Chrysalis ชาตินี้พี่ขอเกิดเป็นมด - ตอนที่ 20 การโจมตีคือการป้องกัน
ความเงียบคือสิ่งที่ผู้บัญชาการไททัสพบเห็นได้ยากยิ่งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
นี่คือแผนงานสำรวจแบบเร่งด่วนมาก เพราะนอกจากจะต้องฉีกตารางงานปกติทิ้งไปแล้ว ทางกองทัพยังต้องจัดการธุระอีกหลายอย่างก่อนออกเดินทาง
การที่องค์ราชินีมอบหน่วยองครักษ์มาเสริมให้นั้นนับเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจแต่ก็ช่วยพวกเขาไว้ได้มากเลย
ตอนแรกกองพันลีเจี้ยนเกือบจะต้องดึงทหารเกณฑ์ทั่วไปมาอุดช่องว่างอยู่แล้ว
คนพวกนี้มีความกล้าสมกับเป็นทหาร… แต่ก็ยังขาดการฝึกระเบียบวินัย วิชาต่อสู้และยุทโธปกรณ์ซึ่งต่างจากทหารยามลีเจี้ยนราวฟ้ากับเหว
ด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยองครักษ์ การเตรียมการและประสานงานจากกลุ่มต่างๆ ในเมืองก็เร็วขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ว่าง่ายๆ ก็คือไม่มีใครอยากไปขัดแข้งขัดขาหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อราชินีเท่าไหร่
ไททัสถูมือไปกับโต๊ะทำงานอันแสนคุ้นเคย
สโตนวู้ดคือไม้ที่น่าอัศจรรย์ เพราะมันเติบโตเฉพาะในดันเจี้ยนเท่านั้น ส่วนตัวเนื้อก็แข็งราวกับหิน- ไม่สิ อาจจะแข็งกว่าหินด้วยซ้ำ
เขาชอบเนื้อไม้สีดำและเป็นประกายของมันมาก… มากจนถึงขั้นที่ต้องลากกลับมาด้วยและเปลี่ยนมันให้เป็นโต๊ะทำงาน
มือของเขาเลื่อนลงไปใต้โต๊ะ ใกล้กับลิ้นชักที่ติดอยู่ด้านล่าง
ไททัสใช้มือกดลงไปเบาๆ รอสักพักก็มีเสียง ‘คลิ้ก!’ จากนั้นส่วนที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นผิวของโต๊ะ
ไททัสใช้มือจับและยกมันขึ้นมาอีก เผยให้เห็นช่องลับที่อยู่ด้านล่าง
ภายในนั้นมีหลอดแก้วใส่ของเหลวปริศนาอยู่ 6 หลอด แต่ละหลอดล้วนถูกปิดผนึกด้วยฝาจุกสีเงินประดับอักษรรูน
จากทั้งหมด 6 หลอด มีของเหลวเหลืออยู่เพียง 4 หลอดเท่านั้น
แต่แค่หลอดเดียวก็ทำให้ทั้งห้องสว่างไสวไปด้วยแสงสีฟ้าได้ไม่ยาก
ไททัสถอนหายใจก่อนจะม้วนแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยสักที่ดูซับซ้อนอยู่ข้างใต้
ที่ใจกลางของรอยสักยังมีรอยวงกลมแปลกๆ ที่เต้นตึกตักราวกับว่ามันมีชีวิตเป็นของตัวเองอยู่ด้วย
ไททัสนำหลอดแก้วออกมาหนึ่งอัน ก่อนจะวางมันลงทั้งฝาไปกับรอยสัก
จู่ๆ รอยวงกลมก็เริ่มหมุนติ้วและเปล่งแสงสีฟ้าออกมา
ขณะที่มันหมุนเร็วขึ้น ของเหลวภายในหลอดก็ค่อยๆ ลดลง
ไม่นานทุกอย่างในหลอดก็หายไปจนหมด ไม่เหลือให้เห็นสักหยด
ไททัสคลายความตึงเครียดลงพร้อมกับเก็บหลอดแก้วและดึงแขนเสื้อกลับที่เดิม จากนั้นเขาก็เก็บทุกอย่างกลับเข้าที่ เปลี่ยนผ้าปูโต๊ะผืนใหม่ และลงไปนั่งกองอยู่บนเก้าอี้
ผู้บัญชาการทำหน้าบิดเบี้ยวและหวังว่าตัวเองคงไม่ต้องใช้มันไปอีกพักใหญ่ๆ
แต่ก็เหมือนเช่นทุกครั้ง… การฉีดมันเข้าไปทำให้เขารู้สึกสบายเหลือเกิน
ราวกับว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนเพิ่งคลายออกหลังจากที่เกร็งมาหลายวันแบบไม่รู้ตัว
‘จะรู้สึกยังไงก็ช่างเถอะ ถึงเวลาที่ลีเจี้ยนที่แท้จริงจะได้กลับไปในที่ที่ตัวเองควรอยู่แล้ว’
ไททัสลุกขึ้นอย่างฉับไวและเดินเข้าไปหาขวานศึกที่มุมห้อง
เขาใช้มือเพียงข้างเดียวในการหยิบโลหะชิ้นโตและเหวี่ยงมันขึ้นบ่า
‘วันนี้คงต้องเอาเจ้านี่ไปลับหน่อยละ’
เกือบถึงเวลาแล้วที่ชายคนนี้จะได้ลงสนามอีกครั้ง…
———————————————————————————————–
“เมียริน นี่เจ้าพอรู้ไหมว่าทำไมพวกนั้นถึงมากับเราด้วย?” ดอนเนแลนเอ่ยถาม
เมียรินหันมาส่ายหน้าแทนคำตอบ
นางเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเหล่าทหารลีเจี้ยนรุ่นพี่ถึงต้องคุมตัวนักโทษร่างกายทรุดโทรมและล้วนแต่มีโทษประหารมากับพวกเขาด้วย
ตอนนี้ทั้งสองเป็นทหารฝึกหัดเลเวล 30 ด้วยกันทั้งคู่
เมียรินมีอาชีพเรนเจอร์ (พราน) ส่วนดอนเนแลนนั้นเป็นจอมเวทอัคคี
เมื่อทหารฝึกหัดมีเลเวลครบ 30 พวกเขาก็จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นทหารลีเจี้ยนแบบเต็มตัวได้ แต่ทว่าพิธีเลื่อนขั้นนั้นจะถูกจัดขึ้นที่ดันเจี้ยนชั้นล่าง
เมียรินรู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆ ที่จะได้เลื่อนขั้นกับเขาสักที จะบอกว่าประหม่าเลยก็คงได้
ในหมู่ทหารฝึกหัดนั้นไม่มีใครรู้เลยว่ามันเป็นพิธีแบบไหน หรือแม้แต่เหตุผลว่าทำไมต้องจัดมันในดันเจี้ยน ส่วนทหารรุ่นพี่เองก็ปิดปากเงียบทุกคน
แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางตระหนักว่าสามัญชนนั้นแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกองพันลีเจี้ยนเลย
กองพันลีเจี้ยนคือกองกำลังปกครองตนเองที่ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อน ตั้งแต่ตอนที่อารยธรรมต่างๆ เกือบสูญสิ้นจากการที่ดันเจี้ยนเปิดออกเป็นครั้งแรก
กองพันลีเจี้ยนคือชื่อที่ทุกคนรู้จัก แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการรู้จักเพียงผิวเผินเท่านั้น…
เมียรินตั้งปณิธานแน่วแน่แล้ว อีกไม่ช้าความลับนั่นก็จะกลายเป็นความลับของนางเช่นกัน และนางจะเก็บรักษามันไว้อย่างดี
ตอนนี้ทั้งสองกำลังประจำอยู่ในที่ๆ เหล่าทหารฝึกหัดตั้งชื่อให้เล่นๆ ว่า ‘ถ้ำเด็กใหม่’
มอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่แถบนี้ส่วนใหญ่เป็นพวก ‘อ่อนแอ’
มันเลยเหมาะที่จะใช้ฝึกพวกเด็กใหม่ได้เป็นอย่างดี
แม้จะมีการแจ้งล่วงหน้าและกำชับหลายครั้งแล้วว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในดันเจี้ยนนั้นต่างจากพวกที่อยู่ด้านนอกโดยสิ้นเชิง สุดท้ายเหล่าทหารรับจ้างมือใหม่หลายคนก็ชอบลืมเรื่องนี้และได้รับบาดเจ็บกันไปตามระเบียบ
มอนสเตอร์เลเวล 1 ในนี้สามารถบดขยี้มอนสเตอร์เลเวล 10 ข้างบนได้อย่างสบาย…
สมควรแล้วที่ทางลีเจี้ยนมักจะดูถูกว่าไอ้พวกนี้มัน ‘ปัญญาอ่อน’
ทุกคนมัวแต่อยากเลเวลอัพ อยากเก็บคริสตัลของมอนสเตอร์ รวมไปถึงไอเท็มดรอปต่างๆ เพื่อทำกำไร แต่จะมีใครรู้บ้างว่าทางลีเจี้ยนต้องส่งทีมกู้ภัยลงมาช่วยวันนึงไม่รู้กี่รอบ
การจัดเตรียมเรื่องการสำรวจนั้นก้าวหน้าไปมาก เสบียงมากมายถูกลำเลียงเข้ามาในนี้ ผ่านทางช่องลับของกำแพง
ดอนเนแลนเคยเล่าให้นางฟังว่าเหล่าจอมเวทพสุธาเป็นคนสร้าง ‘ลิฟต์หิน’ นี้ขึ้น
ที่ปลายทางของลิฟท์นั้นจะเป็นสถานที่ลับๆ ในดันเจี้ยนซึ่งถูกอำพรางไว้อย่างดี
นั่นทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องขนทุกอย่างลงไปตั้งแต่แรกเริ่ม บอกได้เลยว่ามันสะดวกจริงๆ
“พวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมกันหรือยัง ทหารฝึกหัด?” จู่ๆ เสียงเอ่ยถามก็ดังขึ้น
พอจำได้ว่านั่นเป็นเสียงของทรีบิวน์ออรีเลีย ดอนเนแลนกับเมียรินก็ยืดตัวตรงทันที
“เราตรวจสอบชุดเกราะกับยุทโธปกรณ์และทำความสะอาดพวกมันมาแล้วครับ ทรีบิวน์!” ดอนเนแลนรีบรายงาน
ทรีบิวน์ผู้มากประสบการณ์ได้แต่หัวเราะเบาๆ
“ข้าไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทหารลีเจี้ยนทุกคนพึงกระทำอยู่แล้ว” สายตาของออรีเลียดูเย็นลง
ทหารใต้บังคับบัญชาของออรีเลียทุกคนรู้ซึ้งมาแล้วว่าการปล่อยปะละเลยอุปกรณ์นั้นจะมีผลอย่างไร…
“ข้าหมายถึงตรงนี้ต่างหาก” นางชี้ไปที่ขมับของตัวเอง
“ดันเจี้ยนน่ะเป็นสถานที่อันตราย แม้แต่ข้าหรือผู้การเองก็คิดแบบนั้น
ที่อยู่มาได้นานขนาดนี้ก็เพราะว่าเราไม่เคยดูถูกมัน
อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้เลื่อนขั้นกันแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดี เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำไปตลอด แต่ห้ามเสียสมาธิเพราะเรื่องนี้เด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“ทราบแล้วขอรับ/ค่ะ ทรีบิวน์” ทั้งสองทำความเคารพอีกรอบ
“ทรีบิวน์… พอทราบไหมคะว่าเราจะได้ลงไปเมื่อไหร่?” เมียรินเอ่ยถาม
ออรีเลียส่ายหน้า “แทบอดใจรอไม่ไหวแล้วสินะ? แต่ข้าไม่โทษเจ้าหรอก เพราะครั้งนึงข้าเองก็เคยเป็นแบบนี้
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี่แหละ จากนั้นเราก็จะไปกวาดล้างพื้นที่ชั้นบน ต่อด้วยการสร้างค่ายที่ผืนป่ากว้าง…”
—————
ติดตามแฟนเพจนักแปล: EP:IC Translation
อ่านตอนล่าสุดได้ที่ MyNovel : https://bit.ly/2Xps6vX