Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 203 : Blind Optimism
“ไดเมอร์ คาฮาร่า คุ้มกันซิสเตอร์โจน่าเอาไว้ด้วยครับ”
ในทันทีที่ริวหันไปเห็นชายแปลกหน้ากำลังยืนอยู่บนหลังคาบ้านและจ้องมองตรงมาทางพวกเขานั้นเอง ชายหนุ่มก็ได้พูดสั่งลูกน้องในหน่วยของเขาขึ้นมาก่อนที่ตัวเขาเองจะก้าวเดินตรงไปเบื้องหน้าเล็กน้อยโดยที่มือของเขาก็ได้เอื้อมไปจับดาบคาตานะที่เขาคาดเอาไว้ที่เอวโดยที่ยังไม่ได้ชักมันออกมา
และในขณะที่ริวกำลังทำท่าเหมือนกับว่าจะไปเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกตรงๆ อยู่นั้นเอง ทางด้านลูกน้องของเขาทั้งสองคนที่มีชื่อว่า ไดเมอร์ กับ คาฮาร่า ก็ได้ขยับตัวไปบังอยู่ที่ด้านหน้าของโจน่าและหยิบเอาอาวุธของพวกเขาที่เป็นปืนยาวสีดำที่มีลักษณะคล้ายๆ กับปืนยาวทรงโบราณของพรีมูล่าและมีสัญลักษณ์วงจรวิซถูกสลักเอาไว้ตามลำกล้องขึ้นมาถือเอาไว้
ซึ่งภาพของอาวุธที่ดูเหมือนว่าจะเป็นปืนยาวรุ่นใหม่ของทางเมืองแพนเทร่าที่ใช้ในทางการทหารนั้นก็ได้ทำให้เคนต้องเลิกคิ้วด้วยความสนใจและพูดถามริวผู้เป็นหัวหน้าหน่วยขึ้นมา
“เฮ้ยๆ ปืนอะไรกันล่ะนั่น หน้าตาไม่เห็นเหมือนกับที่พวกทหารยามใช้กันเลยนี่หว่า”
“ปืนนั่นเป็นปืนรุ่นพิเศษที่ท่านอาริสะสร้างขึ้นมาสำหรับใช้ในที่โล่งกว้างน่ะครับ พวกทหารยามในเมืองส่วนมากเขาจะได้ปืนชนิดที่เหมาะกับที่แคบๆ แล้วก็มีที่กำบังเยอะไปใช้งานกันซะมากกว่า”
“เห… ถ้าพูดอย่างงั้นก็หมายความว่าที่จริงแล้วพวกนายเป็นหน่วยพิเศษหรืออะไรทำนองนั้นก็เลยได้ของเล่นพิเศษมาใช้งานกันงั้นสินะเนี่ย”
“………”
ริวที่ได้ยินคำถามของเคนไม่ได้พูดตอบอะไรเด็กหนุ่มกลับไปหันไปพยายามที่จะเพ่งมองผ่านม่านหมอกที่เบาบางกว่าปกติเพื่อสังเกตดูผู้ต้องสงสัยที่ยืนอยู่บนหลังคาบ้านห่างออกไปไม่ไกล
ซึ่งในขณะที่ทุกคนกำลังเฝ้าระวังกันอยู่นั้นเอง ทางด้านทีเอร่าก็ได้แต่หันซ้ายหันขวาด้วยท่าทางสับสนว่าเธอควรที่จะร้องทักเวก้าเพื่อแสดงตัวว่าเธอรู้จักกับอีกฝ่ายจะได้คลายความเข้าใจผิดดี หรือว่าเธอควรที่จะหยิบอาวุธของตัวเองออกมาเพื่อเนียนไปกับคนรอบข้างต่อไปดี
ซึ่งท่าทางสับสนหันซ้ายหันขวาของทีเอร่านั้นก็ได้ทำให้เคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“เฮ้ยๆ เป็นอะไรไปยัยแมวจิ๋ว ถ้าเกิดว่ากลัวก็เข้าไปหลบข้างในนั้นก่อนก็ได้ไป”
เคนที่เอ่ยปากพูดขึ้นมาได้ชี้นิ้วโป้งของเขาไปยังทางลงสุสานใต้ดินที่อยู่ใกล้กับพวกเขามากกว่าโบสถ์ที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของสุสาน แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของเคนที่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ ตามปกติของเขาก็ได้ทำให้ทีเอร่าต้องขึ้นเสียงพูดเถียงเขากลับไป
“หนูไม่ได้กลัวสักหน่อย! ก–ก็แค่ว่า…”
“คุณหนูรู้จักผู้ชายคนนั้นงั้นหรอครับ?”
ในขณะที่ทีเอร่ากำลังจะพูดตอบเคนกลับไปอยู่นั้นเอง ริวที่สังเกตเห็นท่าทางมีพิรุธของทีเอร่าก็ได้เอ่ยปากพูดถามเด็กสาวขึ้นมาจนทำให้ทีเอร่านิ่งเงียบไปเพราะว่าไม่กล้าพูดออกมา และนั่นก็ทำให้ริวต้องหันไปหาซิสเตอร์โจน่าเพื่อขอคำตอบจากซิสเตอร์พี่เลี้ยงของเด็กสาวเสียแทน
ซึ่งทางด้านโจน่าที่กำลังยืนขมวดคิ้วจ้องมองไปทางเวก้าอยู่ก็ได้เอ่ยปากพูดตอบริวกลับไปแต่โดยดี
“เมื่อวานนี้ฉันบังเอิญไปเจอเขาที่แถวๆ ชานเมืองน่ะค่ะ แต่ว่าพอเจอหน้ากัน อยู่ดีๆ เขาก็ทำท่าเหมือนกับว่าจะเข้ามาทำร้ายฉันแต่ก็โชคดีที่มีคนมาช่วยเอาไว้ได้ทันก็เลยรอดมาได้…”
“ทำร้ายร่างกายงั้นหรอครับ? ถ้างั้นถึงจะอยู่นอกเหนือหน้าที่ที่พวกผมได้รับมอบหมายมาไปสักหน่อย แต่ว่าคงจะต้องขอดำเนินจับกุมแล้วล่ะครับ…”
“……!?”
คำพูดพึมพำของริวที่ว่าเขาจะทำการจับกุมเวก้าได้ทำให้ทีเอร่าสะดุ้งไปเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านริวก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจเด็กสาวสักเท่าไหร่นักและหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องของเขาทั้งสองคนเป็นสัญญาณบอกว่าให้พวกเขาเล็งปืนในมือตรงไปยังร่างบนหลังคาก่อนที่ตัวเขาเองจะร้องบอกเวก้าขึ้นมา
“นายคนนั้นน่ะ! มีคนแจ้งมาว่านายก่อเหตุพยายามจะทำร้ายร่างกาย เพราะงั้นลงมามอบตัวแต่โดยดีไม่งั้นพวกผมจะใช้กำลังทำการจับกุมแล้วนะครับ!!”
“……….”
คำสั่งของริวไม่ได้ทำให้เวก้าพูดตอบอะไรกลับมาและทำเพียงแค่ขยับมือเล็กน้อยเหมือนกับการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างตรงมาทางกลุ่มของพวกเขา ซึ่งในทันทีที่ทีเอร่าได้เห็นการกระทำของเวก้านั้นเองเธอก็ได้สะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะแอบพยักหน้าถี่ๆ กลับมาให้เขาและล้วงเอาเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กประจำตัวออกมาเพื่อพยายามที่จะติดต่อไปรายงานเอริกะ
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทีเอร่าทำลงไปก็แทบจะทำให้เวก้าอยากจะยกมือขึ้นมากุมหัวเพราะดูท่าทางว่าทีเอร่าจะเข้าใจสัญญาณมือของเขาผิดไปเสียแล้ว
“ให้ตายสิครับ…”
แกร๊ก—แกร๊ก—
เวก้าที่เห็นว่าทีเอร่าทำท่าเหมือนกับว่าจะใช้งานเครื่องมือสื่อสารเพื่อติดต่อไปหาใครบางคนได้ตัดสินใจที่จะสะบัดผ้าคลุมของเขาให้เปิดออกไปให้พ้นทางพร้อมๆ กับที่พาร์ทส่วนล่างที่เขาสวมใส่อยู่จะเรืองแสงออกมาเล็กน้อยเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขากำลังจะใช้งานมันนั่นเอง
ซึ่งการกระทำของเวก้านั้นก็ได้ทำให้ริวที่เฝ้าระวังการกระทำของบุคคลต้องสงสัยอย่างเวก้าอยู่แล้วตัดสินใจที่จะสั่งให้ลูกน้องของเขาลั่นไกในทันที
“เป้าหมายมีท่าทางว่าจะขัดขืน ยิงได้เลยครับ!”
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
เหล่าทหารในหน่วยไวท์ ฮาวด์ทั้งสองคนที่รับคำสั่งจากริวไม่รอช้าที่จะลั่นไกปืนยาวในมือเพื่อส่งกระสุนวิซตรงเข้าใส่เวก้าที่ทำท่าทางน่าสงสัยในทันที อีกทั้งพวกเขาก็ยังลั่นไกส่งกระสุนนัดที่สองของตนเองดักเอาไว้ในทิศทางที่เวก้าน่าจะพุ่งตัวหลบไปเพื่อเป็นการดักทางอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่พวกเขาคาดเอาไว้ไม่ถึงก็คือเวก้าไม่ได้ทำการกระโดดหลบไปทางด้านข้างหรือว่าทางด้านหลัง แต่ว่ากลับไถลตัวไปทางด้านหน้าเพื่อลงมาจากหลังคาตรงๆ เสียแทน
ซึ่งสาเหตุที่เวก้าตัดสินใจที่จะกระโดดลงมาจากหลังคาอาคารสูงแบบนั้นก็เป็นเพราะว่าสิ่งที่เขาสวมใส่เอาไว้ก็คือพาร์ทส่วนล่างของยูนิตสำหรับการบินรุ่นทดลองนั่นเอง ที่ถึงแม้ว่าเขาจะมีเพียงแค่พาร์ทส่วนล่างอีกทั้งมันก็ยังเสียหายหนัก แต่ว่ามันก็ยังคงสามารถใช้ตัวไอพ่นที่ติดอยู่ตรงส่วนท้ายของมันพ่นเปลวไฟสีเขียวที่เกิดจากวิซธาตุลมออกมาช่วยให้เขาลงมาถึงพื้นได้อย่างปลอดภัยอยู่ดี
ฟู่ว—ตุ๊บ!!
อีกทั้งในทันทีที่เวก้าลงมาสัมผัสพื้นนั้นเอง ตัวไอพ่นของพาร์ทส่วนล่างที่เขาสวมใส่เอาไว้ก็ได้ขยับเปลี่ยนองศาของมันไปทางด้านหลังและใช้แรงดันของมันช่วยผลักเวก้าพุ่งตรงไปทางทีเอร่าอย่างรวดเร็ว
ฟุ๊บ—!!
“เฮ้ยๆ สนใจด้านข้างด้วยเซ่!!”
แต่ว่าก็ยังไม่ทันที่เวก้าจะได้พุ่งไปไหนไกล อยู่ๆ ที่ด้านข้างของเขาก็ได้ปรากฏร่างของเคนที่แอบลอบเข้าไปใกล้อาคารที่เวก้าเคยยืนอยู่บนหลังคาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบพุ่งออกมาจากเงามืดพร้อมกับเหวี่ยงดาบในมือเข้าใส่อดีตขุนนางหนุ่มอย่างรุนแรงจนทำให้เขาต้องรีบหยุดไอพ่นของพาร์ทส่วนล่างเพื่อสะบัดดาบสั้นของตนเข้ารับการโจมตีของอีกฝ่ายพร้อมกับพยายามที่จะพูดเกลี้ยกล่อมเคนขึ้นมา
เคร๊ง—!
“รบกวนช่วยหลบไปด้วยครับ! ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอะไรแบบนี้นะครับ!”
“หา…? ถ้าไม่ใช่เวลาจะมาทำแบบนี้แล้วมันจะเป็นเวลาอะไรล่ะ!? เวลาทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้หรือไงหะ!?”
“……..”
เคร๊ง—!
คำพูดตอบกลับของเคนได้ทำให้เวก้าต้องนิ่งเงียบไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีเวลาให้คิดคำพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมอะไรเคนมากนัก เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นว่าทีเอร่าได้ใช้จังหวะที่ทุกคนมัวแต่สนใจทางด้านพวกเขาในการสวมใส่เครื่องมือสื่อสารเข้าไปที่หูแมวของเธอแล้ว และนั่นก็ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากร้องตะโกนบอกทีเอร่าขึ้นมาตรงๆ เสียแทน
“หยุดนะครับทีเอร่า!!!”
“เอ๋….?”
ถึงแม้ว่าทีเอร่าจะได้ยินเสียงร้องห้ามของเวก้าแล้วก็ตามที แต่ว่าเด็กสาวก็ยั้งมือของตัวเองเอาไว้ได้ไม่ทันและกดไปที่เครื่องสื่อสารเพื่อให้เริ่มต้นทำงานไปเสียแล้ว
ปิ๊บ—
ซ่าาาาาาาาาา—
สิ่งที่ดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสารที่ถูกดักฟังนั้นไม่ใช่เสียงใสๆ อารมณ์ดีของเอริกะอย่างเช่นอย่างทุกครั้งที่ทีเอร่ากดใช้งานเครื่องมือสื่อสาร แต่ทว่ากลับเป็นเสียงของคลื่นแทรกซ้อนแหลมสูงที่เสียดแทงประสาทหูจนทำให้เด็กสาวที่มีหูแมวที่สามารถรับเสียงได้ดีกว่าหูของมนุษย์ธรรมดาๆ เล็กน้อยสะดุ้งไป อีกทั้งสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นก็ยังดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดความเงียบอย่างแปลกประหลาดปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณอีกด้วย
“………….”
แต่ถึงอย่างนั้นช่วงเวลาแห่งความเงียบที่ดูน่าขนลุกก็กลับดำเนินไปเป็นเวลาเพียงแค่ไม่นาน เมื่ออยู่ๆ นายทหารทั้งสองคนที่ถูกริวสั่งให้คุ้มกันโจน่าเอาไว้ก็ได้ปลิวกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง
ผลั๊ก—! โคร๊ม!!
“หว๋า—!?”
“…………”
ในขณะที่ทีเอร่ากำลังตื่นตกใจจนหางแมวตั้งกับการที่อยู่ๆ พี่ๆ ทหารที่ช่วยคุ้มกันพวกเธออยู่ก็ได้ปลิวกระเด็นออกไปอยู่นั้นเอง ทางด้านโจน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็ได้ค่อยๆ หันไปจ้องมองเด็กสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉยและยื่นมือออกไปสัมผัสอุปกรณ์สื่อสารที่เด็กสาวสวมใส่เอาไว้ที่หูแมวเบาๆ และเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เป็นเธอจริงๆ ด้วยสินะ ทีเอร่า…”
“อ—เอ๋… พี่โจน่า…?”
“หลบไป!!”
แต่แล้วในขณะที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอยู่นั้นเอง เวก้าที่สังเกตเห็นการกระทำของโจน่าก็ได้ร้องตะโกนขึ้นมาก่อนที่เขาจะตบไปที่พาร์ทส่วนล่างอันเป็นกล่องกลไกติดอาวุธพลังงานวิซและไอพ่นจนมันหลุดออกมา ซึ่งเจ้าตัวกล่องที่หลุดออกมานั้นก็ได้พ่นเปลวไฟสีเขียวออกมาจากตัวไอพ่นอย่างรุนแรงและพุ่งเข้าใส่ทั้งริวและเคนที่ยืนขวางทางเขาอยู่พร้อมๆ กัน
ฟู่วววววว
“—!?”
เคร๊ง!!
ผลั๊ก!!
“เฮ้ย!? อะไรอีกฟะ!?”
ถึงแม้ว่าริวที่เป็นหัวหน้าหน่วยไวท์ ฮาวด์ผู้มีประสบการณ์มากกว่าจะสามารถหันกลับมาและสะบัดดาบคาตานะของเขาออกมาจากฝักเข้ารับการโจมตีของเวก้าได้อย่างทันท่วงทีก็ตาม ทางด้านเคนที่หันไปดูทางด้านโจน่านั้นกลับถูกพาร์ทส่วนล่างของเวก้ากระแทกเข้าใส่ที่ด้านหลังศีรษะอย่างจังจนทำให้เขาร้องโวยวายออกมา
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเวก้าที่ยอมสละอาวุธของตนเองเพื่อหันเหความสนใจของทั้งสองคนได้สำเร็จก็กลับไม่สนใจพวกเขาและรีบพุ่งตัวตรงเข้าไปหาโจน่าที่ในบัดนี้กำลังเลื่อนมือของเธอตรงไปยังลำคอของทีเอร่าอย่างช้าๆ
หมับ—
“—!!?”
แต่ทว่าในทันทีที่เวก้าพุ่งตัวเข้าไปใกล้ร่างของโจน่านั้นเอง ซิสเตอร์สาวก็ได้หมุนตัวและสะบัดมือไปจับข้อมือของเวก้าที่กำลังยื่นตรงมาเอาไว้ก่อนที่ทันใดนั้นเองอยู่ๆ ท่อนแขนของเวก้าจะยุบตัวลงเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างกดทับและส่งเสียงดังลั่นออกมาจากภายใน
กร๊อบ!!
“อึ๊ก—!!?”
ฟวับ!
ถึงแม้ว่าแขนของเวก้าจะถูกอะไรบางอย่างบีบรัดจนหักงอผิดรูปไปแล้วก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่เขาทำก็คือกัดฟันแน่นเพื่อทนความเจ็บปวดและสะบัดมือหยิบเอามีดสั้นที่เขาซ่อนเอาไว้ภายใต้ผ้าคลุมออกมาและแทงมันเข้าใส่ท่อนแขนของโจน่าที่ยังคงจับข้อมือของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย และนั่นก็ทำให้โจน่าที่เห็นแบบนั้นต้องรีบปลอยมือของเธอออกจากข้อมือของเวก้าเพื่อหลบหลีกในทันที
สวบ—
“อ—”
แต่ทว่าการลงมือของเวก้าก็กลับเป็นเพียงแค่กลลวงเมื่อเขาได้ก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวส่งผลให้ใบมีดของเขาพุ่งตรงไปที่ลำคอของโจน่าและเสียบเข้าไปจนมิดด้าม จนทำให้ทีเอร่าที่ยืนอยู่ข้างๆ โจน่าได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
“พี่โจน่า!!?”
“อย่าเข้าไปครับทีเอร่า!!”
ผลัก!!
ถึงแม้ว่าทีเอร่าจะพยายามที่จะเข้าไปดูอาการของพี่โจน่าที่ถูกพี่เดดารัสของเธอใช้มีดเสียบเข้าไปที่ลำคออย่างจังก็ตามที แต่ทว่าทางด้านเวก้าก็กลับร้องห้ามเด็กสาวเอาไว้และออกแรงถีบเข้าไปที่กลางลำตัวของโจน่าจนหญิงสาวเซไถลออกห่างออกไป
“………”
และนั่นเองก็ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าถึงแม้ว่าซิสเตอร์โจน่าจะมีมีดสั้นเล่มหนึ่งถูกปักทิ้งเอาไว้ที่ลำคอแต่ทว่าเธอก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งที่รอยปากแผลของเธอก็ยังแทบจะไม่มีเลือดไหลออกมาเลยทั้งๆ ที่จุดที่ใบมีดของเวก้าปักเข้าไปควรจะเป็นเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอซะด้วยซ้ำ
“แค่นี้มันยังไม่พอจริงๆ ด้วยสินะครับ…”
“……….”
คำพูดพึมพำของเวก้าไม่ได้ทำให้โจน่าให้ความสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่เธอทำก็มีเพียงแค่การเหลือบตาไปมองดูมีดที่ปักคาอยู่ที่ลำคอของเธอด้วยสายตาเย็นชาจนทำให้เคนที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะร้องโวยวายออกมา
“เดี๋ยวดิ— นี่มันเรื่องอะไรกันแน่หะยัยแมวจิ๋ว!? ไหงคนที่ปกป้องเธอดันเป็นไอ้เจ้าคนน่าสงสัยนี่แล้วซิสเตอร์โจน่าเขาถึงทำท่าเหมือนจะบีบคอเธอแทนกันได้เล่า!?”
“แล้วหนูจะไปรู้ได้ยังไงอ่ะ!? แต่ว่าพี่โจน่าเขาโดนมีดปักคออยู่อย่างงั้นต้องรีบพาไปโรงพยาบาลแล้วหรือเปล่าน่ะ…”
ทีเอร่าที่ได้ยินคำถามของเคนได้ร้องโวยวายกลับไปใส่เขาก่อนที่เธอจะหันไปมองดูซิสเตอร์พี่เลี้ยงที่คอยดูแลเธอมานานนับเดือนและพูดพึมพำออกมาด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ทางด้านริวที่เก็บดาบคาตานะของเขาเข้าฝักอีกครั้งหนึ่งแล้วแต่ยังคงตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้อยู่ก็ได้เอ่ยปากพูดถามโจน่าขึ้นมา
“ตอนแรกผมก็คิดจะถามอยู่ว่าทำไมถึงเป็นคุณที่ออกมาต้อนรับพวกผมแทนที่จะเป็นซิสเตอร์คนเดิม… แต่ตอนนี้คงจะต้องเปลี่ยนคำถามเป็น เกิดอะไรขึ้นกับซิสเตอร์คนเดิมที่เคยดูแลโบสถ์หลังนี้กันแน่ครับ?”
“ถ้าเกิดว่าเป็น… แค่ก!!”
ในขณะที่โจน่ากำลังจะเอ่ยปากพูดตอบคำถามของริวกลับไปนั้นเองเธอก็ได้สำลักเล็กน้อยและยกมือขึ้นมาปาดหยดเลือดที่ไหลออกมาจากปากของตนขึ้นมาจ้องมองดูก่อนที่เธอจะตัดสินใจที่จะยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปจับที่ด้ามมีดของเวก้าที่ปักคาคอของเธออยู่และออกแรงดึงมันออกมาก่อนที่จะมีใครทันได้ห้ามอะไร
พรวด—
ในทันทีที่โจน่าดึงมีดออกมาจากลำคอของตัวเองนั้นเอง เลือดที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววว่าจะหลั่งไหลออกมาเลยแม้แต่น้อยก็ได้พุ่งทะลักออกมาราวกับน้ำตก
แต่ถึงอย่างนั้นโจน่าก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใส่ใจอะไรบาดแผลของเธอมากนักเมื่อเธอได้ยื่นมือของเธอไปกุมเอาไว้ที่ปากแผลก่อนที่ทันใดนั้นเองกลุ่มหมอกควันที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณจะค่อยๆ หมุนวนและไหลเวียนเข้าไปที่บริเวณลำคอของเธอ
ฟู่ว…
และในทันทีที่โจน่าลดมือของเธอลงทุกคนก็ได้เห็นว่าในบัดนี้บาดแผลฉกรรจ์ถึงแก่ชีวิตที่ลำคอของเธอได้จางหายไปเป็นปลิดทิ้งเหลือเพียงคราบเลือดสีแดงฉานที่เปรอะเปื้อนตามลำคอ เสื้อผ้าและฝ่ามือของเธอเพียงเท่านั้น
ซึ่งโจน่าก็ได้ไอเอาเลือดที่คาอยู่ในลำคอของเธอออกมาก่อนที่เธอจะพูดตอบคำถามก่อนหน้านี้ของริวขึ้นมา
“แค่ก แค่ก— ขออภัยค่ะ… สำหรับซิสเตอร์คนก่อนเขาเพิ่งจะเกษียณไปก่อนหน้านี้ไม่นานเพื่อใช้เวลาพักผ่อนน่ะค่ะ”
“พ…พ…พี่โจน่า…?”
สภาพของโจน่าที่หายจากอาการบาดเจ็บเป็นปลิดทิ้งอย่างน่าอัศจรรย์ได้ทำให้ทีเอร่าได้แต่พูดชื่อของอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยความตกตะลึง แต่ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะรู้สึกเป็นห่วงอยากเข้าไปดูอาการของพี่โจน่าของเธอ แต่ทว่าเธอก็ยังไม่ลืมว่าเมื่อสักครู่นี้เธอเกือบจะถูกอีกฝ่ายบีบเข้าไปที่ลำคาด้วยสีหน้าเย็นชา
ซึ่งท่าทางหวาดๆ ของทีเอร่านั้นก็ได้ทำให้โจน่าเผยท่าทีลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ทีเอร่า…”
“เฮ้ย— เดี๋ยวดิ! นี่สรุปว่าเธอเป็นตัวอะไรกันแน่หะ!? นี่เธอเอาซิสเตอร์โจน่าตัวจริงไปไว้ที่ไหน!?”
ในขณะที่ซิสเตอร์พี่เลี้ยงและซิสเตอร์ฝึกหัดจากโบสถ์ของเทพธิดาแห่งความตายกำลังจ้องมองกันอย่างเงียบๆ อยู่นั้นเอง อยู่ๆ เคนที่เพิ่งจะตั้งสติได้ก็ได้ร้องโวยวายขึ้นมาและชี้ดาบของเขาตรงไปทางโจน่าด้วยท่าทางหวาดระแวงจนทำให้โจน่าต้องพูดตอบเขากลับไป
“ฉันก็คือซิสเตอร์โจน่าคนเดิมนั่นแหล่ะค่ะคุณเคน ที่คุณริวเขาถามถึงนั่นเขาหมายถึงซิสเตอร์คนก่อนที่เคยดูแลโบสถ์นี้ก่อนฉันจะมารับตำแหน่งต่างหากล่ะคะ…”
“หา? ไอ้เรื่องซิสเตอร์คนเก่านั่นฉันไม่สนใจหรอกน่า! ที่ฉันถามนั่นฉันหมายถึงว่าซิสเตอร์โจน่าคนที่สนิทกับยัยแมวจิ๋วนี่หายไปไหนแล้วต่างหากเล่า! ซิสเตอร์โจน่าคนนั้นไม่มีทางทำท่าเหมือนกับจะบีบคอยัยแมวจิ๋วนี่ได้หรอก!”
“เรื่องนั้น…..”
โจน่าที่ได้ยินเคนพูดถึงเรื่องที่เธอเพิ่งจะทำลงไปเมื่อสักครู่นี้ได้แสดงท่าทีลำบากใจออกมาอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่โจน่าจะได้พูดตอบอะไรกลับมาเวก้าที่ยืนกุมแขนที่หักงอผิดรูปของเขาอยู่ก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาเสียก่อน
“มันเป็นเพราะเครื่องสื่อสารที่ทีเอร่าพยายามจะใช้เมื่อสักครู่นี้ใช่หรือเปล่าล่ะครับ…?”
“เครื่องสื่อสาร? หมอนั่นหมายถึงอะไรน่ะยัยแมวจิ๋ว?”
คำพูดของเวก้าได้ทำให้เคนที่ดูเหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องเครื่องมือสื่อสารเหมือนกับคนอื่นๆ ในทีมของเขาต้องพูดถามทีเอร่าที่ถูกพูดถึงขึ้นมา ในขณะที่ทางด้านริวที่ยังคงจับดาบคาตานะเตรียมความพร้อมอยู่กับลูกน้องของเขาทั้งสองคนก็ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจในบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
“อ…เอ่อ…”
ส่วนทางด้านทีเอร่าที่อยู่ๆ ก็ตกเป็นเป้าสนใจนั้นก็ได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดอธิบายเรื่องเครื่องสื่อสารขนาดเล็กของเอริกะที่ควรจะถูกปิดเอาไว้เป็นความลับขึ้นมาดีหรือไม่ หรืออย่างน้อยๆ ก็จนกระทั่งเธอหันไปเห็นเวก้าที่ยืนอยู่ข้างๆ กันพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เธอพูดได้นั่นเองเธอจึงไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นมาในทันที
“คือ… แบบว่ามันเป็นอุปกรณ์ของพี่เอริกะเขาอ่ะ หนูก็เลยบอกอะไรไม่ได้เท่าไหร่เหมือนกัน…”
“แต่ว่าเจ้าอุปกรณ์นั่นก็ดันไปรบกวนคุณเข้า ถึงคุณจะไม่รู้ว่าสัญญาณที่คอยรบกวนคุณอยู่มันคืออะไรกันแน่ แต่ว่าที่ผ่านมาคุณก็พยายามที่จะตามหามันมาตลอดจนเป็นสาเหตุให้คุณบังเอิญไปเจอทีเอร่าบ่อยๆ ในตอนที่เธอบอกว่าออกไปเล่นในเมืองใช่หรือเปล่าล่ะครับ?”
“นี่คุณ… เป็นใครกันแน่ แล้วรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน”
โจน่าที่ได้ยินสิ่งที่เวก้าพูดขึ้นมาได้ขมวดคิ้วพูดถามเขากลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ถึงอย่างนั้นเวก้าที่ได้ยินคำถามของโจน่าก็กลับแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาก่อนที่เขาจะพูดตอบคำถามของเธอกลับไป
“ถึงตอนแรกมันจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ว่าหลังจากที่ผมแอบตามคุณมาตลอดหลังจากที่เห็นคุณออกไปช่วยชาวบ้านแถวชานเมืองตอนที่เมืองนี้ถูกโจมตีผมก็พอจะสังเกตเห็นว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองในช่วงนี้มันเป็นฝีมือของคุณไม่ผิดแน่ล่ะครับ…”
“ถ้างั้นก็แปลว่าที่ฉันรู้สึกเหมือนกับถูกจับตามองดูอยู่ตลอดนั่นมันเป็นฝีมือของคุณเองงั้นสินะ…”
ซิสเตอร์โจน่าขมวดคิ้วพูดตอบเวก้ากลับไป ในขณะที่ทางด้านทีเอร่าก็ได้ร้องโวยวายขึ้นมาเมื่อเธอได้รู้ถึงสาเหตุที่เวก้าหายตัวไป
“นี่พี่เดดารัสหายตัวไปเพราะไปตามแอบดูพี่โจน่าเขาเนี่ยนะ!?”
“….ผมขอโทษครับ”
เวก้าที่ได้ยินคำพูดตำหนิของทีเอร่าได้ก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิดที่เขาปล่อยให้ทีเอร่าต้องทำงานในเมืองนี้ด้วยตัวคนเดียวสักพักใหญ่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นตัวเวก้าเองก็มีสาเหตุที่ต้องทำอย่างนั้น เพราะว่าในตอนที่เขาได้เห็นหญิงสาวที่มีหน้าตาเหมือนกับ เจน คนรักของเขาที่ควรจะเสียชีวิตไปแล้วกำลังวิ่งไปช่วยเหลือพวกชาวบ้านอยู่ในเมืองนั้น เขานึกว่ามันเป็นฝีมือของเอริกะที่แอบปิดบังเขาเรื่องที่เจนยังมีชีวิตอยู่และส่งเธอมาทำงานที่เมืองแพนเทร่านี้จนทำให้เขาเริ่มที่จะระแวงเอริกะขึ้นมา
แต่ทว่าก่อนที่เวก้าจะได้พูดอธิบายอะไรออกมาเคนที่ยืนฟังอยู่ก็ได้เอ่ยปากพูดถามขึ้นมาเสียก่อน
“เดี๋ยวนะ ถ้าฟังจากที่นายพูดมาก็คือว่าซิสเตอร์โจน่าเขาสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังใช้ไอ้เจ้าเครื่องมือสื่อสารอะไรนั่นก็เลยพยายามตามหาต้นตอมาตลอดงั้นสินะ? ถ้าอย่างงั้นแล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาความแตกเอาป่านนี้ล่ะว่าที่จริงแล้วเป็นฝีมือของยัยแมวจิ๋วนี่น่ะ?”
“นั่นสิครับ… ดูเหมือนว่าซิสเตอร์โจน่าเองก็เป็นซิสเตอร์พี่เลี้ยงของเด็กคนนี้ด้วย เพราะงั้นก็น่าจะต้องอยู่ด้วยกันเกือบจะตลอดเลยไม่ใช่หรอครับ?”
ริวที่ยืนตั้งท่าเฝ้าระวังอยู่กับลูกน้องของเขาก็ได้เอ่ยปากพูดถามขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน และนั่นก็ทำให้ทั้งโจน่าและเวก้านิ่งเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่เวก้าจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“นั่นเป็นเพราะว่าในใจลึกๆ แล้วคุณก็หวังว่าคนที่กำลังใช้เครื่องมือสื่อสารอยู่ในเมืองนี้จะไม่ใช่ทีเอร่าเขาใช่หรือเปล่าล่ะครับ? เพราะแบบนั้นเวลาที่คุณตามสัญญาณการสื่อสารไปแล้วจะเจอทีเอร่าอยู่ที่นั่นแต่ว่าในทุกๆ ครั้งคุณก็จะหวังว่ามันคงจะไม่ใช่ทีเอร่าแล้วพยายามมองหาคนอื่นที่อยู่แถวๆ นั้นมากกว่า… เหมือนกับที่ผมหวังว่าคนที่ก่อเรื่องทั้งหมดนี่ขึ้นมาจะไม่ใช่คุณนั่นล่ะครับ…”
“หวังว่าจะไม่ใช่ฉัน? ทั้งๆ ที่คุณก็แอบตามฉันมาตลอดจนน่าจะรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเนี่ยนะคะ?”
โจน่าที่ได้ยินคำพูดของเวก้าได้ขมวดคิ้วพูดถามเขากลับไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจในตัวของชายหนุ่มเบื้องหน้า เพราะว่าทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะจัดการหักแขนของเขาจนหักงอผิดรูปจนอาจจะไม่มีวันรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ทว่าเขาก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะโกรธแค้นหรือว่าจะเกลียดชังอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งคำพูดของโจน่านั้นก็ได้ทำให้เวก้าหลับตาลงเล็กน้อยด้วยท่าทีโศกเศร้าก่อนที่เขาจะลืมตากลับขึ้นมาและจ้องมองตรงไปยังโจน่าพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“เพราะว่าถึงมันจะมีโอกาสแค่หนึ่งในหมื่นหรือหนึ่งในล้าน แต่ผมก็ยังคงหวังว่าคุณอาจจะเป็นคนคนเดียวกับเธอคนนั้นก็ได้… เธอคนนั้นที่เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผม… เธอคนนั้นที่ต้องจากไปเพราะความดื้อรั้นที่โงเง่าของผม… ถึงผมจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ… แต่ว่าผมก็หวังว่าคุณจะเป็นคนเดียวกับเจ—”
“โอ๊ะโอ๋~ สต็อปปุ~ สต็อปปุ~ ฉันแนะนำว่านายอย่าพูดชื่อนั้นขึ้นมาจะดีกว่านะ~”