Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 205 : Home Invasion
กรุ๊งกริ๊ง~ เคร๊ง—
“เข้ามาตรงๆ เลยงั้นหรอ…”
หลังจากที่เซซิเรียพุ่งตัวออกไปจากอาณาเขตของบ้านพักตากอากาศแล้วและโมโกะกับอีฟก็ได้กลับเข้าไปหลบอยู่ที่ด้านในของตัวบ้านพักตากอากาศแล้วนั้นเอง นากาที่ละสายตาออกมาจากร่างของนายทหารที่ยืนอยู่เบื้องหน้าบ้านพักตากอากาศไปเพียงแค่เวลาไม่นานเพื่อมองส่งโมโกะก็ต้องพูดพึมพำออกมาด้วยความแปลกใจ
เพราะว่าในบัดนี้ร่างของอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูได้ผลักประตูรั้วให้เปิดออกและก้าวเท้าเข้ามาภายในเขตของบ้านพักตากอากาศเสียแล้ว
แต่ถึงแม้ว่านากาจะได้ยินเซซิเรียพูดยืนยันว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ตามมาเพื่อจัดการกับรัซเซลที่รอดกลับออกมาจากเมืองใต้ดินอย่างแน่นอนก็ตามที แต่ก็ด้วยความที่อีกฝ่ายใส่ชุดของทหารเมืองแพนเทร่าเอาไว้มันก็เลยทำให้เขาไม่กล้าที่จะรีบร้อนลงมือทำอะไรและตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปใกล้เพื่อพูดสอบถามขึ้นมาเสียก่อน
“คุณทหารตรงนั้นน่ะมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ!?”
“………”
ฟุ๊บ—
“เฮ้ย—!?”
สิ่งที่นายทหารที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าทำเพื่อเป็นการตอบนากานั้นก็คือการที่เขาพุ่งตัวเข้ามาเหวี่ยงขวานศึกขนาดใหญ่ในมือสับลงใส่นากาที่เดินเข้ามาใกล้อย่างรุนแรงโดยไม่ทำแม้แต่จะพูดเตือนอะไรออกมาจนทำให้นากาต้องรีบดีดตัวถอยไปทางด้านหลังเพื่อหลบหลีกในทันที
โคร๊ม!!
“………”
ซึ่งภาพของขวานศึกที่จามลงไปใส่พื้นหินที่ทอดยาวเข้ามายังตัวบ้านพักตากอากาศจนหน้าดินระเบิดออกเป็นหลุมขนาดย่อมๆ นั้นก็เป็นส่งที่บ่งบอกว่านายทหารเบื้องหน้าน่าจะมีเรี่ยวแรงที่มากมายกว่ามนุษย์ธรรมดาๆ มากก็ได้ทำให้นากาต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย และเมื่อประกอบกับท่าทางแปลกๆ ของฝ่ายตรงข้ามที่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ยอมพูดจาที่ดูคล้ายกับพวกทหารที่เคยบุกมาโจมตีเมืองรีมินัสนั้นก็ได้ทำให้นากาตัดสินใจที่จะพุ่งตัวกลับไปใส่เขาพร้อมกับตวัดดาบเปื้อนเลือดในมือออกไปเบื้องหน้าในทันที
“อย่ามาหาว่าทางนี้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็แล้วกัน!!”
ฟวับ— เคร๊ง!!
“หนา—!?”
ถึงแม้ว่าด้วยความเร็วในการโจมตีของนากาจะทำให้ร่างของนายทหารเบื้องหน้าไม่สามารถดึงขวานศึกที่จมลงไปในหน้าดินขึ้นมาตั้งรับได้ทันก็ตาม แต่ทว่าใบดาบเปื้อนเลือดของนากาก็กลับทำได้เพียงแค่ฝากรอยขูดขีดเอาไว้บนชุดเกราะของอีกฝ่ายและแฉลบออกไปทางด้านข้างเพียงเท่านั้นบ่งบอกว่าชุดเกราะแบบเต็มตัวที่อีกฝ่ายสวมใส่เอาไว้เป็นของคุณภาพเยี่ยมแตกต่างจากพวกชุดเกราะหนังหรือผ้าที่คู่ต่อสู้ของนากาที่ผ่านมามักจะสวมใส่กัน
ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะกวาดตาสำรวจดูการแต่งกายของคู่ต่อสู้ก่อนที่เขาจะพูดพึมพำออกมาเบาๆ
“ถ้างั้นก็ต้องเล็งข้อต่อแทนสินะ…”
ฟุ๊บ—
แต่ทว่าก่อนที่นากาจะได้ลงมือทำอะไร นายทหารเบื้องหน้าที่ยกขวานศึกขึ้นมาจากพื้นดินได้สำเร็จแล้วก็ได้ใช้ตรงส่วนปลายของมันที่มีแท่งเหล็กแหลมคล้ายกับหัวหอกพุ่งแทงเข้าใส่นากาเสียก่อนจนทำให้เขาต้องรีบสะบัดดาบเฟเบิ้ล ดรีมเมอร์เข้าปัดการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามในทันที
เป๊ง—!
ถึงแม้ว่าแรงกระแทกจากการโจมตีของนายทหารเบื้องหน้าจะรุนแรงกว่าการโจมตีของเพื่อนๆ ของนากาในตอนที่เขาเคยขอให้มาช่วยฝึกซ้อมมาก แต่ทว่านากาที่ฝึกฝนร่างกายของตัวเองมาตลอดก็สามารถที่จะตั้งรับได้โดยไม่พลาดพลั้งไปเสียก่อน อีกทั้งมันยังทำให้ศัตรูที่ทิ่มขวานเข้ามาโดยไม่ยั้งแรงเอาไว้เสียหลักเซไปทางด้านข้างอีกด้วย
ฉัวะ!!
ซึ่งนากาก็ได้ใช้จังหวะที่ศัตรูเสียหลักนี้ในการฟันบาดเข้าไปที่รอยต่อของชุดเกราะบริเวณช่วงเอวเข้าไปเต็มๆ
“………”
แต่ถึงอย่างนั้นทางนายทหารที่ถูกฟันเข้าไปจังๆ นั้นก็กลับไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาและหมุนตัวเหวี่ยงขาเตะเข้าใส่นากาอย่างรุนแรงจนทำให้เด็กหนุ่มปลิวกระเด็นออกห่างออกไป
ผลั๊ก!!
ครืด—–
“เจ็บๆ … เมื่อกี้นี้ฟันพลาดงั้นหรอ…”
นากาที่ถูกเตะเข้าใส่อย่างจังจนปลิวกระเด็นออกไปนั้นได้ปักดาบของเขาลงกับพื้นเพื่อใช้สร้างแรงต้านก่อนที่เขาจะพูดพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อสังเกตเห็นว่านอกจากรอยคราบเลือดที่ติดอยู่บนใบดาบเฟเบิ้ล ดรีมเมอร์ตั้งแต่แรกที่เขาทำยังไงก็ขัดมันไม่ออกแล้ว บนใบดาบประจำตัวของเขากลับไม่มีหยดเลือดที่ควรจะเป็นของนายทหารเบื้องหน้าเกาะติดอยู่เลยแม้แต่น้อยจนทำให้เขาต้องเลิกคิ้วสังเกตดูร่างของคู่ต่อสู้ในทันที
“ก็ฟันโดนไปเต็มๆ แล้วนี่…”
และเมื่อนากาสังเกตเห็นรอยฉีกขาดตรงช่องว่างของชุดเกราะของนายเบื้องหน้าได้ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นก็ได้มีเสียงกระดิ่งดังแว่วๆ มาตามถนนเบื้องนอกอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว
กรุ๊งกริ๊ง…
“ยังจะมีมาเพิ่มอีกงั้นหรอ…”
เสียงของกระดิ่งที่ดังมาแว่วๆ จากภายนอกรั้วของบ้านพักตากอากาศของไดเอน่านั้นได้ทำให้นากาต้องขมวดคิ้วอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจที่จะรีบเร่งจัดการนายทหารเบื้องหน้าให้ได้ทันก่อนที่กำลังเสริมของอีกฝ่ายจะมาถึง
“ตอนแรกก็คิดว่าแค่ปาดไปเรื่อยๆ ก็จะจบหรอกนะ แต่ถ้าเกิดว่ามีกำลังเสริมแบบนี้คงจะต้องเร่งมือกันหน่อยล่ะมั้ง…”
ปึ้ง!!
“ฉันมาช่วยแล้วนากา!!”
“โมโกะ!!? เดี๋ยวสิ— แล้วอีฟล่ะ!?”
เสียงของประตูที่ถูกกระแทกจนเปิดออกพร้อมกับเสียงของโมโกะที่พุ่งออกมาจากด้านในตัวบ้านนั้นได้ทำให้นากาต้องหันไปพูดถามเด็กสาวขึ้นมา และนั่นก็ทำให้โมโกะที่สวมใส่ยูนิตเชสเชียร์เอาไว้และกำลังจะเริ่มต้นกราดยิงจำเป็นต้องพูดตอบเขากลับไปก่อน
“คุณไซร่าบอกว่าจะช่วยดูแลให้แล้วให้ฉันออกมาช่วยนายก่อนนี่ไง”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่สภาพร่างกายเธอยัง—”
“ไว้ทีหลังเถอะน่า! หมอนั่นวิ่งมานู้นแล้ว!!”
โมโกะที่ได้ยินนากาพูดถึงเรื่องสภาพร่างกายของเธอได้พูดร้องเตือนขึ้นมาเมื่อเธอสังเกตเห็นว่านายทหารในชุดเกราะที่บุกมาที่นี่ไม่ได้ยืนเฉยๆ รอพวกเธอคุยกันให้เสร็จก่อน และนั่นก็ทำให้นากาที่ได้ยินแบบนั้นต้องรีบก้าวออกไปเบื้องหน้าและสะบัดดาบของเขาเข้ารับขวานศึกของคู่ต่อสู้ที่ถูกเหวี่ยงลงมาในแนวตั้งเอาไว้
“หลบไปโมโกะ!!”
ตึ้ง!!
“ร—แรงเยอะเป็นบ้า!?”
“นากา!?”
นากาที่จำเป็นต้องใช้ดาบคู่กายในการเข้ารับการโจมตีตรงๆ นั้นแทบจะทรุดลงไปกับพื้นเมื่อเรี่ยวแรงของอีกฝ่ายที่สามารถใช้ขวานจามระเบิดหน้าดินได้คือของจริง ซึ่งภาพของนากาที่เหมือนกับจะเสียท่าก็ได้ทำให้โมโกะตัดสินใจที่จะสาดกระสุนเข้าใส่ร่างในชุดเกราะในทันที
ปังปังปังปัง—เป๊งเป๊งเป๊งเป๊ง!!
ถึงแม้ว่ากระสุนวิซสีแดงของโมโกะจะไม่สามารถเจาะทะลวงชุดเกราะที่อีกฝ่ายสวมใส่เอาไว้ได้ แต่ว่าด้วยแรงกระแทกที่เกิดจากฝนกระสุนจำนวนมากที่โมโกะสาดออกมาจากปากกระบอกปืนมันก็ได้ทำให้อักฝ่ายเซไปทางด้านข้างเล็กน้อยเปิดโอกาสให้นากาได้ใช้จังหวะนี้ในการเบี่ยงขวานของศัตรูที่เขาออกแรงยันเอาไว้ไปทางด้านข้างและใช้ดาบเปื้อนเลือดของเขาแทงซ้ำเข้าไปที่จุดเดิมที่เขาเคยโจมตีใส่อีกฝ่ายก่อนหน้านี้
ฉึก!!
“………..”
แม้ว่านายทหารเบื้องหน้าจะถูกนากาแทงดาบเข้าใส่ช่วงท้องเต็มๆ ก็ตามที แต่ทว่าเขาก็กลับไม่ส่งเสียงร้องหรือว่าแสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อยจนทำให้นากาตัดสินใจที่จะเฉือนดาบของเขาออกทางด้านข้างที่น่าจะสร้างบาดแผลฉกรรจ์และกลิ้งตัวหลบออกมาปล่อยให้ร่างของอีกฝ่ายล้มลงกระแทกพื้นเสียงดังลั่น
เคร๊ง—!!
“ผมก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนี้หรอกนะ แต่ว่า…”
ฟุ๊บ–
“น–นากา— เขาจะลุกกลับขึ้นมาแล้วนะ—!?”
“…………..”
ยังไม่ทันที่นากาจะได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาจนจบ อยู่ๆ ร่างของนายทหารเบื้องหน้าที่ถูกนากาแทงจนทะลุและเฉือนดาบเปิดช่วงท้องจนไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้อีกนานก็ได้พยายามที่จะใช้ท่อนแขนของเขายันตัวเองให้ลุกกลับขึ้นมายืนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จนทำให้นากาต้องยกดาบของเขาขึ้นมาเตรียมพร้อมเอาไว้อีกครั้ง
และนั่นก็ทำให้นากาพบว่าจนถึงบัดนี้บนใบดาบเฟเบิ้ล ดรีมเมอร์ของเขาก็ยังคงมีเพียงแค่คราบเลือดที่ฝังติดแน่นอยู่กับใบดาบโดยปราศจากหยดเลือดของนายทหารเบื้องหน้าอยู่เลย
“เดี๋ยวสิ… เมื่อกี้นี้น่าจะแทงเข้าไปเต็มๆ แล้วนะ…”
“………..”
ถึงแม้ว่านากาจะมีท่าทางแปลกใจที่การโจมตีของเขาเรียกเลือดจากร่างกายของอีกฝ่ายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ว่าทางด้านนายทหารในชุดเกราะก็กลับไม่มีท่าทางว่าจะสนใจเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อยและพยายามที่จะยันตัวเองให้ลุกกลับขึ้นมาอยู่ดี
หรืออย่างน้อยๆ ก็จนกระทั่งร่างกายของอีกฝ่ายเหมือนจะหมดแรงไปเองและทรุดกลับลงไปกองกับพื้นและนอนแน่นิ่งไป
พลั๊ก—
“………..”
“เอ่อ… เขาตายแล้วหรือเปล่าน่ะนากา?”
คำถามของโมโกะได้ทำให้นากาต้องขมวดคิ้วมองดูร่างเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะถึงแม้ว่าร่างเบื้องหน้าจะนอนแน่นิ่งไปแล้ว แต่ว่าที่บริเวณรอบๆ จุดที่อีกฝ่ายนอนกองอยู่นั้นก็กลับไม่มีวี่แววว่าจะมีกองเลือดไหลออกมาเลยแม้แต่น้อยทั้งๆ ที่นากาค่อนข้างจะมั่นใจว่าเขาฝากบาดแผลขนาดใหญ่เอาไว้ภายใต้ชุดเกราะนั่นจนเลือดน่าจะไหลทะลักออกมาท่วมบริเวณภายในเวลาไม่นานแน่ๆ
ฟู่ว……
ซึ่งในขณะที่นากากำลังขมวดคิ้วจ้องมองร่างเบื้องหน้าอยู่นั้นเอง อยู่ๆ หมอกควันบางๆ ที่ห้อมล้อมบ้านพักตากอากาศของไดเอน่าก็ได้ค่อยๆ ลอยจับกลุ่มเข้าไปที่ร่างของนายทหารเบื้องหน้าเอาไว้จนดูหนาแน่นกว่าบริเวณรอบๆ อย่างเห็นได้ชัด
แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่จะมีใครทันได้พูดอะไรออกมา อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงของกระดิ่งดังแว่วๆ มาจากทางด้านนอกถนนเข้าอีกครั้งหนึ่งเสียก่อน
กรุ๊งกริ๊ง~
“มีกำลังเสริมจริงๆ ด้วยสินะเนี่ย…”
เสียงของกระดิ่งที่ดังขึ้นมาแว่วๆ พร้อมกับการปรากฏตัวของนายทหารอีกคนหนึ่งที่สะพายปืนยาวไว้บนแผ่นหลังนั้นได้ทำให้นากาที่ได้ยินคำเตือนของเซซิเรียเกี่ยวกับเรื่องกำลังเสริมของอีกฝ่ายมาก่อนหน้านี้แล้วต้องพูดพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความยุ่งยากใจ เพราะว่าเพียงแค่นายทหารที่นอนกองอยู่เพียงคนเดียวพวกเขาก็ค่อนข้างใช้เวลาจัดการมากพอตัวอยู่แล้ว
ซึ่งภาพของนายทหารอีกคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมาที่ด้านนอกรั้วของบ้านพักตากอากาศนั้นก็ได้ทำให้โมโกะตัดสินใจที่จะเริ่มต้นเปิดฉากก่อนในทันที
“เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง!”
ปั้งปั้งปั้งปั้ง—เป๊งเป๊งเป๊งเป๊ง!!
“………”
เสียงของกระสุนจากปืนกลเบาทั้งสองกระบอกของยูนิตเชสเชียร์ที่ดังขึ้นมาถี่ยิบและประกายสีแดงและสีเหลืองที่เกิดจากกระสุนวิซธาตุไฟและธาตุดินรวมถึงแรงกระแทกที่ปะทะเข้าใส่ชุดเกราะของนายทหารคนใหม่นั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวหรือว่าคิดจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งเขายังหยิบเอาปืนยาวที่สะพายเอาไว้ด้านหลังมาถือเอาไว้และทำท่าเหมือนกับจะยิงสวนกลับมาอีกเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งภาพของนายทหารที่ดูเหมือนว่าจะไม่รู้จักความกลัวหรือว่าความเจ็บปวดเบื้องหน้านั้นก็ได้ทำให้นากาต้องขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะว่ามันดูเหมือนกับพวกกลุ่มของทหารที่เคยบุกไปโจมตีประตูเมืองรีมินัสและกลุ่มทหารที่บุกไปที่หมู่บ้านโมริโกะเป็นอย่างมาก และนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจที่จะยกมือข้างที่สวมใส่ถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์เอาไว้ขึ้นเล็งตรงไปทางร่างเบื้องหน้าในทันที
“เดี๋ยวก่อนสินากา!!”
แต่ทว่าในทันทีที่โมโกะสังเกตเห็นการกระทำของนากานั้นเอง เธอก็ได้ขยับตัวเข้าไปขวางที่เบื้องหน้าของเขาเอาไว้เพื่อหยุดการกระทำของนากาเอาไว้ก่อนเนื่องจากว่าแต่เติมแล้วพลังทำลายของใบมีดของถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์นั้นก็ไม่ได้มากกว่ากระสุนวิซของปืนกลเบาที่เธอใช้งานสักเท่าไหร่นัก อีกทั้งความเร็วของตัวใบมีดที่ถูกยิงออกไปนั้นก็ค่อนข้างที่จะเชื่องช้ากว่ากระสุนวิซอยู่พอตัวอีกด้วย
แล้วก็ยังไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเกิดว่านากาคิดจะใช้ใบมีดของถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์เพื่อดึงตัวเองเข้าไปโจมตีระยะประชิดเขาจะต้องเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเป็นโอกาสให้อีกฝ่ายที่ดูแล้วน่าจะใช้ปืนยาวที่มีความแม่นยำสูงเป็นอาวุธหลักเล็งยิงได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นการกระทำของโมโกะที่อยู่ๆ ก็กระโดดเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าถุงมือยิงใบมีดของนากาและอยู่ในวิถีเดียวกับปากกระบอกปืนของศัตรูที่กำลังเล็งตรงมานั้นก็ได้ทำให้นากาต้องหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจและรีบยั้งมือของตัวเองเพื่อดึงร่างของโมโกะให้หลบไปข้างหลังในทันที
“ทำอะไรของเธอเนี่ยโมโกะ!!?”
“คริมสันโบลต์!!”
แต่ทว่าก็ยังไม่ทันที่โมโกะจะได้พูดตอบอะไรนากากลับไป อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงร้องตะโกนของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากภายในม่านหมอก ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีลูกศรวิซสีแดงฉานพุ่งตัดม่านหมอกตรงไปปักเข้าที่สีข้างของนายทหารผู้ถือปืนยาวอย่างแม่นยำ
ฉึก—ฉ่าาาาา—
ลูกศรวิซธาตุไฟที่พุ่งตรงออกมาจากม่านหมอกและปักเข้าที่สีข้างของนายทหารคนนั้นได้พยายามที่จะเจาะทะลวงเข้าไปข้างในโดยไม่ได้แตกสลายออกเหมือนกับลูกศรวิซตามปกติจนทำให้ชุดเกราะเหล็กที่เขาสวมใส่เอาไว้ร้อนจนกลายเป็นสีแดงและส่งเสียงที่คล้ายกับเนื้อที่ถูกย่างจนไหม้ดังออกมาจากภายใน ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของหญิงสาวคนเดิมดังขึ้นมาพร้อมๆ กับที่ได้ปรากฏร่างของหญิงสาวผมสีทองหูจิ้งจอกขอบตาดำคล้ำในชุดเสื้อกาวน์คล้ายๆ กับของเอริกะเดินฝ่าม่านหมอกออกมา
“ก..กล้าดีมากนะคะที่เอาชุดกับตราของเมืองแพนเทร่ามาทำเรื่องแบบนี้น่ะ… อิกนิกชั่น!”
พรึบ—
ในทันทีที่สิ้นเสียงที่ฟังดูเหมือนกับชื่อท่าโจมตีของหญิงสาวหูจิ้งจอกขอบตาดำนั้นเอง ลูกศรวิซธาตุไฟก็ได้พุ่งทะลวงหายเข้าไปภายในชุดเกราะของนายทหารคนนั้นก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเปลวไฟร้อนแรงพวยพุ่งออกมาจากภายใต้รอยต่อส่วนต่างๆ ของชุดเกราะ
“…………”
แต่ถึงแม้ว่าร่างกายของนายทหารที่ถือปืนยาวจะลุกเป็นลูกไฟขนามย่อมๆ และดิ้นทุรนทุรายด้วยท่าทางเจ็บปวดก็ตาม แต่ทว่าเขาก็กลับไม่ได้เสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาเลยแม้แต่น้อย จะมีก็เพียงแค่เสียงของเนื้อที่ถูกเปลวไฟเผาผลาญที่ดังลอดผ่านออกมาจากภายใต้ชุดเกราะจนกระทั่งเขานอนแน่นิ่งไปเพียงเท่านั้น
“ฝ…ฝากตรวจสอบบริเวณนี้ให้ละเอียดด้วยนะคะทุกคน”
หญิงสาวหูจิ้งจอกผมทองที่เพิ่งจะจัดการย่างสดนายทหารในชุดเกราะไปคนหนึ่งได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีทหารในชุดเครื่องแบบของทางเมืองแพนเทร่าอีกสองสามคนเดินทะลุม่านหมอกออกมาและเดินกระจายกลุ่มกันไปคนละทาง
ซึ่งหญิงสาวที่เอ่ยปากสั่งงานกลุ่มทหารที่ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกน้องของเธอเสร็จแล้วนั้นก็ได้เหยียดตามองร่างของนายทหารที่นอนกองอยู่กับพื้นด้วยท่าทางเหยียดหยามก่อนที่เธอจะใช้ปลายเท้าเขี่ยร่างของนายทหารคนนั้นออกไปให้พ้นทางพลางเก็บปากกาที่มีปลายหัวเป็นคริสตัลวิซสีใสเข้ากระเป๋าเสื้อกาวน์และหันไปเอ่ยปากพูดบอกนากาที่ยืนตกตะลึงอยู่ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพอๆ กับอาจารย์เทียและมายะรวมกัน
“พ…พวกเธอคงจะเป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนรีมินัสที่มากับด…ไดเอน่าเขา… ช..ใช่หรือเปล่าจ๊ะ? ฉ…ฉัน อัลเปีย เกรียกอร์เรียส… ม…มาที่นี่เพื่อช่วยพวกเธอตามที่คุณเอริกะเขาขอมาน่ะ…”
“เอริกะส่งมางั้นหรอครับ? เฮ้ย—เดี๋ยวดิ!?”
ฟุ๊บ—
ในขณะที่นากากำลังพูดตอบหญิงสาวหูจิ้งจอกผมสีทองขอบตาดำคล้ำที่ชื่อว่าอัลเปียกลับไปอยู่นั้นเอง อยู่ๆ นายทหารในชุดเกราะหนักถือขวานที่เขาจัดการไปในทีแรกก็ได้ผุดลุกกลับขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะออกพุ่งตัวตรงไปทางตัวบ้านพักตากอากาศอย่างรวดเร็วราวกับว่ารอจังหวะที่พวกนากาเผลออยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งภาพของนายทหารที่กำลังวิ่งตรงไปทางตัวบ้านพักตากอากาศนั้นก็ได้ทำให้อัลเปียต้องรีบร้องบอกพวกเด็กๆ ขึ้นมาในทันที
“ด–เดี๋ยวฉันจัดการเอง!”
วิ๊ง…
ในทันทีที่อัลเปียเอ่ยปากพูดขึ้นมาจนจบนั้นเอง เธอก็ได้หยิบเอาปากกาที่มีหัวเป็นคริสตัลวิซสีใสขึ้นมาถือเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอัลเปียก็ได้ใช้ปากกาคริสตัลวิซของเธอในการวาดรูปวงกลมที่กำลังเรืองแสงสีแดงขึ้นมากลางอากาศและเร่งรีบขีดเขียนสัญลักษณ์ที่โมโกะพอจะดูออกอยู่บ้างว่ามันคือตัวอักษรภาษาโบราณลงไปเรียงรายรอบๆ มัน
แต่ถึงแม้ว่าความเร็วในการขีดเขียนสัญลักษณ์ขึ้นมากลางอากาศของอัลเปียจะเรียกได้ว่ารวดเร็วมาก แต่ทว่าทางด้านนากาที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่และจะเสร็จเมื่อไหร่ก็ได้ตัดสินใจที่จะช่วยอัลเปียถ่วงเวลาเอาไว้ก่อนด้วยการยิงใบมีดสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดของถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์ตรงไปทางนายทหารที่กำลังวิ่งตรงไปที่ตัวบ้านในทันที
ปึ๊ง—ฉึก–
แม้ว่าใบมีดของถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์ที่เป็นเพียงใบมีดขนาดเล็กๆ จะดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนบนชุดเกราะของอีกฝ่ายได้ซะด้วยซ้ำ แต่ทว่าตัวใบมีดก็กลับสามารถปักฝังเข้าใส่ชุดเกราะของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งนากาที่ดูเหมือนว่าจะรู้ถึงความสามารถของถุงมือของเขาที่สามารถยึดตัวเข้ากับอากาศและพื้นผิวต่างๆ ที่มันเจาะเข้าอยู่แล้วและมั่นใจว่าเขาจะสามารถใช้มันรั้งร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ได้แน่ๆ ก็ได้ออกแรงดึงรั้งร่างของอีกฝ่ายที่กำลังพุ่งตัวตรงเข้าไปภายในบ้านพักตากอากาศเอาไว้และร้องบอกอัลเปียขึ้นมา
“อะไรจะแรงเยอะขนาดนั้นกันหะ— จะทำอะไรก็รีบๆ หน่อยละกันครับ!”
“ถ..ถ้างั้นก็เอาแค่นี้ไปก่อนละกัน… ไฟร์โบลต์!”
อัลเปียที่ถูกนากาพูดเร่งรัดขึ้นมานั้นได้สะบัดปากกาหัวคริสตัลวิซของเธอไปมาเล็กน้อยด้วยท่าทางลนลานก่อนที่เธอจะขีดเขียนอักษรโบราณลงไปอีกสองสามคำละร้องตะโกนด้วยคำศัพท์ภาษาโบราณขึ้นมา
ซึ่งสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นก็ได้ทำให้สัญลักษณ์วงจรวิซเรืองแสงที่เธอวาดขึ้นมากลางอากาศส่องแสงสีแดงสว่างจ้าพร้อมๆ กับที่มีลูกไฟลูกหนึ่งก่อตัวขึ้นมาที่ด้านหน้าของมันก่อนที่เจ้าลูกไฟที่ว่าจะพุ่งตรงเข้าไปกระแทกที่กลางแผ่นหลังของนายทหารในชุดเกราะหนักในทันที
พรึบ—
ลูกไฟที่ก่อตัวขึ้นมากลางอากาศและพุ่งเข้าใส่ที่กลางแผ่นหลังของนายทหารเกราะหนักนั้นได้ระเบิดออกเป็นเปลวไฟลูกใหญ่โดยไม่ได้ปักคาเอาไว้และพยายามที่จะเจาะทะลวงเข้าไปเผาผลาญจากภายในร่างกายของอีกฝ่ายเหมือนการโจมตีครั้งก่อนหน้านี้ของหญิงสาว
แต่ถึงอย่างนั้นความรุนแรงของมันก็ดูจะไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเมื่อเปลวไฟที่เกิดขึ้นมาจางหายไปนากาก็ได้พบว่าในบัดนี้ชุดเกราะเหล็กตรงบริเวณที่โดนลูกไฟกระแทกเข้าใส่นั้นได้กลายเป็นสีแดงและหลอมละลายไปเป็นบางส่วน
“…………”
ครึก—!
“เฮ้ย—!?”
แต่ทว่าทันใดนั้นเองร่างของนายทหารเบื้องหน้าที่อยู่ภายใต้ชุดเกราะที่กำลังหลอมละลายก็ได้ออกแรงพุ่งตัวไปเบื้องหน้าอีกครั้งจนสายโซ่ของถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์ขึงตึงส่งเสียงดังลั่นออกมาและทำให้นากาต้องออกแรงดึงรั้งร่างที่กำลังจะออกตัววิ่งเข้าไปด้านในตัวบ้านพักตากอากาศอีกครั้ง
ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้ทำให้อัลเปียต้องยกปากกาคริสตัลวิซของเธอขึ้นมาเขี่ยศีรษะของตัวเองเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดพึมพำออกมาและเริ่มต้นขีดเขียนวงจรวิซแบบโบราณขึ้นมากลางอากาศอีกครั้งหนึ่ง
“จ…เจ้าพวกนี้มันทนเหมือนกับที่คุณเอริกะบอกมาจริงๆ ด้วย…”
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันช่วยเอง!”
โมโกะที่เห็นว่าอัลเปียจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งในการขีดเขียนสัญลักษณ์ขึ้นมากลางอากาศนั้นได้ควบคุมให้ยูนิตเชสเชียร์หันปืนกลเบาทั้งสองกระบอกไปยังร่างที่นากาดึงรั้งเอาไว้และสาดกระสุนวิซทั้งสองสีเข้าใส่อีกฝ่ายในทันที
ปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้ง!!
“………..”
“ล้มลงไปสักทีสิ!!”
ปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้งปั้ง!!
เคร๊ง!!
และแล้วหลังจากที่โมโกะลั่นไกส่งห่าฝนกระสุนวิซเข้าใส่ร่างของนายทหารจนเธอเริ่มที่จะมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบริเวณใบหน้าเนื่องจากใช้วิซในร่างกายไปกับการยิงค่อนข้างจะเยอะแล้วนั้นเอง ร่างของนายทหารคนที่ว่าก็ได้ทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้งหนึ่งจนเกิดเสียงของชุดเกราะกระทบกับพื้นดังลั่นจนทำให้โมโกะที่เห็นแบบนั้นตัดสินใจที่จะหยุดการสาดกระสุนของเธอและพูดถามขึ้นมาเบาๆ
“ได้ผลหรือเปล่า…?”
“มั้ง… ไม่รู้สิเมื่อกี้นี้ตอนที่ฉันแทงเขาจนทะลุก็ล้มไปแบบนั้นเหมือนกันแต่ว่าอยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาเฉยๆ เลยแบบที่เห็นนั่นแหล่ะ…”
นากาที่เห็นว่านายทหารถือขวานศึกในชุดเกราะหนักที่มีตรารูปหมาป่าสีขาวคาบมีดสั้นติดอยู่ตรงไหล่ได้ล้มลงไปนอนแน่นิ่งเป็นครั้งที่สองแล้วได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะปลดใบมีดของถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์ออกจากร่างของอีกฝ่ายและดึงมันกลับมาที่เดิมพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยถือดาบเปื้อนเลือด เฟเบิ้ล ดรีมเมอร์เอาไว้ในมือ
แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่นากาจะได้เดินไปไหนไกล ทางด้านอัลเปียที่ขีดเขียนรูปวงกลมและสัญลักณษ์ต่างๆ ขึ้นมากลางอากาศเสร็จแล้วก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นขัดมาเสียก่อน
“ค…คุณเอริกะบอกเอาไว้ว่าต่อให้จะจัดการไปสักกี่รอบก็เถอะ ต…แต่ถ้าเกิดว่าไม่ได้จัดการให้สิ้นซากเดี๋ยวพ… ‘พวกมัน’ ก็จะลุกกลับขึ้นมาใหม่… อยู่ดีน่ะ…”
“……”
คำพูดของอัลเปียได้ทำให้นากาชะงักฝีเท้าของเขาลง ในขณะที่ม่านหมอกที่ปกคลุมบริเวณรอบๆ บ้านพักตากอากาศของไดเอน่าก็ทำท่าเหมือนกับว่าจะหมุนวนไปที่ร่างของนายทหารที่กองอยู่กับพื้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว และนั่นก็ทำให้อัลเปียไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อในทันที
“ต…แต่ว่าเรื่องจัดการให้สิ้นซากนี่… ห…ให้ผู้ใหญ่อย่างฉันจัดการ…น..น่าจะดีกว่านะ… คริมสันโบลต์…”
ฉึก— พรึ่บ!!