Chrysalis ชาตินี้พี่ขอเกิดเป็นมด - ตอนที่ 10 ศึกษาสัตว์ร้าย
“อัลเบอร์ตั้น! อัลเบอร์ตั้น! เปิดประตูสักทีสิวะ ไอ้หูหนวก!”
ทหารลีเจี้ยนชายหญิง 2 คนเริ่มทำหน้าซีดขณะยืนมองผู้บัญชาการกองพันกระหน่ำทุบประตูเสริมเหล็กไม่หยุด
มันรุนแรงมากเสียจนฝุ่นที่จับอยู่นั้นกระจุยกระจายออกไปทั่ว
ทหารคู่นี้ก็คือ 2 คนแรกที่เห็นมอนสเตอร์ประหลาดนั่นเอง แถมยังเห็นมันได้ชัดเจนที่สุดด้วย ไททัสก็เลยพาทั้งสองไปหาเมดิคัสเพื่อรักษาแผล จากนั้นก็เร่งตรงขึ้นมาที่ป้อมลีเจี้ยนประจำเมืองลีเรียทันที
ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ตรงชั้นใต้ดินของป้อมซึ่งลึกจากพื้นลงไปหลายชั้น
อากาศที่นี่ค่อนข้างชื้นและเต็มไปด้วยฝุ่นละออง
หากว่ากันตามตรงแล้ว ไททัสเพิ่งจะเคาะประตูได้ไม่นานเอง แต่เพราะคนมันใจร้อนนี่นะ ทำไงได้
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้อัลเบอร์ตั้น ก่อนที่ข้าจะเอาหนังสือโง่ๆ พวกนี้มาใช้เป็นเชื้อเพลิงแทน” ไททัสคำราม
ประตูแทบจะเปิดออกทันทีที่สิ้นเสียงของเขา เผยให้เห็นชายหนุ่มไว้เคราสวมชุดคลุมสีน้ำตาลไม่เรียบร้อยที่อยู่ภายใน
เคราของชายคนนี้ทิ่มลงและดูแหลมคมจนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
“เจ้าไม่กล้าหรอกไททัส ไอ้ลิงไร้การศึกษา!
หนังสือพวกนี้คือประวัติศาสตร์นับพันปีของกองพันลีเจี้ยนเชียวนะ!” เขาตะโกนกลับจนเคราแทบจะชี้ใส่ผู้บัญชาการ
ไททัสเพียงแค่ฮึมฮัมในลำคอ
“ดี ตื่นได้สักทีนะ” เขากล่าวก่อนจะผลักอัลเบอร์ตั้นที่มีร่างกายผอมแห้งออกให้พ้นทางและก้าวเข้าไปในห้อง
“ข้าก็ตื่นอยู่ตลอดแหละ” อัลเบอร์ตั้นแย้งขณะเกาเสื้ออย่างเคยชิน
“นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย?”
ไททัสส่ายหน้าและโบกมือให้ทหารทั้งสองตามเข้ามา
นี่เป็นห้องที่รกมากและมีฝุ่นเกาะอยู่ทั่วทุกแห่ง
กองหนังสือ แผ่นกระดาษ และคัมภีร์มากมายถูกวางอย่างระเกะระกะ
โต๊ะหลายตัวถูกนำมาเรียงกันอยู่กลางห้อง ในขณะที่ผนังเต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือสูงจนติดเพดาน
พอเห็นสภาพห้อง ไททัสก็ตะโกนออกไปด้านนอกทันที
“ไปเรียกคนทำความสะอาดมา!”
ส่วนอัลเบอร์ตั้นก็ประท้วงไล่หลัง
“จะเข้ามาวุ่นวายทำไม เดี๋ยวมันก็รกอีกแถมทำให้ข้าเสียสมาธิด้วย… เหมือนกับเจ้านี่แหละ!”
ทั้งคู่ชอบกัดกันจนเกือบลืมว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย
“ทหารฝึกหัดเมียริน ทหารฝึกหัดดอนเนแลน นี่คืออัลเบอร์ตั้น ลอร์มาสเตอร์ของกองพันอบิสซี่แห่งลีเรีย
อัลเบอร์ตั้น เรามานี่เพื่อปรึกษาและระบุชนิดของมอนสเตอร์ที่เด็กสองคนนี้เห็น”
(TL: ลอร์มาสเตอร์ (Loremaster) – ผู้รับผิดชอบเรื่องความรู้และข้อมูลต่างๆ)
อัลเบอร์ตั้นชำเลืองมองทั้งสองอย่างสงสัย
“การออกสำรวจถูกสั่งห้ามมาหลายวันแล้วนี่?
พวกเจ้าเป็นทหารยามรักษาการณ์หน้าด่านแต่กลับไม่รู้จักมอนสเตอร์ที่อยู่แถวนั้นเนี่ยนะ?
เราหละหลวมถึงขั้นลืมสอนทหารใหม่แล้วเหรอว่ากิ้งก่าหนามมันหน้าตาเป็นยังไง?
“หากเป็นแบบนั้นจริง คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องหลักสูตรการสอนมันก็เจ้าอยู่ดีนั่นแหละ ลอร์มาสเตอร์อัลเบอร์ตั้น” ไททัสเอ่ยพลางถอนหายใจ
“เราต้องการให้เจ้าหาข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์มดตัวนึง”
ลอร์มาสเตอร์ชะงักทันที
“นี่เจ้ากำลังพูดถึง… ฟอร์มิซิดี้ใช่มั้ย?”
“ถูกต้อง”
สายตาของอัลเบอร์ตั้นมองไล่ไปตามชั้นหนังสือขณะที่สมองเริ่มประมวลผล
เขาเดินไปหยิบบันไดตรงมุมห้อง เลื่อนมันไปยังชั้นหนังสือแห่งนึง และเริ่มปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
เมื่อขึ้นถึงชั้นที่เจ็ด เขาก็ดึงหนังสือออกมาก่อนจะค่อยๆ ปีนลงด้วยความยากลำบาก
ตุบ!
หนังสือเล่มยักษ์ถูกจับโยนลงบนโต๊ะและทำให้ฝุ่นฟุ้งไปหมด
ทหารฝึกหัดทั้งสองเห็นชื่อ ‘ฟอร์มิซิดี้’ สีทองที่ถูกสลักตรงหน้าปกได้อย่างชัดเจน
ขณะที่อัลเบอร์ตั้นกำลังง่วนอยู่นั้น เมียรินก็หันมาถามผู้บัญชาการของเธอด้วยความลังเล
“ท่านผู้การ ข้าทราบดีนะคะว่าเรามักจะไม่ได้เห็นมอนสเตอร์มดในพื้นที่แถบนั้น แต่มันก็แต่มดตัวเดียว ทำไมพวกท่านถึง…?”
ดอนเนแลนเองก็หันมาฟังเช่นกัน
ไททัสกระแอมเล็กน้อย
“มดตัวเดียวคือมอนสเตอร์ที่อ่อนแอ แต่ตามปกติแล้วเจ้าคงไม่มีทางได้สู้กับมันแบบตัวต่อตัวหรอก
พวกมันจะมากันหลายร้อยหลายพันตัว หรืออาจจะเป็นแสนตัวเลยก็ได้
มดคือมอนสเตอร์ที่ทำงานเข้าขากันได้ดีกว่ามอนสเตอร์ชนิดไหนๆ
พวกมันไร้ซึ่งความกลัว ไม่รู้สึกเจ็บปวด และหิวโซแทบตลอดเวลา
โคโลนี่มดสามารถกวาดพื้นที่ในดันเจี้ยนได้เป็นแถบๆ จำนวนของพวกมันจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หากเข้ามาทำรังในช่วงชั้นที่หนึ่งหรือสอง มีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันจะขึ้นมาบนพื้นผิวเพื่อหาอาหารเพิ่ม
การที่โคโลนี่มดขยายอาณาเขตขึ้นมาข้างบนนั้นถือเป็นมหันตภัยร้างแรง
เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้งในอดีต แต่ละครั้งจบลงด้วยการที่อาณาจักรถูกทำลายไปพร้อมกับพวกมัน”
“ในกรณีเหล่านั้น…” ลอร์มาสเตอร์เริ่มหันไปพูดกับทหารทั้งสอง
“ผู้คนตอบสนองได้ช้ามากขณะที่พวกมดนั้นเป็นนักขุดตัวฉกาจ
พวกมันไม่ได้ออกมาจากทางเข้าดันเจี้ยน โอ้ว ไม่เลย… มันดันโผล่ขึ้นมาจากบ้านเรือน ชั้นใต้ดิน และคุกใต้ปราสาท
ตอนนี้พวกมันอาจกำลังขุดขึ้นมาทักทายเราอยู่ก็เป็นได้นะ”
อัลเบอร์ตั้นหัวเราะแห้งๆ เมื่อเห็นทั้งคู่จ้องมองที่ผนังด้วยความหวาดระแวง
“เอาล่ะ ลองอธิบายลักษณะของมันให้ข้าฟังหน่อย”
พลทหารทั้งสองเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นทันที จากนั้นอัลเบอร์ตั้นจึงเริ่มพลิกหน้าหนังสือขณะพึมพำไปเรื่อย
ทั้งสองยังเห็นอีกว่าหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยข้อมูลและภาพตัวอย่างแบบละเอียดของมอนสเตอร์จำพวกมด
“เมื่อกี้พวกเจ้าบอกว่าตาของมันใหญ่สินะ? แปลกมาก
อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าไม่ใช่สายพันธุ์ดอรีลัส” อัลเบอร์ตั้นพึมพำ
ดอนเนแลนหันไปหาผู้บัญชาการด้วยสีหน้าใฝ่รู้
“…มดดอรีลัสน่ะสายตาเกือบบอดสนิท” ไททัสเริ่มอธิบาย
“แต่ราชินีดอรีลัสสามารถวางไข่ได้ล้านฟองต่อเดือน จำนวนของพวกมันอาจเพิ่มสูงถึง 50 ล้านตัว
พวกมันยังเป็นมอนสเตอร์เร่ร่อนที่ย้ายถิ่นฐานบ่อยๆ และแน่นอนว่าทุกที่ที่ผ่านไม่มีอะไรเหลือรอด
ลองนึกภาพพวกมันปะทุออกจากพื้นหรือผนังเพื่อรุมทึ้งพวกเจ้าสิ
เยอะแบบนั้นจะตาบอดหรือไม่บอดมันก็ค่าเท่ากัน จริงไหม?”
“พ่นกรดเพื่อล่อตะขาบกรงเล็บออกมาสินะ?” อัลเบอร์ตั้นพูดตัด
เขาขมวดคิ้วพร้อมกับใช้นิ้วเคาะหน้าหนังสือไปมา
“นี่มัน… ไม่ธรรมดาเลย”
“เจออะไรเข้าแล้วเหรอ ลอร์มาสเตอร์?” ไททัสถาม
“จากลักษณะสีและการพ่นกรดที่เป็นเอกลักษณ์ เราพอจะมั่นใจได้ว่ามอนสเตอร์ตัวนี้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ฟอร์มิก้า
ดูจากขนาดที่บอก มันน่าจะเป็นตัวอ่อนมดงาน แต่มีจุดที่แปลกประหลาดอยู่ด้วย
เจ้าตัวนี้มันกลายพันธุ์ตาของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องที่มอนสเตอร์มดไม่ทำกัน
การหลบหนีและล่อมอนสเตอร์ตัวอื่นออกมาสู้แทนก็เป็นอีกอย่างที่แสดงถึงสติปัญญา”
ไททัสพยักหน้า
“ข้าเองก็เห็นด้วย ตัวอ่อนมดงานทั่วไปจะมีค่าความหลักแหลมอยู่ที่ 3-4 แต้มเท่านั้น แล้วเจ้าได้รู้อะไรอีก?”
“เราอาจจะโชคดีมากเลยก็ได้นะ ท่านผู้การ”
“โชคดียังไง?”
“ท่านก็บอกเองนี่ว่าปกติเราไม่มีทางเห็นมดแค่ตัวเดียวหรอก
เรายังรู้ด้วยว่ามดส่วนใหญ่จะไม่มาทำรังอยู่บนช่วงชั้นที่หนึ่ง ดังนั้นเจ้าตัวอ่อนนี่จะโผล่มาจากไหนได้อีกล่ะ?
ข้าขอเดาว่ารังของพวกมันคงโดนบุกปล้น เป็นรังที่ยังใหม่และอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานไหว
ผลก็คือมีไข่และตัวอ่อนบางส่วนถูกนำออกมายังช่วงชั้นที่หนึ่ง และเจ้าตัวอ่อนนี่ก็ฟักออกมาพอดี”
“งั้นเราก็ได้รับสัญญาณเตือนก่อนที่มันจะสายเกินไปสินะ” ไททัสเปรย
“ถูกต้อง มีความเป็นไปได้ว่าตัวราชินีอาจถือกำเนิดและมีอายุไม่ถึง 2 เดือน แต่สิ่งที่ข้าสงสัยมากกว่าก็คือทำไม ‘ตัวอ่อนมดงาน’ ซึ่งถือเป็นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในดันเจี้ยนถึงอยู่รอดมาได้นานขนาดนี้?
จากข้อมูลที่พวกเจ้าบอก เราพอคาดคะเนได้ว่ามันต้องกลายพันธุ์ดวงตามาแล้วอย่างน้อยหนึ่งหรืออาจจะสองครั้ง
มันไปเอาไบโอแมสมาจากไหนกัน? และทำไมถึงแสดงระดับสติปัญญาที่สูงกว่าปกติ?
นั่นล่ะท่านผู้การ คือปริศนาที่ใหญ่ที่สุด”
“ข้าเห็นด้วย” ไททัสตอบ
“แต่การที่เราสามารถโจมตีโคโลนี่ได้ถือเป็นเรื่องที่ข้ากังวลมากกว่าเรื่องตัวอ่อนตัวเดียว
เราต้องจัดกำลังพลสำรวจเพื่อกำจัดพวกมันให้เร็วที่สุด
คลื่นถาโถมใกล้เข้ามาแล้วด้วย… นับเป็นจังหวะที่ไม่ดีเลย”
อัลเบอร์ตั้นสะดุ้งหน่อยๆ
“ดูเหมือนเราจะรับมือฝ่ายเดียวไม่ไหวนะ ท่านผู้การ”
“ก็จริง” ไททัสเห็นด้วย
“กองทหารลีเจี้ยนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ดันเจี้ยนเดี๋ยวนี้เลย ในขณะที่เจ้ากับข้าต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จอาของเจ้า”
“เห้อ~”
อัลเบอร์ตั้นถอนหายใจแบบเซ็งๆ และเป็นจังหวะเดียวกับที่เหล่าคนทำความสะอาดพุ่งเข้ามาและเริ่มเก็บกวาดทุกอย่างในห้อง
“เห้ออออออ~”