Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 84 : Turning The Tide
ฟิ้ววววว–ปึ๊ก!!
“เฮ้ย—!?”
ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่นากากำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียนอย่างสงบสุขแต่ไม่สงบใจนั้น บนถนนที่ห่างไกลออกไปทางทิศเหนือของเมืองรีมินัสหลายร้อยกิโลเมตรเองก็มีเสียงร้องของทหารรับจ้างคนหนึ่งดังขึ้นมา เมื่ออยู่ๆ ก็มีหอกเหล็กด้ามสั้นๆ หน้าตาแปลกประหลาดที่เหมือนกับว่ามันจะใช้เปลวไฟตรงท้ายด้ามของมันในการเสริมแรงส่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้าและเจาะทะลุหลังคารถกระบะที่เขาขับอยู่เข้าอย่างจัง
“…..ซวยแล้วไง”
ทหารรับจ้างคนนั้นเบิ่งตามองดูปลายหอกเหล็กหน้าตาประหลาดที่พุ่งทะลุหลังคารถลงมาเฉี่ยวหน้าของเขาอยู่เสี้ยววินาทีและรีบปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกพร้อมกับกระแทกประตูให้เปิดออกอย่างลนลานเหมือนกับลืมไปแล้วว่าเขาได้ล็อกประตูห้องคนขับเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางเพื่อความปลอดภัย
ปึ๊ก ปึ๊ก!!
“เปิดสิวะ!! บ้าเอ๊ย!!”
“ปลดล็อกประตูก่อนสิ!!”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ตะโกนเตือนเขาขึ้นมานั้นทำให้ทหารรับจ้างคนนั้นได้สติและรีบเอื้อมมือไปปลดล็อกประตูรถก่อนจะกระโจนตัวออกไปจากห้องคนขับโดยที่ไม่มีท่าทีลังเลเลยแม้แต่น้อยทั้งๆ รถกระบะที่เขาขับมานั้นกำลังพุ่งไปข้างหน้าอยู่ด้วยความเร็วที่มากว่ารถม้าที่เขาเคยนั่งเป็นประจำนับสิบเท่า
พลั๊ก!! กลุกลุกกลุก
ซึ่งด้วยความเร็วที่มากมายขนาดนั้นก็ทำให้ร่างของทหารรับจ้างคนนั้นร่วงลงไปกระแทกกับพื้นและกลิ้งกระเด็นกระดอนไปข้างหน้าอย่างรุนแรง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับรถของเขาในอีกไม่กี่วินาทีต่อมานี้
ตู๊มมมม!!
ทหารรับจ้างหนุ่มได้แต่มองดูรถกระบะคันที่เขาขับมาเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนทำให้ห้องคนขับที่เขาเคยนั่งอยู่แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ และปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง ซึ่งทหารรับจ้างคนนั้นก็ได้แต่ลากร่างที่บอบช้ำของเขาไปนอนพิงกับต้นไม้ที่อยู่ริมข้างทางพลางภาวนาให้หญิงสาวผมสีชมพูที่ร้องเตือนเขาเมื่อสักครู่นี้ปลอดภัยจากการถูกดักซุ่มโจมตีในครั้งนี้
“ตัวล่อคันนั้นระเบิดไปแล้ว เธอรีบเร่งเครื่องเร็วเข้ามีอา!!”
“เข้าใจแล้วค่ะ! คุณนิลิมที่อยู่บนนั้นก็เกาะเอาไว้ให้แน่นๆ ด้วยนะคะ!!”
“เธอตั้งสมาธิกับการขับรถไปเลยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอื่น! แล้วก็อย่าลืมส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปให้คุณเอริกะเขารู้เรื่องด้วย!!”
“รับทราบค่ะ!!”
มีอา หญิงสาวผมสีขาวนัยน์ตาสีแดงที่เป็นคนของเอริกะที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลและเป็นน้องสาวของอาจารย์เทียที่กำลังขับรถกระบะอยู่นั้นได้ตะโกนตอบนิลิมที่ใช้วิซธาตุน้ำแข็งในการยึดขาของตัวเองเอาไว้กับหลังคารถกลับไปก่อนที่เธอจะอัดวิซใส่ตัวรถกระบะมากขึ้นจนทำให้รถกระบะที่พวกเธอทั้งสองคนโดยสารอยู่เร่งความเร็วไปมากกว่าเดิม
ซึ่งในขณะที่มีอากำลังตั้งสมาธิอยู่กับการควบคุมรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงอยู่นั้นทางด้านนิลิมก็ได้เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าเหนือหัวของพวกเธอเพื่อเพ่งมองร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีปีกแสงรูปร่างคล้ายกับปีกผีเสื้อสีส้มส่องสว่างที่กำลังลอยตัวอยู่นิ่งๆ ข้างบนนั้น
“ยังเตรียมนัดต่อไปอยู่สินะ… ถ้างั้นก็–”
ฟ๊าววววว—-
ในขณะที่นิลิมกำลังใช้วิซของเธอในการสร้างแท่งน้ำแข็งปลายแหลมจำนวนหนึ่งขึ้นมานั้นเธอก็ได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างกำลังพุ่งแหวกอากาศตามรถกระบะของพวกเธอมาด้วยความเร็วที่มากกว่า
ซึ่งตัวตนของเจ้าของเสียงแหวกอากาศนั้นก็คือหญิงสาวผมสีดำสองคนในชุดสาวใช้ที่สวมหน้ากากสีขาวเนียนปิดบังใบหน้าเอาไว้ อีกทั้งบนแผ่นหลังของพวกเธอเองก็ยังมีปีกแสงรูปทรงผีเสื้อสีแดงที่กำลังปล่อยละอองแสงสีแดงจำนวนมากออกมาด้วย
โดยร่างของสาวใช้ผมสีดำทั้งสองคนนั้นได้ลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อยและพุ่งไล่ตามรถกระบะของพวกนิลิมมาอย่างรวดเร็วโดยทิ้งละอองแสงสีแดงที่ฟุ้งกระจายออกมาจากปีกแสงของพวกเธอเอาไว้เป็นทางยาวอยู่เบื้องหลัง
“อีกสามคันที่เหลือก็โดนจัดการไปหมดแล้วงั้นหรอ…”
นิลิมที่เห็นสาวใช้ผมสั้นสีดำที่ถือหอกยาวเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างกับสาวใช้ผมยาวสีดำทรงหางม้าที่ใช้ดาบเป็นอาวุธกำลังบินตามพวกเธอมาจากทางด้านหลังนั้นสามารถมั่นใจได้ในทันทีว่ารถอีกสามคันที่เหลือที่พวกทหารรับจ้างคนอื่นๆ ขับกระจายกันออกไปเพื่อเป็นตัวล่อนั้นคงจะถูกอีกฝ่ายจัดการไปหมดแล้วอย่างแน่นอน
ฟิ๊ววววววว
ในขณะที่นิลิมได้ละความสนใจไปมองดูสาวใช้ปีกสีแดงทั้งสองคนนั้นก็ได้มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นมาจากด้านบนหัวของเธอเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าของปีกแสงสีส้มบนฟากฟ้านั้นได้ทำการโจมตีลงมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“—–!?”
นิลิมที่หันกลับไปมองดูจุดแสงสีส้มที่ลอยตัวอยู่บนฟากฟ้านั้นได้พบว่าอาวุธหน้าตาประหลาดของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนกับหอกเหล็กสั้นที่มีไอพ่นสำหรับขับเคลื่อนอยู่ที่ด้านหลังของมันนั้นกำลังพุ่งตรงลงมายังรถกระบะของพวกเธอที่กำลังแล่นไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วอยู่อย่างแม่นยำ
“จรวดแบบนั้นใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอกน่า!!”
แต่ถึงแม้ว่าหอกเหล็กติดไอพ่นที่ถูกนิลิมเรียกว่าจรวดนั้นจะมีความสามารถในการทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นมาได้ แต่นิลิมก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถรับมือมันได้อย่างสบายๆ ไม่เหมือนกับอุปกรณ์ยิงแท่งเหล็กที่เธอเคยถูกนูลิส สาวใช้ตัวน้อยผู้ที่มีปีกแสงสีฟ้ารูปทรงปีกผีเสื้อ ใช้มันยิงเข้าใส่เธอในตอนที่เข้าไปขัดขวางแผนการของอีกฝ่ายที่ปราสาทแพนเทร่าก่อนหน้านี้
โดยนิลิมนั้นได้สะบัดแขนเสื้อที่ยาวเกินตัวของเธอไปยังเบื้องหน้าเพื่อที่จะโยนหลอดแก้วบรรจุน้ำสีใสหลอดหนึ่งออกไปเหนือหัวก่อนที่เธอจะส่งวิซของเธอเข้าใส่มันจนทำให้หลอดแก้วที่บรรจุของเหลวเอาไว้ข้างในปริแตกออกมาเป็นโล่น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ดูหนาแน่นทนทาน
ปึ๊ก—-ตู้ม!!!
ตัวจรวดที่ถูกยิงลงมาจากบนฟ้านั้นได้เกิดการปะทุและระเบิดออกอย่างรุนแรงในทันทีที่มันสัมผัสกับโล่น้ำแข็งของนิลิมเข้า ซึ่งถึงแม้ว่าแรงระเบิดจะทำให้โล่น้ำแข็งของนิลิมแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ก็ตาม แต่ว่ามันก็ทำให้ห้องโดยสารของรถกระบะที่ตกเป็นเป้าหมายในทีแรกยังคงปลอดภัยดีอยู่ก่อนที่รถกระบะของพวกเธอจะพุ่งพ้นจุดที่เกิดระเบิดไปอย่างรวดเร็วจนเศษน้ำแข็งที่หลงเหลืออยู่คืนสภาพกลายเป็นละอองน้ำระยิบระยับที่ดูสวยงามแทน
“เอาล่ะ…”
นิลิมที่มั่นใจว่าสาวใช้ปีกสีส้มบนฟากฟ้าไม่สามารถที่จะใช้อาวุธของเธอโจมตีอย่างต่อเนื่องได้อย่างแน่นอนนั้นได้หันกลับไปมองสาวใช้ผมสีแดงทั้งสองคนที่กำลังพุ่งเข้าใกล้รถกระบะมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับสั่งให้แท่งน้ำแข็งปลายแหลมสองก้อนที่เธอสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ลอยมาประกบติดกันอยู่ที่แขนข้างขวาของเธอจนดูราวกับว่ามันเป็นโล่ชนิดหนึ่งที่มีปลายแหลมคม ในขณะที่แท่งน้ำแข็งอีกแท่งที่เหลืออยู่นั้นก็ถูกสั่งให้พุ่งเข้าหาสาวใช้ปีกสีแดงทั้งสองคนในทันที
ฟ๊าววว—
“…….”
สาวใช้ผมสีดำทั้งสองคนที่เห็นแท่งน้ำแข็งปลายแหลมพุ่งสวนกลับมานั้นไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยและบินแยกออกจากกันเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะปล่อยให้แท่งน้ำแข็งของนิลิมพุ่งผ่านพวกเธอไปโดยที่ความเร็วของพวกเธอไม่ตกลงมากเกินไปนัก แต่ว่าสิ่งที่พวกเธอทำนั้นก็เป็นสิ่งที่นิลิมคาดเอาไว้ก่อนแล้ว
“ไม่ให้หลบหรอกน่า…”
เปรี๊ยะ—เพล้ง!!
ในชั่วพริบตาที่แท่งน้ำแข็งของนิลิมกำลังจะพุ่งลอดผ่านช่องว่างระหว่างสาวใช้ทั้งสองคนไปนั้น นิลิมก็ได้ควบคุมให้แท่งน้ำแข็งแท่งนั้นเกิดการปริร้าวอย่างรุนแรงก่อนที่มันจะแตกกระจายออกเป็นลิ่มน้ำแข็งขนาดเล็กๆ จำนวนมากพุ่งไปทุกทิศทุกทาง
ปึกปึกปึก!! ฉึก!
ถึงแม้ว่าสาวใช้ปีกสีแดงคนที่ใช้หอกเป็นอาวุธนั้นจะสามารถเบี่ยงตัวหลบและใช้ด้ามหอกของเธอเข้าปัดป้องลิ่มน้ำแข็งของนิลิมเอาไว้ได้ แต่ว่าทางด้านสาวใช้ปีกแดงคนที่ใช้ดาบเป็นอาวุธนั้นได้ถูกลิ่มน้ำแข็งของนิลิมเสียบเข้าไปจังๆ จนแขนของเธอเป็นแผลเหวอะหวะและมีเลือดสีแดงไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก
“…..”
แต่ทว่าสาวใช้ปีกสีแดงคนที่ใช้ดาบเป็นอาวุธนั้นก็ไม่ได้หลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย โดยเธอทำเพียงแค่โยนดาบในมือไปให้มืออีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บถือเอาไว้แทน อีกทั้งความเร็วในการบินของเธอก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่สักนิดเดียว
“ยัยพวกนี้นี่ไม่รู้สึกเจ็บกันจริงๆ เลยงั้นสินะ…!”
นิลิมที่เห็นว่าการโจมตีของเธอทำได้เพียงแค่ทำให้สาวใช้คนหนึ่งเปลี่ยนมือข้างที่ถืออาวุธเอาไว้นั้นถึงกับต้องกัดฟันพูดขึ้นมาและใช้วิซของเธอสร้างแท่งน้ำแข็งปลายแหลมออกมาจากด้านในแขนเสื้อเพื่อใช้มันแทนอาวุธก่อนที่เธอจะรีบใช้แท่งน้ำแข็งที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมาและโล่น้ำแข็งบนแขนอีกข้างเข้ารับอาวุธของสาวใช้ทั้งสองคนในทันที
เคล๊ง—เคล๊ง!
ครึ๊ก—ครึ๊ก—
แท่งน้ำแข็งปลายแหลมและโล่น้ำแข็งที่นิลิมใช้เป็นอาวุธนั้นได้เกิดรอยร้าวขึ้นเล็กน้อยเมื่อพวกมันปะทะเข้ากับอาวุธของสาวใช้ปีกแดงทั้งสองคน แต่ถึงอย่างนั้นนิลิมก็ไม่ได้สนใจความเสียหายบนอาวุธของตัวเองและสั่งให้อาวุธน้ำแข็งของเธอแผ่ขยายออกไปจับยึดอาวุธของสาวใช้ทั้งสองคนเอาไว้ด้วยวิธีการแบบเดียวกับที่พรีมูล่าชอบทำบ่อยๆ ด้วยดาบน้ำแข็งที่ได้รับมาจากคุณแม่ของเธอ
“จับตัวได้ล่ะ ต่อไปก็…”
“……”
สาวใช้ทั้งสองคนที่พบว่าอาวุธของพวกเธอถูกน้ำแข็งลามออกมายึดจับเอาไว้จนไม่สามารถถอนออกมาได้นั้นไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกหรือว่าลนลานอะไรเลยแม้แต่น้อยและได้พร้อมใจกันปล่อยมือออกจากอาวุธของพวกเธอก่อนจะลอยถอยห่างไปเล็กน้อย
วิ๊ง…
ซึ่งทันใดนั้นเองอาวุธของพวกเธอทั้งสองคนที่ถูกน้ำแข็งเกาะกุมเอาไว้นั้นก็ได้ค่อยๆ สลายกลายเป็นละอองแสงสีแดงอย่างช้าๆ และในขณะเดียวกันนั้นปีกผีเสื้อสีแดงของพวกเธอก็ปล่อยละอองสีแดงจำนวนมากออกมาและก่อตัวเป็นดาบและหอกแบบเดียวกับที่พวกเธอทิ้งเอาไว้ให้เป็นเครื่องประดับบนอาวุธน้ำแข็งของนิลิมเมื่อสักครู่นี้
“ความสามารถแบบนี้มัน…”
นิลิมที่เห็นว่าอาวุธของสาวใช้ทั้งสองคนสลายกลายเป็นละอองแสงสีแดงและถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้นได้แสดงท่าทีแปลกใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะต้องรีบยกโล่น้ำแข็งขึ้นมาป้องกันคมหอกของสาวใช้ผมสั้นในทันที
เพล้ง!! เคล๊ง!!
โล่น้ำแข็งของนิลิมที่แตกร้าวอยู่ก่อนแล้วจากการโจมตีครั้งก่อนหน้านี้นั้นได้แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ในทันที แต่ถึงอย่างนั้นคมหอกของสาวใช้ผมสั้นก็ไม่อาจจะฝากรอยแผลเอาไว้บนท่อนแขนของนิลิมได้ เนื่องจากว่าแขนเสื้อสีดำของนิลิมที่ยาวเกินตัวนั้นได้แผ่ไอเย็นออกมาอย่างรุนแรงและแข็งตัวในชั่วพริบตาจนทำให้คมหอกของสาวใช้ผมสั้นไม่อาจฟาดฟันทะลุผ่านมันไปได้
หมับ!
“……!”
สาวใช้ผมสั้นที่โจมตีนิลิมไม่เข้านั้นได้พยายามที่จะลอยตัวถอยห่างออกไปเหมือนกับครั้งก่อน แต่ว่าในครั้งนี้นิลิมกลับพุ่งมือของเธอที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อไปคว้าปลายหอกของสาวใช้ผมสั้นเอาไว้แบบไม่กลัวว่ามันจะบาดมือเลยแม้แต่น้อยก่อนที่หญิงสาวผมชมพูจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ถ้าเป็นไปได้ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้สักเท่าไหร่หรอกนะ…”
ทันทีที่สิ้นเสียงคำพูดของนิลิมเธอก็ได้จ่อแขนเสื้อข้างที่มีแท่งน้ำแข็งปลายแหลมอยู่ด้านในไปทางสาวใช้ผมสั้นที่ถูกเธอจับตัวเอาไว้ ก่อนที่นิลิมจะใช้วิซของเธอเพื่อยิงแท่งน้ำแข็งปลายแหลมเข้าใส่กลางลำตัวของสาวใช้ผมสั้นอย่างจัง
แกร๊ก—สวบ!!
ร่างของสาวใช้ผมสั้นที่ถูกแท่งน้ำแข็งปลายแหลมพุ่งทะลุจนเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่กลางลำตัวนั้นได้ลอยกระตุกอยู่กับที่อยู่ชั่วขณะก่อนที่ปีกแสงสีแดงของเธอจะดับวูบลงไปจนทำให้ร่างของเธอร่วงหล่นลงไปกองอยู่กับพื้นราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายและนอนแน่นิ่งอยู่กับที่จนถูกทิ้งห่างออกไปไกลด้วยความเร็วของรถกระบะที่กำลังพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“……”
นิลิมที่เป็นผู้ลงมือนั้นได้มีแววตาที่หม่นหมองลงเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องรีบสลัดความคิดสงสารนั้นทิ้งไปและรีบกวาดตามองหาสาวใช้ปีกสีแดงอีกคนหนึ่งที่เหลืออยู่ในทันที
“เอาล่ะ… ต่อไปก็…. —!?”
ปึ้ง!!
“ค… คุณนิลิมคะ!!”
เสียงของมีอาที่ดังขึ้นมาพร้อมกับตัวรถที่เซไปทางด้านข้างจนล้อฝั่งหนึ่งลอยขึ้นเหนือพื้นนั้นทำให้นิลิมที่กำลังมองหาสาวใช้ปีกแดงอีกคนที่หายไปจากสายตาของเธอรู้ได้ทันทีว่าคู่ต่อสู้อีกคนที่เหลืออยู่กำลังคิดที่จะพยายามทำอะไรอยู่กันแน่
ปึ้ง!!
เสียงของแรงกระแทกที่ดังขึ้นมาพร้อมกับตัวรถที่เอียงอย่างรุนแรงจนน่าหวาดเสียวอีกครั้งนั้นทำให้นิลิมต้องรีบหาทางจัดการสาวใช้ปีกสีแดงที่กำลังพยายามใช้ด้ามดาบทุบกระจกรถอยู่อย่างรุนแรงเพื่อจัดการหยุดรถคันนี้ในทันที เพราะถึงแม้ว่าเอริกะจะแอบดัดแปลงรถคันนี้จนมันทนทานขึ้นมามากเพื่อความปลอดภัยของพวกเธอแล้วก็ตามแต่ว่ามันก็คงจะทนแรงของสาวใช้คนนี้ได้ไม่นานสักเท่าไหร่อยู่ดี
แกร๊ก…
ปึ้ง!!
“บ้าจริง!!”
นิลิมร้องตะโกนขึ้นมาอย่างหัวเสียเพราะถึงแม้ว่าเธอจะสั่งให้ลิ่มน้ำแข็งที่ปักคาแขนของสาวใช้ที่ใช้ดาบคนนั้นแผ่ขยายออกมาจนแขนของอีกฝ่ายแทบจะกลายเป็นแท่งน้ำแข็งไปแล้วก็ตาม แต่ว่าสาวใช้คนนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจแขนของตัวเองที่กำลังแตกร้าวอยู่เลยแม้แต่น้อยและยังคงพยายามที่จะทุบกระจกให้แตกอยู่แบบนั้นต่อไป
ซึ่งนิลิมที่เห็นแบบนั้นก็ได้สลายน้ำแข็งที่เธอใช้ในการยึดขาของตัวเองกับหลังคารถเอาไว้ออกไปเพื่อที่จะได้โหนตัวไปโจมตีสาวใช้ปีกสีแดงที่บินอยู่ติดกับห้องโดยสารแทนเนื่องจากว่าเธอไม่มีมุมที่จะสามารถโจมตีอีกฝ่ายได้จากบนหลังคารถเลยแม้แต่น้อย
เพล้ง!!
“ว๊าย–!?”
เอี๊ยดดดดดดดด
ในวินาทีเดียวกับที่นิลิมได้สลายน้ำแข็งที่ขาของเธอไปนั้นสาวใช้ปีกสีแดงก็ได้ทุบกระจกรถจนแตกได้สำเร็จพอดีจนทำให้มีอาที่มีความสามารถในการต่อสู้น้อยกว่านิลิมมากเกิดความรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาและตัดสินใจที่จะสะบัดพวงมาลัยอย่างรุนแรงเพื่อหวังที่ให้ตัวรถกระแทกเข้ากับสาวใช้ผมสีดำสวมหน้ากากที่บินอยู่ข้างๆ
ปึ๊ก—
“โอ๊ย—!!”
การกระทำของมีอานั้นไม่ได้ส่งผลอะไรกับสาวใช้ปีกสีแดงที่บินได้อย่างอิสระเลยแม้แต่น้อย แต่ว่ามันกลับทำให้นิลิมที่เพิ่งจะสลายน้ำแข็งทิ้งไปถึงกับปลิวร่วงลงไปจากหลังคารถกระบะและกระแทกเข้ากับสิ่งของบางอย่างที่รถของพวกเธอขนมาด้วยอย่างแรงจนทำให้ผ้าใบที่ปกคลุมพวกมันอยู่สะบัดขึ้นเล็กน้อยและเผยให้เห็นส่วนหนึ่งของสิ่งของที่อยู่ภายใน
ซึ่งสิ่งของที่ถูกเผยออกมาให้เห็นเพียงเล็กน้อยนั้นทำให้สาวใช้ปีกแดงหยุดดาบของเธอที่กำลังจะแทงเข้าไปจัดการกับมีอาที่อยู่ด้านในห้องโดยสารในทันทีก่อนที่เธอจะสะบัดหน้าหันไปมองสิ่งของภายใต้ผ้าใบนั้นแล้วจึงลอยตัวขึ้นไปยืนอยู่บนกระบะหลังรถพร้อมกับง้างดาบของเธอขึ้นอีกครั้งเพื่อที่จะได้จัดการทำลายสัมภาระของพวกเธอรวมไปถึงสังหารนิลิมไปด้วยพร้อมๆ กันในทีเดียว
“คุณนิลิมคะ!?”
มีอาที่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านกระจกมองหลังที่ถูกติดอยู่ในห้องโดยสารได้ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่านิลิมที่ร่วงลงไปจากหลังคารถจนหัวกระแทกเข้ากับสิ่งของที่พวกเธอขนมาด้วยนั้นกำลังมึนงงจนไม่สามารถใช้วิซเพื่อสร้างน้ำแข็งขึ้นมาป้องกันตัวได้ ทำให้มีอาที่เห็นแบบนั้นต้องรีบเค้นสมองหาวิธีช่วยเหลืออีกฝ่ายในทันที
“ถ้าเป็นเวลาแบบนี้เอริเขาจะทำยังไงกันนะ… คิดสิมีอา…คิด…”
ปิ๊บ—
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง!! เธอขับตรงมานิ่งๆ แบบนั้นนั่นแหล่ะ!!”
ในขณะที่มีอากำลังคิดหาวิธีช่วยเหลือหญิงสาวผมชมพูอยู่นั้นเครื่องมือสื่อสารที่ถูกติดตั้งเอาไว้ในห้องคนขับก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงพูดของอลิซ ก่อนที่บนถนนเบื้องหน้าของเธอจะปรากฏร่างเล็กๆ ของเด็กสาวผมสีขาวที่กำลังพุ่งสวนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ฟุ๊บ!! ซรวบบบ!!!
อลิซที่ใช้พาร์ทไอพ่นพุ่งตรงมาจากเมืองรีมินัสนั้นได้ปาดาบสีขาวของเธอตรงไปทางรถกระบะของพวกมีอาอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงของดาบพุ่งแหวกอากาศดังลั่นก่อนที่ดาบของอลิซจะพุ่งเสียบเข้าไปยังต้นคอของสาวใช้ปีกสีแดงที่กำลังง้างดาบในมือขึ้นสูงจากทางด้านหลังอย่างรุนแรงจนมันเสียบทะลุเข้าไปมิดทั้งด้าม
“….?”
ซู่มมมมม—- ผลั๊วะ!!
สาวใช้ปีกสีแดงก้มลงมองดูใบดาบสีขาวที่ทะลุต้นคอของเธอออกมาด้วยความแปลกใจก่อนที่ทันใดนั้นเองอลิซที่พุ่งสวนทางรถกระบะมาอย่างรวดเร็วจะดีดตัวขึ้นสูงพร้อมกับใช้พาร์ทส่วนล่างที่เป็นโครงเหล็กเตะซ้ำไปที่ด้ามดาบของเธอจนมันทะลุออกจากร่างของสาวใช้ผมสีดำไปอย่างรุนแรงและทำให้สาวใช้ผมสีดำคนนั้นปลิวกระเด็นตกจากหลังรถไป
หมับ—!!
ทางด้านอลิซที่เพิ่งจะกระโดดเตะคนคนหนึ่งปลิวกระเด็นไปนั้นก็ได้พลิกตัวกลางอากาศและหันไอพ่นที่เอวของเธอไปทางด้านหลังเพื่อสร้างแรงต้านพร้อมกับยื่นมือไปคว้าขอบกระบะด้านหลังรถเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังก่อนที่เธอจะหันไปมองดูสาวใช้คนที่เพิ่งจะปลิวออกจากหลังรถไปเมื่อสักครู่นี้
ซึ่งอลิซก็ได้พบว่าสาวใช้ผมสีดำที่ปีกผีเสื้อสีแดงบนแผ่นกำลังสลายเป็นละอองแสงอยู่อย่างช้าๆ นั้นกำลังพยายามที่จะยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากพื้นอยู่อย่างยากลำบากโดยไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของเธออย่างต้นคอที่ทะลุเป็นรูและมีเลือดไหลทะลักออกมารวมถึงแขนที่ถูกน้ำแข็งกัดกินจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้วเลยแม้แต่น้อย
วิ๊ง…. พลัก!!
แต่แล้วในขณะที่สาวใช้ผมสีดำกำลังพยายามที่จะยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นอยู่นั้น ปีกผีเสื้อบนแผ่นหลังของเธอก็ได้สลายหายกลายเป็นละอองแสงไปจนหมดก่อนที่ร่างของเธอจะฟุบลงไปกับพื้นอีกครั้งและแน่นิ่งไป ซึ่งนั่นก็ทำให้อลิซที่เห็นว่ารถคันนี้ปลอดภัยแล้วร้องตะโกนบอกมีอาที่อยู่ด้านในห้องโดยสารขึ้นมา
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ…ขับต่อไปเลยมีอา!!”
“ยังเหลืออีกคนนึงอยู่ข้างบนฟ้าค่ะคุณอลิซ!!”
“ว่าไงนะ—!?”
อลิซที่ได้ยินมีอาตะโกนตอบกลับมาแบบนั้นได้รีบเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนท้องฟ้าในทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอได้เห็นแสงสีส้มจุดเล็กๆ จากปีกของสาวใช้สวมหน้ากากอีกคนหนึ่งที่ยังคงลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า
“สีส้มเลยงั้นหรอ… แล้วจะบินสูงไปไหนกันเนี่ย…”
“เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ…!”
ฟุ๊บ! ฟุ๊บ! ฟุ๊บ!
นิลิมที่ฟื้นจากอาการมึนงงเนื่องจากหัวกระแทกเมื่อสักครู่นี้แล้วได้พยายามที่จะยิงแท่งน้ำแข็งปลายแหลมของเธอขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ว่าเมื่อดูจากการที่จุดแสงสีส้มไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยนั่นก็น่าจะหมายความว่าแรงยิงของเธอคงจะส่งแท่งน้ำแข็งไปไม่ถึงเป้าหมายเลยซะด้วยซ้ำ
“ไหนขอฉันลองบ้างสิ”
กรึ๊ก—กรึ๊ก—ปังปังปังปังปังปังปัง!!
อลิซที่เห็นว่าการโจมตีของนิลิมไม่เป็นผลนั้นได้ลองสั่งให้แขนกลติดปืนกลเบาของเธอยิงเข้าใส่เป้าหมายบ้าง ซึ่งการโจมตีของอลิซนั้นก็เหมือนว่าจะได้ผลอยู่บ้างเมื่อจุดสีส้มบนท้องฟ้าได้ขยับไปมาเล็กน้อยเพื่อหลบหลีก แต่ว่ายังไม่ทันที่อลิซจะได้สาดกระสุนขึ้นไปอีกชุดหนึ่งเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของการโจมตีของอีกฝ่ายก็ได้ดังขึ้นมาซะก่อน
ฟิ้วววว—- ปิ๊บ—
“ฉันขอยืมหน่อยนะอลิซ”
“หา? นี่เธอหมายถึงอะไรน่ะเอริกะ?”
เสียงของเอริกะที่ดังขึ้นมาผ่านเครื่องสื่อสารที่อลิซสวมใส่อยู่นั้นได้แต่ทำให้เด็กสาวผมขาวพูดถามกลับไปด้วยความมึนงง แต่ว่าเอริกะก็ไม่ได้พูดตอบอะไรกลับมาก่อนที่ทันใดนั้นเองแขนกลติดปืนบนไหล่ของอลิซจะขยับไปมาด้วยตัวของมันเอง
กรึก—กรึก—
“ล็อกเป้าหมาย… คำนวณวิธีกระสุน… ความเร็วของตัวรถ… ยิงได้~”
ปังปังปังปังปัง!!
ตู้ม!!
แขนกลติดปืนของอลิซที่ขยับด้วยตัวมันเองนั้นได้ลั่นกระสุนออกไปจำนวนหนึ่งซึ่งกระสุนเหล่านั้นก็พุ่งเข้าใส่ตัวจรวดที่กำลังพุ่งลงมาได้อย่างแม่นยำจนทำให้มันระเบิดออกกลางอากาศอย่างรุนแรง
“เรียบร้อย… เอาล่ะ ปลอดภัยแล้วจ้า~”
“ปลอดภัยซะที่ไหนกันเล่า! ยัยตัวยิงจรวดยังอยู่ข้างบนนั้นอยู่เลยนะ!!”
“อ้าว ฉันก็นึกว่าเธอจะอยากเก็บเอาไว้ยิงเองซะอีก… ถ้างั้นเธอก็อยู่นิ่งๆ ให้ฉันเล็งเป้าแป๊บนึงละกัน”
ปังปังปังปังปังปัง!! ปังปังปังปังปังปัง!!
ปืนกลเบาทั้งสองกระบอกบนแขนกลของอลิซที่ยังคงถูกเอริกะควบคุมเอาไว้อยู่นั้นได้ลั่นกระสุนออกมาอย่างต่อเนื่องแถมยังขยับไปมาเหมือนกับไร้ซึ่งแบบแผนจนไม่มีใครดูออกว่าเอริกะกำลังตั้งใจยิงอยู่จริงๆ หรือว่าแค่กำลังสาดกระสุนออกไปมั่วๆ อยู่กันแน่
แต่ว่าทั้งนิลิมและอลิซที่เฝ้าจับตาดูจุดแสงสีส้มบนท้องฟ้าอยู่นั้นก็ได้พบว่าจุดแสงสีส้มที่ในตอนแรกกำลังลอยอยู่นิ่งๆ ได้เริ่มที่จะขยับไปมาเหมือนกับพยายามที่จะหลบหลีกอยู่ ก่อนที่ทันใดนั้นเองมันจะชะงักไปเล็กน้อยและพุ่งตรงออกไกลไปจนลับสายตา
“เฮ้อ… ศัตรูเล่นมีอาวุธระยะไกลแบบนี้ฉันก็คงจะต้องออกแบบระบบล็อกเป้าเพิ่มให้แล้วล่ะมั้งเนี่ย…”
“นั่นสินะ…ระยะขนาดนั้นต่อให้เป็นฉันก็คงจะใช้ตาเปล่าๆ เล็งเองยากล่ะนะ… ว่าแต่นี่เธอควบคุมยูนิตจากระยะไกลได้ด้วยหรอเนี่ยเอริกะ?”
“ก็ได้เฉพาะสิ่งประดิษฐ์ส่วนตัวที่ฉันเรียกออกมาด้วยอาร์ไคฟ์เท่านั้นนั่นแหล่ะ ส่วนพวกสิ่งประดิษฐ์ที่ฉันมอบแบบแปลนไปให้คนอื่นสร้างฉันยังไม่กล้าจะใส่มันเข้าไปน่ะ เพราะว่ามันจำเป็นจะต้องมีระบบกล้องแล้วก็ระบบส่งสัญญาณอะไรพวกนั้นด้วย…”
“คุณอลิซขึ้นมานั่งข้างบนนี้ดีๆ ได้แล้วค่ะ!!”
ในขณะที่อลิซกับเอริกะกำลังพูดคุยผ่านเครื่องสื่อสารกันอยู่นั้น นิลิมก็ได้ร้องเรียกอลิซที่ยังคงจับท้ายรถกระบะและใช้พาร์ทส่วนล่างที่เป็นล้อเพื่อเกาะตัวเองไปกับรถอยู่ให้ขึ้นมานั่งด้วยกันดีๆ เนื่องจากว่ามีอาที่เป็นคนขับรถนั้นไม่กล้าที่จะชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อยเพราะว่ามันอาจจะทำให้อลิซที่เกาะท้ายรถอยู่พุ่งเข้ามากระแทกกับตัวรถจนบาดเจ็บได้นั่นเอง ซึ่งเอริกะที่จับตาดูอยู่ผ่านกล้องที่ติดอยู่กับตัวยูนิตของอลิซนั้นก็ได้พูดขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
“เธอเองก็ไปพักก่อนเถอะอลิซ เมื่อกี้นี้เธอเล่นกระโดดลงจากตึกห้าชั้นแถมยังกระโดดเตะเขาไปด้วยความเร็วขนาดนั้นทั้งๆ ที่ขายังไม่หายดีเลยนี่นา”
“พูดเป็นเล่นไป เธอก็รู้นี่ว่ายัยนั่นดื้อด้านขนาดไหนน่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่าอลิซ พวกเราเล่นจัดการแฟรี่สีแดงไปตั้งสองคนแถมยังไล่แฟรี่สีส้มไปได้แบบนั้น พวกนั้นที่ขาดแคลนทรัพยากรอยู่ไม่น่าจะกล้าส่งอะไรมาเพิ่มหรอก… อ่ะแต่ว่ายังไงพวกเธอก็เฝ้าระวังเอาไว้หน่อยก็แล้วกัน~”
“อ่า เข้าใจแล้วล่ะ…”
อลิซพูดตอบเอริกะกลับไปก่อนที่เธอจะยื่นมือไปจับมือสีขาวซีดของนิลิมที่ยื่นออกมาช่วยดึงเธอขึ้นไปบนหลังรถแต่โดยดี ซึ่งอลิซที่ปีนขึ้นไปนั่งบนกระบะหลังรถแล้วนั้นก็ได้เหลือบสายตาไปมองชิ้นส่วนสำคัญของเอริกะที่ถูกปิดคลุมเอาไว้ด้วยผ้าใบที่ทำให้พวกเธอต้องมาเสี่ยงอันตรายกันแบบนี้และพูดขึ้นมาเบาๆ
“ทีนี้พวกเราก็มีความหวังที่จะรับมือกับเจ้าพวกนั้นได้อย่างจริงๆ จังๆ กันสักทีสินะ…”