Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 206 : Field Surgery
“เฮ้อ… ให้ตายสิ~ นี่เซซิเรียไม่รู้หรือไงนะว่ากระดูกหัวไหลมันซ่อมยากแล้วก็เจ็บขนาดไหนเวลามันหักน่ะ~”
กร๊อบแกร๊บ—
ในเวลาเดียวกันกับที่นากาได้อัลเปียเข้ามาช่วยจัดการกับเหล่าทหารที่บุกไปที่บ้านพักตากอากาศของไดเอน่านั้นเอง ทางด้านนัวร์ที่อยู่ในร่างของหญิงสาวผมยุ่งสีดำที่ถูกเซซิเรียทิ้งเอาไว้ให้นอนกับพื้นของสุสานหลังจากที่การเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ เสร็จแล้วก็ได้ใช้มือของเธอจัดการขยับหัวไหล่ที่ห้อยตกอยู่ให้เข้าที่จนเกิดเสียงประหลาดๆ พร้อมกับพูดบ่นออกมาไปด้วย
แต่ถึงแม้ว่าทางด้านนัวร์จะบอกว่าตัวเองหัวไหล่หักก็ตาม แต่ทว่าเธอก็ยังมีท่าทีสบายๆ และพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงระรื่นเหมือนเดิมไม่มีผิด แตกต่างจากเวก้าที่ในบัดนี้กำลังนอนกุมแขนที่หักครึ่งหอบหายใจอย่างหนักหน่วงอยู่กับพื้นของโบสถ์ที่ทีเอร่าพาเขากลับมา
“อึ๊ก…..”
“หว๊ายๆๆ พี่เดดารัสอดทนเอาไว้ก่อนนะคะ!! ทำยังไงดีอ่ะพี่เคน…”
“จะไปรู้เรอะ… ฉันเองก็เพิ่งจะเคยเห็นแขนของคนเรามันหักเป็นท่อนๆ แบบนี้เหมือนกันเนี่ยล่ะ…”
ถึงแม้ว่าเคนจะพูดตอบทีเอร่ากลับไปด้วยน้ำเสียงรำคาญใจเหมือนอย่างเช่นทุกทีแต่ว่าเขาก็ยังยอมช่วยก้มลงไปดูท่อนแขนของเดดารัสที่หักครึ่งท่อนด้วยท่าทางจนปัญญา ซึ่งเสียงพูดคุยของเด็กสาวและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเวก้าก็ได้ทำให้นัวร์สังเกตเห็นพวกเขาและนั่นก็ทำให้เธอยันตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนขึ้นและเดินตรงเข้าไปหาพวกเขา จนทำให้เคนที่หันไปเห็นพอดีต้องพูดบอกทีเอร่าขึ้นมา
“เฮ้ย ยัยแมวจิ๋ว ผู้หญิงผมดำคนนั้นเดินมานั่นแล้วนั่น”
“จ๋าจ้ะ~ พอดีว่าพอเซซิเรียจังเขาต้องรีบไปที่ปราสาทก็เลยทิ้งฉันเอาไว้ที่นี่แค่คนเดียวแบบนี้เนี่ยแหล่ะ~”
ยังไม่ทันที่ทีเอร่าจะได้พูดตอบอะไรเคนกลับไป นัวร์ที่เดินตรงเข้ามาด้วยความรวดเร็วก็ได้เอ่ยปากพูดอธิบายขึ้นมาโดยที่ยังไม่มีใครทันได้พูดถามอะไรเธอและจ้องมองไปยังเวก้าที่นอนบาดเจ็บอยู่ด้วยท่าทางสนอกสนใจราวกับว่าเจอของเล่นชิ้นใหม่
ส่วนทางด้านทีเอร่าที่ได้ยินว่าเซซิเรียจัดการไล่โจน่าไปได้จนพวกเธอน่าจะปลอดภัยแล้วก็ได้ตัดสินใจที่จะพาเวก้าไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาในทันที
“ถ้างั้นก็หมายความว่าพวกหนูพาพี่เดดารัสเขาไปส่งโรงพยาบาลได้แล้วใช่หรือเปล่าคะ!? พี่เคนมาช่วยหนูยกพี่เดดารัสหน่อยสิ!!”
“หา? ตัวจิ๋วเดียวอย่างเธอเนี่ยนะจะยกไหว? หลบไปเลยไป เดี๋ยวฉันแบกหมอนั่นไปให้เอง”
เคนได้ที่ยินคำขอของทีเอร่าได้เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดอาสาที่จะแบกร่างของเวก้าไปยังโรงพยาบาลให้แทน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้ลงมือทำอะไร ทางด้านนัวร์ที่ด้อมๆ มองๆ ไปทางเวก้าสักพักหนึ่งแล้วก็ได้เอ่ยปากพูดขัดพวกเขาขึ้นมาเสียก่อน
“อ่ะๆ ถ้ายังอยากจะรักษาชีวิตของผู้ชายคนนี้เอาไว้ฉันว่าอย่าทำแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ~ เพราะว่าสภาพแบบนี้น่ะต่อให้พาไปถึงโรงพยาบาลพวกเขาก็คงจะทำได้แค่ตัดแขนข้างนี้ทิ้งไปนั่นล่ะ… อ่ะ— แต่ว่าเท่าที่ฉันดูแล้วพวกเธอก็ไม่น่าจะแบกเขาไปถึงโรงพยาบาลโดยไม่ทำให้เขาช็อคตายกลางทางได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะน่ะ~”
“ต–แต่ถ้าแบบนั้นพวกเราจะทำยังไงดีล่ะคะ!? เอ่อ….. อ๊ะ— พี่เคนวิ่งไปตามหมอมาจากโรงพยาบาลให้หน่อยสิ!”
“อุ้ยแหม่~ ดูจากกล้ามเนื้อของพี่เคนของเธอแล้วเขาวิ่งไปไม่ทันหรอกจ้ะ เพราะว่าผลของอะดรีนาลีนกำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่วินาทีนี้นี่แหล่ะ~”
นัวร์ที่ได้ยินคำพูดของทีเอร่าได้พูดขัดเด็กสาวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเด็กสาวที่รู้เรื่องวงจรวิซแบบโบราณแต่ว่าไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิชาแพทย์ก็ได้พูดถามนัวร์กลับไปด้วยความสงสัย
“อะดรีนาลีนงั้นหรอคะ?”
“ก็แค่ศัพท์ทางการแพทย์นั่นแหล่ะ~ พวกเธอไม่ต้องสนใจไปหรอก~”
“ถ้าพูดแบบนั้นหมายความว่าพี่สาวเป็นหมองั้นหรอคะ?”
“ถึงจะไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงแหล่ะจ้ะ~ เอาเป็นว่าถ้าเกิดว่าเป็นเรื่องของการซ่อมแซมร่างกายของคนให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมฉันก็ทำได้ไม่แพ้พวกคุณหมอในโรงพยาบาลนั่นแหล่ะ~ อ่ะ—ชีพจรกำลังพุ่งสูงขึ้นแล้วล่ะ ถ้าเกิดว่าพวกเธอยังอยากรักษาชีวิตเขาเอาไว้จะตัดสินใจทำอะไรก็รีบๆ ทำเถอะเนอะ~”
นัวร์พูดตอบทีเอร่ากลับไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนที่เธอจะพูดเตือนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยแม้แต่น้อยจนทำให้ทีเอร่าที่ได้ยินแบบนั้นต้องรีบพูดขึ้นมาในทันที
“ถ้าเกิดว่าพี่สาวช่วยพี่เดดารัสเขาได้ก็ช่วยทำอะไรสักอย่างทีเถอะค่ะ!”
“หืม~~ เธอพูดเองนะ~ แล้วทางด้านคุณผู้ปกครองว่ายังไงล่ะ~?”
“ใครเป็นผู้ปกครองใครกัน!? ฉันกับยัยจิ๋วนี่ก็แค่เพื่อนร่วมงานกันแถมฉันยังไม่รู้จักเจ้าหมอนี่ด้วย เพราะงั้นเธอจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ”
“โอเคโอเค~ ในเมื่อได้คำอนุญาตจากคนรู้จักเรียบร้อยแล้ว งั้นถ้าเกิดว่ามีพวกเธอคนไหนกลัวเลือดหรือว่าไม่อยากจะเห็นอะไรสยองๆ ก็หันหน้าหนีไปก่อนก็ดีนะจ๊ะ~”
กร๊อก—กร๊อบแกร๊บกร๊อบแกร๊บ…
ในทันทีที่สิ้นเสียงเตือนของนัวร์นั้นเองอยู่ๆ แขนเสื้อข้างขวาของนัวร์ที่ยาวเกินตัวที่คอยปกปิดท่อนแขนของนัวร์เอาไว้ก็ได้เริ่มต้นที่จะดิ้นไปมาอย่างผิดธรรมชาติพร้อมกับส่งเสียงที่ฟังดูเหมือนกับเสียงแตกหักของอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ จนทำให้ทีเอร่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผงะไปด้วยความตกใจ
แต่ถึงอย่างงั้นเสียงที่ฟังดูน่าสยดสยองก็ดังออกมาไม่นานเท่าไหร่นักเมื่อนัวร์ได้แสดงมือของเธอที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้แขนเสื้อข้างนั้นที่ในตอนนี้จะเรียกมันว่ามือก็ไม่ถูกสักเท่าไหร่นักออกมา
เนื่องจากถึงแม้ว่า ‘มือ’ ของนัวร์จะมีลักษณะที่ตรงกับมือของมนุษย์ไม่มีผิดเพี้ยนตรงที่ว่ามันมีบริเวณที่ควรจะถูกเรียกฝ่ามือและนิ้วทั้งห้านิ้ว แต่ว่ามันก็กลับเป็นเนื้อเปล่าๆ ที่เห็นเส้นเลือดและกล้ามเนื้อสีแดงที่ปราศจากผิวหนังปกคลุม อีกทั้งบริเวณที่ควรจะเป็นนิ้วชี้ของเธอนั้นก็กลับเป็นกระดูกและพังผืดเส้นเอ็นที่ประกอบกันจนมีลักษณะคล้ายกับเข็มฉีดยาที่มีของเหลวอะไรบางอย่างอยู่ภายในเสียอย่างนั้น
ซึ่งภาพของมือที่ดูยังไงก็ไม่ใช่มือของมนุษย์นั้นก็ได้ทำให้เคนที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ตกใจจนร่างของเขาแทบจะไหลลงไปกองกับพื้นก่อนที่เขาจะพูดถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวาดผวายิ่งกว่าเมื่อตอนที่เขาได้เห็นซิสเตอร์โจน่าดึงมีดออกมาจากคอของตัวเองเสียอีก
“น–น–นี่เธอเป็นตัวอะไรกันแน่หะ!?”
“ฉันก็เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ เนี่ยแหล่ะ~ ถ้างั้นก็เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะปลดปล่อยเขาออกจากความเจ็บปวดเลยก็แล้วกันนะ~”
“เดี๋ยวดิ—”
“จุ๊ๆ เดี๋ยวไม่ได้หรอกนะ ยิ่งปล่อยให้รู้สึกเจ็บนานๆ มันก็มีผลต่ออัตราการรอดชีวิตเหมือนกันนะ~”
นัวร์พูดขัดเคนที่พยายามจะร้องห้ามเธอเอาไว้และใช้นิ้วที่มีลักษณะเหมือนกับเข็มฉีดจิ้มเข้าไปใส่ที่บริเวณหัวไหล่ของเวก้าในทันที
ฉึก
“…………”
เพียงเวลาแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากที่นัวร์ใช้ ‘เข็มฉีดยา’ จิ้มเข้าใส่เวก้า อดีตขุนนางหนุ่มที่กัดฟันทนความเจ็บปวดที่แขนของเขาจนแทบไม่ได้สติก็มีท่าทางที่ผ่อนคลายลงมากจนถึงขั้นสามารถพูดถามนัวร์ขึ้นมาได้
“คุณ… คือผู้หญิงที่มาช่วย…”
“ว่าไง~ เริ่มหายใจง่ายขึ้นแล้วใช่หรือเปล่า~?”
“ค…ครับ… เมื่อกี้นี้ยังเจ็บจนแทบจะทนไม่ได้อยู่เลย…”
“ที่ฉันฉีดไปมันคือยากั้นเส้นประสาทแบบพิเศษน่ะ เพราะงั้นถ้าอยู่ๆ ก็ไม่รู้สึกอะไรที่แขนก็อย่าแปลกใจก็แล้วกัน~ เอ้าๆ สองคนนั้นน่ะไปเตรียมห้องที่มีเตียงสะอาดๆ ให้ทำการผ่าตัดให้หน่อยสิ อ๋อ แล้วก็อย่าลืมเตรียมน้ำสะอาดกับผ้าพันแผลแล้วก็อะไรสักอย่างมารองเลือดกับของแข็งๆ มาไว้ใช้ดามแขนมาให้ด้วยนะ~”
นัวร์พูดตอบเวก้ากลับไปแบบไม่ได้อธิบายอะไรมากนักและหันไปพูดสั่งงานทีเอร่าและเคนที่กลับมายืนกอดอกพิงกำแพงอีกครั้งหนึ่งแล้วขึ้นมาจนทำให้ทีเอร่าต้องรีบพูดตอบรับขึ้นมาในทันที
“เรื่องห้องนี่ใช้ห้องนอนของหนูก่อนก็ได้ล่ะมั้งคะ พี่เคนมาช่วยหนูเตรียมของหน่อยสิ!”
ทีเอร่าที่ได้ยินคำขอของนัวร์ได้พูดตอบหญิงสาวกลับไปก่อนที่เธอจะร้องเรียกเคนให้ไปช่วยเธอจัดเตรียมสิ่งของที่นัวร์ร้องขอมา และนั่นก็ทำให้เคนที่ยังคงเหลือบตาไปแอบมองมือที่ไม่ใช่มือของนัวร์อยู่เป็นระยะๆ ด้วยความไม่ไว้วางใจต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินตามหลังทีเอร่าไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
และเมื่อนัวร์เห็นว่าที่นี่เหลือเพียงแค่ตัวเธอเองและคนไข้ของเธอแล้ว เธอก็ไม่รอช้าที่จะพูดขึ้นมาในทันที
“เอาล่ะ~ ทีนี้ก็เหลือแค่รอให้สองคนนั้นเตรียมห้องให้เสร็จแล้วก็จะได้เริ่มรักษากันสักทีเนอะ~”
“เจนเขา… เป็นยังไงบ้างหรอครับ…?”
ในขณะที่พวกเขาได้แต่รอให้พวกทีเอร่าเตรียมห้องสำหรับทำการรักษาให้เสร็จนั้นเอง เวก้าก็ได้เอ่ยปากถามนัวร์ที่โผล่มาช่วยเหลือพวกเขาขึ้นมาเบาๆ จนทำให้นัวร์ที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับต้องยกมือข้างที่ยังคงถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้แขนเสื้อกาวน์ขึ้นมาเกาศีรษะเบาๆ
“ยังจะเป็นห่วงคนอื่นเขาได้อีกนะนายเนี่ย… เจนที่ว่านั่นคงจะหมายถึงแม่ชีคนที่บีบแขนของนายจนเละนั่นสินะ?”
“ครับ…”
เวก้าพยักหน้าตอบนัวร์กลับไปเบาๆ เละนั่นก็ทำให้นัวร์ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนที่เธอจะพูดถามเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าหมายถึงแม่ชีคนนั้นล่ะก็เขาหนีกลับลงไปในสุสานใต้ดินได้ทันก่อนที่จะโดนเซซิเรียจับตัวเอาไว้ได้น่ะ”
“งั้นหรอครับ…”
“เห….”
คำตอบในคราวนี้ของเวก้าได้ทำให้นัวร์แสดงท่าทางสนอกสนใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากว่าถึงแม้เวก้าจะถูกซิสเตอร์สาวที่เขาเรียกว่าเจนหรือที่ทีเอร่าเรียกว่าพี่โจน่าและเธอเรียกว่านาร์เซียทำร้ายจนแขนหักงอผิดรูปจนอาจจะต้องพิการไปตลอดชีวิต แต่ทว่าเขาก็กลับแสดงท่าทางที่ดูราวกับว่าโล่งใจที่อีกฝ่ายปลอดภัยดีเสียอย่างนั้น และนั่นก็ทำให้นัวร์ตัดสินใจที่จะพูดถามชายหนุ่มขึ้นมาตรงๆ
“ถ้าเกิดว่านายเหมือนจะให้ค่าผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้น ทำไมนายถึงเข้าไปขัดขวางแล้วก็ช่วยปกป้องเด็กหูแมวนั่นเอาไว้ล่ะ? ทำไมนายถึงไม่ไปขอร่วมมือกับผู้หญิงคนนั้นให้หมดๆ เรื่องไปเลยล่ะ?”
“………”
คำถามของนัวร์ผู้ที่มักจะทำอะไรตามใจไม่สนกฎเกณฑ์จนถึงขั้นแอบหลบจากพวกแฟรี่มาร่วมมือกับเอริกะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้เมืองแพนเทร่าได้ทำให้เวก้าก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดตอบกลับไป
“…ผมไม่อยากจะให้เขาต้องทำผิดพลาดเหมือนกับที่ผมเคยทำน่ะครับ ที่ผ่านมาผมเคยทำผิดพลาดจนไปทำลายชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่ผมคิดกับเขาเหมือนกับลูกสาวแท้ๆ เข้า… แล้วถึงผมจะรู้ว่าเธอไม่ใช่เจน แต่ผมก็ไม่อยากจะให้คนที่หน้าตาเหมือนกับเธอต้องมารู้สึกแบบเดียวกับที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้ทีหลังน่ะครับ…”
“อ่า….. พูดแบบนั้นอย่าบอกนะว่า….”
คำตอบของเวก้าได้ทำให้นัวร์ต้องยกมือที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้แขนเสื้อกาวน์ขึ้นมากุมหน้าผากของตนเพราะเธอพอจะคาดเดาได้แล้วว่าเพราะสาเหตุอะไรเวก้าถึงได้ยึดติดกับแม่ชีสาวที่เธอเรียกว่านาร์เซียขนาดนั้น และนั่นก็ทำให้เธอตัดสินใจที่จะพูดเตือนเวก้าขึ้นมา
“ฉันว่าฉันคงต้องบอกเอาไว้ก่อนนะเวก้าคุง ไม่ว่าต่อให้แม่ชีคนเมื่อกี้นี้จะเหมือนเจนของนายขนาดไหน แต่ตอนนี้—”
“พี่สาวคะ! หนูเตรียมห้องเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อ่ะ… โดนขัดซะแล้วสิ ถ้างั้นเดี๋ยวเอาไว้ค่อยคุยกันต่อก็แล้วกันเนอะ นี่ๆ พ่อหนุ่มผ้าคลุมแดงตรงนั้นน่ะมาช่วยฉันแบกเขาไปทีสิ~”
“ฉันเรอะ!? ให้ตายสิ…”
ถึงแม้ว่าเคนที่ถูกนัวร์ร้องสั่งจะพูดบ่นออกมาแต่ว่าเขาก็ยังยอมช่วยหิ้วร่างของเวก้าตรงไปยังห้องนอนของทีเอร่าที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องผ่าตัดฉุกเฉินแต่โดยดี
และเมื่อเคนวางร่างของเวก้าลงบนเตียงเสร็จเรียบร้อยแล้วนัวร์ที่เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากไล่คนอื่นๆ ออกไปจากห้องในทันที
“เอาล่ะๆ ถ้างั้นพวกเธอสองคนช่วยออกไปรอข้างนอกกันสักแป๊บนึงสิ~”
“เอ๋? พี่สาวไม่มีอะไรให้พวกหนูช่วยแล้วหรอคะ?”
คำขอของนัวร์ในครั้งนี้ได้ทำให้ทีเอร่าต้องร้องออกมาด้วยความแปลกใจและนั่นก็ทำให้นัวร์ต้องพูดตอบเธอกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีแล้วล่ะจ้ะ ที่เหลือปล่อยให้ฉันจัดการเองดีกว่านะ เพราะฉันขอบอกเลยว่าพวกเธอไม่น่าจะอยากเห็นวิธีการรักษาของฉันสักเท่าไหร่หรอก~”
กร๊อบแกร๊บ—-ปึ้ง!!
เสียงประหลาดๆ ที่ฟังดูน่าจะเป็นเสียงของกระดูกที่ขยับเขยื้อนไปมาพร้อมๆ กับที่เสื้อกาวน์ของนัวร์ได้ขยับไปมาราวกับว่ามีอะไรกำลังดิ้นพล่านอยู่ภายในได้ทำให้เคนตัดสินใจที่จะกระชากประตูให้ปิดลงอย่างแรง
และเมื่อนัวร์ที่กำลังตีหน้ายิ้มอยู่เห็นแบบนั้นเธอก็ไม่รอช้าที่จะหันกลับไปหาเวก้าที่นอนอยู่บนเตียงและเอ่ยปากพูดบอกคนไข้ของเธอขึ้นมา
“เอาล่ะ~ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะจัดการซ่อมแขนของนายให้เดี๋ยวนี้แหล่ะ~ ว่าแต่ฉันทำอย่างงี้นี่รู้สึกอะไรที่แขนหรือเปล่า?”
นัวร์เอ่ยปากพูดถามเวก้าขึ้นมาในขณะที่เธอใช้ผ้าชุบน้ำจัดการเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่บนแขนข้างที่หักอยู่ของเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้เวก้าต้องหันไปมองสิ่งที่นัวร์กำลังทำอยู่แล้วจึงค่อยพูดตอบเธอกลับไป
“ไม่รู้สึกอะไรเลยครับ… ว่าแต่คุณจะรักษามันได้จริงๆ งั้นหรอครับ?”
เวก้าพูดถามนัวร์กลับไปด้วยน้ำเสียงแปลกใจที่อีกฝ่ายดูมั่นใจว่าจะสามารถรักษาแขนของเขาได้แบบนั้น เพราะถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้วตัวเวก้าเองก็มีความสามารถทางด้านการแพทย์อยู่ในระดับสูงถึงขั้นที่ว่าเคยทดลองผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะให้กับร่างทดลองที่ถูกทางวังหลวงของเมืองรีมินัสส่งมาให้เขาจัดการ และเขาก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าด้วยสภาพแขนของเขาที่หักเป็นท่อนๆ หรืออาจจะถึงขั้นกระดูกแตกเป็นชิ้นเล็กๆ แบบนี้แล้ว วิธีการรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในยุคปัจจุบันก็น่าจะเป็นการตัดแขนทิ้งไปเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้เสียมากกว่า
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านปิศาจตัวน้อยในร่างของหญิงสาวอย่างนัวร์ก็กลับเผยรอยยิ้มร่าออกมาก่อนที่เธอจะพูดอธิบายออกมาให้คนไข้ของเธอได้ฟัง
“ที่ต้องทำก็มีแค่เปิดแขนของนายออกมาแล้วก็จัดเรียงกระดูกที่แตกให้เข้าที่เสร็จแล้วก็เย็บกลับไปเองไม่ใช่หรอ~ แต่เดี๋ยวฉันขอเตรียมอุปกรณ์ก่อนก็แล้วกันนะ~”
กร๊อบแกร๊บกร๊อบแกร๊บ
“—!?”
ในทันทีที่สิ้นเสียงของนัวร์นั้นเอง บริเวณแขนเสื้อกาวน์อีกข้างหนึ่งของนัวร์ก็ได้ขยับไปมาราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดกำลังดิ้นอาละวาดอยู่ภายในก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีสายรยางค์สีแดงห้าเส้นที่ก่อตัวขึ้นมาจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่บริเวณตรงปลายของมันเป็นกระดูกสีขาวหม่นที่มีลักษณะคล้ายกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเข็มฉีดยา มีดสำหรับผ่าตัดหรือว่าตะขอสำหรับเกี่ยวอะไรสักอย่างพุ่งตรงออกมาจากภายใน
ซึ่งสภาพของอวัยวะที่จะดูยังไงก็ดูไม่เหมือนกับสิ่งที่ควรจะอยู่ติดกับร่างกายของมนุษย์เลยแม้แต่น้อยนั้นก็ได้ทำให้เวก้าสะดุ้งไปก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาพร้อมกับพยายามที่จะขยับตัวหนีออกห่างจากนัวร์ด้วยท่าทางหวาดๆ
“น–นั่นมันอะไรกันครับน่ะ…”
“จุ๊ๆ อย่าเพิ่งขยับตัวสิ มันไม่ดีต่อสภาพบาดแผลนะรู้มั้ย~”
“ต…แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้นี้มือของคุณยังดูเหมือนของคนปกติอยู่เลยไม่ใช่หรอครับ…?”
“แหม่~ ก็เมื่อกี้นี้มีเด็กหูแมวคนนั้นอยู่ด้วยฉันก็เลยต้องรักษาภาพลักษณ์กันสักหน่อยน่ะสิ ขืนให้เด็กๆ แบบนั้นเห็นอะไรแบบนี้มีหวังได้วิ่งหนีเตลิดกันหมดพอดีใช่มั้ยล่ะ~”
“อย่าว่าแต่ทีเอร่าเลยครับ… ต่อให้เป็นผมก็อยากจะวิ่งหนีเหมือนกัน… ว่าแต่คุณคือมนุษย์แน่ๆ ใช่มั้ยครับ…?”
เวก้าพูดถามนัวร์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งพลางมองดู ‘มือ’ ของอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่ค่อยจะไว้วางใจนัก และนั่นก็ทำให้นัวร์ที่ได้ยินคำถามของเขายิ้มแฉ่งพูดตอบกลับไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“แหม่~ ฉันเนี่ยแหล่ะมนุษย์ของแท้เลยล่ะ เผลอๆ จะเป็นมนุษย์จริงๆ มากกว่าพวกนายอีกด้วยนะ~”
ฟุ๊บ—ฟุ๊บ—
ถึงแม้ว่านัวร์จะเอ่ยปากพูดตอบเวก้ากลับด้วยท่าทางมั่นใจและน้ำเสียงราวกับว่ากำลังอวดอะไรบางอย่างอยู่ก็ตาม แต่ทว่ามือของเธอที่ในบัดนี้เป็นสายรยางค์ที่สร้างขึ้นมาจากเนื้อสีแดงและกระดูกก็ได้สะบัดไปมาราวกับหางของแมวที่กำลังอารมณ์ดี
ซึ่งภาพของหนวดรยางค์ที่ส่ายไปส่ายมาที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับอะไรของมนุษย์เลยแม้แต่น้อยก็ได้ทำให้เวก้าต้องเม้มปากเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวเบื้องหน้าของเขาก็กลับดูเหมือนว่าจะเป็นทางเลือกเดียวที่เขาจะสามารถรักษาแขนของตัวเองเอาไว้ได้เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องลองเชื่อใจหญิงสาวแปลกหน้าเบื้องหน้าดู
“ถ…ถึงคุณจะบอกว่าจะช่วยรักษาให้ผมก็เถอะ แต่อย่างน้อยช่วยบอกก่อนได้หรือเปล่าน่ะครับว่าคิดจะรักษายังไงกันแน่น่ะ…”
“หืม? อ๋อ~ ก็เนี่ย เจ้าอันนี้เหมือนกับมีดนี่ก็จะไว้ใช้ผ่าเปิดแขนนายออกมาก่อน เสร็จแล้วก็ใช้ที่เป็นปลายตะขอนี่เกี่ยวขยับกระดูกที่หักของนายให้เข้าที่ ส่วนอันนี้ก็มีเอาไว้เชื่อมกระดูกที่แตกของนายเข้าด้วยกัน ส่วนอันสุดท้ายที่เป็นเข็มนี่ก็เผื่อเอาไว้ฉีดยาให้นายเพิ่มไงล่ะ~”
“เชื่อมกระดูกงั้นหรอครับ?”
คำพูดอธิบายของนัวร์ได้ทำให้เวก้าต้องพูดถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะว่าตัวเขาเองที่ศึกษาทางการแพทย์มามากมายเพื่อทำงานทดลองที่ได้รับมาจากวังหลวงของเมืองรีมินัสนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามันมีวิธีการรักษาอาการกระดูกหักแบบนั้นด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านนัวร์ก็กลับทำเพียงแค่อธิบายให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงเสียอย่างนั้น
“ช่าย~ ก็นึกสภาพแบบว่าเวลาเขาจะเชื่อมเหล็กเขาก็ต้องเอาอะไรร้อนๆ มาจี่ใส่จนมันละลายติดกันใช่มั้ยล่ะ แต่ว่าอันนี้มันไม่ร้อนแล้วก็ไม่อันตรายเฉยๆ น่ะ เอ้านี่แหน่ะ!”
ฉึก– ครึก!!
ยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงของนัวร์ดี เธอก็ได้ใช้สายรยางค์ที่เป็นปลายตะขอพันเข้าไปที่ข้อมือของแขนข้างที่หักงอของเวก้าและดึงมันให้ออกห่างจากตัวของชายหนุ่มจนทำให้แขนข้างที่หักงอผิดรูปของเขาขึงกลับเป็นเส้นตรงอีกครั้งหนึ่งราวกับดึงผ้า
ซึ่งถึงแม้ว่าเวก้าจะสะดุ้งไปเล็กน้อยกับการกระทำที่ฉับพลันของนัวร์ แต่ทว่าเขาก็กลับไม่รู้สึกเจ็บที่แขนที่ถูกจับให้ขยับอย่างกระทันหันเลยแม้แต่น้อยเรื่องจากฤทธิ์ยาที่อีกฝ่ายฉีดให้เขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ทางด้านนัวร์ก็ได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“หูยยยย ลองนึกสภาพถ้าเกิดว่าฉันดึงแขนนายแบบเมื่อกี้นี้แต่ว่าไม่ได้ฉีดยาชาดูสิ ท่าทางจะเจ็บน่าดูเลยเนอะ~ เพราะงั้นเอาเป็นว่าถ้าเกิดนายไม่อยากเห็นภาพน่าสยองกว่าเมื่อกี้นี้ก็หันไปทางอื่นก่อนจะดีกว่านะ เพราะฉันเองก็ไม่อยากจะเสี่ยงใช้ยาสลบในการผ่าตัดฉุกเฉินแบบนี้ซะด้วยสิ~”
“เสี่ยง…? กับคนที่สามารถบล็อกเส้นประสาทได้อย่างแม่นยำแบบคุณเนี่ยนะครับ?”
“แหม่~ ก็ถ้าเกิดว่าฉันผ่าตัดพลาด อย่างมากนายก็แค่เสียแขนข้างนี้ไปเหมือนกับที่ควรจะเป็นถ้าเกิดว่าไปเข้ารักษาที่โรงพยาบาลใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าเกิดว่าฉันวางยาสลบพลาดนี่เผลอๆ นายจะได้หลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยตลอดกาลน่ะสิ เอาเป็นว่าถ้าเกิดไม่อยากเห็นอะไรสยองๆ ก็หันไปทางด้านนู้นก่อนก็แล้วกันเนอะ~”
นัวร์พูดตอบเวก้ากลับไปพร้อมกับใช้ปลายสายรยางค์ที่เป็นกระดูกที่มีหน้าตาเหมือนกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหลายขึ้นมาขูดกันเบาๆ เหมือนกับเป็นการขู่
ซึ่งทางด้านเวก้านั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะหันไปมองทางอื่นก่อนอย่างว่าง่าย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับการผ่าตัดต่างๆ อยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่เคยชอบที่จะต้องเห็นมันโดยไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
“ตัดสินใจได้ดีมาก~ เอาเป็นว่าถ้าเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาก็บอกก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะฉีดยาชาเพิ่มให้เอง~”
ฉึบ—
ในทันทีที่นัวร์พูดชมออกมาจนจบเธอก็ได้เริ่มต้นจัดการกับแขนของเวก้าในทันที ซึ่งถึงแม้ว่าเวก้าจะไม่รู้สึกถึงอะไรก็ตามที่นัวร์กำลังทำอยู่กับแขนของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าด้วยเสียงและกลิ่นของเลือดกับกลิ่นคาวประหลาดๆ ฉุนจมูกที่โชยมาให้เวก้าได้กลิ่นนั้นก็เป็นหลักฐานยืนยันว่านัวร์กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่กับแขนของเขาอยู่จริงๆ
“อ่อ เรื่องกลิ่นที่คงจะต้องทนๆ เอาสักหน่อยก็แล้วกันนะ”
“จ…จะพยายามครับ… ว่าแต่เรื่องก่อนหน้านี้ที่คุณพูดถึงนั่นหมายความว่ายังไงหรอครับ?”
“หืม? หมายถึงเรื่องของแม่ชีคนที่หนีไปนั่นน่ะหรอ?”
“ครับ… เห็นคุณบอกว่าถึงเธอคนนั้นจะหน้าตาเหมือนกับเจนของผมก็เถอะแต่ก็อะไรสักอย่างนั่นน่ะครับ…”
เวก้าที่ดูเหมือนว่าจะนอนว่างจนสามารถพูดชวนนัวร์ที่กำลังผ่าตัดรักษาแขนให้กับเขาคุยได้นั้นได้พูดถามถึงเรื่องที่นัวร์ทำท่าจะพูดแต่ว่าโดนทีเอร่าพูดขัดขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมา
ซึ่งคำถามของเวก้านั้นก็ได้ทำให้นัวร์ต้องยกมือข้างที่ยังเป็นมือของมนุษย์ปกติขึ้นมาเกาแก้มของตัวเองเล็กน้อยโดยไม่สนใจว่ามันจะชุ่มไปด้วยเลือดของเวก้าจนทำให้หน้าของเธอเปื้อนไปด้วย
และหลังจากที่นัวร์นิ่งเงียบไปเป็นเวลาสักพักหนึ่งเธอก็ได้ตัดสินใจที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมาให้เวก้าได้ฟัง
“ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ฉันแค่อยากจะเตือนนายเอาไว้ก่อนว่าถึงแม่ชีคนนั้นจะหน้าตาเหมือนกับคนรักของนายขนาดไหน แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่อยู่ในหัวของเธอคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงคนที่นายรู้จักอีกต่อไปแล้วก็เท่านั้นแหล่ะ~”
“สิ่งที่อยู่ในหัวงั้นหรอครับ…?”