่างกวนประสาท ฉันมองสบกับสายตาคมวาววับนิ่งๆ แล้วเบ้ปากส่งไปให้เขาอย่างหมั่นใส้ ก่อนจะยักไหล่และทำท่าทางสบายอกสบายใจ เหมือนไม่ได้กลัวอย่างที่เขาคิด แต่หัวใจฉันตอนนี้มันเต้นตึกตักอย่างตื่นเต้นไปหมดแล้ว แถมไม่สบายอกเลยสักนิดเดียว ชุดมันรัดนมฉันจนหายใจลำบากชะมัดเลย บ้าจริง!
หมับ!
“อะ… เอริค!”
“ชุดมันเล็กไปรึไง แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับชุดหรอกมั้ง” ฉันอ้าปากพะงาบๆ อย่างทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบาง แล้วดึงตัวฉันเข้าไปใกล้ เอริคหัวเราะพอใจพร้อมกับสายตาคมดุดันวาววับมองลงมาตรงเนินอกเต่งตึงที่ล้นออกมาจากชุดเดรสวินเทจสีขาวอย่างเจ้าเล่ห์…
ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่น ขมวดคิ้วและจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความขุ่นเคืองหน่อยๆ แต่แก้มทั้งสองข้างของฉันกลับร้อนผ่าวขึ้นมาซะได้ ยัยโมนา ตกลงแกจะหงุดหงิดเอริคหรือประหม่าหรืออะไรกันแน่ยะ บ้าชะมัด ตอนนี้สมองฉันตีกันไปหมดแล้ว!
“คุณปล่อยฉันได้แล้ว ต้องขึ้นไปแสดงแล้วนะ จะได้จบๆ ซะที…”
“หึ ค่อยมาต่อแล้วกัน ตอนอยู่บนนั้นก็อย่าตกใจล่ะ เชื่อใจฉันก็พอ” ร่างสูงโน้มลงมาเอ่ยบอกชิดใบหูของฉัน ขบเม้มติ่งหูฉันเบาๆ แล้วเขาก็ยอมปล่อยท่อนแขนแข็งแรงออกจากเอวบางพลางเดินยิ้มมุมปากขึ้นไปบนเวทีหน้าฟลอทันที
ฉันใบหน้าร้อนผ่าวมากกว่าเดิม เม้มริมฝีปากแน่น สูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดลึกๆ ส่ายหน้าไปมาเบาๆ ไล่ความประหม่า บ้าชะมัด ความอุ่นร้อนจากริมฝีปากของเอริคยังติดอยู่ที่ใบหูของฉันอยู่เลยเนี่ย!
พอตั้งสติได้ฉันก็รีบเดินตามแผ่นหลังกว้างขึ้นไปบนเวทีด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็ขยับไปยืนอยู่ข้างๆ เก้าอี้นั่งที่วางเอาไว้ใกล้กับเสาสีเงิน ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างตัวตัวไม่ถูก และประหม่ามากกว่าเดิมเมื่อเหลือบไปเห็นลูกค้าที่นั่งรอชมการแสดงแส้บ้าๆ ที่ออสตินเป็นคนคิด
ให้ตายสิ ฉันว่าออสตินต้องการจะแกล้งฉันแน่ๆ เลย หรือไม่เขาก็คงสนุกที่เห็นเอริคคอยกวนประสาทฉันแบบนี้ พวกเขาสองคนเหมาะสมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน ก็ดูสิ… สายตาคมดุดันกำลังจ้องมองมาทางฉันพร้อมกับสะบัดแส้ไปมาเสียงดังไปทั่วผับแบบนั้น แถมเอริคยังจะยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก
“โมนา นั่งสิ”
เอริคเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้าหงึกหงักส่งไปให้เขา ก่อนจะหย่อนก้นลงไปนั่งลงบนเก้าอี้ และฉันเกือบจะหายประหม่าอยู่แล้วถ้าฝ่ามือหนาไม่หยิบดอกกุหลาบสีแดงมาเสียบไว้ตรงร่องอกของฉันเนี่ย!
“เอริค! ทำบ้าอะไรของคุณ เอากุหลาบออกไปนะ…”
“หึ เอาน่า จุดขายเล็กๆ น้อยๆ ของการแสดง”
เอริคโน้มลงมาเอ่ยชิดใบหูจนริมฝีปากติดคล่ำของเขาสัมผัสบริเวณผิวแก้มด้านข้างของฉัน แล้วร่างสูงใหญ่ก็เดินไปยืนห่างจากฉันเท่าความยาวของแส้ทันที ฉันได้แต่อ้าปากพะงาบๆ และบ่นพึมพำเขากับตัวเองเสียงเบาอุบอิบพร้อมกับเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นด้วยความประหม่าที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า คนอย่างเอริคนี่น่าหงุดหงิดจริงๆ ขนาดตอนนี้เขายังจะกวนประสาทฉันได้อีก!
พึ่บ! พึ่บ!
“บ้าจริง ใจเย็นยัยโมนา เพื่อเงินๆ ท่องไว้…”
ทันทีที่ฝ่ามือหนาสะบัดแส้ไปมากลางอากาศโชว์ลูกค้าวีไอพีภายในผับจนเกินเสียงพึ่บพั่บชวนหวาดเสียว ฉันก็นั่งตัวแข็งทื่อเป็นตอไม้ข้างเสาสีเงินทันที เอริคจ้องมองใบหน้าฉันนิ่ง พอเขาเห็นท่าทางตื่นๆ ของฉัน คิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย แต่พอฉันมองสบกับสายตาคมดุดันอีกครั้ง ความตื่นตระหนกกับอาการประหม่าก็ค่อยๆ หายไปเมื่อเอริคยิ้มบางส่งมาให้อย่างอ่อนโยน ถึงเขาจะทำเพียงยกยิ้มอย่างที่ชอบทำ แต่ฉันกลับรู้สึกผ่อนคลายลงและเชื่อใจเขาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด…
พึ่บ!
“อ๊ะ… อึก” ดวงตากลมโตเบิกตาโพรงอย่างตื่นตกใจแล้วหลับตาปี๋ทันทีที่เอริคสะบัดแส้ยาวมารัดก้านดอกกุหลาบสีแดงที่ปักอยู่ตรงร่องอกเต่งตึงไปด้วยความรวดเร็ว เมื่อกี้เขายังยกยิ้มให้ฉันอยู่เลย อย่าบอกนะว่าเอริคหลอกล่อให้ฉันตายใจก่อนน่ะ!
และเสียงปรบมืออย่างตื่นเต้นของลูกค้าไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกปลื้มปิติยินดีเลยสักนิดเดียว คงมีแต่เอริคนั่นแหละที่ดูจะไม่สะทกสะท้านแถมยังยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ส่งมาให้ฉันที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคืองไม่หาย บ้าชะมัด เขาบอกให้ฉันเชื่อใจแต่ดันหลอกล่อให้ฉันตายใจแล้วทำให้ตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมทีหลังเนี่ยนะ บ้าจริง!
พึ่บ! หมับ!
“อึก อ๊ะ เอริค…” ฉันหลับตาปี๋อีกครั้งเมื่อมือหนาสะบัดแส้มาพันรอบเอวบางแล้วเอริคก็กระตุกด้ามแส้จนตัวร่างกายฉันขยับเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ฉันหอบหายใจแรง ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตักระรัวแข่งกับเสียงดนตรีก็เปิดคลอ
“โมนา ลืมตาได้แล้ว”
เสียงเข้มต่ำเอ่ยบอกข้างใบหู ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วก็ชะงักเมื่อร่างสูงโน้มลงมาใกล้และแตะริมฝีปากอุ่นมาบนริมฝีปากฉันแผ่วเบา ก่อนเขาจะเลื่อนลงไปแตะที่หน้าผากมนหนึ่งที จากนั้นฝ่ามือหนาก็หยิบดอกกุหลาบสีแดงที่ปักอยู่ตรงร่องอกเต่งตึงมาให้ฉันถือไว้…
“เอริค…”
“หึ งานจบแล้ว กลับกันเถอะ”
ฉันยืนกะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าหล่อเหลาอย่างทำตัวไม่ถูก กว่าจะรู้ตัวเอริคก็จับข้อมือบางแล้วพาฉันเดินลงมาจากเวทีซะแล้ว ให้ตายเถอะ แล้วทำไมฉันถึงเผลอยิ้มด้วยล่ะเนี่ย แถมมือยังกำดอกกุหลาบไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวจนมันจะหักอีกต่างหาก บ้าชะมัดเลย…
ติ๊ด!
ฉันเอื้อมไปเปิดประตูหลังจากแตะคีการ์ดได้สำเร็จ ดวงตากลมโตเหลือบมองไปทางห้องนอนก่อนจะเดินดุ่มๆ ผลักบานประตูเข้าไปยืนมองร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มคิงไซต์อย่างสบายอกสบายใจ ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นเอริคยังไม่ตื่นตามที่คิดไว้จริงๆ เหอะ ฉันก็อยากจะนอนอีกสักชั่วโมงเหมือนกัน แต่ดันทำไม่ได้เนี่ยสิ น่าหมั่นไส้ชะมัด…
“คุณเอริคตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้คุณคาร์ลอฟจะเข้ามาประชุมนะคะ”
“อืม…” ฉันกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปยืนใกล้เตียงนอนมากกว่าเดิม
พรึ่บ!
“คุณเอริค ฉันบอกว่าให้ตื่นไงคะ มันจะสาย… อ๊ะ”
ฉันที่เพิ่งดึงผ้าห่มผืนหนาที่เอริคห่มออกต้องเบิกตาโพรงพร้อมกับอ้าปากพะงาบๆ เมื่อจู่ๆ ฉันก็ลงมานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนุ่ม ฉันกะพริบตาปริบๆ สบกับสายตาคมดุดันที่จ้องมองใบหน้าฉันนิ่ง คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักที่ฉันมารบกวนเวลานอนอันมีค่าของเขา
“วันนี้ฉันจะไปอยู่ห้องช่าง”
“อะ… อะไรนะคะ? แต่วันนี้คุณคาร์ลอฟจะเข้ามาประชุมนะ คุณจะไปอยู่ที่ห้องช่างได้ยังไงกัน”
ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อสายตาไม่รักดีดันเผลอไปมองซิกแพคแน่นๆ ของเอริคเข้า แต่ให้ตายเถอะ นี่เขาใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเนี่ยนะ! แถมตรงหว่างขาของเขายังดูพองแปลกๆ จนฉันต้องกระแอมกับตัวเอง แล้วบังคับสายตาให้เงยขึ้นมามองใบหน้าหล่อคมคายด้วยความรวดเร็ว
“อือ เดี๋ยวฉันจัดการเอง น่าจะทัน”
“คุณหมายความว่ายังไงน่ะ?”
“เถอะน่า ว่าแต่เธอได้นอนบ้างรึเปล่า”
“ทำไมคะ หน้าตาฉันดูโทรมขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉันขมวดคิ้วมองเอริคที่ยกยิ้มมุมปาก ฝ่ามือหนาปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าของฉันออกให้แผ่วเบา ฉันกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวเมื่อร่างสูงค่อยๆ โน้มลงใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“เปล่า แค่เห็นว่าเมื่อคืนเราทำกันดึก เธออาจจะพักผ่อนไม่พอ”
“ทำ… ทำกัน? คุณพูดอะไรน่ะเอริค ทำบ้าอะไร… เราแค่ไปช่วยงานออสตินแล้วก็กลับไม่ใช่รึไง!”
ฉันกะพริบตาปริบๆ อย่างเลิ่กลั่กไปหมด กัดริมฝีปากล่างแน่นพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงงกับคำพูดของเขา ส่วนเอริคก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าฉันด้วยสายตาคมดุดันนิ่งๆ ก่อนที่เขาจะโน้มลงมาใกล้มากขึ้นจนหน้าอกเต่งตึงแนบชิดไปกับแผงอกกำยำ ให้ตายสิ
“ห้ะ? เอ่อ… เปล่า ฉันก็คิดแบบคุณนั่นแหละ แค่ทำงาน…”
ฉันอึกอักแล้วตอบตะกุกตะกักเมื่อรับรู้ได้ว่าฉันนี่แหละที่คิดไม่ดีไปเอง บ้าจริง แล้วเอริคจะกลั้นขำทำไมไม่ทราบ! เขาพูดจาสองแง่สองง่ามจนฉันสับสน สมองคิดเรื่องเพ้อเจ้อหมดแล้วเนี่ย…
“โมนา”
“อะไรอีกล่ะคะ ว่าแต่เมื่อไหร่คุณจะลุกออกไปสักที จะมานอนเบียดฉันทำไม อะ… เอริค”
“อือ ว่าไง”
ฉันนอนนิ่ง มือบางทั้งสองข้างที่ดันแผงอกกำยำให้ออกห่างก็ชะงักทันทีที่ช่วงต้นขาสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่แข็งๆ และอุ่นร้อนหน่อยๆ พอสบกับสายตาคมดุดันอีกครั้งก็เห็นว่าเอริคกำลังยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาทไม่เลิก ฉันเม้มริมฝีปากแล้วรีบหันหน้าไปมองทางอื่นด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยบอกเขาเสียงดังด้วยความขุ่นเคืองปนประหม่าเล็กน้อย
“คุณ… คุณลุกสักทีสิ มันสายแล้วเนี่ย!”
“หึ ก่อนอาบน้ำฉันต้องออกกำลังกายก่อน”
“เอริค… อ๊ะ เอริคโน้มตัวลงมาคล้ายวิดพื้นจนปลายจมูกของเราชนกัน เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไงน่ะ จะวิดพื้นบนเตียงแบบนี้ทำไมไม่ทราบยะ!
“โมนา อยู่เฉยๆ สิ”
“คุณลุกเดี๋ยวนี้นะเอริค!”
“ยังไม่ครบเลย”
“นี่!”
แปะ!
“หึ” ฉันตีท่อนแขนแข็งแรงและแผงอกกำยำไปสองสามทีอย่างหงุดหงิด เมื่อเอริคเอาแต่วิดพื้นโดยที่ฉันยังนอนอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่บนเตียง เอริคหัวเราะต่ำในลำคอแกร่งอย่างไม่สะทกสะท้าน ถึงแม้ว่าแผงอกของเขาจะแดงเป็นรอยนิ้วมือฉันแล้วก็ตาม
“เอริค ลุกได้แล้ว ฉันอึดอัด!”
ฉันหยุดดิ้นและนอนสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเริ่มรู้สึกเหนื่อยที่พยายามดันเอริคให้ออกห่างแต่เขากลับไม่ขยับสักนิดเดียว แถมตอนนี้ร่างสูงยังโน้มใบหน้าหล่อคมคายลงมาซุกที่ซอกคอของฉันพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ อีกต่างหาก ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้วิดพื้นแบบเอริคแล้วทำไมถึงเหนื่อยแบบนี้กันล่ะเนี่ย ว่าแต่… คนบ้าอะไรมาวิดพื้นบนเตียงนอนแบบนี้ไม่ทราบยะ!
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงรถยนต์ราคาแพงก็ขับเข้ามาจอดที่บริษัทได้ทันเวลาพอดี ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อก้มลงมองนาฬิกาแล้วเห็นว่ายังไม่สายเท่าไหร่ พอหันกลับไปมองร่างสูงที่นั่งหัวยุ่งหน่อยๆ อยู่หลังพวงมาลัยรถก็ต้องกรอกตามองบนอย่างเอือมๆ
ถึงเอริคจะขับรถเร็วจนฉันหัวใจจะวายตายเพื่อมาทำงานให้ทัน แต่สภาพเขาตอนนี้ไม่ได้เหมือนเจ้าของบริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินรายใหญ่เลยสักนิดเดียว ให้ตายสิ เพราะเขามัวแต่วิดพื้นบ้าบอบนเตียงนั่นแหละ ไม่งั้นก็ไม่ต้องรีบมาขนาดนี้หรอก!
“คุณเอริคคะ ผูกเนกไทด้วยค่ะ”
“มันอึดอัด”
“คุณจะใส่ชุดนี้เข้าบริษัทจริงๆ งั้นเหรอ อย่างน้อยก็เปลี่ยนเสื้อหน่อยเถอะ”
เอริคยกยิ้มมุมปาก เขาหันมามองใบหน้าฉันพลางเลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นไปพาดบ่าแกร่งเอาไว้แล้วลงจากรถยนต์โดยที่ฉันนั่งกะพริบตาปริบๆ อย่างมึนงง แต่พอตั้งสติได้ฉันก็รีบเดินตาเขาเข้าไปในลิฟต์ด้วยความรวดเร็ว เขาคิดจะทำอะไรก็บอกกันหน่อยก็ไม่ได้หรือไงกันล่ะเนี่ย
“เอามาไว้เปลี่ยนแล้ว พอใจยัง”
เสียงเข้มต่ำที่ดังอยู่ข้างใบหูทำให้ฉันต้องขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแล้วเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาคมดุดันอย่างขุ่นเคือง เอริคหัวเราะเบาๆ เขากลับไปยืนนิ่งข้างๆ ตามเดิมเมื่อกวนประสาทฉันจนพอใจแล้ว
“ถึงจะไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่… แต่ก็ยังดีที่คุณคิดจะเปลี่ยนจากเสื้อเน่าๆ นั่นเป็นเชิ้ตก่อนเข้าประชุมกับคุณคาร์ลอฟ”
ฉันเหลือบมองเสื้อยืดของเอริคแล้วถอนหายใจ ถึงเสื้อเขาจะเป็นแบรนด์เนมดังก็ตามแต่สีมันซีด และแทบจะขาดติดมือได้อยู่แล้วถ้าฉันเผลอดึงแรงเกินไป ฉันเข้าใจอยู่หรอกว่าเอริคเป็นคนไม่สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่เขามาทำหน้าที่แทนท่านประธานนะ แต่งตัวให้พนักงานกับคนรอบข้างรับรู้หน่อยก็ได้มั้งว่าเป็นเจ้าของบริษัทน่ะ ให้ตายเถอะ
“คาร์ลอฟไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเรื่องการแต่งตัวหรอก อีกอย่างฉันไปห้องช่างก็คงเปื้อนอยู่ดี”
เอริคยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจที่ฉันว่าเสื้อยืดของเขาเป็นเสื้อเน่า ฉันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แล้วเดินตามเขาออกจากลิฟต์ ก่อนเท้าทั้งสองข้างจะชะงักเมื่อเห็นว่าเอริคกดมายังชั้นห้องช่างซ่อมเครื่องยนต์โดยไม่ได้ขึ้นไปที่ห้องทำงานก่อน นี่เอริคไม่คิดจะขึ้นไปห้องทำงานของเขาเลยหรือไงกัน ฉันต้องเอาเอกสารกับบอกตารางงานให้เลวี่ฟังด้วยเนี่ย!
“คุณเอริค มีเอกสารที่คุณต้องเซ็นอยู่ที่ห้องทำงานนะคะ”
“เดี๋ยวค่อยขึ้นไป”
“แต่มันเป็นเอกสารด่วนนะ ฉันต้องเอาไปให้เลวี่ก่อนด้วย”
“งั้นเธอก็เซ็นให้ได้เลย”
“คุณว่าไงนะ?!”
ฉันกะพริบตาปริบๆ มองเอริคด้วยความมึนงง เขาหันมายิ้มมุมปากแล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าฉันยืนขมวดคิ้วมุ่นอย่างขุ่นเคือง เอริคเป็นบ้าหรือไงน่ะ ฉันจะไปเซ็นเอกสารพวกนั้นแทนเขาได้ยังไงกันล่ะยะ!
“อย่าเพิ่งโมโห งั้นรอไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
“คุณจะทำอะไรน่ะ?”
“ช่วยช่างซ่อมแป๊บนึง ที่นี่มันร้อน เธอขึ้นไปทำงานก่อนก็ได้”
หมับ
จู่ๆ นิ้วเรียวยาวก็ปัดเส้นผมฉันไปทัดใบหูเอาไว้ให้ สายตาคมจ้องมองใบหน้าของฉันนิ่ง เสียงเครื่องจักรกับเสียงช่างในห้องซ่อมใหญ่พูดคุยกันทำให้ฉันรีบตั้งสติ ก่อนจะกระแอมแล้วหันหน้าหนีเอริคไปมองบรรยากาศรอบๆ แทน บรรยากาศที่มีแต่เครื่องยนต์ของเครื่องบินเต็มไปหมด แถมกลิ่นเหล็กและกลิ่นน้ำมันเครื่องก็ช่างน่ารื่นรม โรแมนติกดีจริงๆ ให้ตายสิ ฉันประชดน่ะนะ…
“คุณเอริคครับ เครื่องตรงนี้มีปัญหานิดหน่อยตามที่แจ้งไปวันก่อน”
“อือ เดี๋ยวผมตามไปดู”
เอริคหันไปพยักหน้าให้ช่างที่เดินเข้ามาบอกพร้อมกับชี้ให้ดูตรงกระดาษที่จดอะไรไว้ไม่รู้ขยุกขยิกเต็มไปหมด พอช่างคนนั้นเดินกลับไปทำงานต่อ ฉันก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เงยหนามองร่างสูงแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตของเขาที่พาดเอาไว้บนไหล่กำยำมาถือไว้
“งั้นฉันจะขึ้นไปเคลียร์เอกสารกับตารางงานของคุณ ใกล้ถึงเวลาแล้วฉันจะลงมาหาแล้วกันนะคะ”
“เดี๋ยวโมนา”
หมับ!
“คะ? อื้อ…” ดวงตากลมโตเบิกโพรงเมื่อท่อนแขนแข็งแรงคว้าเอวบางแล้วดันตัวฉันเข้าไปในซอกข้างชั้นวางอุปกรณ์ ก่อนเอริคจะโน้มลงมาประกบจูบกับด้วยความรวดเร็ว มือบางกำเสื้อยืดของเขาเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว เอริคขบเม้มริมฝีปากล่างของฉันจนต้องเผยอริมฝีปากออกให้เขาดุนดันลิ้นเปียกชื้นเข้ามาตวัดลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ฉันหลับตาพริ้ม ร่างกายแนบชิดแผงอกกำยำมากขึ้นกว่าเดิม…
แควก!
เอริคกับฉันชะงักนิ่งไปทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนอะไรขาด พอเขาค่อยๆ ผละริมฝีปากออก ร่างสูงก็ก้มลงไปมองที่เสื้อยืดของเขา ฉันเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเงยหน้าสบกับสายตาคมดุดันตาปริบๆ ทันที
“เอ่อ…”
“เธอทำมันขาดเหรอ โมนา” เอริคเลิกคิ้วถามเสียงเข้มต่ำ ฉันกระแอมเบาๆ แล้วเหลือบมองไปยังเสื้อยืดตรงแผงอกกำยำที่ขาดจากการที่ฉันกำมันแน่นเกินไปอีกครั้ง เขาอยากมาจูบฉันก่อนทำไมกันล่ะ ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าเสื้อยืดของเขามันแทบจะขาดติดมือได้อยู่แล้ว และมันก็ขาดจริงๆ ด้วย ให้ตายสิ…
“ก็จู่ๆ คุณมาทำแบบนั้นกับฉันทำไมล่ะ ฉัน… ไปทำงานดีกว่า”
พอบอกเอริคจบ ฉันก็รีบหันหลังเดินไปทางขึ้นลิฟต์ด้วยความรวดเร็ว บ้าจริง แล้วทำไมพอนึกถึงจูบเมื่อกี้หัวใจฉันถึงได้เต้นตึกตักแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย!
ฉันสูดหายใจลึกๆ สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านเพื่อตั้งสติทันทีที่มาถึงห้องทำงาน นั่งนิ่งทำสมาธิสักพักก็เหลือบมองกองเอกสารที่สูงเกือบเท่าตึกใบหยกบนโต๊ะอีกครั้ง
“ทำงานสิยัยโมนา ไปคิดเรื่องเอริคทำไมก็ไม่รู้ บ้าจริง…”
กริ๊ง~
นั่งก้มหน้าเคลียร์กองเอกสารตรงหน้าได้ประมาณยี่สิบนาที เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น ฉันมองหมายเลยที่ติดต่อเข้ามาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าเป็นเบอร์จากโต๊ะทำงานของเลวี่ ก่อนเข้ามาที่ห้องฉันไปเอาเอกสารจากเธอแล้วนี่นา
“ฮัลโหลเลวี่”
[โมนาได้ดูตารางงานใหม่ที่ส่งไปให้เมื่อเช้าหรือยัง?]
“ตารางใหม่เหรอ…”
[ใช่ๆ อีกยี่สิบนาทีคุณคาร์ลอฟจะเข้ามานะ พอดีฉันโทรมาเตือนน่ะ เผื่อว่าโมนาจะลืม เพราะไม่เห็นคุณเอริคเข้ามาที่ห้องทำงานเลย]
ฉันที่กำลังจดงานนั่งนิ่งและอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะตอบอะไรเลวี่ดี ให้ตายสิ ฉันดูตารางงานล่าสุดคือเมื่อคืน ส่วนตอนเช้าก็มัวแต่สู้รบกับเอริคที่กวนประสาทฉันไม่เลิกจนไม่ได้เช็กอะไรอีกรอบเลย
“โอเคเลวี่ ขอบคุณมากนะ”
พอรวบรวมสติได้ ฉันก็บอกเลวี่และวางสายด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตของเอริคที่แขวนเอาไว้แล้วคว้ากระเป๋าวิ่งไปที่ลิฟต์อย่างไม่คิดชีวิตทันที ให้ตายสิ ฉันวิ่งจนขาแทบพันกันตกส้นสูงตายอยู่แล้วเนี่ย!
ติ๊ง!
“โอ๊ย… เหนื่อยชะมัด แล้วเอริคอยู่ไหนน่ะ” และพอวิ่งกระหืดหระหอบมาถึงห้องช่าง ฉันก็หันไปมองรอบๆ แต่ก็ยังไม่เห็นเอริคแม้แต่เงาเลยสักนิด บ้าชะมัด แล้วเขาไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ? ห้องช่างก็กว้างซะขนาดนี้ใครจะไปเดินหาไหว โอ๊ย! ฉันอยากจะบ้าตาย ใกล้เวลาที่คุณคาร์ลอฟจะมาถึงบริษัทแล้วด้วยสิ!
“หมุนอีกๆ มันยังไม่แน่นเลย”
“เอ่อ… เห็นคุณเอริคมั้ยคะ?”
ฉันเหลือบไปเห็นช่างที่กำลังซ่อมอะไหล่เครื่องบินอยู่ใกล้ๆ เลยเดินเข้าไปถามพร้อมกับส่งยิ้มกว้างไปให้เขาอย่างเป็นมิตร เขาหันมาเลิกคิ้วมองฉันด้วยความงุนงงหน่อยๆ แล้วสักพักก็พยักหน้าเข้าใจ
“อ้อ คุณเป็นเลขาของคุณเอริคสินะ ผมเห็นเขาบอกว่าจะไปเช็กแผนงานที่ห้องทำงานตรงนั้นน่ะครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
ฉันยิ้มกว้างอย่างโล่งอกที่เอริคไม่ได้หนีหายไปไหนแบบวันนั้น แล้วรีบเดินฉับๆ ด้วยส้นสูงที่เหมือนส้นรองเท้าจะหักเพราะรีบมาที่นี่ไปหน่อยก่อนจะเข้ามาที่ห้องช่างใหญ่เลยเผลอเดินตกหลุมตรงทางข้ามฝั่งมาตึกนี้น่ะสิ ดีนะไม่หัวทิ่มพื้นไปซะก่อน ไม่งั้นพังทั้งงานพังทั้งหน้าฉันแน่ๆ บ้าชะมัดเลยยัยโมนา
“คุณเอริค… เอ๊ะ?”
พอเปิดประตูเข้ามาที่ห้องทำงานเล็กๆ ฉันก็ยืนงุนงงเมื่อไม่เห็นมีใครอยู่ในนี้สักคน ลองเดินเข้าไปดูในห้องด้วยความสงสัยก็เห็นว่ามีแผ่นกระดาษแผนงานเครื่องบินกางอยู่บนโต๊ะ แล้วเอริคไปไหนของเขาน่ะ? ให้ตายเถอะ มันจะยี่สิบนาทีตามที่เลวี่บอกว่าคุณคาร์ลอฟจะเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ!
“มีอะไรโมนา”
“ว๊าย! โอ๊ย… ฉันตกใจหมด ทำไมคุณมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงก่อนเล่า”
“ก็ถามอยู่นี่ไง ตกใจอะไรของเธอ”
ฉันยกมือทาบอกแล้วหันไปมองร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ที่อยู่ภายในห้องนี้อย่างตกใจ เอริคเลิกคิ้วเข้มมองใบหน้าฉันนิ่ง สักพักเขาก็ยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่จ้องซิกแพคของเขาตาปริบๆ ว่าแต่… ทำไมเอริคถึงได้ถอดเสื้อเปลือยท่อนบนแบบนี้ได้ล่ะยะ!
“คุณ… คุณต้องรีบขึ้นไปที่ห้องทำงานได้แล้วนะ คุณคาร์ลอฟกำลังมา ประชุมถูกเลื่อนให้เร็วขึ้นน่ะค่ะ”
“ไหนเธอบอกว่าอีกหลายชั่วโมงคาร์ลอฟถึงจะมาไง”
“เอ่อ… ฉันไม่ได้เช็กตารางงานเมื่อเช้าใหม่…” ฉันกระแอมแล้วบอกเอริคเสียงเบาอุบอิบอย่างประหม่าหน่อยๆ มันเป็นความผิดของฉันเองนั่นแหละที่ไม่เช็กตารางงานของเขาอีกรอบ ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเอริคกวนประสาทฉันก็เถอะ บ้าจริง…
“โมนา”
เอริคเอยเรียกเสียงเข้มต่ำสีหน้าเรียบนิ่ง ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เอริคยิ้มมุมปาก แล้วจู่ๆ ฝ่ามือหนาก็เท้าลงมายังโต๊ะทำงานจนฉันชะงักเพราะกลายเป็นว่าเขากำลังกักขังฉันไว้ไม่ให้หนีไปจากอ้อมแขนของเขาได้ จากนั้นเขาก็โน้มมาใกล้จนฉันเม้มริมฝีปาก และรีบยกมือดันแผงอกกำยำเปลือยเปล่าเอาไว้ด้วยความประหม่าปนไม่สบอารมณ์ตัวเองนิดๆ ที่ไม่เช็กตารางงานของเขาให้ดี
“คุณเรียกฉันทำไม แล้วก็ขยับออกไปห่างๆ หน่อยได้มั้ยคะ…”
“ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ว่าอะไรสักหน่อย”
“แต่ว่าฉันเป็นเลขาของคุณแล้วไม่เช็กตารางคุณให้ละเอียดอีกรอบเองนะ วันนี้คุณมีประชุมกับเอกสารที่ต้องเซ็นอีกตั้งเยอะ ถ้าตารางถูกเลื่อนก็หมายความว่างานของคุณก็อาจล่าช้า แล้วแบบนี้… อื้อ!”
หมับ!
จู่ๆ เอริคโน้มลงมาประกบริมฝีปากอิ่มโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว ลิ้นเปียกชื้นดุดันเข้ามาตวัดลิ้นเล็กอย่างช้ำชอง ดวงตากลมโตสบกับสายตาคมดุดันนิ่ง แผงอกกำยำแนบชิดกับหน้าอกเต่งตึง และสะโพกกลมกลึมก็ขยับไปชนกับขอบโต๊ะทำงานจนฉันแทบจะนั่งลงไปบนนั้นอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ เอริคทำแบบนี้อีกแล้วนะ หัวใจฉันก็เต้นรุนแรงไม่หยุดหย่อนอยู่ได้ น่าหงุดหงิดชะมัดเลย!
Chapters
Comments
- ตอนที่ 23 มกราคม 31, 2022
- ตอนที่ 22 มกราคม 31, 2022
- ตอนที่ 21 มกราคม 31, 2022
- ตอนที่ 20 มกราคม 27, 2022
- ตอนที่ 19 มกราคม 25, 2022
- ตอนที่ 18 มกราคม 25, 2022
- ตอนที่ 17 มกราคม 25, 2022
- ตอนที่ 16 มกราคม 25, 2022
- ตอนที่ 15 มกราคม 25, 2022
- ตอนที่ 14 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 13 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 12 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 11 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 10 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 9 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 8 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 7 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 6 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 4 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 3 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 2 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 1 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 0 มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ มกราคม 24, 2022
MANGA DISCUSSION