Divine Beast Adventures - ตอนที่ 1 ยุคสมัยใหม่
ในห้องเล็กคับแคบ เตียงนอนเรียบๆวางข้างโต๊ะเก่าที่มีโคมไฟเปล่งแสงสลัว
ข้างประตูมีกระจกสี่เหลี่ยมกว้างประมาณหนึ่งฟุตแขวนบนผนัง ใบหน้าอ่อนเยาว์ของชายหนุ่มสะท้อนในนั้น ดวงตาของเขาดูสับสน
ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงหญิงสาววัยกลางคน
“เสี่ยวเช่อ มันดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอนอีก?พรุ่งนี้ลูกยังต้องไปทดสอบพรสวรรค์ผู้ฝึกอสูรในโรงเรียนนะ”
ความสับสนในดวงตาของชายหนุ่มหายไป”ผมรู้แล้วแม่ ผมกำลังจะนอนแล้ว”
เสียงเท้าด้านนอกประตูห่างออกไปเรื่อยๆ รอยยิ้มคลุมเครือปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่มขณะพึมพำกับตัวเอง”ทำไมต้องทำให้วุ่นวายด้วย?ก็แค่ปล่อยเลยตามเลย นี่นับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่”
ชื่อของเด็กหนุ่มคือจางเช่อ นักเรียนมัธยมปลายจากโรงเรียนมัธยมหมายเลขสองเมืองเฉียนเหว่ย ซึ่งตั้งอยู่ฮั่วเซียกลางของพันธมิตรดาวพุธ
ดาวนี้ก็คือดาวพุธ ซึ่งครอบครองเทคโนโลยีกับความสัมพันธ์ทางการเมืองที่คล้ายคลึงกับโลก แต่ทว่า พื้นที่ของดาวพุธมีมากกว่าโลกถึงสิบเท่า
36 ปีก่อน ดาวถูกแบ่งออกเป็นหลายร้อยประเทศและหลายภูมิภาค แต่น่าเสียดาย หายนะร้ายแรงได้กวาดล้างดาวพุธในตอนนั้น
พายุมิติรุนแรงได้กวาดไปทั่วทั้งดาว ตอนมันสลาย พื้นผิวดาวพุธก็พัง สิ่งก่อสร้างกว่าครึ่งโดนทำลาย และประชากรเกือบหนึ่งในสามก็หายไป มันคือหายนะร้ายแรงที่เทียบได้กับวันโลกาวินาศ
ตอนผู้คนคิดว่าหายนะจะจบลงแล้ว ประตูมิติลึกลับกลับปรากฏขึ้นทั่วดาว สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกจากประตูมิติเหล่านั้น โจมตีเมืองของมนุษย์
สัตว์อสูรเหล่านี้มาในหลากหลายขนาดและรูปทรง ครอบครองพลังน่าหวาดหวั่น แม้กระทั่งตัวที่อ่อนแอสุดในบรรดาพวกมันก็ยังแข็งแกร่งพอๆกับสัตว์ป่าดุร้าย ส่วนตัวที่แข็งแกร่งไม่สามารถฆ่าได้ด้วยขีปนาวุธซึ่งทำได้แค่ให้พวกมันบาดเจ็บ มันเป็นการยากที่จะกวาดล้างพวกมันทั้งหมด
การทำสงครามกับสัตว์อสูรเหล่านี้กินเวลาสามปีเต็ม และประเทศอ่อนแอบางประเทศก็โดนกำจัด ประเทศที่แข็งแกร่งเสียหายหนักเช่นกัน อันเป็นผลมาจากสงคราม ประชากรมนุษย์ลดลงอีกครึ่งหนึ่ง หลงเหลือเพียงแค่หนึ่งในสามของประชากรเดิม
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อสุดคือหลังจากที่สัตว์อสูรเหล่านี้ตายไป พวกมันจะไม่ทิ้งศพไว้ด้านหลัง แต่พวกมันจะกลายเป็นบอลแสงและบินกลับเข้าประตูมิติลึกลับเหล่านั้น ทำให้นักวิจัยของดาวพุธไม่สามารถศึกษาพวกมันได้เลย
หลังทำสงครามสามปี แม้สัตว์อสูรจะไม่โดนกวาดล้างอย่างทั่วถึง พวกมันก็โดนขับไล่ออกจากเมืองมนุษย์ ตั้งแต่นั้นมา สองฝ่ายก็สู้กันอย่างเท่าเทียม
ขณะที่สงครามยังดำเนิน ประเทศที่หลงเหลือบนดาวพุธพยายามร่วมมือกัน และในที่สุดพันธมิตรดาวพุธก็ก่อตั้งขึ้น พวกเขาก่อตั้งทีมสำรวจจำนวนมากที่ประกอบด้วยทหารกับนักวิทยาศาสตร์ และทำการข้ามประตูมิติเหล่านั้นแม้จะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อตามหาวิธีกำจัดสัตว์อสูรเหล่านั้น
หลังจากที่ทีมสำรวจเข้าไปในประตูมิติ พวกเขาก็ค้นพบว่านอกประตูนั้นเป็นโลกกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด อุปกรณ์ของพวกเขาสูญเสียการทำงาน และอาวุธปืนก็ไม่ต่างอะไรกับแท่งไฟ พวกเขาทำได้แค่พึ่งพาอาวุธเย็นเพื่อสู้กับสัตว์อสูร(ของจำพวกดาบ มีด)
ตอนทีมสำรวจฆ่าสัตว์อสูรในโลกไร้การสำรวจได้ พวกเขารู้สึกแปลกใจที่พบว่าแม้สัตว์อสูรจะยังไม่ทิ้งศพไว้ แต่ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะได้รับการ์ดลึกลับ นอกจากนี้ พวกคนที่มีพลังจิตวิญญาณแกร่งกล้ากว่าคนทั่วไปสามารถกระตุ้นผลสะท้อนกับการ์ดได้ และกระตุ้นการ์ด จำลองมันเป็นสัตว์อสูร อาวุธหรือเกราะป้องกัน เพิ่มพลังของทีมสำรวจขึ้นอย่างมาก
การ์ดเช่นนี้ถูกเรียกรวมกันว่าการ์ดอสูร
คนที่สามารถกระตุ้นผลสะท้อนทางวิญญาณจะถูกเรียกกันว่าผู้ใช้อสูร
ตั้งแต่นั้นมา มนุษย์ก็ได้เข้าสู่ยุคสมัยใหม่!
หลังพบความลับนี้ รัฐบาลร่วมก็พลันลงทุนทรัพยากรมนุษย์จำนวนมากเพื่อเข้าประตูมิติแต่ละแห่ง พวกเขาเข่นฆ่าสัตว์อสูรจำนวนมากและเพิ่มจำนวนผู้ใช้อสูรทีละคน
เพื่อนำความสงบสุขกับความมั่นคงกลับคืนดาวพุธ ผู้ใช้อสูรกลุ่มแรกได้เข้าสนามรบ พวกเขากลับมาดาวพุธเพื่อกำจัดสัตว์อสูร ขณะที่รับเอาการ์ดอสูรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ถึงกระนั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจคือหลังผู้ใช้อสูรฆ่าสัตว์อสูรที่หลงเหลือบนดาวพุธจนหมด พวกเขาพบว่าสัตว์อสูรกลับทิ้งศพไว้ แต่ไม่ทิ้งการ์ดอสูรใดเลย
แต่ทว่า นี่ก็มากพอแล้วสำหรับพันธมิตร ด้วยศพของสัตว์เหล่านี้ งานวิจัยจึงดำเนินได้ อย่างน้อย วัตถุดิบเฉพาะที่พบในศพพวกมันก็กลายเป็นทรัพยากรให้พวกเขาได้
พอจำนวนกับพลังของผู้ใช้อสูรเพิ่ม ขนาดของสงครามก็เริ่มเอนมาทางมนุษย์ สุดท้าย สัตว์อสูรที่หลงเหลือบนดาวพุธก็โดนกวาดล้างจนเกือบหมดหลังผ่านไปหลายปี
เพียงเมื่อคนส่วนใหญ่คิดว่าดาวพุธสงบสุขแล้ว หน่วยงานรัฐบาลกับหน่วยงานวิจัยต่างๆรวมทั้งบริษัทใหญ่ต่างคร่ำครวญว่าจะไม่มีเนื้อหาวิจัยเพิ่ม สิบปีหลังการโจมตีระลอกแรก สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนก็ได้กรูกันออกจากประตูมิติอีกครั้ง
แม้จะไม่ต่างจากการโจมตีรอบแรกมากนัก ตัวที่ทรงพลังสุดในหมู่พวกมันก็ไม่สามารถฆ่าได้ด้วยขีปนาวุธหรืออาวุธหนักอื่น สุดท้าย พวกเขาก็ทำได้แค่พึ่งพานักสู้ที่มีความสามารถสูงในผู้ใช้อสูรกลุ่มแรกเพื่อเข่นฆ่าพวกมันหลังเสียหายหนัก
ตอนนั้นเองที่พันธมิตรดาวพุธได้ตระหนักถึงความโหดร้ายของยุคสมัยใหม่ ฝูงสัตว์อสูรจะโผล่ออกจากประตูมิติทุกๆสิบปี และพลังของพวกมันจะยิ่งสูงกว่าระลอกก่อน
สำหรับพันธมิตรดาวพุธ นี่เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย
ซากศพของสัตว์อสูรสายพันธุต่างๆจะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีบนดาวพุธ ในทางกลับกัน ด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง นั่นยังหมายความว่าดาวพุธจะตกอยู่ในอันตรายจากการสูญพันธุ์
พอพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมอยู่อาศัยของพวกเขาและความจริงที่อาวุธหนักไม่พอจะฆ่าสัตว์อสูร ผู้ใช้อสูรระดับสูงจึงกลายเป็นขุมกำลังหลักในการรับมือกับการโจมตี
พอเวลาผ่านไป ผู้ใช้อสูรก็ค่อยๆกลายเป็นที่เคารพอย่างสูง ในเวลาเดียวกัน สถานะทางสังคมของพวกเขาก็สูงสุดเช่นกัน
แต่ทว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเป็นผู้ใช้อสูรได้สำเร็จ พวกเขาจะต้องกระตุ้นการสะท้อนทางวิญญาณกับการ์ดอสูรให้ได้ ซึ่งต้องการพลังจิตวิญญาณในระดับหนึ่ง
หลังผ่านไปหลายสิบปี การวิจัยก็ได้พิสูจน์แล้วว่าการจะเป็นผู้ใช้อสูรนั้น คนต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปี แต่ทว่า ถ้ายังไม่สามารถกลายเป็นผู้ใช้อสูรได้ตอนอายุ 18 งั้นโอกาสพวกเขาก็จะต่ำลงมาก มีโอกาสไม่ถึงหนึ่งในพันด้วยซ้ำที่จะทำได้
จางเช่อจะอายุ 18 ในอีกครึ่งเดือน เขาได้เข้าร่วมการทดสอบสี่ครั้งแล้วตั้งแต่อายุ 16 แต่ทุกความพยายามก็ล้มเหลว
ถ้าจางเช่อล้มเหลวในการทดสอบที่กำลังจะเกิด อาชีพสูงส่งของผู้ใช้อสูรคงเกินเอื้อมสำหรับเขา
“ฮี่ๆ นี่ไม่ใช่การเปิดตัวสุดคลาสสิคของพระเอกแสนขยะเหรอ?ฉันไม่คิดเลยว่าสวรรค์จะเล่นแบบนี้ตอนฉันมาเกิดใหม่ในโลกนี้ นี่ไม่ใช่กระแสนิยมแล้วนะ?!”
จางเช่อยิ้มขมขื่น ส่ายหัวขณะปิดไฟและนอน
มันคงไม่ดีที่เขาจะคิดเรื่องนี้ เนื่องจากเขาได้ข้ามโลกมาแล้ว มันจึงไม่สมเหตุสมผลหากสวรรค์ไม่เตรียมทางลัดไว้ให้เขา! มันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนเขาจะค้นพบมัน…
นั่นคือวิธีที่จางเช่อใช้ปลอบใจตัวเอง