Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 33 : Anathema
ถึงแม้ว่าพวกนากาจะจบเรื่องของเวก้ากับคาร์เทียร์มาได้แล้ว แต่ว่าทั้งเขา พรีมูล่า และ โมโกะก็ยังไม่มีโอกาสจะได้พักผ่อนกันอย่างสงบสุขอยู่ดี เพราะว่าพวกเขานั้นยังจำเป็นที่จะต้องฝึกฝีมือเพื่อเตรียมตัวในการสอบเข้าโรงเรียนรีมินัสที่กำลังใกล้เข้ามา
และไหนจะยังมีเรื่องที่ว่าคาร์เทียร์ได้ยกคฤหาสน์ของเวก้าทั้งหลังที่ควรจะเป็นของเด็กทารกตัวน้อยที่เธอเป็นผู้ดูแลมาให้กับเอริกะอีก ซึ่งมันก็หมายความว่าทรัพย์สินและทุกสิ่งทุกอย่างในคฤหาสน์นั้นได้ตกอยู่ในการดูแลของเอริกะไปในทันที
ไม่ว่าจะเป็นตัวคฤหาสน์ที่แหว่งเป็นไปแถบและเต็มไปด้วยรอยไหม้ สวนที่ถูกสายฟ้าขนาดยักษ์เป่ากระจุย หน้าต่างของคฤหาสน์แทบทุกบานที่แตกกระจายจากการต่อสู้ รวมไปถึงร่างของอัศวินและสาวใช้จำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้เต็มคฤหาสน์นั่นอีก
ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริกะไม่มีเวลาที่จะมาช่วยคุมการฝึกของพวกนากาและต้องพาเดรคที่เป็นคนเดียวที่ยังว่างอยู่ไปช่วยกันจัดการขนย้ายร่างของอัศวินกับสาวใช้ออกมาจากคฤหาสน์ และพาร่างพวกนั้นกลับคืนสู่ครอบครัวของพวกเขา
แต่กว่าเธอจะจัดการติดต่อญาติพี่น้องของเหล่าอัศวินและสาวใช้เท่าที่เธอจะสามารถทำได้จนครบ เวลาก็ผ่านไปนานจนแทบจะเป็นรุ่งเช้าของอีกวันหนึ่งอยู่แล้ว
เมื่อเห็นแบบนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจที่จะอยู่โต้รุ่งอีกครั้งหนึ่ง ทำให้รุ่งเช้าวันถัดมานั้นทุกคนในบ้านแทบจะสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นเอริกะที่มีสภาพแทบไม่ต่างจากหมีแพนด้าเปิดประตูออกมาจากห้องออฟฟิศของเธอ
ซึ่งแพนด้าเอริกะนั้นได้นัดกับนากาว่าเธอจะพาพวกเขาไปยื่นใบสมัครเรียนกันในวันรุ่งขึ้นเลย แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ตกลงกับนากาเสร็จก็ได้มีคนจากวังหลวงมากดกริ่งที่ประตูหน้าบ้านเพื่อสอบถามถึงสิ่งของที่เธอนำกลับมาซ่อมซะก่อน
“ใครสนล่ะ! ถ้าจู้จี้นักฉันจะเอาของทั้งหมดนั่นมาทุบทิ้งให้มันกลายเป็นเป็นเศษเหล็กไปให้หมดเลยดีมั้ยล่ะ!!”
ทันทีที่คนจากวังหลวงเอ่ยปากพูด เอริกะก็ตะโกนใส่หน้าเขากลับไปจนทำให้อีกฝ่ายแทบจะหดคอหนีและเอ่ยปากขอตัวกลับไปในทันที ส่วนนากาและโมโกะที่คิดจะถามเรื่องเดียวกันนั้นก็ปิดปากเงียบไปด้วยเช่นกัน
แต่ว่าคอนแนลที่รู้นิสัยของทางวังหลวงดีนั้นก็คิดว่าทางวังคงจะไม่มีทางปล่อยเรื่องอุปกรณ์ของเอริกะไปเฉยๆ แบบนี้แน่ๆ จึงได้เสนอตัวที่จะพาพวกนากาไปยื่นใบสมัครที่โรงเรียนแทนเพื่อให้เอริกะได้มีเวลาซ่อมอุปกรณ์ของเธอมากขึ้น
“ฉันไม่อยากทำงานแล้ววว! จะพักพรุ่งนี้อ่ะ!!”
ทันทีที่เอริกะได้ยินข้อเสนอของคอนแนลเข้า เธอก็ลงไปดิ้นกับพื้นราวกับเป็นเด็กน้อยเอาแต่ใจ ทำให้คอนแนลที่ไม่รู้จะรับมือยังไงได้แต่ยอมตกลงให้เธอโดดงานในวันพรุ่งนี้ได้แต่โดยดี
และเมื่อเอริกะได้รับอนุญาตเรียบร้อยแล้ว เธอจึงได้ยอมหยุดงอแงและเดินกลับเข้าห้องออฟฟิศไปซ่อมอุปกรณ์เหล่านั้นอีกครั้งอย่างว่าง่าย
และหลังจากที่เอริกะปิดประตูห้องออฟฟิศของเธอไปได้ไม่นาน อารอนที่บอกเอาไว้แล้วว่าจะมาเฝ้าดูพวกนากาฝึกซ้อมและตรวจร่างกายให้กับพวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงในตอนที่พวกเขาเพิ่งจะเริ่มการฝึกกันพอดี
โดยการฝึกของพวกเขานั้นได้แบ่งออกเป็นสองคู่ คู่แรกเป็นของนากากับคอนแนลที่กำลังใช้ดาบและโล่ไม้ฟาดฟันกันอยู่ และอีกคู่เป็นของพรีมูล่ากับโมโกะที่กำลังกระโดดหลบกระสุนของอีกฝ่ายกันอยู่
และเมื่ออารอนที่เพิ่งจะมาถึงเห็นว่าพวกนากาได้เริ่มการฝึกซ้อมกันไปแล้ว เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะนั่งลงบนโซฟาของห้องนั่งเล่นและเฝ้าดูพวกเขาฝึกกันอย่างเงียบๆ ผ่านประตูกระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นฝั่งสวนหลังบ้าน
แต่ว่าเมื่อมองดูไปได้สักพักเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอามือมาเท้าคางด้วยสีหน้าครุ่นคิดจนทำให้อลิซที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กันถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าอารอน…? นายทำท่าแบบนั้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ…”
“ฉันว่าพวกเราเจอปัญหาเข้าซะแล้วสิ…”
“หือ? ปัญหาอะไรล่ะ…? ฉันว่านากาเขาก็ดูใช้ดาบได้คล่องดีนี่”
“ตัวนากาน่ะไม่มีปัญหาหรอก… แต่เธอลองดูคนอื่นก่อนสิ…”
อลิซที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ละสายตาไปจากนากาและหันไปมองทางพรีมูล่ากับโมโกะดูบ้าง ทำให้เธอพบว่าพรีมูล่านั้นเหมือนจะยิงปืนของตนจนกระสุนหมดไปแล้ว จึงได้หยิบเอาดาบน้ำแข็งออกมาวิ่งไล่กวดโมโกะที่กำลังร้องโวยวายและพยายามวิ่งหนีถอยห่างจนไม่มีโอกาสได้ยิงปืนในมืออีกแม้แต่นัดเดียว
“อ๋อ…ยัยโมโกะนั่นสินะ”
“อื้ม… ถ้าเป็นการสอบภาคสนามของที่นี่ล่ะก็แค่ยิงปืนแม่นหรือว่าหลบกระสุนได้มันไม่น่าจะพอหรอก… ส่วนพรีมูล่าคงไม่ต้องเป็นห่วงเท่าไหร่… แค่เสกน้ำแข็งให้ดูพวกคนคุมสอบก็คงแทบจะปูพรมนำทางไปหอพักแล้วล่ะ…”
“ถ้าแบบนั้นนากาไม่น่าจะมีปัญหามากกว่าหรอ? ตานั่นใช้เป็นแค่ดาบไม่ใช่หรือไง? ตอนสู้กับเวก้าที่บินไปมานั่นก็เห็นโยนดาบเล่นเป็นละครลิงเลยนี่”
“ถึงนากาจะโจมตีระยะไกลไม่ได้… แต่ว่าเขาก็เก่งพอที่จะปัดกระสุนวิซทิ้งได้เลยใช่มั้ยล่ะ… แล้วเธอลองดูสิ เขาสู้ได้สูสีกับคอนแนลที่เป็นอัศวินเลยนะ เด็กธรรมดาๆ ทั่วไปทำแบบนั้นได้ซะที่ไหนล่ะ…”
อารอนพูดขึ้นมาพลางชี้นิ้วไปทางนากาที่กำลังเข้าปะทะกับคอนแนลอย่างดุเดือดแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าฝั่งไหนจะพลาดท่าเลยแม้แต่น้อย ในระหว่างที่คู่ของพรีมูล่ากับโมโกะนั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของพรีมูล่าตามที่พวกเขาคาดไว้
“หึ… ถ้าเทียบกันแล้วยัยแมวขโมยนั่นไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยนี่ โดนเข้าประชิดได้ก็หมดทางสู้แล้ว ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นอายุเท่ากันหรือไงน่ะ?”
ซึ่งอลิซที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะเยาะออกมาเล็กน้อย ทำให้อารอนที่ได้ยินแบบนั้นถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูกระจกเพื่อที่จะออกไปหาพวกนากาด้านนอก
“เอาล่ะ ทุกคนหยุดแล้วมาฟังทางนี้หน่อย”
“หื้ม? / ครับ? / ค๊า~? / ห—หา–ว่าไง?”
ทันทีที่ทั้งสี่คนได้ยินเสียงของอารอนพวกเขาก็รีบหยุดมือในทันทีและเดินเข้าไปยืนรวมกลุ่มกันตรงหน้าอารอนที่มีท่าทางเหมือนกับว่าจะพูดอะไรบางอย่างกับพวกเขา
“นากานายเปลี่ยนไปฝึกกับโมโกะแทนดีกว่า… ส่วนพรีมูล่า เธอไม่จำเป็นต้องฝึกหรอก… แค่วิซธาตุน้ำแข็งของเธอก็พอให้ผ่านได้สบายๆ อยู่แล้ว…”
“เอ๋ะ? เย้~~”
“จะให้เปลี่ยนคู่ฝึกหรอ? ฉันยังไงก็ได้นะ แต่ว่าเธอยังไหวหรือเปล่าน่ะโมโกะ?”
นากาที่ยังมีท่าทีสบายๆ พูดขึ้นมาพลางหันไปถามโมโกะที่กำลังหอบเบาๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากที่เธอเพิ่งจะวิ่งไล่จับกับพรีมูล่าเสร็จ
“ก… ก็พอได้อยู่…”
“แน่ใจนะ? ถ้างั้นพวกเราไปฝึกกันตรงนู้นเถอะ”
“อ…อ่า”
โมโกะที่ยังคงหอบอยู่เล็กน้อยตอบนากากลับไป ก่อนที่เธอจะเดินตามนากาไปยังกลางสวนหลังบ้านซึ่งเป็นบริเวณที่นากาจับคู่ฝึกซ้อมกับคอนแนลก่อนหน้านี้ไป
“แล้วผมล่ะครับคุณอารอน?”
ทันใดนั้นเอง คอนแนลก็ได้เอ่ยปากถามอารอนขึ้นมาอย่างสงสัยหลังจากที่เขาถูกโมโกะแย่งคู่ฝึกไปแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ว่ายังไม่ทันที่อารอนจะตอบอะไรกลับมา พรีมูล่าที่กำลังดีใจอยู่นั้นก็เขย่าแขนของอารอนพร้อมกับพูดขึ้นมาซะก่อน
“นี่ๆ แบบนี้หมายความว่าหนูพักได้แล้วหรือเปล่าอ่ะ~? หนูขอออกไปเดินเล่นข้างนอกได้มั้ยอ่ะ!”
“อื้ม… คอนแนล… ถ้างั้นฉันฝากนายพาพรีมูล่าออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยสิ… เอริกะเขาแจ้งทางวังเอาไว้แล้วว่าเวก้าส่งนายมาช่วยงานตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นนายก็เลยโชคดีรอดชีวิตมาได้… เพราะงั้นจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกสักหน่อยก็คงไม่มีปัญหาล่ะ… แต่ว่าเรื่องคำสั่งย้ายหน่วยของนายคงยังต้องรออีกสักพักล่ะมั้ง…”
เมื่ออารอนได้ยินว่าพรีมูล่าอยากออกไปเดินเล่นแบบนั้นเขาก็หันไปบอกคอนแนลที่ยังคงว่างงานอยู่ให้ช่วยดูแลพรีมูล่าให้ที พร้อมกับหยิบแผ่นธนบัตรจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและส่งให้กับพรีมูล่าไป
“ถ้าคุณเอริกะทำเรื่องให้แล้วงั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอกครับ แล้วนี่พรีมูล่ามีที่ไหนอยากไปหรือว่าสนใจอะไรในเมืองเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?”
“ขนม!!”
“ถ้าเป็นขนม… งั้นพวกเราลองไปที่ย่านการค้าฝั่งตะวันออกกันมั้ยล่ะครับ? ถึงจะอยู่ในเขตเมืองชั้นนอกก็เถอะ แต่ผมได้ยินมาว่ามีคนจากเขตตัวเมืองชั้นในไปเดินเล่นแถวนั้นกันค่อนข้างเยอะอยู่ น่าจะพอมีขนมอะไรน่าสนใจอยู่บ้างล่ะครับ”
“อื้มๆ!!”
ทันทีที่พรีมูล่าได้ยินคำว่าขนมน่าสนใจเธอก็รีบพยักหน้าหงึกๆ ตอบคอนแนลกลับไป ก่อนที่เธอจะลากแขนของเขาออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
โดยคอนแนลนั้นต้องใช้เวลาสักพักในการกล่อมพรีมูล่าที่กำลังตื่นเต้นให้หยุดลากแขนของเขาได้สำเร็จ และหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้เดินชมคฤหาสน์ระหว่างทางไปพลางๆ จนทั้งคู่ได้ผ่านประตูกั้นเขตตัวเมืองชั้นในทางฝั่งทิศตะวันออกไป
ซึ่งสภาพของตัวเมืองชั้นนอกทางฝั่งตะวันออกนี้ก็ไม่ต่างจากตัวเมืองเขตตะวันตกที่เต็มไปด้วยตึกแถวสลับกับตรอกซอกซอยเล็กๆ มากสักเท่าไหร่นัก
มีเพียงประเภทของร้านค้าเท่านั้นที่ดูแตกต่างกันที่สุด โดยร้านค้าส่วนมากในตัวเมืองฝั่งตะวันออกนี้จะเป็นร้านขายของกินหรือไม่ก็เป็นคาเฟ่ขายขนมเล็กๆ มากกว่าร้านขายอุปกรณ์หลากหลายชนิดแบบทางตัวเมืองฝั่งตะวันตกที่พรีมูล่าได้เห็นตอนนั่งรถผ่านมา
“โหว~ ก็ว่าตอนเข้าเมืองมาหนูไม่เห็นร้านขายขนมเลย ที่แท้มาหมกกันอยู่ที่นี่เองอ่ะ!”
“อ๋อ พรีมูล่าเข้าเมืองมาจากทางตะวันตกใช่มั้ยล่ะครับ? แถวนั้นส่วนมากจะเป็นร้านขายอุปกรณ์กันซะมากกว่า ถึงจะมีร้านขนมอยู่บ้างแต่ว่าก็ไม่ดังเท่าตัวเมืองฝั่งนี้หรอกครับ”
คอนแนลที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดอธิบายให้เธอฟัง ก่อนที่เขาจะดึงตัวพรีมูล่าให้หลบรถม้าที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้และพาเธอเดินไปบนทางเท้าที่ถูกปูไว้ด้วยหินตัดที่เรียบเสมอกันตลอดทาง
ซึ่งบนทางเท้านั้นก็มีเสาที่ทำจากเหล็กถูกปักเอาไว้เป็นระยะๆ โดยที่ด้านบนสุดของมันนั้นมีก็โคมไฟที่บรรจุก้อนคริสตัลสีแดงอยู่ด้านในติดเอาไว้อยู่
“จะว่าไปเสาพวกนี้มันคือเสาไฟใช่มั้ยอ่ะพี่คอนแนล? ตั้งอยู่ซะทั่วเมืองแบบนี้คนที่ทำหน้าที่จุดไฟเขาจะไม่เหนื่อยแย่หรอ?”
“ใช่แล้วล่ะครับ แต่ว่าเสาพวกนี้ไม่ต้องใช้คนมาคอยเดินจุดทีละต้นหรอกครับ ที่ด้านในเสาพวกนี้มันจะมีสายพลังงานเชื่อมต่อไปถึงที่พักของพนักงานน่ะครับ พอถึงเวลาพวกเขาก็แค่ส่งพลังไปตามสายแล้วไฟพวกนี้ก็จะติดเองแล้วล่ะครับ”
“เห~ ไม่ต้องมาคอยเดินจุดไฟไปทีละเสาแบบที่หมู่บ้านหนูหรอ? ท่าทางสะดวกดีจังแฮะ~”
พรีมูล่าพูดตอบกลับมาพลางพยายามมองหาสายพลังงานที่คอนแนลพูดถึง แต่ว่าไม่นานเธอก็ละความสนใจไปจากมันเมื่อหาสายพลังงานที่ว่านั่นไม่พบสักที
ก่อนที่ทั้งสองนั้นจะพากันเดินตรงไปยังบริเวณสวนน้ำพุที่บริเวณใจกลางย่านการค้าซึ่งถูกสร้างเอาไว้เป็นวงเวียนขนาดเล็กๆ
“เป็นไงบ้างครับพรีมูล่า? ตรงน้ำพุนี่เป็นส่วนที่มีร้านขายขนมดังๆ เยอะที่สุดแล้วล่ะครับ ถ้าสนใจร้านไหนก็บอกได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมพาไปเอง”
“อื้ม~ มีแต่ขนมที่หาในหมู่บ้านไม่ได้ทั้งนั้นเลยอ่ะ~ เค้กนั่นก็น่าสน ช็อกโกแลตนั่นก็น่ากิน… หนูเลือกไม่ถูกเลย… อ๊ะ?”
อยู่ดีๆ พรีมูล่าที่ถูกขนมจำนวนมากยั่วยวนจนเลือกไม่ถูกนั้นได้ส่งเสียงอย่างแปลกใจออกมาเบาๆ จนทำให้คอนแนลที่กำลังมองดูรอบๆ อยู่นั้นหันมาถามเธอด้วยความสงสัยในทันที
“หืม? มีอะไรหรือเปล่าครับพรีมูล่า?”
“เด็กคนนั้นเขาแต่งตัวน่ารักจังเลยอ่ะพี่คอนแนล~”
“เด็กคนนั้นหรอครับ?”
เมื่อคอนแนลหันไปมองดูตามพรีมูล่า เขาก็พบกับเด็กผู้หญิงหูแมวตาสองสีที่มีเส้นผมสีดำยาวคนหนึ่ง
ซึ่งชุดของเธอที่พรีมูล่าเอ่ยปากชมนั้นคือชุดเดรสสีชมพูสลับขาวที่ประดับด้วยลูกไม้ โดยบนศีรษะของเธอนั้นก็มีผ้าโปร่งสีขาวประดับลูกไม้ที่ติดกับแถบคาดผมสีทองคลุมปิดเส้นผมของเธอเอาไว้อยู่โดยไว้ที่เอาไว้เล็กน้อยให้หูแมวยาวๆ ของเธอยื่นออกมาด้านนอก
“ผ้าคลุมหัวแบบนั้น… น่าจะเป็นคนของทางโบสถ์นะครับ แต่ว่าปกติแล้วพวกเขาไม่ได้ใส่ชุดแบบนั้นนี่นา…”
“โบสถ์? พี่คอนแนลหมายถึงอะไรอ่ะ?”
“เอ๊ะ โบสถ์ก็สถานที่รวมตัวของผู้ที่นับถือเทวทูตชายไงครับ พวกเขาคอยเผยแพร่คำสอนแล้วก็คอยรับฟังปัญหาต่างๆ ของชาวเมืองน่ะครับ ที่หมู่บ้านโมริโกะไม่มีโบสถ์หรอครับ?”
“ไม่อ่ะ หนูเพิ่งจะเคยได้ยินจากพี่คอนแนลเป็นครั้งแรกเนี่ยแหล่ะ แล้วเรื่องเทวทูตชายนั่นก็เพิ่งเคยได้ยินจากพี่เอริกะเขาเมื่อวันก่อนเองด้วย”
พรีมูล่าที่ได้ยินคำอธิบายคร่าวๆ ของคอนแนลก็ส่ายหน้ากลับไปเป็นคำตอบ ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองเด็กสาวหูแมวคนนั้นที่กำลังยืนเหลือบมองซ้ายขวาไปตามฝูงคนราวกับว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่
“แล้วแบบนี้ที่หมู่บ้านโมริโกะเขานับถืออะไรกันล่ะครับ? หนึ่งในหกเทพพิทักษ์หรือเปล่า? มีคนเคยเล่าให้ผมฟังว่ามีบางหมู่บ้านที่นับถือพวกท่านอยู่เหมือนกันนะครับ”
“ที่หมู่บ้านก็ไม่เห็นจะนับถืออะไรเป็นพิเศษเลยนะ มีแค่โมโกะจังล่ะมั้งที่นับถือของเก่าที่เธอไปเก็บมาเรื่อยๆ น่ะ เห็นหวงสุดๆ แบบใครว่าหน่อยเป็นไม่ได้เลยล่ะ อ๊ะ… เด็กคนนั้นหันมาทางนี้แล้วอ้ะ”
“เอ๊ะ—”
ทันทีที่คอนแนลได้ยินพรีมูล่าพูดขึ้นมาแบบนั้นเขาก็หันไปมองเด็กสาวคนนั้นอีกครั้ง ซึ่งเขาก็พบว่าเด็กสาวที่เหมือนจะเป็นคนจากโบสถ์นั้นกำลังใช้นัยน์ตาสองสีที่ข้างหนึ่งเป็นสีแดงและอีกข้างที่เป็นสีเหลืองของเธอจับจ้องมาทางพวกเขาอยู่
และทันทีที่คอนแนลเผลอสบตากับเด็กสาวตรงหน้าเข้า เธอก็รีบวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“อะ— เหมือนจะวิ่งมาทางนี้แล้วอ่ะ”
ซึ่งเมื่อเด็กสาวในชุดเดรสสีชมพูสลับขาวเดินเข้ามาถึง เธอก็เผยรอยยิ้มสดใสและเอ่ยถามพวกเขาออกมาในทันที
“พี่ชายพี่สาว พวกพี่พอจะมีเวลาว่างหรือเปล่าคะ?”
“จ—จะว่ามีมันก็มีแหล่ะครับ? ไม่ทราบว่าคุณหนูมีอะไรให้พวกผมช่วยหรือเปล่าครับ?”
“พวกพี่สนใจจะฟังเรื่องราวของท่านเทพผู้กอบกู้โลกใบนี้หรือเปล่าคะ? ทางโบสถ์ของหนูกำลังเปิดรับผู้ศรัทธาอยู่เลยค่ะ!”
“อื๋ย~”
เมื่อพรีมูล่าได้ยินว่าเด็กสาวตรงหน้าจะเล่าเรื่องที่เหมือนว่าจะยาวยืดออกมาเธอก็ทำหน้าแหย่ะๆ และรีบหลบไปด้านหลังคอนแนลในทันที ซึ่งคอนแนลก็กะพริบตามองดูพรีมูล่าเล็กน้อยและตัดสินใจที่จะพูดปฏิเสธออกมาแทนให้เธอ
“อ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าหากเป็นตำนานของท่านเทวทูตล่ะก็พวกผมเคยได้ยินกันมาแล้วล่ะ”
“เรื่องเทวทูตนั่นจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะค่ะ! ที่หนูพูดถึงคือเรื่องของท่านเทพเจ้าผู้สร้างโลกที่ถูกเข้าใจผิดต่างหากล่ะคะ!!”
“เทพเจ้าผู้สร้างโลกหรอ? / —!?”
“ใช่แล้วค่ะ! พวกพี่พอจะสนใจหรือเปล่าคะ?”
ในขณะที่พรีมูล่านั้นได้เอียงคอสงสัยในสิ่งที่เด็กสาวพูดขึ้นมา ทางด้านคอนแนลนั้นกลับเบิ่งตามองเด็กสาวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนที่เขาจะหันกลับไปกระซิบกับพรีมูล่าเบาๆ ด้วยท่าทีจริงจังในทันที
“เดี๋ยวผมจัดการเอง…พรีมูล่าห้ามพูดอะไรออกมาเด็ดขาดเลยนะครับ…”
“เอ๊ะ? อื้อ?”
ซึ่งถึงแม้ว่าพรีมูล่าจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่เมื่อเธอเห็นท่าทางจริงจังและระมัดระวังเต็มที่ของคอนแนลแบบนั้นก็ทำให้เธอไม่กล้าที่จะดื้อมากสักเท่าไหร่จึงได้พยักหน้าตอบกลับไปเงียบๆ
“ถึงพวกผมจะไม่ใช่สาวกหรือคนที่นับถือเทวทูตชายเป็นพิเศษแต่ว่าพวกผมก็ไม่สนใจจะเข้าลัทธิอะไรแบบนั้นหรอกนะครับคุณหนู”
“หา!? หนูไม่ได้มาจากลัทธิคลั่งเทพเจ้าพวกนั้นสักหน่อยค่ะ!!”
“เอ๊ะ— ไม่ใช่งั้นหรอครับ?”
คำตอบของเด็กสาวนั้นทำให้คอนแนลชะงักไปเล็กน้อย และในจังหวะเดียวกันนั้นเองเด็กสาวตรงหน้าก็ได้กระดิกหูแมวของเธอไปมาและยื่นหน้าเข้ามามองคอนแนลใกล้ๆ
“อื้มมม~ ดูจากท่าทางเตรียมพร้อมตลอดเวลาของพี่ แล้วก็กลิ่นเหงื่อที่ผสมกับสนิมเหล็กอ่อนๆ เหมือนกับใส่ชุดเกราะมานานแบบนี้ พี่ชายก็คงจะเป็นทหารประจำเมืองหรือไม่ก็พวกอัศวินใช่มั้ยล่ะคะ”
“อ่ะ— เขาเดาถูกด้วยอ่ะพี่คอนแนล”
เมื่อพรีมูล่าได้ยินสิ่งที่เด็กสาวตรงหน้าพูดขึ้นมาเธอก็ร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจ ในขณะที่ทางด้านคอนแนลนั้นกลับเดินถอยหลังไปเล็กน้อยและพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่จริงจังมากกว่าเดิม
“เธอ…เป็นใครกันแน่ครับเนี่ย”
ซึ่งเด็กสาวตรงหน้าที่เห็นว่าคอนแนลมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาก็ก้าวเท้าถอยกลับไปเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนที่เธอจะจับชายกระโปรงของตนยกขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับถอนสายบัวและก้มหัวให้กับทั้งสองคน
“หนูชื่อว่า ทีเอร่า โดมินิค ว่าที่นักโบราณคดีและผู้ตามหาความจริงเบื้องหลังตำนานที่ถูกเล่าขานกันมาอย่างยาวนานค่ะ”
“โดมินิค… นามสกุลไม่คุ้นเลยนะครับ ตระกูลของคุณหนูคงจะไม่ใช่ขุนนางของเมืองนี้สินะครับ?”
“ก็อะไรประมาณนั้นนั่นแหล่ะค่ะ ว่าแต่พี่ชายกับพี่สาวเชื่อในเรื่องตำนานนั่นหรือเปล่าล่ะคะ? ที่ว่าเทวทูตหญิงยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อสร้างคริสตัลวิซขึ้นมาใหม่ แล้วก็เรื่องที่ว่าเทวทูตชายลุกขึ้นมานำเหล่าผู้กล้าต่อสู้เพื่อปกป้องมวลมนุษยชาตินั่นน่ะค่ะ”
แต่แล้วทีเอร่านั้นได้ใช้จังหวะที่คอนแนลกำลังครุ่นคิดเรื่องนามสกุลของเธอในการเอ่ยถามและดึงบทสนทนากลับเข้าเรื่องตำนานที่ว่านั่นต่อในทันที
“พวกพี่ไม่คิดว่ามันน่าสงสัยบ้างหรอคะ? ทั้งๆ ที่เรื่องมันใหญ่ขนาดทำให้ฝั่งตะวันตกของทวีปถูกทำลายไปแบบนั้น แต่ว่าที่ผ่านมากลับไม่เคยมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับสงครามครั้งใหญ่นั่นถูกพูดถึงเลยแม้แต่นิดเดียวน่ะ!”
“เอ่อ…แต่ว่าเขาก็เล่าเรื่องตำนานนั่นมากันตั้งหลายสิบปีแล้วนะครับ…”
“เล่ากันมาหลายสิบปีทั้งๆ ที่สงครามในตำนานนั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเกือบพันปีก่อนน่ะหรอคะ? ตามที่หนูได้ศึกษามาทำให้รู้ว่าตำนานของเทวทูตชายเพิ่งจะถูกเผยแพร่ออกมาจากโบสถ์เมื่อราวๆ หนึ่งร้อยปีก่อนหน้านี้เองนะคะ แล้วที่ผ่านมาเก้าร้อยกว่าปีนั่นทำไมถึงไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องนั้นเลยแม้แต่คนเดียวล่ะคะ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นคอนแนลก็ชะงักไปเล็กน้อย ทำให้ทีเอร่าที่สังเกตท่าทีของเขาอยู่รีบพูดขึ้นมาต่อในทันที
“ว่าไงล่ะ พี่ชายเองก็เริ่มจะสงสัยเหมือนกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ~”
“—!? ป—เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย!”
ถึงแม้ว่าคอนแนลจะพยายามตอบปฏิเสธไปแล้ว แต่ว่าทีเอร่าก็กลับเผยรอยยิ้มสดใสขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับพยายามเกลี้ยกล่อมคอนแนลต่อไป
“หน่าๆ หนูเข้าใจๆ พี่ชายถูกทางโบสถ์เป่าหูเรื่องตำนานนั่นมาตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้ พอรู้สึกสะกิดใจขึ้นมามันก็ยากที่จะยอมรับใช่มั้ยล่ะคะ?”
“อ—เอ่อ— ถ้าเป็นไปได้พวกผมขอตั—”
“ไม่ต้องอายไปหรอกค่ะ! ถ้ายังไงมาลองฟังตำนานของทางฝั่งเทพเจ้าที่หนูรวบรวมมาดูบ้างมั้ยล่ะคะ!?”
“เค้ก…”
แต่แล้วในขณะที่คอนแนลกำลังถูกเด็กสาวไล่ต้อนจนแทบจะตอบกลับไม่ถูกอยู่นั่นเองเขาก็ได้ยินเสียงของพรีมูล่าพูดพึมพำขึ้นมา และเมื่อเขาหันไปมองดูก็พบว่าพรีมูล่านั้นกำลังเหม่อมองดูเค้กก้อนหนึ่งที่เพิ่งจะถูกนำมาตั้งโชว์ที่หน้าร้านขายขนมใกล้ๆ อยู่
ซึ่งคอนแนลก็ใช้โอกาสนี้เป็นข้ออ้างในการปลีกตัวจากเด็กสาวเบื้องหน้าในทันที
“อ่ะ– สรุปว่าพรีมูล่าอยากกินเค้กสินะครับ!! ถึงจะน่าเสียดายแต่ว่าพวกผมคงต้องขอตัวก่อนละกันนะครับคุณหนูทีเอร่า! เอาไว้ถ้ามีโอกาสหน้าพวกผมจะลองฟังที่เธอพูดดูก็แล้วกันนะครับ!”
“อื้อ! ถ้างั้นไว้โอกาสหน้าก็ละกันนะเนอะ~”
ทีเอร่าได้โบกมือลาทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มราวกับเธอไม่ถือสาคอนแนลที่รีบร้อนจูงมือพรีมูล่าเดินหนีไปสักเท่าไหร่ ในขณะที่พรีมูล่าซึ่งถูกคอนแนลลากออกมานั้นก็พูดถามเขาขึ้นมาด้วยความสงสัย
“อ่าว พี่คอนแนลไม่อยู่ฟังน้องเขาแล้วหรอ?”
“อย่าดีกว่าครับ ถึงเธอจะมีนามสกุลก็เถอะแต่ว่าผมไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลโดมินิคของเธอมาก่อนเลย แถมผมก็ยืนยันไม่ได้ด้วยว่าเด็กคนนั้นเป็นคนของลัทธิไหนหรือเปล่า ถ้าเกิดทางโบสถ์รู้ว่าพวกเราไปพัวพันกับลัทธิอะไรพวกนั้นเดี๋ยวจะแย่เอาน่ะครับ”
“ลัทธินี่มันคืออะไรอีกอ่ะพี่คอนแนล? แล้วทำไมเราถึงจะแย่ถ้าไปยุ่งกับพวกลัทธิล่ะ?”
“เอ่อ… ลัทธิมันก็ราวๆ โบสถ์เล็กๆ ที่เชื่อในคนละเรื่องกับโบสถ์ใหญ่นั่นล่ะครับ แล้วพวกเขาก็แข่งกันเองเพื่อให้มีคนมานับถือกันเยอะๆ …ถ้าพรีมูล่าเจอคนจากลัทธิอะไรพวกนี้เข้าให้รีบหนีไปให้ไกลเลยนะครับ เพราะว่าโบสถ์ของเทวทูตกำลังพยายามผลักดันให้ทุกคนในเมืองนับถือเทวทูตชายกันอยู่น่ะครับ”
คอนแนลหันไปพูดกับพรีมูล่าด้วยสีหน้าจริงจังเพราะว่าเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ แต่แล้วความจริงจังบนใบหน้าของเขาก็ต้องสลายไป เมื่อเขาเห็นว่าพรีมูล่าได้เดินไปเกาะกระจกของร้านคาเฟ่ข้างๆ ด้วยแววตาเป็นประกายไปซะแล้ว
“งั้นสรุปว่าเอาเป็นร้านนั้นละกันนะครับ…”
“อื้อ!!”