Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 202 : Sounded Alarm
“แล้วนี่เธอจะมายืนเฝ้าฉันอยู่อีกนานมั้ยเนี่ยหะยัยแมวจิ๋ว ไม่คิดจะไปเล่นกับพวกเพื่อนของเธอที่มาที่นี่เมื่อวานนี้หรอไง!?”
ในขณะที่ทางด้านนากากำลังคุยกับเซซิเรียและต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่บุกมาถึงบ้านพักของไดเอน่านั่นเอง ทางด้านคนที่ยืนเฝ้าระวังอยู่ที่ด้านหน้าทางลงสุสานใต้ดินของโบสถ์อยู่ดั่งเช่นทุกวันก็ได้เอ่ยปากพูดถามทีเอร่าที่มายืนเฝ้าเขาอยู่ตั้งแต่เช้าตรู่ขึ้นมา
ซึ่งนั่นก็ทำให้ทีเอร่าที่ถือกิ่งไม้เอาไว้ในมือและกำลังใช้มันแกว่งเข้าใส่ม่านหมอกเล่นอยู่ต้องทำหน้ามุ่ยตอบเขากลับไป
“พวกหนูไม่ได้เล่นสักหน่อย! แล้วงานของหนูตอนนี้ก็คือการจับตาดูพี่เคนเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนจนกว่าพวกพี่โมโกะเขาจะเจอพวกพี่รัซเซลต่างหากล่ะ!”
“เหอะ ต่อให้เธอไม่เฝ้าฉันก็ไม่คิดจะหนีไปไหนสักหน่อย แล้วเด็กๆ อย่างเธอจะมาพูดว่าทำงงทำงานอะไรกัน เป็นเด็กก็หัดออกไปวิ่งเล่นสนุกให้สมวัยบ้างสิเฮ้ย!”
“เรื่องวิ่งเล่นสนุกนั่นหนูทำตอนอยู่ที่บ้านมามากจนเกินพอแล้วล่ะค่ะ…”
คำพูดของเคนได้ทำให้ทีเอร่าชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะละสายตาออกมาจากเขาและพูดพึมพำออกมาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็นิ่งเงียบไปไม่นานสักเท่าไหร่นักเมื่อเธอได้ย่อตัวลงไปนั่งยองๆ อยู่กับพื้นและใช้กิ่งไม้ในมือวาดรูปวงกลมและเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ จำนวนมากลงไปเรียงกันรอบๆ วงกลมนั้น
ซึ่งภาพของตัวอักษรประหลาดๆ จำนวนมากที่ทีเอร่าขีดเขียนลงไปที่พื้นนั้นก็ได้ทำให้เคนต้องชะโงกหน้าไปมองด้วยความสนใจก่อนที่เขาจะพูดถามขึ้นมาเมื่อเพราะว่าสิ่งที่เด็กสาวหูแมวคนนี้กำลังทำอยู่มันดูไม่เหมือนการวาดรูปเล่นหรืออะไรแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ทำอะไรของเธอเนี่ย… หือ?”
แต่แล้วในขณะที่เคนกำลังจะพูดถามทีเอร่าเกี่ยวกับสิ่งที่เธอกำลังอยู่ขึ้นมานั้นเอง อยู่ๆ ก็ได้มีชายหนุ่มสวมแว่นผมสีน้ำตาลในชุดทหารของเมืองแพนเทร่าเดินนำนายทหารอีกสี่คนเดินตรงหายเข้าไปข้างในตัวโบสถ์ที่อยู่ข้างๆ กันจนทำให้เคนต้องสะกิดทีเอร่าให้หันไปมองดู
“เฮ้ยยัยแมวจิ๋ว ทหารพวกนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเธอหรือเปล่าน่ะ?”
“เอ๋? อันนี้หนูไม่รู้เรื่องเลยนะ… แล้วก็ไม่น่าจะใช่ฝีมือของพี่เอริกะหรือพวกพี่โมโกะเขาด้วยมั้ง เพราะยังไม่เห็นมีใครติดต่อมาบอกอะไรเลยนี่นา”
“แล้วถ้างั้นเจ้าพวกนั้นจะมาที่นี่ทำไม?”
เคนที่ได้รับคำตอบจากทีเอร่าได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยท่าทีครุ่นคิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวจะได้มีเวลาทันทำอะไร ประตูด้านข้างของตัวโบสถ์ก็ได้ถูกเปิดออกก่อนที่ซิสเตอร์โจน่าจะเดินนำทหารกลุ่มนั้นมาทางพวกเขาและเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“นี่คือคุณเคน ทหารรับจ้างที่มารับงานเฝ้าทางลงให้ชั่วคราวแทนทหารคนนั้น ส่วนเด็กคนนี้ชื่อว่าทีเอร่าเป็นซิสเตอร์ฝึกหัดที่เพิ่งมาเริ่มฝึกกับทางโบสถ์ได้ไม่นานน่ะค่ะ”
“ผม ริว เป็นทหารประจำหน่วย ไวท์ ฮาวด์ ครับ ต้องขอขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือในการรักษาความปลอดภัยมาจนถึงวันนี้นะครับ แต่ว่าเดี๋ยวหลังจากนั้นพวกผมจะมารับช่วงต่อเองครับ”
ทหารหนุ่มสวมแว่นผมสีน้ำตาล หรือก็คือ ริว หัวหน้าของหน่วยทหารของอาริสะได้ยิ้มพูดอธิบายขึ้นมาให้เคนที่รับงานเฝ้าสุสานอยู่ฟัง และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องเลิกคิ้วพูดถามโจน่าขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เพราะว่าทางโบสถ์ที่เขารับงานมาไม่ได้แจ้งเรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้าเลย
“จะยกเลิกสัญญาจ้างแล้วงั้นหรอ? แต่ก็เอาเถอะถ้าทางโบสถ์เขาว่าอย่างงั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
“ถ้ายังไงคุณเคนก็ไปพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันขอดูพวกคุณริวสักพักนึงแล้วจะตามไปคุยเรื่องค่าชดเชยก็แล้วกันนะคะ”
ซิสเตอร์โจน่าที่โดยปกติแล้วมักจะเป็นคนที่ดูใจดีและมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอๆ นั้นได้พูดตอบเคนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะเรียบเฉยกว่าปกติมากราวกับว่าตัวเธอเองก็รู้สึกไม่ชอบใจเช่นเดียวกัน และนั่นก็ทำให้เคนอาสาที่จะเสนอตัวช่วยอีกฝ่ายจับตาดูเหล่าทหารของทางเมืองขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันช่วยเธอดูเจ้าพวกนี้ด้วยก็แล้วกันว่าจะทำงานได้ถูกต้องหรือเปล่าน่ะ”
“เอ๋!? อย่างพี่เคนที่แอบงีบหลับบ่อยๆ —”
“เงียบน่ายัยแมวจิ๋ว!”
เคนขึ้นเสียงขัดทีเอร่าที่พยายามจะปากโป้งขึ้นมา ในขณะที่ทางด้านริวก็ได้ยิ้มให้กับพวกเขาอย่างเป็นมิตรและพูดสั่งงานทหารในหน่วยของเขาขึ้นมาแบบไม่คิดจะปิดบังอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าอย่างงั้นทุกคนกระจายไปทำหน้าที่ได้เลยครับ อย่าลืมล่ะว่าต้องตรวจสอบโลงศพนั้นให้แน่ใจ แล้วไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็ให้กลับมารายงานในทันทีเข้าใจมั้ยครับ?”
“ครับ!!”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ ที่พวกคุณบอกว่าตรวจสอบโลงศพนี่หมายความว่ายังไงกันคะ?”
ซิสเตอร์โจน่าที่ได้ยินว่าพวกทหารของเมืองแพนเทร่าจะลงไปตรวจสอบโลงศพที่สุสานใต้ดินได้ร้องขัดขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นนายทหารทั้งสองคนที่ได้รับคำสั่งไปแล้วก็กลับไม่สนใจเธอและเดินหายเข้าไปข้างในสุสานใต้ดิน จะมีก็เพียงแค่ริวที่เป็นหัวหน้าหน่วยที่หันไปพูดตอบคำถามของโจน่าขึ้นมา
“ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องเสียมารยาทต่อผู้ตายที่จะไปรบกวนการพักผ่อนของพวกเขานะครับ แต่ว่าในคราวนี้มันเป็นเหตุจำเป็นเพราะงั้นคงจะต้องขอรบกวนพวกเขาสักหน่อยแล้วน่ะครับ”
“แต่ว่า—”
“เรื่องนี้เป็นคำสั่งของทางวังหลวงที่ว่าให้มาตรวจสอบดูที่นี่เพื่อความปลอดภัยน่ะครับ ถ้ายังไงรบกวนคุณซิสเตอร์ให้ความร่วมมือแต่โดยดีด้วยนะครับ”
“………”
คำพูดของริวที่อ้างถึงคำสั่งของทางวังหลวงแพนเทร่าได้ทำให้โจน่านิ่งเงียบไปด้วยสีหน้าคับข้องใจเหมือนกับว่าเธอไม่เห็นด้วยเลยแม้แต่น้อยที่จะต้องทำตามคำสั่งของทางวังหลวงและปล่อยให้เหล่าทหารพวกนี้เข้าไปรบกวนการพักผ่อนของผู้จากไปในสุสานใต้ดินของเธอ ซึ่งท่าทางของโจน่าที่ดูราวกับว่าเธอพร้อมที่จะขัดคำสั่งของทางวังหลวงตรงๆ ก็ได้ทำให้เคนที่เห็นแบบนั้นตัดสินใจที่จะช่วยพูดขึ้นมาด้วยอีกคน
“ถ้าจะบอกว่ามาตรวจสุสานเพื่อความปลอดภัยงั้นมันก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องโจรปล้นสุสานนั่นใช่มั้ยล่ะ แต่หน้าที่อย่างงั้นมันน่าจะเป็นหน้าที่ของทหารยามไม่ใช่ทหารจากข้างในวังหลวงแบบพวกนายไม่ใช่หรอไง?”
“สำหรับเรื่องนั้นผมคงจะบอกได้แค่ว่าท่านอาริสะบอกว่าสุสานใต้ดินแห่งนี้เป็นจุดสำคัญที่จะต้องรีบมาตรวจสอบก่อนที่สถานการณ์หมอกพวกนี้มันจะแย่ลงไปกว่านี้น่ะครับ…”
ริวที่โดนเคนพูดถามขึ้นมาตรงๆ นั้นได้พยายามที่จะพูดบ่ายเบี่ยงกลับไปก่อนที่ทันใดนั้นเองเขาจะหันไปเห็นวงกลมและสัญลักษณ์บางอย่างที่ทีเอร่ากำลังขีดเขียนเล่นอยู่และนั่นก็ทำให้เขาไม่รอช้าที่จะพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาในทันที
“นั่นมันแผนผังวงจรวิซแบบโบราณไม่ใช่หรอครับ? ที่โบสถ์นี้สอนเรื่องแบบนั้นด้วยหรอครับเนี่ย?”
“เอ๋ะ…?”
คำพูดของริวได้ทำให้โจน่าแสดงท่าทางแปลกใจออกมาก่อนที่เธอจะเดินตรงเข้าไปดูผลงานที่ทีเอร่าขีดเขียนเล่นและพูดถามเด็กสาวขึ้นมาด้วยท่าทางใจดีผิดกับท่าทางที่ติดจะเคร่งเครียดเมื่อสักครู่นี้หน้ามือเป็นหลังมือ
“หนูรู้เรื่องวงจรวิซแบบโบราณด้วยหรอจ๊ะทีเอร่า? ขนาดพี่เองก็ยังไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยนะ”
“อ่ะ— เอ่อ… คือหนูเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับวงจรพวกนี้มาจากห้องสมุดก่อนที่จะมาที่นี่อ่ะค่ะ ปกติเขาไม่รู้เรื่องแบบนี้กันหรอคะ?”
“ไม่เชิงว่าแปลกหรอกครับ แค่ว่าปกติแล้วจะไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องอะไรแบบนี้กันสักเท่าไหร่… ขนาดผมที่ประจำอยู่ในวังหลวงเองก็ยังเคยเห็นคนแค่คนเดียวเท่านั้นเองที่เขียนวงจรวิซขึ้นมาได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเปิดสมุดจดดูแบบนี้น่ะครับ”
ริวที่ลองสังเกตดูวงจรวิซที่ประกอบไปด้วยสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นอักขระภาษาโบราณจำนวนมากที่ถูกขีดเขียนล้อมวงกลมวงใหญ่เอาไว้เป็นชั้นๆ ได้เอ่ยปากพูดชมเด็กสาวขึ้นมา เพราะว่าหลังจากที่เขาได้ติดตามเป็นลูกน้องของอาริสะเขาก็พอจะเห็นของอะไรแบบนี้ผ่านตามาบ้างจนพอจะดูออกได้ว่าวงจรวิซที่เด็กสาวขีดเขียนเล่นขึ้นมานั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างจะสมบูรณ์เลยทีเดียว แต่ติดอยู่ตรงที่ว่ามันถูกเขียนลงไปบนพื้นดินไม่ใช่บนคริสตัลวิซเพราะงั้นมันก็คงจะใช้การอะไรไม่ได้นั่นเอง
และถึงแม้ว่าทางด้านริวจะเอ่ยปากชมและโจน่าจะมีท่าทางภูมิใจที่ซิสเตอร์ฝึกหัดของเธอมีความสามารถแบบนั้นก็ตามที ทางด้านเคนก็กลับยักไหล่พูดขึ้นมาแบบไม่สนใจอะไรมากนัก
“ยัยแมวจิ๋วนี่ก็รู้อะไรประหลาดๆ เยอะดีจังวุ้ย…ว่าแต่—หืม?”
แต่แล้วในขณะที่เคนกำลังจะพูดสอบถามทีเอร่าขึ้นมาอยู่นั้นเองเขาก็กลับเหลือบไปเห็นร่างเงาของชายหนุ่มผมสั้นในชุดผ้าคลุมที่ยืนอยู่บนหลังคาบ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจนทำให้เขาต้องชะงักไปก่อนที่เขาจะเลื่อนมือไปจับเอาไว้ที่ดาบของตนเองที่ห้อยเอาไว้ที่ข้างเอวและพูดถามริวขึ้นมาในทันที
“เฮ้ย ไอ้คุณหัวหน้าหน่วย พวกนายได้เตรียมพลซุ่มยิงหรืออะไรพวกนั้นมาด้วยหรือเปล่า…?”
“ไม่นะครับ ทำไมหรอครับ?”
ริวที่ถูกเคนพูดถามขึ้นมาได้ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดตอบกลับไปตามตรง เพราะว่าพลซุ่มยิงประจำหน่วยของเขานั้นกำลังพักฟื้นอยู่หลังจากที่ถูกไคเลอร์เล่นงานไปบนหลังคาบ้านในตอนที่พวกเขาพยายามจะลอบสังหารเซซิเรียเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งคำตอบของริวนั้นก็ได้ทำให้เคนชักดาบออกมาในทันทีก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ถ้างั้นพวกเราก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาหาแล้วล่ะ!”
“—!?”
คำพูดของเคนได้ทำให้ทุกคนต้องหันไปมองดูด้านบนหลังคาบ้านตรงจุดที่เด็กหนุ่มมองตรงไปกันในทันที และนั่นก็ทำให้พวกเขาได้พบเข้ากับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสวมผ้าปิดตาในชุดผ้าคลุมนักเดินทางที่กำลังยืนจ้องมองตรงมาทางพวกเขาอยู่อย่างเงียบๆ
“อ่ะ— พี่—”
“นั่นมันผู้ชายเมื่อตอนนั้นนี่—!?”
ในขณะที่ทีเอร่ากำลังจะเอ่ยปากพูดทักเวก้าที่หายตัวไปนานขึ้นมาอยู่นั้นเอง ซิสเตอร์โจน่าก็ได้หลุดพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะว่าผู้ชายที่ยืนอยู่บนหลังคานั้นก็คือ เดดารัส หรือ เวก้า รีวิซ ชายหนุ่มที่บุกเข้ามาจู่โจมเธอในตรอกชานเมืองเมื่อวานนี้นั่นเอง
ซึ่งเวก้าที่เห็นว่าการแอบซุ่มรอจังหวะของเขาถูกเปิดเผยแล้วก็ได้สะบัดผ้าคลุมของเขาออกให้พ้นทางเผยให้เห็นยูนิตสำหรับการบินรุ่นทดลองของเอริกะที่เขายึดมาใช้งานที่ถูกกางออกเผยให้เป็นลำกล้องปืนจำนวนมากที่อัดแน่นอยู่ภายในและเอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ
“ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากจะให้มันต้องลงเอยแบบนี้เลยจริงๆ นะครับ… เจน…”
“อ่ะ— คุณเอริกะกลับมาแล้วหรอครับ!”
ในขณะที่กำลังเกิดเรื่องที่โบสถ์อยู่นั้นเอง ทางด้านคอนแนลที่สังเกตเห็นเอริกะเดินกลับขึ้นมาจากเขตใต้ดินของสุสานหลวงพร้อมกับหญิงสาวที่ชื่อว่านัวร์ก็ได้ร้องทักหญิงสาวนักประดิษฐ์ขึ้นมา
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเอริกะที่กำลังขมวดคิ้วน้อยๆ โดยที่แว่นตากรอบสีแดงของเธอก็กำลังเรืองแสงออกมาเล็กน้อยก็กลับไม่ได้พูดตอบอะไรเขากลับมาจนทำให้นัวร์ที่เดินตามหลังเธอมาด้วยตัดสินใจที่จะพูดตอบให้แทน
“พอดีว่าด้านล่างนั่นมีอะไรน่าเป็นห่วงนิดหน่อย เอริกะจังเขาก็เลยต้องเช็กอะไรผ่านแว่นตาวิเศษก่อนสักหน่อยนึงน่ะจ้ะคอนแนลคุง~”
“เงียบน่านัวร์ นี่คอนแนล เมื่อกี้นี้ตอนที่ไดเอน่าติดต่อไปหาเธอนี่ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ผ่านเครื่องมือสื่อสารบ้างหรือเปล่า?”
เอริกะที่ยกมือขึ้นไปกดที่ขาแว่นของเธอจนทำให้แสงสว่างบนเลนส์แว่นตาของเธอวูบดับไปนั้นได้ดันหัวของนัวร์ให้ถอยห่างออกไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดถามคอนแนลขึ้นมา และนั่นก็ทำให้คอนแนลไม่รอช้าที่จะพูดบอกสิ่งที่เขาได้ยินเมื่อตอนคุยกับไดเอน่าขึ้นมาในทันที
“ผมว่าจะบอกคุณเอริกะเรื่องนี้พอดีเลยน่ะครับว่าเครื่องมือสื่อสารมันเหมือนจะมีปัญหานิดหน่อย คือแบบว่ามันมีเสียงซ่าๆ เหมือนกับเวลาที่วิทยุสื่อสารที่กลุ่มดอว์นใช้กันมันจับสัญญาณไม่ได้น่ะครับ”
“ใช่จริงๆ ด้วยสินะ… แบบนี้ก็แปลว่าที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ แล้วสิเนี่ย…”
คำตอบของคอนแนลได้ทำให้เอริกะต้องยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ เพราะว่าในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างพยายามที่จะเข้ามายุ่งกับระบบสื่อสารที่พวกเธอใช้งานกันอยู่จริงๆ
ซึ่งคำพูดพึมพำของเอริกะนั้นก็ได้ทำให้นัวร์ที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
“เอาจริงๆ ฉันคิดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมากว่ามันเป็นเพราะพวกข้างล่างนั่นตื่นกลับขึ้นมาแล้วนั่นแหล่ะ แต่ว่าพวกเขาจะตั้งใจหรือว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะนะ~”
“ก็แล้วใครมันจะไปคิดล่ะว่าเรื่องมันจะไปถึงขั้นนั้นแล้วแถมพวกเขายังใช้คลื่นสัญญาณแบบเดิมอยู่อีกล่ะ!? นี่ถ้าเกิดว่าเธอไม่โผล่มานี่ฉันจะนึกว่ามันเป็นฝีมือของพวกเธอที่พยายามจะดักฟังพวกฉันซะด้วยซ้ำ!”
“แหม่ ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ว่าเธอเอาช่องสัญญาณนั้นไปใช้สำหรับอุปกรณ์สื่อสารเหมือนกันเนี่ยแหล่ะ ก็ว่าอยู่สิว่าทำไมถึงต้องติดตั้งเสาสัญญาณตั้งเยอะขนาดนั้นน่ะ อ่ะ—แต่ไม่เป็นไรนะเอริกะจัง เอาเป็นว่าฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องความลับของเครื่องสื่อสารของเธอก็แล้วกัน~”
นัวร์ที่ยังคงเกาะแกะเอริกะอยู่ไม่ยอมปล่อยได้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เอริกะและเอ่ยปากพูดตอบเธอกลับไป ในขณะที่ทางด้านคอนแนลก็ได้พูดถามเอริกะเกี่ยวกับเรื่องปัญหาของอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา
“เอ่อ… แล้วสรุปว่าอุปกรณ์สื่อสารของคุณเอริกะมีปัญหาจริงๆ งั้นหรอครับ?”
“อื้ม… จะให้อธิบายมันก็ลำบาก แต่ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ ก็คือว่าตอนนี้มีคนนอกกำลังแอบดักฟังระบบการสื่อสารของพวกเราอยู่น่ะ”
“เอ๋ะ? ถ้างั้นไอ้เจ้าเสียงซ่าๆ ที่ผมได้ยินนั่นมันก็—”
“นั่นมันคือเสียงที่บ่งบอกว่าระบบป้องกันของเอริกะกำลังพยายามป้องกันการแทรกแซงจากภายนอกอยู่ยังไงล่ะจ๊ะ~”
นัวร์ที่เห็นว่าคอนแนลเหมือนจะจับต้นชนปลายได้แล้วได้พูดอธิบายขึ้นมาให้แทนเอริกะพร้อมกับขยิบตาให้เขา ซึ่งเอริกะก็พยักหน้าให้กับคำอธิบายของนัวร์ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ใช่ เพราะงั้นที่สำคัญตอนนี้ก็น่าจะเป็นการต้องรีบไปบอกไดเอน่ากับทีเอร่าว่าให้หยุดใช้เครื่องมือสื่อสารไปก่อนจนกว่าจะแก้ไขปัญหาได้… จะว่าไปพวกเธอได้เจอทีเอร่าเขาแล้วหรือยัง รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ทีเอร่าเขาอยู่ที่ไหนน่ะ?”
“เมื่อวานนี้ได้เจอกันแล้วล่ะครับ เห็นเด็กคนนั้นเขาบอกว่าไปขออาศัยอยู่ที่โบสถ์แถวๆ กลางเมืองที่โมโกะไปมาเมื่อวานนี้น่ะครับ”
“โบสถ์กลางเมือง…? ที่อยู่ข้างๆ สวนสาธารณะกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นน่ะนะ…?”
คำตอบของคอนแนลได้ทำให้เอริกะชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะกลอกตาไปมาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนแล้วจึงเอ่ยปากพูดสั่งเขาขึ้นมา
“เอ่อ….. เอาเป็นว่าวันนี้เธอกลับไปพักก่อนก็แล้วกันนะคอนแนล เดี๋ยวฉันไปบอกไดเอน่ากับทีเอร่าเขาเองก็แล้วกัน”
“อ่ะๆ แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจะพูดว่าถ้ามีใครจะจำหน้าเธอคนนั้นได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นพ่อหนุ่มคนนี้—”
โป๊ก!!
“แอ๊ก—”
แต่แล้วในขณะที่นัวร์กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างออกมาอยู่นั้นเอง เอริกะก็ได้ส่งสันมือสับลงไปที่กลางหน้าผากของนัวร์เพื่อเป็นการขัดขวางในทันที แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านคอนแนลที่ได้ยินคำพูดบางส่วนของนัวร์ที่ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับตัวเขาก็ได้พูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“คุณเอริกะจะตามหาใครหรอครับ? ถ้ายังไงจะให้ผมช่วยก็ได้นะครับ”
“เอ่อ… แต่ว่าเรื่องนี้มันอาจจะทำให้เธอไม่สบายใจได้น่ะ ไม่สิ ฉันว่ามันจะทำให้เธอไม่สบายใจแน่ๆ ล่ะ…”
“เรื่องนั้นถ้าเกิดว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับการแก้ปัญหาเรื่องหมอกพวกนี้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“อื้ม… ถ้าเธอว่าอย่างงั้นล่ะก็นะ…”
เอริกะที่ได้ยินคำตอบของคอนแนลได้ก้มหน้าลงด้วยท่าทีครุ่นคิดก่อนที่จะเงยหน้ากลับขึ้นมาและเอ่ยปากพูดบอกคอนแนลไปตรงๆ
“ถ้างั้นฉันฝากเธอลองตามหาผู้หญิงผมสีทองที่หน้าตาคล้ายๆ เจเนตให้หน่อยสิ”
“เจเนตงั้นหรอครับ…?”
คอนแนลที่ได้ยินคำขอของเอริกะได้เลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อ เจเนต อยู่บ้างแต่ว่าเขาก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินชื่อนั้นมาจากที่ไหนมาก่อน และนั่นก็ทำให้ให้เอริกะที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคอนแนลน่าจะยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้ตัดสินใจที่จะพูดชื่อที่เด็กหนุ่มคุ้นเคยกว่าขึ้นมา
“ชื่อของเจเนตที่เธอรู้จักน่าจะเป็นชื่อว่า เจน มากกว่าล่ะมั้ง… เจน คนที่เป็นหัวหน้าสาวใช้ของเวก้าเขาที่ตายไปแล้วน่ะ…”