Chrysalis ชาตินี้พี่ขอเกิดเป็นมด - ตอนที่ 8 ไททัส
ไททัสนั่งลงอย่างแรงหลังโต๊ะทำงานของตัวเอง
ดูๆ ไปแล้วโต๊ะนี้มีลักษณะคล้ายกับเจ้าของมาก ทั้งไร้การตกแต่ง หยาบกร้าน และแข็งแรง
ตัวโต๊ะทำมาจากไม้สโตนวู้ดซึ่งเขาเป็นผู้ตัดมันมาจากดันเจี้ยนช่วงชั้นที่สองด้วยตัวเอง
สุดท้ายแล้วตัวไม้ต้องถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพราะตะปูธรรมดาๆ มันตอกเข้าไปไม่เข้า
มันคือไม้ที่ดื้อด้าน ไม่ยอมแพ้ และเป็นเหตุผลที่เขาชอบโต๊ะตัวนี้มาก
นิ้วของเขากำลังกำจดหมายที่เต็มไปด้วยอารมณ์โมโหและคำดูถูกเหยียดหยาม
เป็นจดหมายร้องเรียนอีกฉบับจากสมาคมทหารรับจ้าง ‘หน่วยจบทีเรีย’
ไททัสใช้มือข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและนำกล่องโลหะที่มีโซ่ผูกติดกับเข็มขัดออกมา
เขาต้องวางจดหมายลงก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างเพื่อ ‘เปิดกล่อง’
คิ้วเริ่มขมวดเพราะกว่าจะทำสำเร็จนั้นต้องพยายามมากถึง 4 ครั้งด้วยกัน
จู่ๆ แสงสีฟ้าก็พุ่งออกมาใส่ใบหน้าของไททัสขณะที่เขาจ้องมองสิ่งที่อยู่ภายใน
ผ่านไปสักพัก เขาถึงจะปิดกล่องและเก็บมันกลับเข้าที่เดิม
เขาเปิดลิ้นชักโต๊ะ นำกระดาษแผ่นใหม่และปากกาออกมาก่อนจะเริ่มเขียนจดหมายตอบกลับ
“คอร์ริน,
อย่างที่ได้ประกาศออกไปเบื้องต้นเมื่อ 5 วันก่อน
ระดับของมานาภายในดันเจี้ยนกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็นของทางกองพันลีเจี้ยนก็คือ… คลื่นถาโถมกำลังจะเริ่มขึ้นภายในสัปดาห์นี้
แต่ อย่าง-ที่-เจ้า-รู้ ว่าผลวิเคราะห์เหล่านี้อาจมีการคลาดเคลื่อน มันอาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นก็ได้
เพื่อ รักษา-ชีวิต-สมาชิก-ของ-พวกเจ้า เอาไว้
ทางเราจึงต้องใช้สิทธิอันชอบธรรมในการเข้าควบคุมทางเข้าออกของดันเจี้ยนที่อยู่ใต้เมืองลีเรียและจะทำทุกวิถีทางเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
หากปาร์ตี้ของพวกเจ้าไม่สามารถเข้าดันเจี้ยนได้ในระหว่างนี้ ขอบอกกันตรงๆ เลยว่า ข้า-ไม่-สน
หลังจากที่คลื่นถาโถมสงบลงหรือระดับมานากลับมาเป็นปกติแล้ว พวกเจ้าก็จะสามารถเข้าไปข้างในได้อีกครั้ง แต่ต้องไม่ใช่ก่อนหน้านั้น
อย่าโวยวายให้มันมากนัก,
ไททัส
ผู้บัญชาการ, กองพันอบิสซี่ (ลีเจี้ยนเน็มอบิสซี่), ลีเรีย
อาจจะไม่ใช่จดหมายตอบที่สละสลวยนัก แต่มันก็ทำให้ไททัสอารมณ์ดีขึ้น
เขาไม่เคยนึกอยากจะมานั่งเสวนากับพวกปัญญาอ่อนนี่อยู่แล้ว นี่คือหนึ่งให้เหตุผลที่เขาเกลียดงานประจำการในเมือง
ดวงตาเยือกเย็นอดไม่ได้ที่จะหันไปหาขวานศึกยักษ์ที่พิงอยู่กับกำแพง
ตัวขวานมีความยาวเกือบ 6 ฟุต แถมส่วนที่เป็นโลหะก็ไม่ได้ถูกขัดมาหลายปีแล้ว
“เห้อ…”
ไททัสหันกลับมาสนใจจดหมายอีกครั้ง
เขาพับมันใส่ซอง ปิดผนึกมันด้วยตราขี้ผึ้ง และนำไปใส่ถาดจดหมายซึ่งพลสนับสนุนจะนำมันไปส่งให้ภายในวันนี้
ขณะกำลังเอื้อมมือไปหยิบจดหมายร้องเรียนอีกฉบับ คราวนี้มาจาก ‘อัครสาวกของเดอะพาธ’ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ จากด้านนอก
มันกำลังพุ่งตรงมาที่ห้องทำงานนี้แน่นอน
เลือดในกายของไททัสเริ่มคุกรุ่น บางทีวันนี้เขาอาจจะไม่ต้องทำงานเอกสารแล้วก็ได้…
—
10 นาทีต่อมา ไททัสก็เดินทางมาถึงกองรักษาการณ์ด่านหน้า
เขาเปิดประตูยักษ์ด้วยมือข้างเดียวและพุ่งเข้าข้างในดั่งพายุ
ทหารลีเจี้ยนทุกคนทำความเคารพตลอดทางที่ผ่าน
หน้าก้มลง กำมือขวา และทุบกับเกาะอกข้างซ้ายอย่างพร้อมเพรียง นี่แหละคือการทำความเคารพของเหล่าทหารลีเจี้ยน
ไททัสไม่แม้แต่จะหยุดคุยกับเหล่าเซ็นจูเรี่ยน (นายกอง) ที่ยืนประจำการอยู่ด้วยซ้ำ พวกนั้นก็เลยต้องรีบเดินตามเขามาที่ลานหินแทน และข้างหน้านั่น… ช่องบนพื้น ทางเข้าสู่ดันเจี้ยน
ทางเข้ามีขนาดประมาณ 4×4 เมตร กว้างพอสำหรับรถเข็นเสบียงและหน่วยสำรวจกลุ่มใหญ่
พื้นที่รอบๆ ทางเข้าคือลานหินเรียบขนาด 30×30 เมตร จากนั้นก็ล้อมด้วยกำแพงสูง 3 เมตร
ข้างบนกำแพงยังมีมือธนูและจอมเวทประจำการอยู่ตลอดเวลาด้วย
นี่คือพื้นที่สำหรับสังหารมอนสเตอร์ทุกตัวที่อาจหาญเดินเล่นขึ้นมาข้างบน
ไททัสยืนจ้องทางเข้าอยู่หลายวินาทีก่อนจะเดินลงด้านล่างและหายเข้าไปในความมืด
เขาฝืนไม่ให้ตัวเองสูดหายใจลึกๆ เพื่อนำละอองมานาเข้าปอดมากจนเกินไปนัก
ไททัสลากมือไปกับผนังหิน ผิวหยาบก้านครูดเข้ากับหินที่หยาบกว่าขณะที่เขาเดินผ่าน
ด้านล่างนี้มีจุดเฝ้าระวังหลายแห่ง แต่ละแห่งจะมีทหารลีเจี้ยนประจำอยู่ 2 คน แต่ตอนนี้มันกลับถูกเพิ่มเป็น 5 คนแทน
ทุกคนหันมาทำความเคารพไททัสขณะที่เขาเดินผ่าน แต่แน่นอนว่าไม่มีการทุบอกจนเกิดเสียงเพราะที่นี่คือดันเจี้ยน
ไททัสพยักหน้าให้ก่อนจะเดินต่อไปยังจุดต่างๆ จนมาถึงจุดที่อยู่หน้าสุด
กำแพงหน้าด่านนี้มีทหารลีเจี้ยนประจำการอยู่ถึง 10 คน
จอมเวท 2 คนจะคอบสลับกันดูแลไม่ให้คบเพลิงในอุโมงค์ดับลง
ขณะเดินเข้าไปพร้อมเซ็นจูเรี่ยน 2 คนที่ตามมาจากด้านบน ไททัสก็พบกับหญิงสาวที่เขาหาตัวอยู่
เธอกำลังยืนดูแผนที่ขนาดใหญ่และรายล้อมด้วยเหล่าทหารใต้บังคับบัญชา
เมื่อเห็นไททัส เธอก็ทำความเคารพพร้อมกับสั่งให้ลูกน้องออกไปก่อน
“ผู้การไททัส”
“ทรีบิวน์ ออรีเลีย” (TL: ทรีบิวน์ – เจ้าหน้าที่ ตำแหน่งสูงกว่าเซ็นจูเรี่ยน แต่ต่ำกว่าผู้บัญชาการ)
ไททัสทำความเคารพเช่นกันก่อนจะเดินเข้ามาดูแผนที่ด้วย
แผนที่ในส่วนช่วงชั้นที่หนึ่งนั้นมีการวาดเส้นทางและจุดที่มานารวมตัวกันไว้อย่างละเอียด
หากพวกทหารรับจ้าง ‘ปัญญาอ่อน’ นั่นได้แผนที่นี้ไปล่ะก็ รับรองว่ารายได้พุ่งขึ้นเป็น 3 เท่าแน่นอน
“ทรีบิวน์ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
“ผู้การคะ เมื่อ 15 นาทีก่อน เราตรวจพบว่ามีมอนสเตอร์เข้ามาใกล้ที่นี่ก่อนจะหนีกลับไป
ทหารที่รักษาการณ์อยู่เลยส่งสัญญาณไปบอกเซ็นจูเรี่ยน จากนั้นก็ไล่ตามมันเข้าไปด้านในค่ะ”
“หนีกลับไปงั้นเหรอ…?” ไททัสพึมพำ
สำหรับมอนสเตอร์ในช่วงชั้นที่หนึ่งนั้น การรู้จักหนีถือเป็นเรื่องที่เกินสิตปัญญาของพวกมันส่วนใหญ่
ดูแล้วเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย
“ทางนี้เตรียมการป้องกันคลื่นถาโถมไปถึงไหนแล้ว?”
“ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการค่ะ ผู้การ… แต่เพราะเรื่องมอนสเตอร์ที่เจอ ข้าก็เลยสั่งโดยพลการให้ทุกคนเร่งมือขึ้นอีก”
ไททัสพ่นลมออกทางจมูก
“เจ้าทำได้ดีมาก งานนี้ข้าเองก็จะออกไปล่าด้วยเช่นกัน”
ออรีเลียหน้าซีดเล็กน้อย
“ด้วยความเคารพนะคะผู้การ บางทีท่านน่าจะไปประจำที่…-”
“เราต่างรู้ดีว่าข้าควรไปประจำที่ไหนนะออรีเลีย
รอบนี้มีบางอย่างแปลกๆ ดังนั้นข้าจะลงไปกับทีมสำรวจด้วย”
ออรีเลียพยักหย้าและถอนหายใจเบาๆ
ชายแก่คนนี้ไม่เคยทำให้เรื่องมันง่ายสำหรับตัวเองเลย
ทหารลีเจี้ยนทั้งกองพันยอมเอาชีวิตเข้าแลกหากไททัสสั่งมาคำเดียว แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไปด้วยตัวเอง แต่นี่แหละที่ทำให้เขาเป็นผู้บัญชาการที่ดีที่สุด
จากความมืดที่ไกลออกไป ร่างของมนุษย์ 5 คนเริ่มเดินเข้ามาใกล้จนสะท้อนเข้ากับแสงไฟของป้อม
มี 2 คนที่เดินกะเผลกนิดๆ โดยเพื่อนต้องคอยช่วยพยุง
ทหารทุกนายดูสกปรกมอมแมม ชุดเกราะเต็มไปด้วยเลือดที่ไม่ใช่ของตัวเอง
ไททัสเดินออกมาจากห้องเพื่อออกไปรับทหารใต้บังคับบัญชา
เมื่อเห็นผู้บัญชาการเข้ามาใกล้ ทั้งห้าก็หยุดทำความเคารพจนไททัสต้องโบกไม้โบกมือ
“ไม่ต้อง บาดแผลเป็นไงบ้าง?”
ทั้งห้าทำหน้าตึง
“ไม่ร้ายแรงมากครับผู้การ เราโดนเล่นทีเผลอก็เลยได้แผลกับถูกพิษนิดหน่อย”
“จงรีบไปให้เมดิคัสดูแผลซะ ทหารทุกคนจะต้องกลับมาพร้อมรบให้เร็วที่สุด (TL: เมดิคัส – แพทย์สนาม)
…บอกข้าทีว่าพวกเจ้าสังหารมอนสเตอร์ตัวนั้นไปแล้ว”
เหล่าทหารหยุดนิ่งพลางส่ายหน้า
‘บ้าจริง’ ไททัสกัดฟันหน่อยๆ
“ใครคือคนที่เห็นมอนสเตอร์นั่นครั้งแรก?”
ทหาร 2 นาย ชายหนึ่งหญิงหนึ่งค่อยๆ ยกมือขึ้น
“พวกเจ้ามากับข้าก่อน”