Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 131 : Forget Me Not
พี่นากาาา~
“ฮ…ฮื้ม…?”
หลังจากที่นากาได้พาโมโกะไปส่งที่เตียงนอนและอยู่เคียงข้างจนเธอผล็อยหลับไปได้สักพักใหญ่ๆ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับได้ยินแว่วเสียงของพรีมูล่าดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ จนทำให้เขาต้องลืมตากลับขึ้นมาด้วยความสงสัย
และนั่นก็ทำให้เขาได้พบว่าในบัดนี้ตัวเองกำลังนอนแผ่อยู่บนสนามหญ้าข้างโกดังเก็บของในโรงเรียนรีมินัสอันเป็นสถานที่ที่เขาใช้ในการแอบฝึกซ้อมวิชาดาบก่อนจะไปเข้าร่วมการสอบของอลิซที่มีเนลเป็นคู่ต่อสู้นั่นเอง
และในที่ไกลๆ สุดสายตาของเขาเองก็มีร่างของเด็กสาวผมสีชมพูตัวแสบในชุดนักเรียนกำลังวิ่งตรงมาทางเขาพร้อมกับแหกปากร้องเรียกเขาด้วยท่าทีร่าเริงเต็มเปี่ยมอีกด้วย
พี่นากาาาาา นี่มันจะหมดพักเที่ยงแล้วเดี๋ยวจะโดนอาจารย์ดุเอานะ~
“พรีมูล่า!!?”
ภาพของพรีมูล่าที่กำลังวิ่งตรงเข้ามานั้นถึงกับทำให้นากาลุกพรวดขึ้นมาด้วยความดีใจ
แต่ทว่าก่อนที่เขาจะได้คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาในช่วงนี้เป็นเพียงแค่ความฝันนั้น ภาพใบหน้ายิ้มแย้มของพรีมูล่าก็กลับถูกแต้มไปด้วยสีดำราวกับหยดน้ำหมึกที่ค่อยๆ แพร่กระจายออกเป็นวงกว้างจนย้อมโลกใบนี้ให้กลายเป็นสีดำมืดแล้วจึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัวของเขาให้กลายเป็นห้องนอนของโมโกะที่มีข้าวของวางอยู่กระจัดกระจายไปทั่วห้องแบบเดียวกับที่เขาจำได้เมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยน
“ฝัน… อีกแล้วงั้นหรอ… หือ…?”
ภาพความฝันของวันคืนอันแสนสงบสุขที่พวกเขาสองพี่น้องยังอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้านั้นได้ทำให้นากาต้องก้มหน้าลงต่ำ และนั่นก็ทำให้เขาได้พบเข้ากับฝ่ามือของโมโกะที่กำชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่นราวกับเธอกลัวว่าพอตื่นมาแล้วจะไม่เจอเขาอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งท่าทีของโมโกะที่ดูราวกับลูกแมวตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัวนั้นก็ทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปลูบที่แก้มของเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจจนทำให้โมโกะที่ยังคงนอนหลับอยู่คลายมือที่กำแน่นของเธอออกเป็นโอกาสให้นากาได้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย
“เฮ้อ….”
แต่แล้วในขณะที่นากากำลังจะเดินเข้าไปข้างในห้องน้ำนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นกรอบรูปที่ตัวกระจกด้านหน้าแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ที่มีภาพถ่ายครอบครัวของโมโกะบรรจุอยู่ด้านในเข้าจนทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมา
เพราะถึงแม้ว่าอาการของโมโกะจะดูดีขึ้นกว่าในวันแรกที่เธอกลับมายังเมืองรีมินัสจนยอมแยกห่างจากภาพถ่ายครอบครัวของเธอแล้วก็ตาม แต่ว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้อาการของโมโกะจะเป็นยังไงต่อไป และเขาเองก็ไม่รู้วิธีที่จะช่วยให้อาการของโมโกะดีขึ้นด้วยนอกจากการคอยอยู่เคียงข้างเธอแบบนี้ที่เขาคงจะไม่สามารถทำมันได้ตลอดเวลาแน่ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
และในขณะที่นากากำลังคิดหาวิธีในการช่วยเหลือโมโกะหลังจากนี้อยู่นั้นก็ได้มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงของคอนแนลที่ดูเหมือนจะรู้แล้วว่าควรจะตามหาตัวนากาในยามเช้าที่ไหนดี
“นากาตื่นหรือยังครับ?”
“โอ้ แป๊บนึงนะ ขอฉันแต่งตัวก่อน”
นากาขานตอบเพื่อนอัศวินของเขากลับไปและรีบเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปสอบถามคอนแนลที่ยังคงยืนรออยู่ด้านหน้าห้องด้วยความสงสัย
“ว่าไงคอนแนล มีเรื่องอะไรหรอ…?”
“คือว่าผมคิดจะมาถามว่าวันนี้นากาจะไปโรงเรียนเลยหรือเปล่าน่ะครับ…”
“หือ? โรงเรียนกลับมาเปิดแล้วหรอน่ะ… ฉันนึกว่าเขาจะประกาศปิดโรงเรียนนานกว่านี้ซะอีกนะ”
“ก็ตัวเมืองชั้นในมันไม่ได้เป็นอะไรไปสักหน่อยนี่ครับ… พอทางเมืองออกมาประกาศว่าทุกอย่างยุติไปแล้วท่านผู้อำนวยการเขาก็เลยบอกให้ทางโรงเรียนรีบกลับมาเปิดการสอนตามปกติอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ… แล้วนี่สรุปว่าวันนี้นากาจะเอายังไงล่ะครับ ถ้ายังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องไปก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะไปแจ้งทางโรงเรียนให้เอง”
“อืม….”
นากาที่ได้ยินคำถามของคอนแนลได้นิ่งเงียบไปเล็กน้อยและเหลือบหันกลับไปมองทางด้านโมโกะที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดตอบคอนแนลกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“ตัวฉันน่ะพร้อมไปอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าโมโกะนี่น่ะสิ…”
“งั้นหรอครับ…”
คำตอบของนากาได้ทำให้แววตาของคอนแนลหลุบต่ำลงเล็กน้อย เพราะเขาเองก็เคยได้ยินโมโกะเล่าว่าเธอเสียคุณแม่ไปตั้งแต่สมัยยังเด็กด้วยอุบัติเหตุทางรถม้า แล้วในตอนนี้เด็กสาวหูแมวก็ยังต้องมาเสียคุณพ่อไปต่อหน้าต่อตาอีกด้วย และนั่นก็ทำให้คอนแนลตัดสินใจที่จะพูดบอกนากาไปตรงๆ
“ถ้างั้นเดี๋ยวพักนี้นากาหยุดเรียนแล้วอยู่เป็นเพื่อนโมโกะไปก่อนเถอะนะครับ…”
“แต่ถ้างั้นแล้วเรื่องเรียน—”
“นายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่โรงเรียนหรอกครับ ถึงเรื่องการเรียนมันจะสำคัญก็เถอะ แต่ว่าโลกนี้มันก็ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าอยู่นะครับ… อย่างเรื่องการอยู่เคียงข้างโมโกะที่ไม่เหลือใครแล้วนี่ก็เหมือนกัน…”
“…….”
นากาที่ได้ยินคำพูดของคอนแนลได้นิ่งไปเล็กน้อย เพราะว่าจริงๆ แล้วเขาก็แอบมีความคิดที่อยากจะขอหยุดเรียนไปสักพักหนึ่งจนกว่าโมโกะจะกลับมาเป็นปกติอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าด้วยความเกรงใจในตัวเอริกะที่เป็นคนออกหนังสือแนะนำการสมัครเข้าเรียนให้พวกเขา เขาก็เลยยังคิดไม่ตกอยู่ว่าควรจะเอ่ยปากขอไปดีหรือไม่
“อื้ม… แต่ถ้ายังไงเดี๋ยววันนี้ฉันขอไปแจ้งเรื่องของพรีมูล่าให้ที่โรงเรีย—”
“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็เดี๋ยวผมจะไปบอกทางโรงเรียนให้เองครับ…”
“แต่ว่า—”
“ขอให้ผมได้ทำเรื่องนี้เถอะนะครับนากา… ถือซะว่าเป็นการให้ผมได้ชดใช้ที่ไม่ได้ไปที่นั่นด้วยกันกับทุกคนเถอะนะครับ… อย่าให้ผมต้องอยู่เฉยๆ อย่างไร้ประโยชน์เหมือนกับทุกครั้งเลย…”
คอนแนลที่ได้ยินนากาทำท่าเหมือนกับว่าจะพูดปฏิเสธออกมาได้ก้มหัวลงและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอัดอั้นราวกับว่ามันเป็นความผิดของเขาเองที่ทำให้พรีมูล่าต้องจากไปแบบนี้ ซึ่งนั่นมันก็คงจะเป็นเพราะว่าคอนแนลเห็นเหตุการณ์ในรอบนี้ทับซ้อนกับเหตุการณ์ฆ่าล้างคฤหาสน์ของเวก้าที่ตัวเขาดึงดันจะขออยู่เฝ้าบ้านของเอริกะให้ได้จนสุดท้ายก็เหมือนเป็นการปล่อยให้พวกอัศวินรุ่นพี่ของเขาถูกฆ่าตายหมดโดยที่ตัวเขาไม่ได้ทำอะไรเลย และในครั้งนี้ผู้ที่จากไปก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนแถมยังเป็นคนใกล้ตัวอย่างพรีมูล่าที่เขานับเป็นน้องสาวคนหนึ่งไปแล้วด้วย
ซึ่งภาพของคอนแนลที่กำลังรู้สึกอัดอั้นจนตัวสั่นน้อยๆ นั้นก็ทำให้นากาได้แต่ต้องยอมปล่อยให้คอนแนลได้รับหน้าที่ในการไปแจ้งข่าวให้ทางโรงเรียนทราบไป เพราะดูท่าทางว่าการจากไปของพรีมูล่าอย่างกะทันหันแบบนี้จะทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่เป็นวงกว้างกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มาก
“อื้ม… เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นก็ฝากด้วยแล้วกันนะคอนแนล…”
“ครับ… ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวเลยก็แล้วกันนะครับ แล้วก็ผมทำข้าวเช้ากับข้าวกลางวันเผื่อเอาไว้ให้ในครัวแล้วนะครับ”
“โอ้… ถ้างั้นก็ไปดีมาดีนะคอนแนล”
“ครับ…”
คอนแนลพูดตอบนากากลับไปสั้นๆ ก่อนที่เขาจะเดินตรงออกจากคฤหาสน์ไปยังโรงเรียนรีมินัสดั่งเช่นที่เคยทำทุกวันด้วยตัวเพียงคนเดียว
“คอน~ แนล~ คุง~!”
“อาจารย์เอริ— เหวอ—”
ในชั่วขณะที่คอนแนลเพิ่งจะก้าวเท้าผ่านประตูโรงเรียนไปนั้นเองก็ได้มีเสียงของเอริซาเบธร้องเรียกเขาดังขึ้นมาก่อนเขาที่จะถูกอาจารย์หูจิ้งจอกที่ดูเหมือนว่าจะแอบดักรอเขาอยู่แล้วลากตัวไปที่มุมหนึ่งของลานอเนกประสงค์อย่างรวดเร็ว
“นี่คิดจะทำอะไรกันแน่ครับเนี่ย?”
“ก็นอกจากพาตัวมาถามเรื่องของพวกนากาคุงแล้วมันจะมีอะไรได้อีกล่ะ พวกเขาเป็นยังไงกันบ้างน่ะ?”
เอริซาเบธที่ได้ยินเสียงโวยวายของคอนแนลได้รีบร้องถามขึ้นมาหลังจากที่เธอสังเกตดูรอบๆ แล้วไม่พบนักเรียนคนไหนอยู่ในบริเวณนี้ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเพิ่งได้พบกับนากาที่ทุ่งหญ้าที่เคยเป็นหมู่บ้านโมริโกะมาก่อนเมื่อวานนี้แล้วแต่ว่าเธอก็วุ่นวายอยู่กับงานที่คุณเอริกะสั่งมาจนแทบจะไม่ได้พูดคุยกับนากาเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งคำถามของเอริซาเบธนั้นก็ทำให้คอนแนลพยักหน้าด้วยความเข้าใจว่าอีกฝ่ายก็คงจะเป็นห่วงพวกนากาไม่ใช่น้อยเขาจึงรีบพูดตอบเธอกลับไป
“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ตอนนี้นากาเขาค่อนข้างจะกลับเป็นปกติดีแล้วล่ะครับ แต่ว่าทางด้านโมโกะยังค่อนข้างจะดูน่าเป็นห่วงอยู่ ผมก็เลยขอให้นากาเขาคอยอยู่เพื่อนโมโกะก่อนน่ะครับ”
“เท่าที่ฉันฟังมาจากคุณเอริกะนี่เห็นว่าโมโกะจังเขาเสียคุณพ่อไปในเหตุการณ์นั้นด้วยสินะ…”
“ครับ…”
“งั้นหรอ… ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันจะทำเรื่องขอพักการเรียนของทั้งสองคนให้ก่อนก็แล้วกันนะ”
“เอ่อ… ครับ… ขอบคุณมากนะครับอาจารย์เอริ”
คอนแนลที่ได้รับคำตอบที่ฟังดูแปลกๆ กลับมาจากเอริซาเบธได้ยกมือขึ้นมาเขี่ยแก้มของตนเองเล็กน้อยพร้อมกับพูดขอบคุณเธอกลับไป ในขณะเดียวกัน ทางด้านเอริซาเบธก็ได้สังเกตเห็นเซซิลที่กำลังชะโงกหน้าออกมาแอบดูจากหลังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เธอจึงตัดสินใจที่จะพูดสอบถามสภาพของโมโกะขึ้นมาให้เด็กสาวที่ไม่ค่อยจะชอบพูดจาคนนั้นได้ฟังไปด้วย
“ว่าแต่แล้วเรื่องอาการบาดเจ็บของโมโกะเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ? เมื่อวานนี้ฉันได้ยินมาว่าเหมือนอาการจะแย่ถึงขั้นที่คาร์เทียร์จังต้องไปตามมีอามารักษาให้แทนเลยนี่นา”
“เห็นคุณมีอาเขาบอกว่าหลังจากนี้ก็เหลือแค่ทานยาแล้วเดี๋ยวอาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับแล้วล่ะครับ… แต่ว่ามันก็มีเรื่องของแผลเป็นกับเรื่องหูของโมโกะเขาด้วย…”
“อื้มๆ ถ้ามีอาเขาบอกอย่างนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันจะเขียนรายงานไปตามนั้นเลยก็ละกันเนอะ”
“ครับ ส่วนทางด้านนากาเขาก็ดูท่าทางว่าจะอยากอยู่ดูแลโมโกะก่อนสักระยะนึงน่ะครับ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะจนกว่าโมโกะเขาจะยอมลุกขึ้นมาทานข้าวทานยาด้วยตัวเองก่อนล่ะมั้งครับ”
คอนแนลพูดอธิบายตอบเอริซาเบธกลับไปพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ส่วนทางด้านเอริซาเบธเองที่ได้ยินคำตอบที่เธอพอใจแล้วก็ได้เหลือบไปมองทางด้านเซซิลเล็กน้อยแล้วจึงพูดถามหาเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่เธอยังไม่เห็นตัวในวันนี้ขึ้นมา
“จะว่าไปแล้วนี่วันนี้พริมจังไปอยู่ไหนซะล่ะ? หรือว่าพอเห็นนากาคุงเขาจะหยุดดูแลโมโกะจังอยู่ที่บ้านก็เลยงอแงไม่ยอมมาโรงเรียนกันล่ะนั่น?”
“เอ๋ะ—?”
คำถามของเอริซาเบธในคราวนี้นั้นถึงกับทำให้คอนแนลชะงักไปเล็กน้อยและเงยหน้ากลับขึ้นไปมองอาจารย์ของเขาด้วยความแปลกใจ และเมื่อคอนแนลได้เห็นสีหน้าของเอริซาเบธที่ดูราวกับว่าเธอยังไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ แล้วเขาก็ได้แต่ต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“อ…เอ่อ… คุณเอริกะเขาไม่ได้บอกเอาไว้หรอครับ…?”
“หืม? บอกเรื่องอะไรล่ะ? ถ้าเกิดว่าเป็นเรื่องที่ว่าพรีมจังงอแงอยากหยุดตามคนอื่นด้วยนี่มันคงไม่ต้องถึงขั้นให้คุณเอริกะเขามาบอกฉันเองหรอกมั้ง~”
คำตอบของเอริซาเบธทำให้คอนแนลเข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะยังไม่รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพรีมูล่าแน่ๆ เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าถึงแม้เอริซาเบธคนนี้จะเป็นคนขี้เล่นยียวนกวนประสาท แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ไร้จิตสำนึกถึงขั้นจะเอาเรื่องพรรค์นี้มาล้อเล่นอย่างแน่นอน
และก็ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันจะต้องตกเป็นหน้าที่ของเขาในการแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้เธอทราบซะแล้ว
“พรีมูล่าเขา… ไม่อยู่กับพวกเราแล้วล่ะครับ…”
“……!?”
คำพูดของคอนแนลได้ทำให้ทั้งเอริซาเบธและเซซิลที่หลบอยู่หลังต้นไม้ชะงักไปในทันที ในขณะที่ทางด้านคอนแนลเองก็ได้แต่ต้องพยายามที่จะพูดอธิบายออกมาให้เอริซาเบธที่ยืนอยู่เบื้องหน้าได้ฟัง
“คือเมื่อวันที่พวกนากาเขากลับไปที่หมู่บ้าน… พ…พรีมูล่าเขา…”
หมับ
ในขณะที่คอนแนลกำลังจะพูดอธิบายออกมาให้เอริซาเบธฟังอยู่นั้น เอริซาเบธที่ในบัดนี้ไร้ซึ่งรอยยิ้มขี้เล่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอก็ได้ยื่นมือไปจับที่ไหล่ของคอนแนลเอาไว้และเอ่ยปากพูดห้ามออกมา
“…ไม่ต้องเล่าแล้วล่ะคอนแนล แค่จากที่นายบอกมาบวกกับท่าทีของนากาเมื่อวันก่อนฉันก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น… ยังไงก็ขอบใจที่พยายามจะเล่าให้ฉันฟังก็แล้วกันนะคอนแนลคุง”
“ครับ…”
“ถ้างั้นเดี๋ยวขอฉันไปจัดการงานที่เหลืออยู่ก่อนก็ละกัน ส่วนเรื่องของพริมจังนั่นเธอก็ลองขอให้คนข้างหลังนั่นช่วยดูก็แล้วกันนะ”
“ข้างหลัง…?”
คำพูดของเอริซาเบธได้ทำให้คอนแนลต้องเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันไปมองทางด้านหลังและหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ค—คุณเซซิล—”
“เอาล่ะ ทางด้านฉันขอตัวก่อนละกันนะ ฝากคอนแนลคุงเขาด้วยล่ะเซซิล”
“อื้ม…”
เซซิลพูดตอบเอริซาเบธที่กำลังเดินออกห่างไปเบาๆ แล้วจึงหันกลับมาจ้องมองคอนแนลอย่างเงียบๆ จนทำให้คอนแนลได้แต่ต้องหาเรื่องขึ้นมาพูดถามเพื่อทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดนี้
“อ… เอ่อ… คุณเซซิลมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับเนี่ย?”
“ตั้งแต่เรื่องแผลกับหูของโมโกะ…”
“นั่นมันก็เกือบจะตั้งแต่แรกเลยไม่ใช่หรือไงครับนั่น…”
“อืม…”
เซซิลพยักหน้าพูดยอมรับออกมาตรงๆ ว่าตนเองยืนแอบฟังอยู่ตั้งแต่แรกด้วยสีหน้านิ่งเฉยก่อนที่เธอจะพูดถามขึ้นมาเบาๆ โดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย
“เป็นเรื่องจริงรึเปล่า… เรื่องของพรีมูล่าน่ะ…?”
“ครับ…”
“งั้นหรอ… ถ้างั้นก็ตามมาสิ…”
เซซิลพยักหน้ารับคำของคอนแนลเล็กน้อยแล้วจึงเดินนำอัศวินหนุ่มไปยังบริเวณสวนดอกไม้ของทางโรงเรียนเพื่อเด็ดเอาดอกเบญจมาศสีขาวดอกหนึ่งมายื่นให้กับคอนแนลพร้อมกับพูดขึ้นมาต่อ
“เรื่องแจกันเดี๋ยวลองไปขออาจารย์เทียดู…”
หลังจากที่เซซิลพูดจบแล้วเธอก็เดินนำคอนแนลเข้าไปด้านในอาคารเพื่อขึ้นไปหาอาจารย์เทียที่ห้องพัก ซึ่งก็ดูเหมือนว่าอาจารย์เทียจะได้ทราบข่าวเรื่องของพรีมูล่ามาจากเอริซาเบธแล้วเธอจึงได้ยื่นแจกันสีขาวที่เธอเตรียมเอาไว้มาให้พวกเขาโดยไม่ได้พูดอะไร
และหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้เดินตรงไปยังห้องเรียนของพวกเขา ก่อนที่ทันใดนั้นเองเซซิลที่เดินนำอยู่เบื้องหน้าจะหยุดเท้าลงที่หน้าประตูและหันกลับมาพูดบอกคอนแนลเบาๆ เมื่อเธอสังเกตเห็นว่าตรงที่นั่งท้ายห้องได้มียัยตัวแสบผมสีฟ้าที่เรียกได้ว่าเป็นคู่หูคู่ป่วนของพรีมูล่านั่งรอเตรียมก่อเรื่องเอาไว้อยู่แล้ว
“เดี๋ยวฉันจะช่วยพูดกับคนอื่นเอง… นายเอาแจกันนั่นไปวางเถอะ…”
“เอ่อ… อย่างคุณเซซิลจะไหวหรอครับ”
“กับยัยซิลเวสอาจจะไม่ไหว… แต่ก็จะลองพยายามดูก็ละกัน…”
“…นั่นสินะครับ”
คอนแนลพยักหน้าพูดตอบเซซิลกลับไป ส่วนทางด้านเซซิลนั้นก็ได้หันกลับไปมองทางด้านซิลเวสที่กำลังนั่งประจำที่อยู่ด้วยท่าทางอารมณ์ดีด้านในห้องอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเปิดประตูเดินนำคอนแนลเข้าไปให้อีกฝ่ายได้เห็น
“อ่ะ—พี่เซซิลกับพี่คอนแนลนี่นา นี่ๆ พี่คอนแนล พริมจังเขายังไม่มาอีกหรอ วันก่อนตอนที่พวกอาจารย์เขาบอกให้ไปหลบในที่หลบภัยหนูเห็นพริมจังเขาวิ่งไปทางอื่นกับ—”
ในขณะที่ซิลเวสกำลังเอ่ยปากถามคอนแนลขึ้นมาอยู่นั้นเองเธอก็สังเกตเห็นแจกันบรรจุดอกไม้สีขาวที่คอนแนลถือเอาไว้ด้วยสองมือจนต้องชะงักไป ส่วนทางด้านเซซิลที่เห็นว่าซิลเวสสังเกตเห็นช่อดอกไม้แล้วก็ได้ดันไปที่หลังของคอนแนลเบาๆ
“คอนแนล…”
“ครับ…”
คอนแนลที่ได้ยินคำสั่งของเซซิลได้เดินตรงผ่านที่นั่งของซิลเวสไปยังที่นั่งของพรีมูล่าและวางแจกันดอกไม้ลงไปบนโต๊ะของเธอ ซึ่งการกระทำของคอนแนลนั้นก็ทำให้ซิลเวสได้แต่จ้องมองแจกันบรรจุดอกไม้สีขาวอยู่สักพักนึงด้วยความตกตะลึง เพราะว่าตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วการกระทำเช่นนี้มันคือการแสดงความไว้อาลัยให้กับเด็กนักเรียนที่จากไปในระหว่างปีการศึกษานั่นเอง
“ฮะ… ฮะฮะ… ฮะฮะฮะ… ถ—ถึงจะเป็นพริมจังก็เถอะแต่ว่าแกล้งกันด้วยวิธีแบบนี้มันไม่ตลกเลยนะ… แล้วพี่คอนแนลเองก็รู้ไม่ใช่หรอว่าการทำแบบนี้มันหมายถึงอะไรน่ะ! ทำไมถึงไปให้ความร่วมมือกับพริมจังเขาด้วยกันล่ะ!!”
“ซิลเวส… พรีมูล่าเขา—”
“อ๋อ… ที่จริงแล้วพริมจังเขาแค่อยากได้ดอกไม้สีขาวเฉยๆ ใช่มั้ยละ! ถ้างั้นเดี๋ยวหนูจะไปปลูกมาให้เองเยอะๆ เลย! เพราะงั้นเอาเจ้าดอกไม้บ้าๆ นี่ไปทิ้งได้แล้ว!!”
หมับ
“ซิลเวส…”
“ปล่อยหนูนะ!!”
ปึก!
ซิลเวสที่พยายามจะยื่นมือไปคว้าแจกันดอกไม้มาถือเอาไว้แต่ว่าถูกเซซิลยื่นมือออกมาห้ามก็ได้ร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับปัดมือของเซซิลทิ้งไปอย่างแรงจนมือของเธอกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะอย่างรุนแรง
และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้คอนแนลต้องรีบเข้ามาช่วยห้ามด้วยอีกคนหนึ่ง ในขณะที่ทางด้านเหล่าเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ในห้องเองก็เริ่มหันมาให้ความสนใจเรื่องวุ่นวายทางด้านหลังห้องกันบ้างแล้วจนทำให้เซซิลต้องรีบพยายามห้ามปรามเด็กสาวผมสีฟ้าคนนี้เอาไว้ก่อน
“หยุดโวยวายได้แล้วซิลเวส…”
“พี่เซซิลนั่นแหล่ะหยุดห้ามหนูได้แล้ว!! พริมจังเขายังไม่ตายสักหน่อย!! เมื่อวันก่อนหนูยังเห็นพริมจังเขาวิ่งตามอาจารย์อลิซไปหลบ—”
“โวยวายอะไรกันเสียงดังอยู่ได้! เสียงของพวกเธอมันดังไปถึงข้างนอกแล้วนะ!”
ครืดดดดดด
ในขณะที่ซิลเวสกำลังร้องโวยวายอยู่นั้นเอง อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงร้องของอลิซดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงของประตูห้องด้านหน้าที่ถูกเลื่อนเปิดออกจนทำให้ซิลเวสต้องรีบหันไปทางนั้นเพื่อขอคำยืนยันจากคนที่เธอเห็นว่าอยู่กับพรีมูล่าเป็นคนสุดท้ายในทันที
“อาจารย์อลิซ! พวกพี่คอนแนลเขา—…”
แต่แล้วเสียงของซิลเวสก็ได้ขาดห้วงไปกลางคันเมื่อเธอหันไปเห็นสภาพของอลิซที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ตามตัวมากกว่าที่เธอเคยเห็นเมื่อวันก่อน โดยเฉพาะบนศีรษะของเด็กสาวผมสีขาวที่มีผ้าพันแผลเพิ่มขึ้นมาอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นความจริงและเดินเข้าไปหาอลิซเพื่อพยายามขอคำยืนยันจากเธอ
“อ—อาจารย์อลิซ พวกพี่เซซิลกับพี่คอนแนลเขารวมหัวกันแกล้งหนูบอกว่าพริมจังเขาตายแล้วอ่ะ!! อาจารย์อลิซต้องดุพวกเขานะคะ! เพราะวันก่อนหนูยังเห็นพริมจังเดินตามอาจารย์อลิซไปหลบภัยอยู่เลยนี่!!”
“……..”
อลิซที่ได้ยินคำพูดของซิลเวสได้เม้มปากแน่นแล้วจึงหันไปมองทางอื่นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา ในขณะที่ทางด้านคอนแนลก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ
“พอเถอะครับซิลเวส… อาจารย์อลิซเขาลำบากใจนะครับ…”
“พี่คอนแนลน่ะเงียบไปเลยนะ!! อาจารย์อลิซเองก็พูดอะไรหน่อยสิ!! เรื่องแบบนั้นมันไม่มีทางเป็นความจริงได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ!!”
“…….”
“อ…อาจารย์อลิซ…”
ความเงียบของอลิซถึงกับทำให้ซิลเวสหน้าเสียและก้มหน้าลงไปด้วยร่างกายที่สั่นเทา และนั่นก็ทำให้อลิซได้แต่ต้องยื่นมือออกไปโอบกอดและลูบหลังของเด็กสาวเบาๆ พร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ฉันขอโทษ…”
“ฮึก…”
คำพูดของอลิซทำให้ซิลเวสไม่สามารถคิดว่าการกระทำของเซซิลและคอนแนลเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นที่ทั้งสองคนถูกพรีมูล่าใช้ให้มาทำได้อีกและซุกหน้าเข้าไปกับอลิซพร้อมกับร้องไห้ออกมา ส่วนทางด้านอลิซเองก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกมาพร้อมกับลูบหัวของเด็กสาวผมสีฟ้าเพื่อปลอบใจเธอเบาๆ
“ซิลเวสจังร้องไห้ทำไมกันคะ!? แล้วแจกันบนโต๊ะนั่นมันอะไรกันคะนั่น!?”
ในขณะที่ภายในห้องเรียนตกอยู่ภายใต้ความเงียบที่มีเพียงแค่เสียงร่ำไห้ของซิลเวสอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงร้องด้วยความตกใจของรีซาน่าดังขึ้นมาพร้อมๆ กับที่มีร่างของรีซาน่า อัลเบิร์ตและเนลเดินเข้ามาภายในห้อง
ซึ่งเมื่ออัลเบิร์ตและเนลได้หันไปเห็นแจกันบรรจุดอกไม้สีขาวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของพรีมูล่าเข้าพวกเขาก็ได้ชะงักไปพร้อมกัน
“แจกันแบบนั้นมัน… ยัยตัวแสบนั่นน่ะนะ…”
ปึ้ง!!
“โธ่โว้ย!! ถ้าเกิดว่าตอนนั้นฉันกระโดดขึ้นรถตามไปด้วยล่ะก็…!!”
ในขณะที่ทางด้านอัลเบิร์ตได้แต่พูดพึมพำออกมาแบบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองนั้น ทางด้านเนลกลับใช้กำปั้นของเขาทุบเข้ากับบานประตูอย่างรุนแรงและตะโกนออกมาเสียงดัง เพราะว่าในตอนที่พวกนากาขับรถออกไป มันก็เป็นเขาเองนี่ล่ะที่เป็นคนเอ่ยปากพูดส่งพวกเขาด้วยตัวเอง
และในขณะเดียวกันนั้นเอง มายะที่เพิ่งจะเดินเข้ามาภายในห้องเรียนก็ต้องชะงักไปอีกคนเมื่อเธอได้พบเข้ากับแจกันดอกไม้เช่นเดียวกับทุกๆ คน
“พรีมูล่า… จัง…”
“ยัยตัวแสบนั่นเป็นที่รักของทุกคนจังนะ…”
เสียงของเซซิลที่ดังขึ้นมาแว่วๆ ได้ทำให้บนใบหน้าของคอนแนลเกิดรอยยิ้มเศร้าๆ ขึ้นมาจางๆ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดตอบอีกฝ่ายกลับไป
“อ่า… มันก็แน่อยู่แล้วสิครับ… ก็นั่นคือพรีมูล่าเลยนี่นา…”