Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 140 : Guesstimate
ครืดดดดด
“กลับมาแล้วค่ะพี่ไดเอน่า— อ่ะ พี่โมโกะมาเปลี่ยนผ้าพันแผลหรอคะ ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ”
หลังจากที่พวกนากาและไดเอน่าพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกันได้สักพักหนึ่งแล้ว ประตูของห้องพยาบาลก็ถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมๆ กับที่คาร์เทียร์ได้ก้าวเท้าเข้ามาภายใน ซึ่งเมื่อคาร์เทียร์หันมาเห็นโมโกะที่กำลังนั่งจ้องหน้าของอีฟเล่นอยู่เธอก็รีบขอโทษขอโพยออกมาพร้อมกับรีบเดินไปคุ้ยหาอุปกรณ์ทำแผลต่างๆ ออกมาจากตู้เก็บอุปกรณ์อย่างรวดเร็วจนทำให้โมโกะต้องรีบพูดขึ้นมา
“ไม่เป็นไรหรอก… พวกฉันเองก็เพิ่งมาเหมือนกัน…”
“งั้นหรอคะ แต่ถ้ายังไงเอาเป็นว่าพี่โมโกะมานั่งตรงนี้ก่อนดีกว่าค่ะเดี๋ยวหนูจะได้เริ่มตรวจให้เลย”
คาร์เทียร์พูดตอบโมโกะกลับไปพร้อมกับบอกให้อีกฝ่ายย้ายที่ไปนั่งตรงโต๊ะตรวจอาการอีกฝั่งหนึ่งแทนก่อนที่เธอจะหันไปพูดบอกกับไดเอน่าที่ยังคงนั่งเฝ้ามายะอยู่ไปพร้อมๆ กัน
“อ่ะ จริงด้วย พี่ไดเอน่าจะพาพี่มายะไปเลยก็ได้นะคะ”
“แต่มายะเขายังดูมึนๆ อยู่เลยนะจ๊ะ”
คำพูดของคาร์เทียร์ได้ทำให้ไดเอน่าหันกลับไปมองมายะอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงพูดถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยความกังวลใจ แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านคาร์เทียร์ก็กลับพูดตอบเธอกลับไปแบบไม่ได้กังวลอะไรมากนัก
“ที่พี่มายะเขาดูมึนๆ ขนาดนั้นน่าจะเป็นเพราะว่าพี่เขาเพิ่งจะตื่นเฉยๆ น่ะค่ะ ส่วนเรื่องผลข้างเคียงของตัวยานี่อีกสักสิบนาทีก็น่าจะหายแล้วล่ะค่ะ”
“แต่ถ้าคิดว่ามายะเขาทานยาไปตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้แล้วอีกสิบนาทีนี่มันก็นานอยู่เหมือนกันนะจ้ะคาร์เทียร์จัง นี่ยาที่ทางโรงพยาบาลผลิตออกมามันมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าน่ะ?”
“มันก็ไม่เชิงว่าผลิตออกมาพลาดหรอกค่ะ ถ้าเอาตามที่พี่อารอนเคยบอกเอาไว้นี่เหมือนว่าตัวยาตัวนี้เนี่ยมันจะมีส่วนผสมของสมุนไพรตัวนึงมากเกินไปมันก็เลยจะออกมามีฤทธิ์ทำให้มึนๆ แบบนี้น่ะค่ะ… ที่น่าจะเป็นคำถามจริงๆ นี่น่าจะเป็นเรื่องที่ว่าทำไมทางโรงเรียนถึงเลือกเอายาตัวนี้มาใช้มากกว่าล่ะมั้งคะ”
คาร์เทียร์พูดตอบไดเอน่ากลับไปพร้อมทั้งยิงคำถามใส่ประธานนักเรียนสาวกลับไปด้วยสายตานิ่งๆ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันก็มีตัวยาตัวอื่นที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าให้เลือกจัดซื้ออยู่ด้วยเช่นกัน แต่ว่าภายในห้องพยาบาลแห่งนี้นอกจากตัวยาสำรองส่วนตัวของอารอนแล้วก็กลับมีตัวยาฤทธิ์แรงตัวนี้ให้เลือกใช้ได้แค่ตัวเดียว
ซึ่งคำถามของคาร์เทียร์นั้นก็ได้ทำไดเอน่าต้องเอียงคอนึกถึงเรื่องเอกสารการจัดหายาประจำห้องพยาบาลในปีก่อนๆ ที่เคยผ่านตาเธอมาบ้างเช่นเดียวกัน
“เอ… ถ้าจำไม่ผิดนี่เรื่องการจัดหาตัวยาสำรองต่างๆ ภายในโรงเรียนจะเป็นหน้าที่ของอาจารย์ประจำห้องพยาบาลคนที่แล้ว…. อ่ะ— อ–เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันขอตัวพามายะจังเขาออกไปเตรียมตัวก่อนก็ละกัน ไว้เจอกันข้างนอกตอนประชุมกลุ่มนะจ๊ะนากาคุง~”
ในขณะที่ไดเอน่ากำลังพูดพึมพำเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ประจำห้องพยาบาลคนก่อนหน้าอารอนออกมาอยู่นั้นอยู่ๆ เธอก็ชะงักไปแล้วจึงรีบเอ่ยปากขอตัวออกมาและลากตัวมายะที่ยังคงมีท่าทีมึนๆ อยู่ออกจากห้องพยาบาลไปอย่างรวดเร็วจนทำให้โมโกะและนากาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาด้วยความงงงวย
“อาจารย์ห้องพยาบาลคนเก่าหรอ…?”
“เอ… ถ้าฉันจำไม่ผิดเหมือนอารอนจะเคยหลุดปากออกมาว่าอาจารย์ห้องพยาบาลคนเก่าเคยก่อเรื่องอะไรเอาไว้จนทางโรงเรียนต้องไปจ้างอารอนมาแทนล่ะมั้ง… นายพอจะรู้อะไรเรื่องนี้หรือเปล่าน่ะคอนแนล?”
“เอ่อ… เรื่องนี้ผมขอไม่พูดอะไรดีกว่าครับ…”
คอนแนลที่ถูกนากาพูดถามขึ้นมาได้เบี่ยงตาและพูดบอกปัดออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งถึงแม้ทางด้านนากาจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้างแต่เขาก็คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองมากนักเขาจึงหันกลับไปพูดกับคาร์เทียร์เกี่ยวกับสาเหตุที่พวกเขามาที่นี่ขึ้นมาแทน
“ถ้ายังไงเดี๋ยวขอฉันฝากโมโกะไว้ที่นี่สักแป๊บนึงก็แล้วกันนะคาร์เทียร์ เพราะว่าเดี๋ยวพวกฉันจะต้องไปประชุมกับกลุ่มดอว์นกันน่ะ”
“ได้อยู่แล้วสิคะ ถ้างั้นพี่โมโกะอยู่นิ่งๆ ก่อนก็แล้วกันนะคะ”
คาร์เทียร์พยักหน้าตอบนากากลับไปพร้อมกับลงมือปลดผ้าพันแผลของโมโกะออกเพื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บของเด็กสาว ในขณะที่ทางด้านนากาก็ได้พยักหน้าให้กับโมโกะเล็กน้อยและโบกมือลาอีฟที่กำลังจะเดินไปเอาหน้าแนบกับกระจกเพื่อมองออกไปดูด้านนอกอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะเดินนำคอนแนลออกไปจากห้องพยาบาล
ซึ่งเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากห้องพยาบาลแล้วพวกเขาก็ได้พบเข้ากับพวกอัลเบิร์ตและซิลเวสที่ดูเหมือนว่าจะกำลังเดินไปเข้าร่วมประชุมอยู่พอดี โดยที่ห่างออกไปนิดหน่อยก็มีซึบากิที่สะพายดาบใหญ่สีม่วงประจำตัวกำลังเดินแอบเดินตามมาอยู่ห่างๆ ด้วยอีกคนหนึ่ง พวกเขาจึงพากันเดินไปยังห้องโถงชั้นหนึ่งเพื่อไปรวมกลุ่มกับไดเอน่าและนักเรียนกลุ่มดอว์นที่จับกลุ่มกันอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
และเมื่อไดเอน่าเห็นว่าสมาชิกส่วนมากของกลุ่มดอว์นเริ่มมารวมกลุ่มกันแล้วเธอจึงได้หันไปสะกิดเรมิเลียเด็กสาวผมสีดำสวมแว่นตาที่เป็นหนึ่งในสมาชิกสภานักเรียนให้ช่วยจัดการความเรียบร้อยให้เธอจนทำให้เรมิเลียต้องก้าวออกมาเบื้องหน้าพร้อมกับร้องบอกทุกคนขึ้นมาเสียงดัง
“สมาชิกที่มาถึงแล้วรบกวนช่วยนั่งเรียงแถวตามห้องเรียนของตัวเองกันด้วยค่ะ แล้วคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดช่วยนับจำนวนสมาชิกจากห้องของตัวเองกันหน่อยว่ามากันครบแล้วหรือยัง!”
“รับทราบครับ/ค่ะ!”
หลังจากที่เด็กนักเรียนทั้งสามคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดพูดตอบรับเรมิเลียกลับไปแล้วพวกเขาก็ได้ใช้เวลาสักพักหนึ่งในการนับจำนวนคนก่อนจะรายงานกลับไปให้เธอฟัง และเมื่อเรมิเลียได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพูดสั่งขึ้นมาต่อ
“ถ้ามากันครบแล้วก็ช่วยลดเสียงลงกันด้วยค่ะ เดี๋ยวท่านประธาน—โอ๊ยๆ! ด–เดี๋ยวไดเอน่าเขาจะเริ่มอธิบายแล้วนะ!”
ในขณะที่ไดเอน่ากำลังพูดเตือนนักเรียนคนอื่นๆ ออกมาอยู่นั้นเอง อยู่ๆ เธอก็ถูกไดเอน่ายื่นมือออกมาหยิกแขนจนต้องหลุดเสียงร้องออกมา และเมื่อไดเอน่าจัดการสั่งสอนเพื่อนสาวของเธอเสร็จแล้วเธอจึงก้าวออกมาเบื้องหน้าพร้อมกับพูดบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดเปิดการประชุมของกลุ่มดอว์นออกมา
“บอกกี่ทีก็ไม่เคยจำเลยนะว่าถ้าตามปกติก็ให้เรียกแบบธรรมดาๆ ก็พอแล้วน่ะ… เอาล่ะ ถ้างั้นก็มาเข้าเรื่องกันเลยก็แล้วกันนะ ไหนกลุ่มที่รับหน้าที่เฝ้าประตูเมืองวันนี้มีอะไรต้องมารายงานบ้างหรือเปล่าเอ่ย?”
“ที่ประตูเมืองปกติดีครับ! รอบก่อนเจ้าพวกนั้นก็แค่ฉวยโอกาสบุกมาตอนที่พวกเราไม่ทันตั้งตัวแค่นั้นแหล่ะครับ!”
“ใช่แล้วล่ะครับ! ตอนนี้พวกเรามีเวลาให้เตรียมพร้อมแถมยังใช้ยูนิตกันเป็นแล้วเจ้าพวกนั้นก็เลยกลัวจนไม่กล้าบุกมาอีกรอบยังไงล่ะ!!”
เด็กหนุ่มสองคนที่พูดตอบไดเอน่ากลับไปด้วยท่าทีอวดดีนั้นก็คือ อากิ และ ริวโตะ สองเด็กหนุ่มตระกูลขุนนางจากเมืองซากิและเมืองยูกิที่มาจากห้องเรียนที่หนึ่งนั่นเอง
ซึ่งน้ำเสียงและท่าทีอวดดีของเด็กหนุ่มทั้งสองคนนั้นก็ถึงกับทำให้เซซิลที่มาจากหมู่บ้านแถวๆ เมืองซากิและเมืองยูกิด้วยเช่นกันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยใจ ในขณะที่ทางด้านไดเอน่านั้นก็ไม่คิดอะไรมากกับท่าทางอวดดีของทั้งสองคนและค่อนข้างจะรู้สึกโล่งใจซะด้วยซ้ำที่ไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้นมาพร้อมกับพูดย้ำเตือนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก็ดีแล้วล่ะจ้ะ แล้วก็อย่าลืมนะว่าระหว่างที่ประจำการอยู่ที่ประตูเมืองถ้ามีใครสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ก็ให้รีบแจ้งข่าวผ่านหน่วยวิทยุสื่อสารมาได้ทุกเมื่อเลยนะ”
“รับทราบครับ!”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับท่านประธาน!”
อากิและริวโตะพูดรับคำของไดเอน่าขึ้นมาเสียงดัง และเมื่อไดเอน่าเห็นว่าไม่มีรายงานอะไรอย่างอื่นมาจากกลุ่มเด็กนักเรียนที่ไปประจำการที่ประตูเมืองเมื่อเช้านี้แล้วเธอจึงได้พูดเข้าเรื่องหัวข้อการประชุมถัดไปเลยในทันที
“ถ้างั้นก็มาเรื่องถัดไปเลยก็แล้วกันเนอะ อย่างที่พวกเธอน่าจะเห็นแล้วว่าพวกเรามีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน เพราะงั้นก็เลยน่าจะได้เวลาอันดีที่เราจะตั้งหน่วยย่อยหน่วยใหม่ที่จะทำหน้าที่สืบหาคนที่หายไปในเหตุการณ์เมื่อวันก่อนกันแล้วล่ะจ้ะ”
“แต่ถึงรวมสองคนใหม่เข้ามาด้วยพวกเราก็ยังมีกันไม่ถึงสามสิบคนเลยนะคะท่านประธาน!”
“คนที่หายไปนี่หมายถึงอาจารย์อารอนน่ะหรอคะ!?”
“แต่ถ้าแบ่งคนออกไปตั้งหน่วยใหม่นี่หน่วยเฝ้ากำแพงจะมีคนไม่พอเอานะครับคุณไดเอน่า…”
คำพูดประกาศของไดเอน่าได้ทำให้เกิดเสียงจอแจขึ้นมาในทันที และนั่นก็ทำให้เรมิเลียต้องรีบเดินออกมาช่วยไดเอน่าพูดอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนช่วยอยู่ในความสงบด้วยค่ะ ท่านประธา–โอ๊ย!? ไดเอน่าเขายังพูดไม่จบเลยนะ”
เรมิเลียที่เผลอหลุดปากเรียกไดเอน่าว่าประธานอีกครั้งหนึ่งนั้นได้ถูกไดเอน่าเอื้อมมือมาหยิกแขนเป็นครั้งที่สองด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนที่ประธานนักเรียนสาวของรีมินัสจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อเมื่อเด็กนักเรียนกลุ่มดอว์นทุกคนถูกเสียงร้องของเรมิเลียดึงความสนใจไปจนเงียบเสียงกันไปแล้ว
“ขอบใจมากจ้ะเรมิเลีย ฉันเข้าใจดีว่าพวกเรายังคงขาดแคลนกำลังคนอยู่มาก แต่ไม่ว่ายังไงทั้งตัวฉันเองทั้งกลุ่มสภานักเรียนและทางโรงเรียนไม่สามารถตัดใจรออยู่เฉยๆ จนกว่าคนที่สูญหายไปจะกลับมากันเองได้ เพราะฉะนั้นในเวลาที่ทางวังหลวงของเมืองต่างๆ เอาแต่เก็บตัวเพื่อป้องกันตัวเองแบบนี้ พวกเรานี่แหล่ะที่จะต้องเป็นคนยื่นมือออกไปช่วยเหลือพวกเขา ให้พวกเขาได้รู้ว่าโลกใบนี้ยังมีแสงสว่างที่ถูกเรียกว่าความหวังอยู่ ให้สมกับที่พวกเราเรียกตัวเองกันว่ากลุ่มดอว์นยังไงล่ะ”
หลังจากที่สิ้นเสียงพูดของไดเอน่าไปแล้วในห้องโถงของอาคารเรียนก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของนักเรียนคนหนึ่งที่ไม่ได้สังกัดอยู่ในกลุ่มดอว์นแต่ว่ามายืนฟังอยู่ในโถงทางเดินด้วยความอยากรู้อยากเห็นเอ่ยปากถามขึ้นมา
“หมายความว่านอกจากอาจารย์อารอนแล้วกลุ่มดอว์นก็จะออกไปตามหาพวกชาวบ้านคนอื่นๆ ที่อาจจะหายตัวไปในเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นด้วยหรอครับคุณไดเอน่า”
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ นอกจากอาจารย์อารอนที่หายตัวไปแล้วพวกเราก็มีแผนการจะออกไปช่วยเหลือพวกชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆ อยู่ด้วยเหมือนกัน”
ไดเอน่าที่ได้ยินคำถามของเด็กนักเรียนชายคนนั้นได้หันไปพูดตอบเขาอย่างไม่ถือสากับการที่มีคนนอกพูดถามขึ้นมาในระหว่างการประชุมของกลุ่มดอว์น ซึ่งหลังจากที่เด็กนักเรียนชายคนนั้นได้ยินเข้าเขาก็พยักหน้าถี่ๆ ด้วยความยินดีก่อนจะรีบวิ่งออกไปทางลานอเนกประสงค์เพื่อบอกเรื่องนี้ให้เหล่าเด็กนักเรียนที่มาจากนอกเมืองคนอื่นๆ ทราบ
ส่วนทางด้านนากาเองที่ได้ยินเรื่องแผนการตามหาอารอนของไดเอน่าก็นึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องของหมู่บ้านที่นับถือเทพมังกรที่อารอนเหมือนจะให้ความสนใจ เขาจึงไม่รอช้าที่จะยื่นมือออกไปสะกิดไหล่ของรีซาน่าที่นั่งอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับพูดถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“จริงด้วยสิ— รีซาน่าๆ ฉันขอบอกเรี่องที่เธอคุยกับฉันเมื่อตอนนั้นกับไดเอน่าเขาได้หรือเปล่าน่ะ!?”
“อ–เอ๊ะ? เรื่องเมื่อตอนนั้นนี่หมายถึงตอนไหนหรอคะนากาคุง?”
“ก็เรื่องหมู่บ้านของเธอที่ฉันเคยขอแผนที่มานั่นไง! ที่จริงแล้วคนที่ฝากฉันมาถามหาก็คืออารอนนั่นแหล่ะ ไม่แน่ว่าที่เขาหายตัวไปนี่อาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ได้นะ!!”
“เอ๋!? ถ้างั้นจะรอช้าอะไรอยู่อีกล่ะคะ รีบๆ ไปบอกคุณไดเอน่าเขาได้แล้วค่ะ!!”
หลังจากที่รีซาน่าได้ยินคำพูดของนากาเข้าไปนั้นเธอก็ส่งเสียงร้องออกมาเสียงดังและแทบจะจับตัวนากาโยนไปหน้าแถวเลยซะด้วยซ้ำ ซึ่งเสียงของรีซาน่าที่ดังไม่ใช่น้อยนั้นก็ได้ทำให้เรมิเลียต้องพูดเตือนออกมา
“ตรงนั้นอย่าเพิ่งคุยกันสิคะ ถ้ามีอะไรอย่างน้อยๆ ก็รอให้ไดเอน่าเขาพูดจบก่อน”
“อ–อ่า ขอโทษที แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญน่ะ ถ้ายังไงฉันขอเวลาไดเอน่าสักแป๊บนึงจะได้หรือเปล่า?”
“หืม? เรื่องสำคัญหรอ ลองเล่ามาให้ฉันฟังก่อนสินากาคุง”
ไดเอน่าที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเรมิเลียกับนากานั้นได้กวักมือเรียกให้นากาเดินเข้าไปหาเธอ ซึ่งเมื่อนากาได้รับคำอนุญาตแล้วเขาก็ไม่รอช้าที่จะรีบเดินเข้าไปพูดบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องความสนใจของอารอนที่มีต่อหมู่บ้านของรีซาน่าในทันที
“เธอพอจะจำเรื่องหมู่บ้านที่นับถือเทพเจ้ามังกรที่คุณปู่แม็กซ์ฝากฉันไปบอกอารอนได้หรือเปล่าล่ะ เมื่อตอนที่ฉันไปที่บ้านของเธอนั่นน่ะ ก่อนหน้านี้ฉันลองไปสืบดูแล้วเหมือนว่าที่นั่นอาจจะเป็นหมู่บ้านของรีซาน่าเขาก็ได้น่ะ ฉันก็เลยลองขอแผนมาจากรีซาน่าแล้วเอาไปให้อารอนเขาได้สักพักนึงแล้วล่ะ ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้ เพราะเห็นว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เจอเบาะแสอะไรเกี่ยวกับเขาเลยใช่หรือเปล่าล่ะ?”
“หมู่บ้านของรีซาน่าจังงั้นหรอ… ถ้างั้นนี่ก็เป็นเบาะแสชิ้นแรกที่เป็นชิ้นเป็นอันพอจะให้สาวต่อได้เลยล่ะ… เอาเป็นว่าเดี๋ยวนายไปนั่งรอกับมายะเขาตรงนั้นก่อนแป๊บนึงนะ”
ไดเอน่าที่อยู่ๆ ก็ได้เบาะแสของอาจารย์อารอนอย่างคาดไม่ถึงนั้นได้รีบบอกให้นากาไปนั่งรออยู่กับมายะที่ยังคงมีท่าทีสะลึมสะลืออยู่เล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันกลับไปทางด้านนักเรียนของกลุ่มดอว์นและรีบประกาศหาอาสาสมัครสำหรับก่อตั้งทีมค้นหาในทันที
“มีการเปลี่ยนแปลงแผนเล็กน้อย ถ้าเกิดว่ามีใครสนใจจะเข้าหน่วยสืบสวนและค้นหาขอให้ออกมาหาเรมิเลียได้เลยจ้ะ ส่วนคนอื่นที่ไม่สนใจสามารถแยกย้ายกันไปได้เลยจ้ะ แล้วก็รีซาน่าจังช่วยมาทางนี้หน่อยสิ”
“อ่ะ—ค่ะ!”
รีซาน่าขานตอบไดเอน่ากลับไปและรีบลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆ มายะกับนากาในขณะที่ทางด้านไดเอน่าก็เฝ้ามองดูเด็กนักเรียนกลุ่มดอว์นที่ทยอยเดินจากไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน
ซึ่งในกลุ่มคนที่เหลืออยู่นั้นก็ล้วนแต่เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันในห้องสามอย่างอัลเบิร์ต รีซาน่า เซซิล ซิลเวส ซึบากิและคอนแนล ที่เมื่อรวมนากาแล้วก็มีเพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้นในขณะที่เนลนั้นกลับเดินหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทันได้รู้ตัว
และเมื่ออัลเบิร์ตที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของกลุ่มเด็กนักเรียนห้องสามหันกลับมามองคนที่เหลืออยู่แล้วเขาพูดขึ้นมาแบบไม่ไว้หน้าคนที่เดินออกไปเลยแม้แต่น้อย
“เหลือแค่พวกเราเจ็ดคนเองงั้นหรอ? ให้ตายสิ… เจ้าพวกลูกขุนนางห้องหนึ่งห้องสองนั่นพอเห็นว่าเป็นงานที่อาจจะต้องเดินทางไกลๆ ก็พากันหัวหดกันหมดเลยหรือไงกัน”
“แต่ว่าคุณเนลเองก็ไม่อยู่เหมือนกันนะคะ”
รีซาน่าที่ได้ยินคำพูดบ่นเสียงดังของอัลเบิร์ตได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็ทำให้อัลเบิร์ตต้องหันไปมองทางเธออย่างหน่ายๆ
“โธ่เอ๊ย เธอก็หัดใช้หัวคิดซะบ้างสิ ก็เจ้าหมอนั่นมันเก่งเรื่องการตามหาคนหายซะที่ไหนกันเล่า แทนที่จะให้เจ้าเนลออกไปเดินตามหาคนหายกับพวกเรา สู้ให้มันไปนั่งลับดาบอยู่ที่กำแพงเมืองยังจะมีประโยชน์กว่าอีก”
“นี่—”
“เอาล่ะๆ ถ้ายังไงเรามาอธิบายถึงแผนการตามหาคนหายกันดีกว่าเนอะ”
ในขณะที่รีซาน่ากำลังจะพูดฉะปากกลับไปใส่อัลเบิร์ตอยู่นั้นเอง ทางด้านไดเอน่าที่เห็นว่าเด็กจากห้องสามทั้งสองคนกำลังจะเริ่มทะเลาะกันเองก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินนำนากากลับเข้าไปใกล้กลุ่มของพวกอัลเบิร์ตก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“ถ้าจากจำนวนคนตอนนี้ฉันว่าพวกเราน่าจะแบ่งหน่วยค้นหาออกเป็นสองกลุ่มได้ กลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มของนากาคุงที่จะออกไปตามหาเบาะแสของอาจารย์อารอนที่ด้านนอกเมือง ส่วนกลุ่มที่สองให้ลองค้นหาเบาะแสของอาจารย์อารอนจากด้านในตัวเมืองกันก่อน แล้วถ้าได้เรื่องอะไรก็ค่อยออกไปค้นหาตามเบาะแสที่ได้มา—”
“มีคำถาม!”
“ว่าไงจ๊ะอัลเบิร์ตคุง?”
“เรื่องของกลุ่มที่สองนั่นน่ะก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันเป็นวิธีพื้นฐานในการตามหาคน แต่ทางด้านกลุ่มหนึ่งนั่นน่ะจะแยกออกไปค้นหาข้างนอกเมืองก่อนทำไม หรือว่าที่จริงแล้วเธอมีเบาะแสอะไรอยู่แล้วถึงได้รีบตั้งหน่วยค้นหาขนาดนี้?”
ในทันทีที่ไดเอน่าได้ยินอัลเบิร์ตพูดถามขึ้นมาตรงๆ แบบนั้นเธอก็ได้หันกลับไปพยักหน้าให้กับนากาเพื่อให้เขาที่รู้จักกับอารอนมานานเป็นคนพูดอธิบายออกมาด้วยตัวเอง
“ก่อนหน้านี้อารอน… อาจารย์อารอนเคยฝากให้ฉันค้นหาข้อมูลของหมู่บ้านแห่งหนึ่งน่ะ แล้วหมู่บ้านที่ว่านั่นเหมือนจะเป็นหมู่บ้านของรีซาน่าพอดี ฉันก็เลยคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ที่อาจารย์อารอนเขาอาจจะแวะไปที่หมู่บ้านของรีซาน่าก่อนจะเดินทางกลับมาที่โรงเรียนแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อนก็ได้”
“อาจจะ? งั้นก็แปลว่าแม้แต่ตัวนายเองก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่งั้นสินะ ถ้างั้นมันจะไม่ดีกว่าหรือไงถ้าเรารวมกลุ่มช่วยกันค้นหาภายในเมืองก่อนแล้วถ้าไม่ได้เรื่องอะไรจริงๆ ก็ค่อยออกไปตามข้อสันนิษฐานของนายน่ะ”
“เรื่องนั้นมันก็…”
นากาที่ได้ยินคำพูดของอัลเบิร์ตเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดตอบอีกฝ่ายกลับไปอย่างไรดีเช่นกัน เพราะถ้าเกิดว่ากลุ่มค้นหาที่มีอยู่แค่เจ็ดคนแบบนี้ต้องถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มมันก็คงจะทำให้การค้นหาลำบากกันทั้งสองทางแน่ๆ
ซึ่งท่าทีลำบากใจของนากานั้นก็ทำให้ไดเอน่าตัดสินใจที่จะช่วยพูดขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง เพราะว่าแต่เดิมแล้วแผนการแบ่งทีมค้นหาเป็นสองกลุ่มนี้มันก็เป็นความคิดของเธอเองเสียด้วย
“ถ้าเรื่องการแบ่งกลุ่มนี่ให้ฉันอธิบายเองดีกว่า… ก็จริงอยู่ที่ว่าการแบ่งทีมค้นหาออกเป็นสองหน่วยมันอาจจะทำให้การค้นหาล่าช้าลง แต่ว่าจากเบาะแสที่นากาคุงเขาพูดขึ้นมามันก็มีความเป็นได้มากว่าอาจารย์อารอนอาจจะอยู่ที่หมู่บ้านของรีซาน่าเขาจริงๆ เพราะงั้นฉันก็เลยคิดว่าพวกเราไม่ควรจะทิ้งเบาะแสที่มีอยู่ไปเฉยๆ น่ะ”
“ถ้าท่านประธานว่ามาแบบนั้นผมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
คำตอบของไดเอน่าได้ทำให้อัลเบิร์ตยักไหล่พูดตอบกลับไป เพราะว่าการเริ่มต้นสืบหาตัวคนหายจากเบาะแสที่มีอยู่ก่อนแล้วก็เป็นหนึ่งในวิธีการค้นหาที่ได้ผลดีเช่นเดียวกัน ส่วนทางด้านไดเอน่าเองที่ได้ยินอัลเบิร์ตเรียกตัวเองว่าท่านประธานก็ได้พูดขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ ที่ถึงกับทำให้เรมิเลียที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันต้องแอบขยับตัวถอยห่างออกไป
“เรียกฉันว่าไดเอน่าเฉยๆ ก็พอแล้วล่ะจ้ะ”
“อ่า ถ้างั้นก็ขอไม่เกรงใจกันเลยก็แล้วกันนะไดเอน่า”
อัลเบิร์ตที่ปกติแล้วก็ไม่ใช่คนที่จะพูดจาสุภาพอะไรอยู่แล้วได้พยักหน้ารับคำของไดเอน่าแต่โดยดีและนั่นก็ทำให้ไดเอน่าเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมาแล้วจึงเริ่มต้นพูดแจกแจงงานออกมาให้พวกเขา
“ถ้าอย่างงั้นฉันขอแบ่งสมาชิกหน่วยค้นหาออกเป็นสองกลุ่มก็แล้วกันนะ กลุ่มแรกที่จะต้องออกไปหาข้อมูลที่หมู่บ้านของรีซาน่าจังให้มีสี่คน กลุ่มที่สองเป็นสามคนที่เหลือให้รับหน้าที่หาข้อมูลจากในเมือง ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะอยู่กลุ่มไหนพวกเธอก็ตกลงกันเอาเองเลย เพราะไหนๆ พวกเธอก็มาจากห้องสามเหมือนกันก็น่าจะรู้ฝีมือกันดีอยู่แล้วนี่นะ”
“อ่า… ถ้าอย่างงั้นฉันขออยู่กลุ่มที่หนึ่งเลยแล้วกันนะคะ เพราะถ้าเกิดว่าไม่มีฉันไปด้วยล่ะก็ทุกคนคงจะได้หลงป่ากันอยู่แถวนั้นจนหาทางเข้าหมู่บ้านไม่เจอแน่ๆ เลยล่ะค่ะ”
รีซาน่าที่ได้ยินถึงวิธีการแบ่งกลุ่มของไดเอน่าได้รีบเสนอตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มหนึ่งในทันทีเนื่องจากเธอรู้ตัวดีว่าหมู่บ้านของตนเองไม่ค่อยจะต้อนรับคนนอกสักเท่าไหร่นักแถมยังเข้าถึงได้ยากอีกด้วย ส่วนทางด้านนากาเองก็รีบพูดเสนอตัวขึ้นมาด้วยเช่นกันเพราะเขาไม่มีทางยอมที่จะพลาดโอกาสออกไปตามหาตัวอารอนที่เปรียบเสมือนกับพี่ชายแท้ๆ ของเขาอย่างแน่นอน
“ฉันเองก็ขออยู่กลุ่มที่หนึ่งด้วย… แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเธอสักหน่อยได้หรือเปล่าน่ะไดเอน่า”
“หืม? ขอร้องฉันหรอจ๊ะ?”
“อื้ม… ถ้าเกิดว่าจะต้องออกไปตามหาเบาะแสของอาจารย์อารอนเขาจริงๆ ฉันอยากจะขอพาคนนอกตามไปด้วยสักสองคนน่ะ”