Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 72 : Looming Pursuer
“ให้ตายสิน่ากลัวชะมัด… ชื่อว่าซึบากิงั้นหรอ… แถมยังเป็นนักเรียนของโรงเรียนเดียวกันอีกต่างหาก หวังว่าคงจะไม่ต้องเจอกันบ่อยๆ หรอกนะ…”
นากาที่รีบหนีออกมาจากคลินิกของอารอนนั้นได้หันกลับไปมองทางด้านหลังด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย เพราะถึงแม้เขาจะมั่นใจว่าอารอนจะสามารถรับมือกับเด็กสาวคนนั้นได้อย่างแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่าตัวเองคงจะต้องหาเวลามาตรวจสภาพของอารอนอีกครั้งหนึ่งเพื่อความปลอดภัยก่อนที่เขาจะรีบออกเดินไปทางคฤหาสน์ที่อยู่นอกเมืองในทันที
ซึ่งนากาก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานนักในการเดินทางมาถึงคฤหาสน์ แต่ว่าในขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเพื่อเข้าไปด้านในตัวคฤหาสน์นั้นเขาก็ได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นออกมาจากด้านในเข้าซะก่อน
“นี่เดี๋ยวก่อนสิโมโกะ! พ่อยังพูดไม่จบเลยนะ”
ปึ้ง!!
“เหวอ!?”
นากาที่รีบกระโดดถอยหลังหลบประตูที่ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงนั้นได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะพบกับโมโกะที่เหมือนจะโกรธเรื่องอะไรสักอย่างยืนอยู่ที่หน้าประตู แต่ว่าก่อนที่นากาจะได้พูดอะไรออกมาโมโกะก็ได้ผลักเขาให้หลบทางไปและหันกลับไปตะโกนใส่ด้านในตัวคฤหาสน์ก่อนจะออกวิ่งไปข้างนอกและหายเข้าไปในเขตป่าที่อยู่ติดกับคฤหาสน์ในทันที
“ถ้าพ่ออยากกลับนักก็กลับไปคนเดียวเลย! ต่อให้ตายหนูก็ไม่ยอมกลับไปด้วยหรอก!!”
“ด–เดี๋ยวก่อนสิโมโกะ!!”
คุณพ่อของโมโกะที่รีบวิ่งตามออกมานอกตัวคฤหาสน์นั้นได้แต่ร้องเรียกไล่หลังเธอไปแต่ถึงอย่างนั้นโมโกะก็ไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมามองเขาเลยแม้แต่น้อยจนทำให้คุณพ่อของโมโกะได้แต่ต้องตัดสินใจที่จะรอให้เธอใจเย็นลงแล้วเป็นฝ่ายกลับมาเองโดยไม่ได้เป็นห่วงโมโกะที่หายเข้าไปในป่ามากนัก เพราะเขารู้ดีว่าสำหรับลูกสาวของเขาแล้วข้างในป่าก็ไม่ได้ต่างจากสวนหลังบ้านสักเท่าไหร่นัก
ซึ่งนากาก็ได้แต่มองตามสองพ่อลูกไปด้วยความมึนงง แต่ว่าก่อนที่เขาจะได้พูดถามคุณพ่อของโมโกะว่าเกิดอะไรขึ้นมากันแน่ อลิซก็ได้โผล่ออกมาจากด้านในตัวคฤหาสน์และดึงตัวเขาไปด้านในห้องนั่งเล่นที่มีพรีมูล่ากับคอนแนลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่เธอจะเป็นคนอธิบายให้นากาฟังเองว่าโมโกะและคุณพ่อของเธอทะเลาะกันเรื่องอะไรกันแน่ ซึ่งเมื่อนากาได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเขาก็ได้แต่ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
“หะ— ตกลงคือคุณพ่อเขาอยากให้โมโกะกลับไปที่หมู่บ้านหรอ!?”
“ก็ถ้าสรุปจากที่ฉันนั่งฟังสองคนนั้นคุยกันมันก็อะไรประมาณนั้นนั่นแหล่ะ… ลุกไปได้แล้วยัยเอ๋อนี่!”
อลิซที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ โซฟาพยักหน้าตอบนากากลับมาก่อนที่เธอจะดึงตัวพรีมูล่าที่นอนแผ่อยู่บนโซฟาตัวยาวให้ลุกขึ้นมาและนั่งลงไปข้างๆ ในขณะที่คอนแนลเองก็พูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“แบบนี้ก็ฟังดูน่าเป็นห่วงเหมือนกันนะครับเพราะดูท่าทางว่าคุณพ่อของโมโกะจะไม่ค่อยชอบเมืองนี้สักเท่าไหร่… แบบนี้ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับข่าวลือที่ผมได้ยินมาด้วยหรือเปล่า”
“ข่าวลือหรอ? หนูไม่เห็นจะเคยได้ยินอะไรแบบนั้นเลยอ่ะ”
พรีมูล่าที่ถูกอลิซดึงลุกขึ้นมานั่งดีๆ นั้นได้พูดถามคอนแนลขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนที่เธอจะล้มตัวลงไปนอนอีกรอบโดยใช้ตักของอลิซเป็นหมอน ในขณะที่นากานั้นค่อนข้างจะมั่นใจว่าสาเหตุที่คุณพ่อของโมโกะไม่ชอบเมืองนี้สักเท่าไหร่นักน่าจะเป็นเพราะว่าคุณแม่ของโมโกะเสียชีวิตที่นี่ซะมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ค่อนข้างจะสนใจในข่าวลือที่คอนแนลพูดขึ้นมาเช่นกัน
“ข่าวลืองั้นหรอ…?”
“ครับ เห็นเขาว่ากันว่าตอนนี้พวกหมู่บ้านต่างๆ ไม่ค่อยจะชอบใจนักที่เมืองรีมินัสยอมให้เหล่าผู้นับถือเทวทูตชายใช้ที่นี่เป็นศูนย์กลางเพื่อเผยแผ่ศาสนาน่ะครับ เพราะถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้ววิธีการที่พวกเขาใช้เผยแพร่คำสอนมันไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับคนที่นับถือศาสนาหรือว่าความเชื่ออื่นสักเท่าไหร่…”
“อ้อ เพราะแบบนั้นพี่คอนแนลก็เลยเตือนว่าอย่าให้หนูไปยุ่งกับเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวน่ารักๆ เมื่อตอนนั้นใช่มั้ยอ่ะพี่คอนแนล”
“หือ? นี่นายพาพรีมูล่าออกไปข้างนอกมาหรอคอนแนล?”
นากาที่ได้ยินพรีมูล่าพูดเหมือนกับว่าเธอได้ไปเจอคนแปลกหน้ามาพร้อมกับคอนแนลนั้นได้รีบหันไปถามคอนแนลด้วยแววตาน่ากลัวด้วยความเป็นห่วงน้องสาวของเขาแทบจะในทันทีจนทำให้คอนแนลต้องรีบพูดอธิบายให้เขาฟังก่อนที่จะเกิดความเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“อ—เอ่อ… เรื่องนั้นมันตั้งแต่ก่อนที่พวกนายจะไปสอบเข้ากันแล้วล่ะครับ… ตอนที่คุณเอริกะบอกว่าพรีมูล่ากับผมไม่ต้องฝึกกันแล้วนั่นไงครับ ตอนนั้นพวกผมไปเจอเด็กผู้หญิงที่เหมือนว่าจะกำลังหาคนมาเข้าลัทธินับถือเทพเจ้าที่เป็นศัตรูกับเทวทูตอยู่น่ะครับ”
“ช่ายๆ เด็กคนนั้นแต่งตัวน่ารักอย่างกับตุ๊กตาเลยอ้ะพี่นากา แต่ว่าพี่คอนแนลเขาบอกว่าห้ามหนูคุยกับเด็กคนนั้นแล้วก็แย่งพูดอยู่คนเดียวเลยอ้ะ!”
“ฮะฮะ… ก็ผมเห็นว่าเด็กคนนั้นเขาแต่งตัวเหมือนกับพวกแม่ชีหรืออะไรพวกนั้นนี่ครับก็เลยบอกห้ามเอาไว้ก่อน ถึงเด็กคนนั้นจะบอกว่าไม่ได้มาชวนคนเข้าลัทธิแต่ว่ามาเพื่อพูดเผยแพร่ความจริงเบื้องหลังอะไรสักอย่างก็เถอะแต่ว่าเรื่องที่เธอพูดก็ค่อนข้างจะอันตรายอยู่นะครับ… โชคดีนะที่ผมเตือนพรีมูล่าเอาไว้ก่อนน่ะ”
“เรื่องอันตรายงั้นหรอ?”
“ครับ… เห็นเธอเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ค้นหาความจริงอะไรสักอย่างที่ศึกษามาจนพบว่าโบสถ์ของทางเทวทูตเป็นคนเผยแพร่เรื่องตำนานที่ว่ามาตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อนทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่มีใครพูดถึงเลยหรืออะไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะครับ ผมเองก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกันเพราะว่าตอนนั้นคิดแต่จะพาพรีมูล่าหนีออกมาน่ะครับ”
“เหอะ…”
ในขณะที่คอนแนลกำลังพูดอธิบายขึ้นมาให้นากาฟังนั้นอยู่ๆ อลิซก็ได้พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ทีหนึ่งจนทำให้ทุกคนหันไปมอง แต่ว่าอลิซก็กลับทำหน้านิ่งๆ ไม่รู้ไม่ชี้อยู่สักพักจนทุกคนละความสนใจไปจากเธอและหันกลับไปพูดคุยกันต่อ
“ว่าแต่เด็กคนนั้นมีเขาบนหัวหรือว่าพูดอะไรเกี่ยวกับมังกรบ้างหรือเปล่าน่ะคอนแนล? แล้วมีพูดถึงลัทธิอะไรพวกนี้บ้างมั้ย?”
“เอ่อ… เด็กคนนั้นมีหูแมวบนหัวน่ะครับแล้วก็เห็นมีพูดเหมือนกับว่าจะชวนเข้าลัทธิอยู่นะครับ แต่ว่าตอนนั้นพรีมูล่าเขาเดินไปทางร้านขนมก่อนผมก็เลยฉวยโอกาสรีบหนีออกมาก่อนน่ะครับ”
“เอ๋— จริงด้วย!”
ในระหว่างที่คอนแนลกำลังอธิบายเหตุการณ์ในอดีตอยู่นั่นเอง พรีมูล่าที่กำลังเอาแก้มคลอเคลียต้นขาของอลิซเล่นมาสักพักนั้นก็ส่งเสียงออกมา ก่อนที่เธอจะยกหัวขึ้นมาจากตักของอลิซและนั่งนึกอะไรบางอย่างอยู่สักพักหนึ่ง
“หนูว่าหนูเคยเห็นเด็กหูแมวคนที่พี่คอนแนลพูดถึงเมื่อกี้อีกรอบอยู่ด้วยน๊า… แต่หนูจำไม่ได้แล้วว่ามันคือเมื่อตอนไหนเนี่ยสิ…”
“เธอแน่ใจหรอพรีมูล่า? ไม่ใช่ว่าเธอเห็นเด็กหูแมวคนอื่นแล้วก็นึกว่าเป็นคนเดียวกันซะหรอกนะ?”
“นั่นสิครับ? เพราะถึงจะบอกว่าชุดของเด็กคนนั้นค่อนข้างเด่นอยู่บ้าง แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ดูต่างจากชุดเดรสทั่วไปสักเท่าไหร่เลยนะครับ”
“เอ๋… นั่นสิเนอะ~ ถ้าพี่นากากับพี่คอนแนลว่างั้นงั้นหนูก็อาจจะจำผิดไปเองจริงๆ นั่นแหล่ะ~ เพราะเอาจริงๆ หนูก็จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่เหมือนกันอ่ะ”
พรีมูล่าที่ถูกคอนแนลและนากาถามย้ำกลับมาอีกครั้งนั้นก็ขานตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่นัก ก่อนที่เธอจะทิ้งตัวกลับลงไปนอนหนุนตักของอลิซที่กำลังพยายามแอบขยับตัวหนีไปอีกครั้ง
ซึ่งอลิซนั้นก็ได้แต่กลอกตาไปมาและพยายามยั้งใจเอาไว้ไม่ให้ตัวเองเผลอทุบกบาลของเด็กสาวตัวแสบไปก่อนที่เธอจะหันไปถามนากาที่เหมือนจะสนใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำว่าลัทธิมากเป็นพิเศษ
“ว่าแต่ดูนายจะสนใจเรื่องลัทธิหรืออะไรพวกนั้นมากซะเหลือเกินนะนากา…? สนใจอะไรอยู่หรือไง?”
“หือ? เปล่านี่… ไม่ใช่เรื่องอะไรสำคัญหรอก ฉันก็แค่สงสัยเฉยๆ นั่นแหล่ะ แล้วเรื่องโมโกะนี่พวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะ?”
นากาที่ถูกอลิซถามจี้จุดขึ้นมานั้นถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะรีบบอกปัดออกมาในทันที ซึ่งอลิซนั้นก็เลิกคิ้วมองดูเขาด้วยสายตาเคลือบแคลงใจแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกมาเพิ่มเติม ในขณะที่คอนแนลนั้นก็ได้หันกลับไปพูดเรื่องของโมโกะตามเดิม
“นั่นสินะครับ… ถึงผมจะไม่แน่ใจนักแต่ว่าสาเหตุที่คุณพ่อของโมโกะไม่ชอบที่นี่สักเท่าไหร่ก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางโบสถ์จริงๆ ก็ได้นะครับ”
“ฉันว่าสาเหตุที่คุณพ่อของโมโกะไม่ชอบเมืองรีมินัสนี่ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องความเชื่อหรือว่าอะไรแบบนั้นหรอกคอนแนล…”
“นั่นสิ เพราะว่าที่หมู่บ้านของพวกหนูน่ะอย่าว่าแต่ศาสนาเลย เทพเจ้าสักตัวก็ยังไม่มีเลยอ้ะ แต่ว่าถ้าเรื่องสาเหตุที่พี่นากาพูดถึงนั่นเป็นเรื่องเดียวกับที่หนูคิด หนูว่าหนูก็พอจะเข้าใจอยู่เหมือนกันอ่ะ…”
“เอ๋…? เหตุผลที่แม้แต่พรีมูล่าก็ยังเข้าใจงั้นหรอครับ…”
“นี่พี่คอนแนลพูดแบบนี้หมายความว่าไงหะ!!?”
พรีมูล่าที่ถูกคอนแนลหันมาพูดใส่ด้วยสีหน้าตกตะลึงแบบนั้นได้หันไปโวยวายใส่คอนแนลในทันที แต่ว่าก่อนที่พรีมูล่าจะได้มีโอกาสลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อเข้าไปหวดคอนแนลนั้นเธอก็ถูกนาการ้องห้ามเอาไว้ซะก่อน
“มันใช่เวลาโวยวายมั้ยเนี่ยหะยัยตัวแสบ! แล้วเทพเจ้าเขาก็เรียกว่า องค์ ไม่ใช่ ตัว ด้วย!! เฮ้อ… ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวไว้มีโอกาสฉันจะเล่าให้ฟังเองละกันนะคอนแนล ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดก่อนดีกว่าว่าจะเอายังไงกับเรื่องโมโกะดีน่ะ…”
“นั่นสิ พี่คอนแนลมีไอเดียอะไรดีๆ มั้ยอ่ะ? หนูไม่อยากให้โมโกะจังต้องกลับไปที่หมู่บ้านแต่ก็ไม่อยากให้คุณพ่อของโมโกะจังเขาต้องลำบากใจเหมือนกันอ่ะ…”
“ผม… ก็ไม่มีเหมือนกันครับ… เพราะว่ายังไงเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องในครอบครัวของโมโกะเขาแล้วผมเองก็เพิ่งจะเคยเจอกับคุณพ่อของโมโกะเขาเป็นครั้งแรกด้วยเพราะงั้นคงจะออกความเห็นอะไรให้ไม่ได้สักเท่าไหร่น่ะครับ…”
“มันก็จริงล่ะนะ… เพราะถ้าเกิดว่าคู่กรณีของโมโกะเป็นพรีมูล่าหรือว่าคนอื่นก็ว่าไปอย่าง แต่ว่านี่ดันเป็นคุณพ่อของโมโกะเขาเองนี่สิ…”
นากาพยักหน้าตอบคอนแนลไปอย่างจนปัญญาเพราะว่าตัวเขาเองที่รู้จักกับโมโกะมาตั้งแต่ยังเด็กนั้นก็ยังไม่ค่อยกล้าที่จะเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องในครอบครัวของเธอสักเท่าไหร่เลย แล้วนี่จะให้คอนแนลที่เพิ่งจะรู้จักกับโมโกะมาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์มาออกความเห็นในเรื่องนี้ก็ออกจะเกินตัวไปหน่อย
“แล้วเธอล่ะอลิซ? มีความเห็นอะไรบ้างมั้ย?”
“…ไม่ต้องทำ”
“หะ?”
“จะตกใจอะไรกันล่ะหะ? ในเมื่อเรื่องมันมีอยู่แค่ว่ายัยแมวขโมยนั่นจะกลับไปที่หมู่บ้านหรือเปล่างั้นก็ปล่อยให้ยัยนั่นเป็นคนตัดสินใจเอาเองสิ แล้วไม่ใช่ว่าตอนแรกโมโกะก็ไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางของพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?”
“มันก็จริงแฮะ… ที่โมโกะต้องมาที่รีมินัสด้วยนี่มันก็เพราะว่าเธอดันอยู่ที่คลินิกพร้อมกับพวกฉันด้วยจริงๆ นั่นแหล่ะ… เรื่องนั้นต้องขอบใจยัยตัวแสบนี่เลยที่ดันวิ่งเข้าไปในป่าแบบนั้นน่ะ!”
“เอ๋ะ? หนูหรอ? แหะๆ”
พรีมูล่าที่เหมือนจะตามคำตำหนิของนากาไม่ทันนั้นได้หัวเราะออกมาแบบเขินๆ เมื่อเธอได้ยินคำว่าขอบใจกับชื่อของเธออยู่ในประโยคเดียวกันจนทำให้เธอคิดว่าพี่ชายกำลังชมตัวเองอยู่ ในขณะที่อลิซนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยใจและพูดเตือนขึ้นมา
“แต่ว่านั่นมันก็แค่ความเห็นในฐานะคนใกล้ตัว… ถ้าจะให้ฉันพูดในฐานะอาจารย์แล้วฉันว่าพวกเราอาจจะมีปัญหาแล้วล่ะ เพราะถ้าทางโรงเรียนรู้ว่าโมโกะแอบมาสมัครเข้าเรียนโดยที่ทางครอบครัวไม่เห็นด้วยพวกเขาก็คงจะหาทางจัดการกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“นั่นสินะ… ถ้าฉันจำไม่ผิดเหมือนว่าคุณพ่อของโมโกะจะวางแผนเรื่องหลังจากที่โมโกะเรียนจบเอาไว้ให้แล้วด้วยนี่สิ เธอไปเที่ยวบ้านโมโกะเขาบ่อยๆ พอจะรู้เรื่องนี้บ้างมั้ยน่ะพรีมูล่า?”
“อื้อ เห็นคุณพ่อของโมโกะจังเขาชอบพูดบ่อยๆ ว่าอยากให้โมโกะจังช่วยงานที่บ้านอ่ะ เห็นบอกว่าถ้าได้โมโกะจังมาปลูกสมุนไพรกับหาของป่าแทนให้ คุณพ่อเขาจะได้ไปติดต่อค้าขายกับเมืองต่างๆ แบบที่คุณแม่ของโมโกะจังเขาทำสมัยก่อนอ้ะ”
“เฮ้อ… แบบนั้นจะยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่เลยสิ…”
คำตอบของพรีมูล่านั้นทำให้อลิซถึงกับต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่งเพราะดูท่าทางว่าเรื่องนี้คงจะไม่จบลงได้ง่ายๆ ซะแล้ว
“นั่นสินะครับ… เพราะถ้าเกิดว่าคุณพ่อของโมโกะจะไม่ยอมให้โมโกะอยู่ที่นี่จริงๆ เขาก็อาจจะไปติดต่อกับทางโรงเรียนด้วยก็ได้”
“ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นแล้วทางโรงเรียนจะจัดการกับเรื่องแบบนี้ยังไงน่ะอลิซ?”
“แล้วนายจะมาถามอาจารย์ใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มสอนสักชั่วโมงนึงอย่างฉันทำเพื่อ…?”
อลิซที่ถูกนากาถามขึ้นมาเหมือนกับหวังว่าอาจารย์ใหม่ที่จะเริ่มสอนในภาคเรียนหน้าอย่างเธอจะรู้เรื่องภายในของโรงเรียนดีนั้นได้หรี่ตามองนากาด้วยความหงุดหงิด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็นั่งคิดอยู่สักพักแล้วจึงตอบนากากลับไป
“ถ้าถามฉัน… ฉันว่าถ้าเกิดทางโรงเรียนรู้ว่าพ่อแม่ของนักเรียนไม่ได้ยินยอมให้ลูกของตัวเองมาสมัครเรียนตั้งแต่แรกก็อาจจะบังคับให้นักเรียนลาออกนั่นล่ะ เพราะต่อให้จะสมัครเข้าเรียนมาด้วยวิธีพิเศษแบบนั้นก็เถอะแต่ว่ามันก็เป็นฝีมือของเอริกะที่ไม่ใช่ผู้ปกครองโดยตรงอยู่ดี”
“ผมว่าก็อาจจะเป็นแบบนั้นนะครับ เพราะว่าที่จริงแล้วทางวังหลวงเองก็อยากจะได้โรงเรียนรีมินัสกลับไปอยู่ในการควบคุมอีกครั้งอยู่เหมือนกันแต่ว่าท่านผู้อำนวยการเขาระมัดระวังมากจนไม่เปิดโอกาสให้วังหลวงแทรกแซงได้เลย.. แต่ถ้าเกิดว่ามีข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับทางโรงเรียนแพร่กระจายออกไปก็อาจจะเป็นช่องทางให้วังหลวงส่งคนมาแทรกแซงได้น่ะครับ…”
“หึ… ก็โรงเรียนรีมินัสเล่นใหญ่คับเมืองซะจนโรงเรียนอื่นๆ ในเมืองแทบจะไม่มีตัวตนเลยนี่นะ แบบนี้ทางวังจะไม่พยายามควบคุมโรงเรียนเอาไว้ก็แปลกแล้วล่ะ”
อลิซเค้นเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ ในขณะที่นากาที่ได้ยินแบบนั้นเข้าไปก็เริ่มที่จะตื่นตระหนกขึ้นมา
“แล้วแบบนี้พวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะ? ถ้าขืนไม่คิดจะทำอะไรกันสักอย่างแบบนี้เดี๋ยวโมโกะก็จะโดนคุณพ่อเขาพาตัวกลับหมู่บ้านไปจริงๆ ไม่ใช่หรือไงน่ะ?”
“หนูยังไม่อยากให้โมโกะจังเขากลับไปเลยอ่ะ…”
“เอาจริงๆ พวกนายก็ยังไม่รู้เลยไม่ใช่หรือไงว่าตัวยัยแมวขโมยนั่นอยากจะอยู่ที่นี่ต่อหรือเปล่าน่ะ?”
“เอ๋!? โมโกะจังก็ต้องอยากอยู่กับพวกหนูอยู่แล้วสิพี่อลิซ”
พรีมูล่าที่ได้ยินแบบนั้นเข้าไปได้ผุดลุกขึ้นมาโวยวายใส่อลิซในทันที แต่ว่านากานั้นก็ได้พูดห้ามเธอเอาไว้ก่อนเพราะเขาเข้าใจดีว่าอลิซต้องการจะสื่ออะไรอยู่กันแน่
“ใจเย็นก่อนสิพรีมูล่า ที่อลิซเขาพูดนั่นหมายความว่าที่ผ่านมาเรายังไม่เคยถามโมโกะดูเลยไม่ใช่หรอว่าโมโกะเขาอยากจะอยู่ที่นี่จริงๆ หรือเปล่าน่ะ”
“งื้อออ แต่ว่าโมโกะจังเขายังไม่เคยพูดสักครั้งเลยนะว่าอยากจะกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านน่ะ! เพราะงั้นมันก็หมายความว่าโมโกะจังจะต้องอยากอยู่ที่นี่อยู่แล้วแน่ๆ สิ!”
“มันก็อาจจะเป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหล่ะ แต่ว่ายังไงซะก็ยังมั่นใจไม่ได้จนกว่าจะได้ยินโมโกะเขาพูดออกมาเองใช่มั้ยล่ะ… เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไปหาอะไรเล่นที่อื่นก่อนไป เดี๋ยวเอาไว้โมโกะกลับมาแล้วพี่จะลองถามโมโกะเขาดูให้เอง”
“แต่ว่า—-”
พรีมูล่าที่ถูกพี่ชายของเธอไล่ให้ไปเล่นที่อื่นนั้นได้พยายามที่จะเถียงกลับไป แต่ว่าทันใดนั้นเองอลิซก็ได้พูดขึ้นมาพร้อมกับลุกยืนขึ้นเพื่อเดินออกไปด้านนอกห้องในทันที
“ไม่มีแต่! ถ้าเกิดว่าเธอมีวิธีที่ดีกว่านี้ก็ลองเสนอขึ้นมาดูสิ เอาเป็นวิธีที่จะไม่ทำให้ทั้งโมโกะทั้งคุณพ่อเขาต้องลำบากใจหรือว่าทะเลาะกันแบบที่เธอพูดนั่นน่ะ!”
“งื้ออออออ”
พรีมูล่าที่ถูกอลิซพูดใส่ตรงๆ แบบนั้นได้แต่พองแก้มของเธอเป็นลูกโป่งด้วยความไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจจะคิดหาวิธีไหนที่ดีกว่านั้นขึ้นมาได้จริงๆ ซึ่งคอนแนลที่เห็นพรีมูล่ามีท่าทีไม่พอใจแบบนั้นก็ได้พยายามพูดให้เธอใจเย็นลงบ้าง
“ผมว่าคุณอลิซเขาคงจะหาวิธีอะไรสักอย่างขึ้นมาได้แล้วล่ะครับถึงได้เดินออกไปแบบนั้นน่ะ ถ้ายังไงพรีมูล่าก็ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”
“นั่นสินะ… ระหว่างนี้เราก็คงจะได้แต่รอให้โมโกะเขากลับมาเองล่ะมั้งเพราะถ้าจะให้พวกเราเข้าไปตามหาเองในป่าก็คงจะหลงทางกันหมดนั่นแหล่ะ…”
“แต่ว่าหนูเป็นห่วงโมโกะจังเขานี่นา!”
“ผมก็เข้าใจนะครับว่าเป็นห่วง แต่ว่าบางครั้งคนเราก็มีเรื่องที่ต้องใช้เวลาคิดตัดสินใจด้วยตัวคนเดียวอยู่บ้าง ถ้ายังไงก็ปล่อยให้โมโกะเขาได้ใช้เวลาตัดสินใจให้เต็มที่น่าจะดีกว่านะครับพรีมูล่า…”
คอนแนลพูดอธิบายให้พรีมูล่าฟังก่อนที่เขาจะยื่นมือไปลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู ในขณะที่ทางด้านนากาที่เห็นว่าน้องสาวของตนสงบลงแล้วนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืนและพูดเสนอวิธีฆ่าเวลาระหว่างรอให้โมโกะกลับมาเองขึ้นมา
“เอาล่ะ ไหนๆ ก็เหลือแค่รอให้โมโกะกลับมาเองแล้วถ้างั้นทั้งสองคนสนใจจะไปฝึกกันที่สวนด้านหลังหน่อยมั้ยล่ะ? เพราะถ้าเกิดนั่งกันอยู่เฉยๆ แบบนี้เดี๋ยวก็มัวแต่คิดมากกันซะเปล่าๆ น่ะ”
“ก็ดีนะครับ เพราะผมยังไม่เคยได้ลองรับมือพรีมูล่าดูเลยน่ะ แถมตอนฝึกซ้อมก่อนจะสอบเข้าพรีมูล่าก็แทบไม่ได้ฝึกอะไรเลยด้วยไม่ใช่หรอครับ?”
“เอ๋~ แต่หนูยังไม่อยากฝึกเลยอ่ะ…”
“เฮ้อ… เธอเนี่ยน้า…”
นากาถอนหายใจออกมาก่อนที่เขาจะหิ้วคอเสื้อของพรีมูล่าให้ลุกขึ้นและลากเธอไปยังสวนหลังบ้านที่ดูเหมือนว่าหลังจากนี้มันจะได้แปรสภาพจากสวนดอกไม้ไปเป็นลานฝึกซ้อมของพวกเขาไปอีกนาน
“เฮ้อ… กลับไปที่หมู่บ้านงั้นหรอ…”
ในขณะเดียวกันทางด้านโมโกะที่วิ่งหายเข้าไปในป่านั้นก็ได้เหลือบมองไปยังตัวคฤหาสน์ที่ยังคงโผล่มาให้เห็นผ่านแมกไม้บ้างเป็นบางส่วนก่อนจะถอนหายใจออกมาและเดินลึกเข้าไปในป่ามากกว่าเดิมพร้อมกับกลบร่องรอยของตัวเองไปด้วยเพื่อไม่ให้คุณพ่อของเธอตามมาเจอตัวได้
“จะว่าไปก็ยังไม่เคยได้เข้ามาดูในป่านี้เลยนี่นะ… เหมือนจะเคยได้ยินว่ามันขยายไปเป็นแนวยาวแต่ว่าไม่ค่อยจะกว้างสักเท่าไหร่สินะ…”
โมโกะพูดพึมพำขึ้นมาพร้อมกับมองซ้ายมองขวากวาดตาดูสภาพแวดล้อมของป่าที่เธอไม่คุ้นเคย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ค่อนข้างจะไม่เป็นกังวลกับการเดินเข้ามาในป่าลึกแบบนี้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าเธอถูกฝึกสอนให้คุ้นเคยกับป่ามาตั้งแต่ยังเด็กจนทำให้บางทีเธอก็รู้สึกว่าการเดินอยู่ในป่านั้นทำให้เธอสบายใจยิ่งกว่าการเดินเล่นในเมืองเสียอีก
และเมื่อโมโกะเดินมาจนสุดแนวต้นไม้แนวต้นไม้จนพบกับทุ่งราบทางตะวันออกเฉียงเหนือที่นากาเคยสู้กับอิซานางิแล้วนั้นเธอก็ได้หยุดฝีเท้าลงก่อนจะหันไปมองรอบๆ เพื่อสำรวจดูในทันที
“ไม่มีร่องรอยของคนเลยนี่นา… ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กับเมืองขนาดนี้เนี่ยนะ…”
แซ่ก—
“—-!?”
ในขณะที่โมโกะกำลังพึมพำขึ้นมาด้วยความแปลกใจที่ป่าข้างเมืองรีมินัสไม่มีร่องรอยของผู้คนที่เข้ามาหาของป่าหรือว่าล่าสัตว์เลยแม้แต่น้อยนั้นก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธอจนทำให้โมโกะต้องรีบหันกลับไปด้วยความตกใจในทันที
“…..”
แต่ว่าโมโกะก็ไม่พบกับวี่แววของใครเลยแม้แต่สักคนเดียว อีกทั้งทิศทางที่เธอคิดว่าได้ยินเสียงดังขึ้นมานั้นก็เป็นทางทุ่งราบที่ไม่มีที่หลบซ่อนแม้แต่น้อยจนทำให้โมโกะได้แต่หรี่ตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังอยู่สักพักก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในผืนป่าอีกครั้ง
“…แค่คิดไปเองล่ะมั้ง”
ถึงแม้ว่าโมโกะจะพยายามบอกกับตัวเองแบบนั้นแต่ว่าเธอก็ไม่ได้คลายความระมัดระวังลงเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าในช่วงหลังๆ มานี้เธอมีความรู้สึกเหมือนว่าถูกใครหรืออะไรสักอย่างคอยเฝ้าจับตามองดูเธออยู่ตลอดเวลาตั้งแต่หลังจากที่เธอกลับมาจากการสอบเข้าโรงเรียนรีมินัส
และในตอนที่โมโกะกำลังมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังอยู่นั้นสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับกับสมุนไพรต้นเล็กๆ ที่งอกขึ้นมาอยู่ใกล้ๆ กันเข้าซะก่อน
“สมุนไพรแก้ปวดนี่นา… เยอะขนาดนี้น่าจะเอาไปขายได้หลายคริสต้าอยู่ล่ะมั้งเนี่ย”
กร๊อบ!
“—-!?”
ในขณะที่โมโกะกำลังจะก้มลงไปเพื่อเด็ดสมุนไพรเหล่านั้นก็ได้มีเสียงเหมือนกับกิ่งไม้โดนเหยียบดังขึ้นมาจากทางด้านหลังจนทำให้โมโกะสะดุ้งตกใจหางตั้งและรีบหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกับตะโกนขึ้นมาในทันที
“นั่นใครน่ะ!?”
แกร๊ก…
เสียงของกิ่งไม้ที่ถูกเหยียบดังขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่งโดยไร้ซึ่งคำตอบจากใครหรืออะไรก็ตามที่เป็นเจ้าของเสียงนั้นทำให้โมโกะหรี่ตาลงและถอยไปยืนพิงต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กันพร้อมกับชักมีดเดินป่าเล่มใหม่ที่เธอซื้อมาแทนเล่มเก่าที่โดนเวก้าแย่งไปใช้ออกมาในทันที ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงไปสักพักใหญ่และตามมาด้วยเสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ดังขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่งของต้นไม้ที่เธอกำลังพิงอยู่
“คิกคิกคิก…”
“—!?”
เสียงหัวเราะชวนขนหัวลุกที่ดังขึ้นมาในระยะประชิดนั้นทำให้โมโกะตัดสินใจที่จะตวัดมีดเข้าใส่อีกด้านหนึ่งของต้นไม้ในทันที แต่ว่าโมโกะก็ได้ชะงักไปเมื่อพบว่าที่อีกฝั่งหนึ่งของต้นไม้นั้นกลับไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว จะมีก็เพียงแค่กิ่งไม้ที่ถูกเหยียบจนหักกลางเพียงเท่านั้น
“ถูกเหยียบงั้นหรอ…”
ถึงแม้ว่าโมโกะจะเก่งเรื่องการหาของป่าและไม่เคยได้ออกล่าสัตว์เหมือนกับคุณพ่อของเธอแบบจริงๆ จังๆ มาก่อนแต่ว่าเธอก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าในโลกใบนี้ไม่มีสัตว์ป่าที่สามารถส่งเสียงหัวเราะแบบที่เธอได้ยินได้อย่างแน่นอน อีกทั้งกิ่งไม้ที่หักกลางตรงหน้าของเธอนั้นก็ยังดูสดใหม่ราวกับว่ามันเพิ่งจะถูกเหยียบไปเมื่อสักครู่นี้เลยซะด้วยซ้ำ
ซึ่งทั้งเสียงหัวเราะและกิ่งไม้ตรงหน้าของเธอนั้นก็ทำให้โมโกะมั่นใจได้ว่ากำลังมีมนุษย์หรือว่าอะไรบางอย่างแอบตามเธออยู่ใกล้ๆ อย่างแน่นอนจนทำให้โมโกะได้แต่กำมีดในมือแน่นพลางนึกเสียใจที่เธอไม่ได้หยิบเอาปืนทั้งสองกระบอกของเธอมาด้วยก่อนที่จะวิ่งออกมาจากคฤหาสน์
แซ่ก แซ่ก
“ใครน่ะ—!!”
เสียงของพุ่มไม้ที่เสียดสีกันพร้อมกับขยับไปมาเล็กน้อยนั้นทำให้โมโกะรีบหันขวับไปทางนั้นและตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ในทันที ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ กระโดดออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความรวดเร็ว
ฟุ๊บ—
“….!!”
กระต่ายสีน้ำตาลตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่พุ่งออกมาจากพุ่มไม้นั้นได้ชะงักนิ่งไปในทันทีที่มันเห็นโมโกะก่อนที่มันจะรีบพุ่งหนีหายไปอีกทางหนึ่งในทันที ซึ่งโมโกะที่เห็นว่ามันเป็นเพียงแค่กระต่ายธรรมดาๆ นั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เฮ้อ… แค่กระต่ายเองหรอกหรอ…”
แซ่ก แซ่ก
“—-!?”
ในขณะที่โมโกะกำลังโล่งใจอยู่นั้นเสียงของพุ่มไม้ที่กำลังเสียดสีกันอยู่ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีร่างสูงใหญ่ของใครบางคนพุ่งตามออกมาและเหวี่ยงขวานศึกขนาดใหญ่เข้าใส่โมโกะด้วยความรวดเร็ว
ซึ่งโมโกะที่เห็นแบบนั้นก็รีบดีดตัวถอยหลังตามสัญชาตญาณในทันทีจนทำให้ขวานศึกอันใหญ่พลาดเป้าหมายพุ่งลงไปกระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนหน้าดินแตกกระจายจนดูราวกับว่าเกิดระเบิดขนาดย่อมๆ ขึ้นมา
ฟุ๊บ— โคร๊มมมม!!