Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 77 : Phrontistery
หลังจากวันที่ได้มีการประชุมของเหล่าคณะอาจารย์ของโรงเรียนรีมินัสเวลาก็ผ่านไปอีกประมาณสองสัปดาห์ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นในขณะที่เอริกะกับเอริซาเบธต้องวุ่นวายกันจนหัวหมุนเพราะเรื่องของยูนิตที่พวกเธอจะต้องจัดการให้เสร็จกันก่อนจะถึงวันเปิดภาคเรียน ทางด้านนากา พรีมูล่าและโมโกะกลับได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปวันๆ จนพวกเธอแอบรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
เพราะว่าในช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกนากามีเรื่องที่ต้องทำเพียงแค่เข้าไปรับชุดนักเรียนกับอุปกรณ์การเรียนแล้วก็ตารางเรียนตารางสอนจากทางโรงเรียนเพียงเท่านั้นเอง และถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาจะมีกำหนดการที่จะต้องเข้าไปเรียนปรับพื้นฐานเพื่อทดสอบความรู้ก่อนจะเข้าเรียนต่อเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเปิดภาคเรียนก็ตาม แต่ว่าเอริซาเบธที่เป็นผู้สอนนั้นกลับว่างมาสอนพวกเขาเพียงแค่สามวันเท่านั้น
และเมื่อวันเรียนพิเศษทั้งสามวันจบลงพวกนากาจึงได้อาศัยช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์สุดท้ายก่อนจะถึงวันเปิดภาคเรียนเป็นวันหยุดพักผ่อนกันจริงๆ จังๆ เพื่อทดแทนช่วงสามสัปดาห์แรกที่พวกเขามาถึงเมืองรีมินัสที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแทบจะไม่เว้นวันนั่นเอง
ซึ่งพรีมูล่านั้นก็ได้หาโอกาสชวนโมโกะหรือไม่ก็คอนแนลออกไปเที่ยวเล่นในเมืองด้วยกันแทบจะทุกวันโดยไม่คิดจะชวนพี่ชายขี้เหนียวที่จำกัดปริมาณขนมของเธอออกไปด้วยเลยแม้แต่น้อยจนทำให้นากาได้แต่ฝึกซ้อมวิชาดาบที่ลานกว้างด้านหลังคฤหาสน์ไปวันๆ
ส่วนทางด้านโมโกะหลังจากวันที่เธอหนีคุณพ่อของเธอเข้าไปในป่าและไปร่วมกินเนื้อย่างกับรีซาน่าแล้วก็พิเน๊ะที่หอพักของโรงเรียนรีมินัสมานั้น เธอก็ได้พบว่าคุณพ่อของเธอได้ฝากข้อความเอาไว้กับอลิซว่าเขาจะยอมให้เธอเรียนอยู่ในโรงเรียนรีมินัสไปก่อนเป็นการชั่วคราวก็ได้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ตั้งเงื่อนไขเอาว่าถ้าเกิดว่าเขาได้ยินข่าวอะไรไม่น่าไว้วางใจขึ้นมาล่ะก็เขาจะกลับเข้าเมืองมาพาตัวเธอกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านเหมือนเดิมในทันที ซึ่งโมโกะที่ได้ยินข้อความจากคุณพ่อของเธอนั้นก็พอจะโล่งใจขึ้นมาได้อยู่บ้างจนมีอารมณ์ที่จะออกไปเที่ยวเล่นกับพรีมูล่าด้วยความสบายใจ
ส่วนทางด้านนากาที่ถูกน้องสาวของตนทิ้งไว้เฝ้าคฤหาสน์นั้นก็ได้แต่ฝึกซ้อมไปวันๆ จนเวลาหนึ่งสัปดาห์สุดท้ายก่อนจะถึงวันเปิดภาคเรียนได้ผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว
“คร๊อกกกกก…”
“พี่~ นา~ กา~”
ในช่วงเวลาเช้าตรู่ที่คฤหาสน์ของเวก้าที่ได้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ของพวกนากาไปนั้นอยู่ๆ ก็ได้มีเสียงอันแสนสดใสของเด็กสาวรายหนึ่งได้ดังขึ้นมาลั่นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงของประตูที่ถูกเปิดออกอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับผนังเสียงดังสนั่น
ปึ้ง!!
เด็กสาวผมสีชมพูเจ้าของเสียงนั้นได้มองตรงไปยังเด็กหนุ่มผมสีดำที่นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบสุขโดยไม่ได้รู้เลยว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างมาดึงเขาออกมาจากความฝันแสนสุขที่เขากำลังฝันถึงอยู่
ซึ่งพรีมูล่าก็ได้เดินตรงเข้าไปใช้นัยน์ตาสีฟ้าสว่างของเธอจ้องมองพี่ชายของตนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอยู่ชั่วขณะก่อนที่เธอจะจับเข้าที่ข้อเท้าทั้งสองข้างของเขาพร้อมกับออกแรงเหวี่ยงจนร่างของนากาลอยปลิวขึ้นไปบนอากาศและร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรง
ตึ้ง!!
“โอ๊ย!?”
“ตื่นได้แล้วพี่นากา~ รีบๆ แต่งตัวแล้วไปกินข้าวกัน~”
“……”
นากาที่ร่วงลงไปนอนกองอยู่กับพื้นนั้นได้ใช้นัยน์ตาสองสีของเขามองหน้าของพรีมูล่าอยู่อย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะคว้าเอาผ้าห่มที่ตกอยู่ข้างๆ มาคลุมตัวเองเอาไว้และทำท่าเหมือนจะกลับไปนอนต่อจนทำให้พรีมูล่าต้องรีบยื่นมือไปจับแก้มของนากาเอาไว้และดึงมันไปมาๆ ตามจังหวะคำพูดของเธอเพื่อปลุกเขาในทันที
“พี่นากา~~ ตื่น~ได้~แล้ว~ ไม่งั้นเดี๋ยว~ จะไปโรงเรียนสาย~ เอานะ~~”
“โอ๊ยๆ ! ตื่นแล้วๆ ไม่เห็นจะต้องรีบอะไรขนาดนั้นเลยไม่ใช่หรอไง ยังเหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะถึงพิธีเปิดเรียนนี่!”
นากาที่ถูกพรีมูล่าดึงแก้มไปมานั้นได้ร้องโวยวายขึ้นมาพลางนึกในใจว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้นั้นราวกับเป็นภาพฉายย้อนกลับไปในช่วงเช้าของวันที่พวกเขาได้หนีทหารรับจ้างผ้าคลุมแดงอย่างพวกรัซเซลออกมาจากหมู่บ้านโมริโกะอย่างไม่มีผิดเพี้ยนพลางมองออกไปด้านนอกหน้าที่ยังคงมืดสนิทอยู่และลองพูดถามขึ้นมาด้วยคำถามเดียวกันกับเมื่อครั้งนั้นดู
“เดี๋ยวนะพรีมูล่า นี่กี่โมงเนี่ย…?”
“เอ๋~? ก็น่าจะราวๆ ตีห้าได้ละมั้งนะ~ ทำไมหรอพี่นากา?”
คำพูดของพรีมูล่าที่ตอบเขากลับมาด้วยประโยคเดียวกับเมื่อครั้งนั้นเป๊ะๆ ถึงกับทำให้นากาได้แต่ยกมือขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองพลางนึกสงสัยว่าเขากำลังเห็นภาพหลอนอยู่หรือเปล่า แต่ว่าในขณะเดียวกันนั้นเองคอนแนลก็ได้โผล่พ้นขอบประตูห้องนอนของนากามาพร้อมกับร้องโอดโอยขึ้นมาเบาๆ
“อ—อู้ย… พรีมูล่าอย่าวิ่งสิครับ…”
“ตื่น~ สิ~ พี่~ นา~ กา~”
พรีมูล่าที่เห็นนากายกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองนั้นเหมือนจะเข้าใจไปว่าพี่ชายของตนกำลังจะกลับไปนอนต่ออีกครั้งเธอจึงได้นั่งทับลงไปบนร่างของพี่ชายของเธอพร้อมกับออกแรงตีๆ ไปที่ไหล่ของนากาแบบไม่ออมแรงเลยแม้แต่น้อย
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
“นี่พี่นากาอย่าลงไปนอนต่อสิ~ ตื่นๆ ไปโรงเรียนๆ ~”
“ย—ยัยตัวแสบเอ๊ย… คอนแนลจัดการเลย!!”
“ได้เลยครับ”
“แอ๋–?”
พรีมูล่าที่กำลังหวดพี่ชายของเธออย่างเมามันนั้นได้หันกลับไปมองทางด้านหลังด้วยความสงสัยเมื่อเธอได้ยินเสียงของคอนแนลดังขึ้นมาในระยะประชิด ซึ่งเธอก็ได้พบกับคอนแนลที่กำลังยกกำปั้นอยู่เหนือหัวเธอเข้าพอดี
โป๊ก!!
“แอ๊ะ—”
พรีมูล่าที่ถูกคอนแนลเขกหัวเข้าไปอย่างแรงเพื่อเป็นการเอาคืนสำหรับวิธีการปลุกด้วยเข่ามรณะที่เธอเพิ่งจะเล่นงานเขาไปเมื่อสักครู่นี้นั้นถึงกับต้องกลิ้งไปกุมหัวตัวเองอยู่ตรงมุมห้องในทันทีเป็นโอกาสให้นากาได้รีบลุกขึ้นมายืนพร้อมกับพูดบ่นน้องสาวตัวแสบของเขาออกมา
“ให้ตายสิ…ยัยตัวแสบนี่…”
“นี่ตอนที่นายอยู่ที่หมู่บ้านนี่ต้องเจอวิธีปลุกประหลาดๆ แบบนี้ทุกวันเลยหรอครับนากา? แค่คิดผมก็เหนื่อยแทนแล้วนะครับนั่น…”
“ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหล่ะ…”
นากาบ่นกลับไปให้คอนแนลฟังเล็กน้อยก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นว่าคอนแนลกับพรีมูล่าได้สวมใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสเตรียมพร้อมกันไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พวกนายเตรียมตัวกันเสร็จแล้วหรอ นี่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยนะ”
“ครับ ตอนนี้ก็เหลือแค่นากาที่พรีมูล่าเขามาปลุกเป็นคนสุดท้ายเนี่ยแหล่ะครับ”
“งั้นหรอ ถ้างั้นเดี๋ยวนายพายัยตัวแสบนี่ไปรอที่อื่นก่อนสิ เดี๋ยวขอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะตามไป”
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปรอที่ห้องอาหารละกันนะครับ ปะ พวกเราไปกันเถอะครับพรีมูล่า”
“บู่วววว~”
พรีมูล่าที่ถูกคอนแนลดึงคอเสื้อลากตัวออกไปจากห้องนั้นได้พองแก้มและพ่นลมออกมาทิ้งท้ายเอาไว้จนทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมาด้วยความเหนื่อยใจก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะดูท่าทางแล้วว่าคอนแนลกับพรีมูล่านั้นจะเข้ากันได้ดีกว่าที่เขาห่วงเอาไว้ในทีแรก
และหลังจากนั้นอีกไม่นานนักนากาที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เดินตรงไปที่ห้องอาหารและพบว่าคนอื่นๆ ได้เริ่มรับประทานกันไปก่อนแล้ว ซึ่งในทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปด้านในห้องโมโกะที่นั่งหันหน้ามาทางประตูก็ได้วางส้อมที่เสียบไข่ดาวในมืออยู่ลงก่อนจะพูดทักทายเขาขึ้นมาเป็นคนแรก
“อ่าว ตื่นแล้วหรอนากา? อรุณสวัสดิ์”
“อ—อ่า อรุณสวัสดิ์”
“พี่นากา~ มากินข้าววว~ แล้วเดี๋ยวหนูจะได้ไปโรงเรียนแล้วววว~”
“รู้แล้วหน่าๆ ชอบเร่งจังเลยนะ ยัยตัวแสบนี่”
นาการีบเดินตรงไปนั่งบนที่นั่งประจำของตัวเองก่อนที่เขาจะมองหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาสมาชิกอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วยกันกับทุกคน
“อ้าว แล้วอลิซล่ะ?”
“ถ้าอลิซล่ะก็พอทำอาหารเช้าเสร็จก็รีบออกไปก่อนแล้วน่ะ”
“ก็ตามที่โมโกะเขาบอกนั่นล่ะครับ เห็นคุ— เห็นอลิซเขาบอกว่ามีธุระที่โรงเรียนก็เลยต้องรีบไปก่อนน่ะครับ”
คอนแนลที่หลุดปากเรียกอลิซว่าคุณตามความเคยชินออกมานั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยและเหลือบมองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ เพราะว่าในช่วงหลังๆ มานี้อลิซเหมือนจะหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมเลิกเรียกเธอแบบนั้นสักทีจึงได้ตรงเข้ามาหวดเขาทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าคุณหลุดออกมาจากปากของเขา ซึ่งนากาที่เห็นแบบนั้นก็แอบยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบคอนแนลกลับไป
“งั้นหรอ… แต่ถึงจะมีธุระที่โรงเรียนก็ยังจะอุตส่าห์ทำข้าวเช้าทิ้งเอาไว้ให้อีกนะนั่น…”
“ถึงอลิซจะปากร้ายแบบนั้นแต่เอาจริงๆ ก็ใจดีแล้วก็ขี้ห่วงจะตายนะ ดูอย่างตอนที่ฉันเพิ่งจะสู้กับเวก้าจนเผลอใช้วิซหมดที่หน้าบ้านเอริกะสิ อลิซเขารีบพุ่งเข้ามาเป่านายเวก้านั่นกระเด็นไปไกลในพริบตาเลยล่ะ”
“นั่นสินะ อย่างตอนที่ฉันกับคอนเนลสู้กับเวก้าเขาที่หน้าคฤหาสน์นั่นก็เหมือนกัน ทั้งๆ ตัวเองขาเจ็บจนเลือกโชกแบบนั้นก็ยังจะรีบวิ่งมาเตือนพวกฉันอีกว่าคาร์เทียร์เขากำลังจะระเบิดพลังออกมาน่ะ”
แก๊งแก๊ง!!
ในขณะที่นากากับโมโกะกำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องความใจดีของอลิซอยู่นั้นพรีมูล่าที่กินข้าวเช้าของตัวเองเสร็จแล้วก็ได้ใช้ช้อนส้อมของตัวเองเคาะไปที่จานข้าวเพื่อเรียกความสนใจจากทุกคนพร้อมกับพูดขึ้นมา
“กินเสร็จแล้ว~”
“อ่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวพรีมูล่าเอาจานไปวางทิ้งไว้ในอ่านล้างจานก่อนได้เลยนะครับ เดี๋ยวเอาไว้ตอนเย็นผมจะกลับมาทำความสะอาดให้เอง”
“ค่า~”
พรีมูล่าขานตอบคอนแนลกลับไปพร้อมกับยกจานข้าวของตัวเองขึ้นและเดินตรงไปยังห้องครัวที่อยู่ใกล้ๆ กันอย่างรวดเร็วโดยพยายามบังผักใบเขียวทั้งหลายที่เธอกินเหลือเอาไว้จากสายตาของพี่ชายของตนไปด้วย
ซึ่งทางด้านนากาที่เห็นว่าคอนแนลคอยดูแลน้องสาวของตัวเองเป็นอย่างดีนั้นก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะว่าจริงๆ แล้วในตอนแรกเขาก็แอบกลัวอยู่ว่าคอนแนลอาจจะทนความเอาแต่ใจของพรีมูล่าไม่ไหวจนรู้สึกรำคาญเธอขึ้นมาบ้างหรือเปล่า
แต่ว่าในขณะที่นากากำลังเผยรอยยิ้มอยู่ด้วยความสบายใจนั้นทางด้านโมโกะก็ได้แอบขยับเก้าอี้ถอยห่างออกไปและพูดถามขึ้นมาด้วยความเป็นกังวล
“นายมองคอนแนลแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนั้นนี่หมายความว่าไงน่ะนากา…?”
“หา!? ฉันมองพรีมูล่าอยู่ต่างหากเล่า!”
“แบบนั้นยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่เลยนะ… ท่าทางว่าฉันจะต้องแอบไปเตือนพรีมูล่าเอาไว้สักหน่อยแล้วสิเนี่ย…”
“ถ้ายังไงทั้งสองคนก็รีบไปเตรียมตัวกันให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะครับ ส่วนเรื่องจานเดี๋ยวผมจัดการเก็บให้เอง”
ในขณะที่โมโกะกำลังแกล้งนากาเล่นอยู่นั้นคอนแนลที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยก็ได้เดินกลับมาพูดกับทั้งสองคนก่อนที่เขาจะหยิบเอาจานข้าวของนากาและโมโกะขึ้นมาและเดินออกไปจากห้องอาหาร ซึ่งนากากับโมโกะที่เห็นแบบนั้นก็ได้หันไปคุยกันอีกสักเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันกลับห้องตัวเองไปก่อน
“แล้วนี่มันกี่โมงแล้วล่ะเนี่ย โมโกะเธอพอจะรู้บ้างมั้ย?”
“ก็น่าจะราวๆ หกโมงกว่าๆ ได้แล้วล่ะมั้ง น่าจะมีเวลาเตรียมตัวให้พร้อมกันอีกสักพักนั่นแหล่ะ นายไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”
“นั่นสินะ แต่ยังไงพวกเราก็รีบไปจัดข้าวของให้เรียบร้อยกันก่อนดีกว่า เพราะถ้าเกิดไปสายตั้งแต่วันแรกเดี๋ยวจะดูแย่เอา… เอาเป็นว่าเดี๋ยวอีกสิบนาทีไปเจอกันที่ด้านหน้าละกันนะ ฝากบอกคอนแนลกับพรีมูล่าตอนเธอผ่านห้องครัวด้วยล่ะ”
หลังจากที่เวลาได้ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงพวกนากาก็ได้ก้าวเท้าเข้าสู่เขตตัวเมืองชั้นในทางฝั่งตะวันออกอันที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนรีมินัสกัน ซึ่งตามถนนหนทางที่พวกเขาเดินผ่านมานั้นก็เต็มไปด้วยเด็กหนุ่มเด็กสาวในชุดนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสมากหน้าหลายตาจนแทบจะนับจำนวนไม่ได้
ซึ่งเด็กนักเรียนบางคนที่พวกเขาเดินผ่านก็ได้พกพาอาวุธส่วนตัวมากันด้วย โดยอาวุธที่พบเห็นได้มากที่สุดนั้นก็ไม่พ้นอาวุธประเภทดาบอัศวินที่นิยมใช้กันในเมืองรีมินัสมากที่สุด รองลงมาก็จะเป็นอาวุธประเภทปืนพกสั้นหรือไม่ก็เป็นปืนยาวแบบเดียวกับของพรีมูล่า
และถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นอาวุธประเภทอื่นๆ ที่คนไม่ค่อยจะนิยมใช้กันอยู่บ้าง อย่างเช่นขวานขนาดใหญ่แบบเดียวกับรีซาน่า หอกยาวที่ไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมในเมืองรีมินัสสักเท่าไหร่นัก หรือว่าอาวุธที่มีกลไกพิเศษแบบมีดที่ยิงกระสุนได้ของอัลเบิร์ต แต่ว่าพวกเขากลับไม่ได้พบเห็นอาวุธประเภทดาบคาตานะหรือว่าปืนกลเบาแบบเดียวกับของโมโกะเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งนั่นก็คงจะไม่น่าแปลกใจอะไรสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าดาบคาตานะของเซซิลนั้นจัดได้ว่าเป็นอาวุธที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองซายูกิที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออก ในขณะที่ปืนกลเบาที่โมโกะฉกฉวยมาจากพวกรัซเซลนั้นเรียกได้ว่าเป็นอาวุธรุ่นต้นแบบที่ต้องทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อหาซื้อมาครอบครองจากเมืองแพนเทร่าเลยซะด้วยซ้ำ
แต่ถึงแม้ว่าทางโรงเรียนจะอนุญาตให้พกพาอาวุธส่วนตัวมาโรงเรียนด้วยได้แต่ว่าเหล่าเด็กนักเรียนนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้มันนอกเหนือจากในวิชาที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้หรือว่าการฝึกซ้อมที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยจะต้องเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัยกันสักเท่าไหร่นัก
และในขณะที่พวกนากากำลังตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศของการเดินทางไปโรงเรียนของโรงเรียนในเมืองหลวงนั้นพวกเขาก็ได้เดินมาจนถึงที่ด้านหน้าของประตูโรงเรียนรีมินัสกันอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งคอนแนลนั้นก็ได้หยุดเท้าลงและมองซ้ายมองขวาอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเพราะว่าเหล่านักเรียนที่กำลังเดินทางเข้าไปในเขตโรงเรียนในปีนี้นั้นมีปริมาณมากกว่าปกติอย่างชัดเจน
“มีคนที่ผมไม่คุ้นหน้าเยอะอยู่เหมือนกันนะครับ… ท่าทางว่าปีนี้ทางโรงเรียนจะเปิดรับนักเรียนใหม่เข้ามาเยอะกว่าทุกปีพอสมควรเลยล่ะครับ”
“หนูก็ไม่เห็นจะคุ้นหน้าคนพวกนี้สักกะคนเลยอ้ะ!”
“แล้วเธอจะไปคุ้นหน้าพวกเขาได้ยังไงกันเล่า!”
นากาที่ได้ยินน้องสาวของตัวเองพูดขึ้นมาแบบนั้นถึงกับอดใจเอาไว้ไม่อยู่และส่งกำปั้นไปเคาะหัวพรีมูล่าเข้าไปเบาๆ ทีหนึ่งในขณะที่โมโกะนั้นก็กำลังกวาดสายตามองเหล่านักเรียนจำนวนมากอย่างสนอกสนใจและพูดถามคอนแนลขึ้นมาแทนสองพี่น้องที่กำลังแกล้งกันเองเล่นอยู่
“แล้วนี่พวกเราจะต้องไปตรงไหนกันต่อล่ะคอนแนล?”
“อ๋อ ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็—”
“อ่ะ พวกนากาคุงอยู่ตรงนั้นกันไงคะ”
ในขณะที่คอนแนลกำลังจะพูดตอบคำถามของโมโกะกลับไปนั้นก็ได้มีเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาดึงความสนใจของพวกเขาไปซะก่อน ซึ่งเมื่อทุกคนหันไปมองทางต้นเสียงพวกเขาก็ได้พบกับรีซาน่าที่แบกขวานศึกขนาดใหญ่ที่ถูกผ้าพันเอาไว้อยู่บนหลังกำลังโบกมือเรียกพวกเขาอยู่ที่ใกล้ๆ กับตัวอาคารเรียน
และที่ข้างๆ ตัวรีซาน่านั้นก็ยังมีเซซิลที่พกดาบคาตานะคู่ใจของเธอเอาไว้กับอัลเบิร์ตที่เหน็บมีดของเขาเอาไว้ตรงเข็มขัดกำลังยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นเดียวกันหรือจะเรียกได้ว่ากลุ่มคนที่พวกนากาได้เจอในตอนสอบเข้าอยู่ตรงนี้กันพร้อมหน้าเลยก็ว่าได้ จะมีหายหน้าหายตาไปก็เพียงแค่เอริซาเบธที่พวกเขายังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอกับพิเน๊ะที่อาจจะโผล่มาข้างหลังพวกเขาในตอนไหนก็ได้เพียงเท่านั้นเอง
ซึ่งนากาที่เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากำลังโบกมือเรียกพวกเขาอยู่ก็ได้เดินนำทุกคนเข้าไปใกล้ๆ ในทันที จนทำให้อัลเบิร์ตที่กำลังยืนคุยอะไรสักอย่างอยู่กับเซซิลนั้นได้หันมาทางพวกเขาพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่องใส่นากาแบบไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย
“หึ ในที่สุดก็มากันได้สักทีนะ ฉันก็นึกว่าพวกเด็กบ้านนอกอย่างพวกนายจะหลงทางจนมาโรงเรียนไม่ถูกแล้วซะอีก”
“เฮ้ยๆ ถึงพวกฉันจะมาจากนอกเมืองจริงๆ ก็เถอะแต่ว่าหมู่บ้านของพวกฉันก็ไม่ได้บ้านนอกอะไรขนาดนั้นนะรู้มั้ย!”
นากาที่ถูกอัลเบิร์ตยืนกอดอกพูดทักทายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่องใส่นั้นได้ยกมือขึ้นมากอดอกของตัวเองด้วยท่าทางแบบเดียวกับอีกฝ่ายและพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่องไม่แพ้กันจนทำให้อัลเบิร์ตถึงกับคิ้วกระตุก ซึ่งที่คอนแนลที่เห็นแบบนั้นก็พอจะเข้าใจได้ว่านากาน่าจะเข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติอะไรสักอย่างผิดไปอย่างแน่นอน
“อุ๊บ… หึหึ… โรงเรียนของพวกเราไม่ได้มีธรรมเนียมกอดอกเชิดหน้าทักทายกันแบบนั้นนะครับนากา อัลเบิร์ตเขาก็แค่ท่ามากไปเท่านั้นเองนั่นแหล่ะครับ”
คำพูดของคอนแนลนั้นถึงกับทำให้อัลเบิร์ตคิ้วกระตุกไปอีกครั้งหนึ่งเพราะถึงแม้ว่าน้ำเสียงของคอนแนลจะฟังดูสุภาพก็ตามทีแต่ว่าเนื้อหาของคำพูดนั้นกลับไม่ได้เกรงใจเขาเลยแม้แต่น้อยซึ่งนั่นก็ทำให้อัลเบิร์ตต้องหันไปมองอัศวินหนุ่มและพูดสวนกลับไปในทันที
“หา!? นี่นายเป็นใครกันถึงกล้— อ้าว… เจ้าแว่นคอนแนลเองนี่หว่า ฉันก็นึกว่าพวกนักเรียนใหม่บ้านนอกหน้าโหลที่ไหนซะอีก”
“ว่าไงครับอัลเบิร์ต ไม่ได้เจอกันสักพักนึงตั้งแต่ที่ผมถูกย้ายไปเข้าหน่วยของคุณเวก้าเขาเลยนะครับเนี่ย เป็นยังไงบ้างครับ?”
“นายนั่นแหล่ะที่เป็นยังไงบ้าง! หายหน้าหายตาไปตั้งนานเลยนะเจ้าแว่นเอ๊ย!!”
อัลเบิร์ตพูดตอบคอนแนลกลับไปก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปล็อกคออัศวินหนุ่มเอาไว้และยกกำปั้นขึ้นไปขยี้หัวอีกฝ่ายด้วยท่าทีสนิทสนม ซึ่งถึงแม้ว่าคอนแนลจะพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนอีกฝ่ายอยู่ก็ตามแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ถือสาอะไรที่อัลเบิร์ตมาเล่นหัวเขาแบบนี้เลยแม้แต่น้อย
ส่วนทางด้านนากาที่ถูกคอนแนลแย่งคู่สนทนาไปนั้นก็ได้มองดูท่าทีสนิทสนมของเด็กหนุ่มทั้งสองคนตรงหน้าและนึกถึงคำพูดของคอนแนลที่เคยบอกเขาเอาไว้ว่าเมื่อสมัยก่อนตัวคอนแนลเองก็เคยมาฝึกซ้อมที่บ้านของเอริกะกับเพื่อนอีกคนหนึ่งขึ้นมาได้
“จะว่าไปคอนแนล… ถ้าฉันจำไม่ผิดเหมือนว่านายจะเคยบอกเอาไว้ว่ามีเพื่อนสนิทที่จัดว่าฝีมือดีอยู่ด้วยคนนึงสินะ อย่าบอกนะว่าหมายถึงอัลเบิร์ตคนนี้น่ะ?”
“อ—อ่า ใช่แล้วล่ะครับ เพื่อนที่ผมพูดถึงตอนนั้นก็คืออัลเบิร์ตเนี่ยแหล่ะครับ”
“เจ้าแว่นเอ๊ย ฉันก็นึกว่านายจะเป็นอะไรไปตั้งแต่ตอนที่คฤหาสน์ตระกูลรีวิซแตกไปแล้วซะอีก วันหน้าวันหลังถ้ายังอยู่ดีก็หัดติดต่อมาบ้างสิฟระ!”
“แหะๆ ขอโทษทีครับ พอดีว่าหลังจากนั้นมันก็มีเรื่องนู้นนี่จนผมหาเวลาไปแจ้งข่าวไม่ได้น่ะครับ”
คอนแนลพูดตอบอัลเบิร์ตที่ดูเหมือนว่าจะดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่จนลืมคนอื่นๆ ไปหมดกลับไปแล้วจึงขยับตัวเล็กน้อยจนหลุดออกมาจากแขนของอัลเบิร์ตที่กำลังล็อกคอของเขาอยู่ในพริบตา ซึ่งอัลเบิร์ตก็ได้ยื่นมือไปตบไหล่ของคอนแนลเข้าไปอีกสองสามทีก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาต่อ
“ดีใจที่นายยังมีชีวิตอยู่นะเพื่อน… ว่าแต่นายรู้จักกับเจ้าพวกบ้านนอกสามคนนี้ด้วยงั้นเรอะ เหอะ… ถ้ารู้แบบนี้ฉันน่าจะจัดหนักจัดเต็มเจ้าพวกนี้ในตอนสอบเข้าไปเลย… ว่าแต่เจ้าพวกนี้นี่ชื่อว่าอะไรกันบ้างนะ ถ้าจำไม่ผิดเจ้าหมอนี่น่าจะชื่อว่านากา ส่วนยัยเด็กผีหัวชมพูนั่นชื่อพรีมูล่า แล้วก็ยัยแมวระเบิดนี่ชื่อว่าโมโกะงั้นสินะ”
“ใครบอกว่าหนูเป็นเด็กผีกันหะ!? / นี่นายบอกว่าใครเป็นแมวระเบิดกันหะ!?”
“อุ— ก—ก็ไม่ผิดซะทีเดียวนะ—”
“พี่นากาาาาาา!! / นายว่าไงนะนากา!?”
“โอ๊ยๆ ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ เอง! หยุดตีได้แล้ว!”
สองสาวผู้ได้รับฉายาประหลาดๆ มาจากอัลเบิร์ตนั้นได้หันไปรุมตีนากาในทันทีที่เขาเผลอหลุดเสียงหัวเราะออกมา ซึ่งที่มาของฉายาของทั้งสองคนนั้นก็คงจะมาจากจุดเด่นที่อัลเบิร์ตจำได้ในช่วงที่สู้กับพวกเธอในตอนสอบเข้านั่นเอง
และในขณะที่นากากำลังโดนสาวๆ ทั้งสองคนรุมทำร้ายร่างกายกันอยู่นั้น ทางด้านคอนแนลที่ไม่มีคนคุมอยู่ก็ได้หลุดเสียงหัวเราะออกมาเต็มปากเต็มคำก่อนที่เขาจะหันกลับไปพูดกับอัลเบิร์ตต่อ
“ฮะฮะ นายจำชื่อของทั้งสามคนถูกแล้วล่ะครับอัลเบิร์ต แล้วยังไงก็ต้องขอโทษเรื่องที่ผมไม่ได้ติดต่อไปด้วยนะครับ พอดีว่าหลังจากที่เกิดเรื่องของคุณเวก้าขึ้นมาผมก็ต้องย้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณเอริกะตั้งอาทิตย์นึงน่ะครับก็เลยยุ่งจนไม่มีเวลาว่างส่งข่าวมาหานายเลย”
“หือ–!?”
อัลเบิร์ตที่กำลังมองดูนากาถูกรุมทำร้ายโดยไม่กล้าสู้กลับอยู่อย่างสุขใจนั้นได้ชะงักไปในทันทีที่ได้ยินคำพูดอะไรบางอย่างจากปากของคอนแนลก่อนที่เขาจะหันไปขมวดคิ้วมองอัศวินหนุ่มด้วยแววตาดุร้าย
“เมื่อกี้นายว่ายังไงนะคอนแนล…? เหมือนว่าฉันจะได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ไหนลองว่ามาอีกทีสิ…”
“อ๋อ~ พอดีว่าหลังจากจบเรื่องของคุณเวก้าแล้วผมก็ต้องไปอยู่ ‘บ้าน หลัง เดียว กับ คุณเอริกะ ตั้ง หนึ่งสัปดาห์’ ก็เลยไม่มีโอกาสได้ติดต่อไปหานายน่ะครับ~”
คอนแนลที่ปกติจะดูแล้วท่าทางสุภาพเรียบร้อยนั้นได้แสยะยิ้มที่มุมปากพร้อมกับพูดตอบเพื่อนของเขากลับไปด้วยแววตาแพรวพราวราว ซึ่งนั่นก็ทำให้คิ้วของอัลเบิร์ตถึงกับกระตุกกึกๆ ก่อนที่สายตาที่เขาจ้องมองคอนแนลจะดูดุร้ายขึ้นราวกับว่าเขาอยากจะคว้ามีดที่ห้อยเอาไว้ที่เอวมาเฉือดคอคอนแนลอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งสาวๆ ที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปก็ได้หยุดมือของพวกเธอที่กำลังรุมตบตีนากาอยู่กันก่อนจะหันกลับมามองสองหนุ่มอย่างหวาดๆ ในทันที
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเนี่ย?”
“ฮะแฮ่ม… ไม่มีอะไรนี่”
“หึหึหึ…”
ในขณะที่ทางด้านอัลเบิร์ตได้รีบปรับสีหน้าและน้ำเสียงของตนให้กลับเป็นปกติแล้วพูดบอกปัดโมโกะไปนั้น ทางด้านคอนแนลกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจราวกับว่าเขาได้รับชัยชนะในเรื่องอะไรบางอย่างจนทำให้พรีมูล่าถึงกับแอบเบียดเข้าหาที่ชายของเธออย่างหวาดๆ
“เห็นพี่คอนแนลหัวเราะอย่างนั้นแล้วน่าขนลุกอ่ะพี่นากา!”
“แหม่ ไม่มีอะไรสักหน่อยนี่ครับพรีมูล่า ผมก็แค่คุยกับอัลเบิร์ตเขาตามปกติเองนะครับ”
“ไอ้ขาตั้งแว่นเดินได้เอ๊ย!!”
“คร๊าบๆ ถ้ายังไงเดี๋ยวเอาไว้ผมค่อยไปเล่าให้ฟังวันหลังละกันนะครับอัลเบิร์ต”
คอนแนลที่เห็นว่าสาวๆ ทั้งสองคนได้เริ่มที่จะหันกลับมาสนใจพวกเขาแล้วได้รีบบอกปัดไปก่อนที่เขาจะหันไปมองรอบๆ และพบว่าเหล่าเด็กนักเรียนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ทั้งหลายได้เริ่มที่จะมายืนกระจัดกระจายกันไปทั่วสนามหญ้ากันแล้ว และในขณะเดียวกันนั้นนากาก็ได้พูดถามคอนแนลขึ้นมาพอดี
“แล้วนี่เดี๋ยวพวกเราจะต้องไปที่ไหนกันต่อล่ะคอนแนล ฉันเห็นคนเดินเข้าไปในอาคารเรียนกันสองสามคนแล้วนะ พวกเราต้องตามเข้าไปด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องตามเข้าไปหรอกครับเพราะพวกที่เข้าไปในอาคารเรียนก่อนน่าจะเป็นสมาชิกของสภานักเรียนน่ะครับ ส่วนนักเรียนธรรมดาๆ อย่างพวกเราจะต้องเข้าร่วมพิธีเปิดภาคเรียนใหม่กันก่อน รออีกสักพักนึงพวกอาจารย์ก็น่าจะออกมาช่วยจัดการกันเองแล้วล่ะมั้งครับ”
“สภานักเรียน… หมายถึงพวกไดเอน่าน่ะหรอ?”
“ก็นั่นล่ะ แต่เอาจริงๆ สมาชิกสภานักเรียนที่น่าพูดถึงก็มีแค่ไดเอน่ากับยัยผมม่วงแล้วก็ยัยแว่นผมดำนั่นล่ะส่วนพวกคนอื่นๆ ถึงจะพอมีฝีมืออยู่บ้างแต่ก็ไม่เห็นจะมีใครน่าสนใจสักคน… พูดถึงก็โผล่มาพอดีเลยนั่นไง”
อัลเบิร์ตที่ยังคงส่งสายตาดุร้ายไปให้คอนแนลนั้นได้พูดเสริมขึ้นมาก่อนที่จะเขาจะชี้นิ้วไปยังหน้าต่างบานหนึ่งที่มีเด็กนักเรียนหญิงผมสีทองทรงทวินเทลกำลังกวาดสายตามองลงมาราวกับว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่
“นั่นมัน… ไดเอน่าหรือเปล่าน่ะ”
“ผมสีทองทวินเทลก็มีอยู่แค่คนเดียวในกลุ่มสภานักเรียนนั่นแหล่ะ ท่าทางว่าจะกำลังมองหาเหยื่อรายใหม่ไปยัดเข้าสภานักเรียนอยู่อีกเหมือนเดิมล่ะมั้ง”
อัลเบิร์ตพูดตอบนากากลับไปก่อนที่เขาจะละสายตากลับมาจากอาคารเรียนและพบว่าในตอนนี้ได้มีคนคุ้นหน้าอีกคนหนึ่งหรือก็คือซิลเวสโผล่มาร่วมวงด้วยอีกคนหนึ่งแล้ว ซึ่งอัลเบิร์ตนั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะปล่อยให้ซิลเวสยืนพูดคุยกับสาวๆ ทั้งสี่คนไปโดยไม่คิดจะเข้าไปพูดทักทายแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับคอนแนลแทน
“หึ… แต่ว่าพอได้เห็นนักเรียนใหม่เยอะขนาดนี้นี่ทำเอาฉันชักจะอยากรู้ซะแล้วสิว่าพวกอาจารย์กับสภานักเรียนกำลังวางแผนทำอะไรกันอยู่แน่น่ะ”
“นั่นสินะครับ… ที่ผ่านมาทางโรงเรียนไม่เคยเปิดรับนักเรียนใหม่เยอะขนาดนี้เลยนี่นะครับ…”
“อ้าว? ปกติไม่ได้มีนักเรียนใหม่เยอะกันขนาดนี้หรอกหรอ?”
“อ่ะ— ทุกคนมาจับกลุ่มกันอยู่ตรงนี้นี่เอง”
คำถามของนากานั้นได้ถูกละความสนใจไปอย่างรวดเร็วเมื่อมีเสียงของหญิงสาวอีกรายหนึ่งดังขึ้นมาจากทางฝั่งอาคารเรียน ซึ่งเมื่อทุกคนหันมองพวกเขาก็ได้พบกับเอริซาเบธที่กำลังกระโดดหย็องแหย็งโบกมืออยู่ตรงริมสนามหญ้าเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าเธอต้องการให้พวกเขาเดินไปทางนั้น
“ให้ตายสิ กว่าจะมาได้นะยัยจิ้งจอกนั่น พวกนายตามมานี่… เฮ้ย! ใครคนไหนที่มีอาจารย์เอริซาเบธเป็นครูประจำชั้นมารวมกันตรงนี้!!”
อัลเบิร์ตหันไปกวักมือเรียกกลุ่มของนากาให้เดินตามเขาไป ก่อนที่เขาจะออกเดินไปทางเอริซาเบธและตะโกนขึ้นมาเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจของเหล่าเด็กนักเรียนที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งนักเรียนเหล่านั้นก็ได้หยิบเอาแผ่นเอกสารขึ้นมาตรวจดูชื่ออาจารย์ประจำชั้นของตัวเองก่อนที่จะมีนักเรียนบางส่วนเดินตรงเข้าไปตั้งแถวอยู่ใกล้ๆ กับอัลเบิร์ต
“ถ้างั้นพวกเราเองก็ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการพรีมูล่ากับซิลเวสให้เอง”
“อ–อ่า เข้าใจแล้ว โมโกะ! พวกเราไปกันเถอะ”
นากาพยักหน้าตอบคอนแนลกลับไป ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปจูงมือโมโกะที่ดูเหมือนว่าจะตื่นตกใจกับเหล่าเด็กนักเรียนจำนวนมากที่เริ่มเดินไปตั้งแถวกันตรงสนามหญ้าจนเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมาให้เดินตามคนอื่นๆ ไปบ้างเช่นเดียวกัน