Devil's love ทิ้งรักของนายปีศาจไป - ตอนที่ 217 ผมชอบ
จากเอ๋อร์ไห่ไปยังเมืองโบราณต้าหลี่ แต่ละชุมชนล้วนมีรถโดยสารประจำทางไปยังที่นั่น
มันอาจไม่ได้เหมือนรถบัสขนาดใหญ่ในเมือง เป็นเพียงรถมินิบัสขนาดสิบกว่าที่นั่งในสมัยก่อนเท่านั้น
บัดนี้หญิงสาวและลู่หมิงชูขับรถปิกอัพของโฮมสเตย์ ตรงไปยังถนนที่เข้าสู่เมืองโบราณต้าหลี่
ข้างทางเต็มไปด้วยเทือกสวนไร่นา บรรดาตึกสูงเสียดฟ้านั้นหาพบไม่ได้ในที่นี้
ลู่หมิงชูลดกระจกรถลงมาแล้วถามว่า “ฟังเพลงไหม?”
“แล้วแต่คุณ” หญิงสาวเหล่มองอย่างไร้อารมณ์ เธอเอนตัวพิงเบาะข้างคนขับ ส่ายหัวงัวเงียไม่อยากพูด
ลู่หมิงชูเหล่มองเธอ
สายลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างรถ แต่ผมยาวสลวยดำขลับของเธอที่ยาวไปถึงเอว กลับทำให้เสียสมาธิเล็กน้อย
ผมของเธอปลิวไสวปกคลุมตรงหน้าผากแล้วปลิวมาที่หูของเธอ ชายหนุ่มเหยียดปลายนิ้วที่เรียวยาวของเขาออกมาแล้วเอนตัวเข้าไป
แก้มอันเย็นเยือกของเธอสัมผัสได้กับมือที่กำลังจะเข้ามา เธอรีบลืมตาขึ้นเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณจะทำอะไรน่ะ?”
“ผมปิดหน้าคุณครับ” เขายิ้มตอบ และทำเป็นไม่เห็นความระมัดระวังในดวงตาของเธอเมื่อครู่ นิ้วเรียวยาวของเขาสะบัดผมที่ปิดบังใบหน้าเธอออกอย่างรวดเร็วแล้วนำไปเหน็บที่หลังหูเธอ
“เพียะ!” เขาถูกตีเข้าอีกครั้ง มือนั้นตบลงไปบนหลังมือขาวผ่องของลู่หมิงชูอย่างไม่แยแส
“โอ๊ย!” ผู้หญิงคนนี้!
เมฆดำปรากฏขึ้นในดวงตาของลู่หมิงชู แต่ในวินาทีต่อมาความน้อยใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “เถ้าแก่เนี้ยครับ คุณทำแบบนี้ช่างไม่เห็นใจผมบ้างเลย ผมแค่หวังดีเห็นว่าผมคุณยุ่งเท่านั้นเอง ก็เลยช่วยปัดให้”
ช่วยปัดเหรอ?
หญิงสาวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณลู่ชอบถึงเนื้อถึงตัวคนอื่นเหรอคะ?”
เธอเริ่มหงุดหงิด นี่มันแต๊ะอั๋งเธอชัดๆ
“เอ่อ……ผม……” ชายหนุ่มพูดอย่างลังเล
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น “เอ่ออะไรคะ?”
“คือ……ผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ” เมื่อลู่หมิงชูพูดประโยคนี้ออกไป ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็เขินอายเล็กน้อย หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบไป
โรคย้ำคิดย้ำทำเหรอ…… ถ้าอย่างนั้นคงโทษเขาไม่ได้จริงๆ
เธอมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆอีกครั้ง…… ท่าทางที่รู้สึกผิดและดวงตาเต็มไปด้วยความละอาย มันเป็นเรื่องจริงไม่ได้ดูเหมือนโกหก
หรือว่า…… เธอเข้าใจเขาผิดไปจริงๆ?
หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขับรถดีๆหน่อยค่ะ”
เมื่อลู่หมิงชูหันศีรษะกลับไป ริมฝีปากของเขาก็เชิดขึ้นเล็กน้อย ดวงตาดุจดั่งนกฟีนิกซ์ของเขาก็หรี่ลงอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นระหว่างทางก็ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก มีเพียงบทเพลงในรถที่วนซ้ำอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าลู่หมิงชูอดทนกับเพลงแบบนี้ที่ผู้หญิงชอบฟังได้อย่างไร แต่เอาเถอะ ในรถคันนี้ฟังเพลงนี้ได้เพียงเพลงเดียวเท่านั้น ก็จำเป็นต้องฟังมันไป
จากการนำทางของGPSพวกเขาขับอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงเมืองโบราณต้าหลี่
ก่อนที่หญิงสาวจะลงจากรถ เธอได้พูดขึ้นว่า “คุณลู่ ฉันบอกก่อนนะว่าขาของฉันเดินเร็วไม่ได้ ถ้าคุณยังยืนกรานให้ฉันไปเลือกของเป็นเพื่อนคุณ คุณก็จะต้องยอมจำนนต่อขาของฉันด้วยนะ
แน่นอน ถ้าคุณเปลี่ยนใจตอนนี้ ฉันสามารถโทรหาคนรู้จักที่ทำการค้าในเมืองโบราณและขอให้เขาพาคุณลู่ไป……”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ลู่หมิงชูก็โบกมือของเขาขึ้น “ไม่เอาคนอื่น ผมต้องการคุณ”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา ทั้งคู่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าอย่างประหลาดใจ ลู่หมิงชูรีบตอบโต้อย่างรวดเร็วและหัวเราะขึ้นว่า “เถ้าแก่เนี้ยครับ คนที่บอกว่าจะให้ของขวัญผมก็คือคุณ ไม่ใช่คนรู้จักของคุณ”
ประโยคนี้เพียงประโยคเดียวถือได้ว่าบรรเทาความเขินอายที่เกิดขึ้นได้ผลดีทีเดียว
นับแต่ครั้งที่แล้วที่เขาถามชื่อเธอแต่ไม่ได้คำตอบกลับมา ดังนั้นลู่หมิงชูจึงไม่ได้เอ่ยถามอีก ทำให้เขาเรียกเธอว่าเถ้าแก่เนี้ยตลอดมา
หญิงสาวก็ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับมันแล้ว
ณ ร้านน้ำชาในตรอกเล็กๆของเมืองโบราณต้าหลี่ แม้ทำเลไม่ค่อยดีนัก เดิมทีลู่หมิงชูเดินตามหญิงสาวซึ่งเธอเดินช้ามาก แต่เมื่อมาถึงปลายซอย เขาก็มองเห็นร้านเล็กๆแห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในตลาด
มันน่าสนใจมากทีเดียว แม้แต่ทางเข้าประตูก็โบราณ
“คุณลองไปดูนะ ถ้าไม่มีของที่คุณชอบในร้านนี้ เราก็จะไปร้านอื่น”
หลังจากพูดจบเธอก็มองไปเห็นเก้าอี้หวายแล้วนั่งลง
เจ้าของร้านนำน้ำชามาให้ใหม่ “ทำไมไม่มาที่นี่ตั้งนานล่ะ?”
เธอหยิบถ้วยและจิบชา “อืม ชาของคุณนี่ดีที่สุดจริงๆ” เธอไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับมองไปยังเจ้าของร้านที่เดินตรงเข้ามา
“ถ้าชอบ ฉันจะฝากเอาไปให้สักกระป๋องหนึ่งตอนกลับ” เจ้าของร้านน้ำชาเป็นหญิงอายุสามสิบเศษ ทั้งสองรู้จักกันเมื่อสามปีที่แล้ว ต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ลู่หมิงชูทำท่าดูเหมือนหยิบชุดน้ำชาขึ้นมามอง แต่หางตาของเขากลับให้ความสนใจกับเจี่ยนถงอยู่เสมอ
“มีที่คุณชอบไหม?” หญิงสาวสังเกตเห็นสายตาของลู่หมิงชู จึงได้วางถ้วยชาลงแล้วถามเขา
“ก็มีนะ” ลู่หมิงชูชี้ไปที่ชั้นวางของโบราณ “ผมอยากได้ชุดนี้”
หญิงสาวและเจ้าของร้านชามองไปพร้อมกันและรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เจ้าของร้านพูดขึ้นอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “คุณสุภาพบุรุษคนนี้เลือกได้ดีจริงๆ”
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น ส่ายหัวมองไปทางลู่หมิงชูก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “ชุดนั้นไม่ได้”
ลู่หมิงชูดูไม่เห็นด้วย เขาเลิกคิ้วขึ้นครึ่งหนึ่ง “ด้วยเหตุผลอะไร?”
หญิงสาวนิ่งเงียบ
เจ้าของร้านที่อยู่ข้างๆหัวเราะขึ้น “ชุดน้ำชาชุดนั้นไม่ได้สวยหรูอะไรมากนัก ทำไมไม่ลองเลือกชุดใหม่ดูล่ะ?”
“ผมต้องการชุดนี้” ลู่หมิงชูหรี่ตาและยิ้มขึ้น
“ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะเอาชุดนี้ให้ได้เหรอคะ?” เจ้าของร้านสาวยิ้มขึ้นอย่างจริงจังเล็กน้อย
ลู่หมิงชูไม่ได้ตอบออกไปในทันที แต่ดวงตาสีดำขลับของเขามองไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเจ้าของร้านสาวอย่างเงียบๆ…… แน่นอน เขาเห็นว่าฝีมือของชุดน้ำชานั้นหยาบ ในบรรดาชุดน้ำชาทั้งหมด ชุดน้ำชานี้โดดเด่นที่สุดเพราะมันหยาบที่สุดเท่านั้น
ตอนแรกเขาเพียงสุ่มเลือก
แต่ปฏิกิริยาของผู้หญิงสองคนนี้น่าสนใจจริงๆ
“แต่ผมต้องการชุดนี้เท่านั้น” ลู่หมิงชูจับจ้องไปยังหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้หวาย ขณะเดียวกันก็ตอบคำถามของเจ้าของร้านสาว
“มันไม่สวยเท่าไหร่”
“ผมชอบ”
จู่ๆ เจ้าของร้านก็หัวเราะออกมา ใบหน้าอันจริงจังของเธอมองไปแล้วลุกขึ้นยืน เธอสวมชุดกี่เพ้าร่วมสมัยและเดินไปหาลู่หมิงชู นิ้วมือขาวผ่องเรียบเนียนหยิบชุดน้ำชาจากชั้นวางโบราณ
“มันแพงอยู่นะ”
เมื่อมอบมันให้กับลู่หมิงชูแล้ว เจ้าของร้านสาวก็ยิ้มและพูดติดตลก
“ผมชอบ”
พอพูดจบเขาก็หยิบกระเป๋าเงินออกมา
เมื่อได้ยินเสียงกรอบแกรบจากด้านข้าง ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นออกมา “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะให้คุณ”
เจ้าของร้านเหลือบมองดูหญิงสาวที่รีบพุ่งเข้ามาแม้ขาของเธอจะไม่สะดวกนัก จากนั้นจึงมองไปที่ลู่หมิงชูผู้ชายซึ่งอยู่ข้างหน้านี้ด้วยท่าทางหล่อเหลาไม่ธรรมดา เจ้าของร้านสาวยิ้มขึ้นเผยให้เห็นเขี้ยว แล้วผละมือจากเงินที่ลู่หมิงชูหยิบออกมาจากกระเป๋าแล้วหันไปทางหญิงสาว
ทำให้หญิงสาวโล่งใจ
แต่แล้ว……
ทันใดนั้น ปลายนิ้วเรียวยาวของเธอก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปยังทิศทางของลู่หมิงชู รีบรับเงินจากเขาไปอย่างรวดเร็วโดยไม่นับว่ามันเป็นจำนวนเท่าไหร่
เธอรีบส่งชุดน้ำชานั้นให้ลู่หมิงชูโดยทันที ไม่ให้โอกาสใครในการโต้แย้งแม้แต่น้อย “มันเป็นของคุณแล้วค่ะ”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่ยืนงง
เธอมองไปที่เจ้าของร้านสาวแล้วอ้าปาก แต่พูดไม่ออก
เจ้าของร้านสาวเดินไปที่เคาน์เตอร์ เธอมองไปยังทั้งสองด้วยความสดใส จากนั้นก้มตัวลงเหมือนจะหยิบบางอย่างขึ้นมา “คุณสุภาพบุรุษคะ ฉันให้ค่ะ”
ลู่หมิงชูยื่นมือไปรับมาอย่างว่าง่าย เมื่อแววตาของเขามองไปเห็นตัวอักษรบนนามบัตรนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“มันคืออะไร?” หญิงสาวเอื้อมตัวไปมองด้วยความสงสัย เนื่องจากเธอไม่เห็นว่าเจ้าของร้านสาวมอบอะไรให้ลู่หมิงชู
“ไม่มีอะไรหรอก แค่นามบัตรน่ะ เธอแค่ต้องการทำการค้ากับผม” ลู่หมิงชูหยิบมันกลับเข้าไปในกระเป๋าของเขาด้วยมืออันกำยำอย่างใจเย็น
เมื่อทั้งสองคนเดินออกจากร้านไป ลู่หมิงชูก็พูดขึ้นว่า “คุณรอผมอยู่ที่นี่สักครู่นะ เดี๋ยวผมเก็บชุดน้ำชาไปไว้ที่รถก่อน”
หลังจากวางชุดน้ำชาลงในรถแล้ว ลู่หมิงชูก็หยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา มีตัวอักษรเล็กๆปรากฏขึ้นในสายตาของเขาว่า
ชุดน้ำชาที่คุณซื้อไปนั้นมีเรื่องราว มันเป็นชุดน้ำชาที่ทำโดยเจ้าของโฮมสเตย์นั้น มันน่าเกลียดมากจริงๆ
หากคุณสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของมัน โปรดโทรมาที่เบอร์นี้