เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2584: จดหมาย
ตอนที่ 2584: จดหมาย
“ เจ้าเต็มใจที่จะดำเนินการหรือ ? ” นายน้อยประกายดาวไม่ได้ตื่นเต้นเลย เขาขมวดคิ้วแทน
เขารู้ดีอยู่แล้วว่าพันธมิตรสี่เส้าไม่ได้เต็มใจในการจัดการกับตระกูลเทียนหยวนมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจ จึงไม่เคยชอบบรรพชนของพันธมิตรสี่เส้า ตามความเป็นจริงเหมือนว่าพวกเขาจะปฏิเสธที่จะยื่นมือเข้ามา
กงจี้และวูหลูมาถึงข้างหน้านายน้อยประกายดาว พวกเขาเข้ามาตัวในลักษณะที่ธรรมดามากโดยไม่ได้วางท่าใ ใด ๆ
“สายลมพลิ้วกลัวมากเกินไปกับทุกสิ่งที่เขาทำ เขากังวลว่าการมีส่วนร่วมของเราจะนำไปสู่สงครามกับพันธ ธมิตรชอบธรรม แต่ข้าคิดว่านายน้อยประกายดาวควรทราบเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะดำเนินการเช่นนั น” กงจี้กล่าว
“ไม่สามารถตำหนิสายลมพลิ้วสำหรับเรื่องนี้ได้ สายลมพลิ้วกำลังพิจารณาถึงภาพรวมที่ใหญ่กว่า อย่างไรก็ต ตามพันธมิตรสี่เส้าของเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพันธมิตรชอบธรรมในตอนนี้” วูหลูพูดออกหน้าแทนสายลมพลิ้ว แม ม้ว่าจะมีความขัดแย้งระหว่างพวกเขาทั้งห้าเกี่ยวกับตระกูลเทียนหยวน แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นพันธมิตรกัน
ในเวลาเดียวกัน บรรพชนสายลมพลิ้วก็มีชื่อเสียงในพันธมิตรสี่เส้า
“นายน้อยประกายดาวรู้หรือไม่ว่าตระกูลเทียนหยวนได้รับการสนับสนุนจากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง ? พร ระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงทรงพลังมากเกินกว่าที่พันธมิตรสี่เส้าของเราจะจัดการได้ เราสามารถทำลายตระกู ลเทียนหยวนแทนนายน้อยได้ แต่นายน้อยต้องช่วยเราจัดการกับภัยคุกคามของพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง งก่อน” วูหลูกล่าวต่อ ราวกับว่าเขารู้สึกได้ว่านายน้อยประกายดาวไม่ค่อยพอใจพันธมิตรสี่เส้า เขาจึงหง งายไพ่บนโต๊ะให้เห็นกันไปเลย เขาไม่ปกปิดสิ่งใดอีกต่อไป
“ถูกต้อง หากไม่มีการคุกคามของพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงและพันธมิตรชอบธรรม เราสามารถทำลายตระกูลเทีย ยนหยวนที่อ่อนหัดได้อย่างง่ายดาย” กงจี้กล่าวอย่างเย็นชา ราวกับว่านางไม่ได้ให้ความสำคัญกับตระกูลเที ยนหยวนอย่างจริงจังเลย
“เอาล่ะ หากเป็นเช่นนั้น ข้าสัญญาว่าจะปกป้องพวกเจ้าในอนาคต ถ้าคนจากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงมาสร้าง งปัญหา ข้าจะรับหน้าเอง อืม พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงในปัจจุบันขึ้นอยู่กับองค์หญิงใหญ่เพียงคนเดียว ว พวกเขาคิดว่าพวกเขาเหมือนในอดีตจริง ๆ หรือ ? ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงใหญ่ยังมีเรื่องบาดหมางกับบรร รพชนทลายสวรรค์ หากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงมีปัญหากับภูเขาประกายดาวของเราในเวลาเช่นนี้ พวกเขาต้ องตกที่นั่งลำบากแน่นอน” นายน้อยประกายดาวกล่าวอย่างยินดี
“พวกเจ้าไม่มีเหตุผลให้ต้องกังวลเกี่ยวกับพันธมิตรชอบธรรม เมื่อการฝึกของข้าสิ้นสุดลง ข้าสามารถเรียก กผู้เชี่ยวชาญของที่ราบเมฆามาทำลายพวกมันได้ทุกเมื่อ” นายน้อยประกายดาวหยิ่งผยองมาก
อย่างไรก็ตาม เขามีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าเป็นผู้ปกครองสูงสุดบนที่รา าบประกายดาว แม้ว่าที่ราบประกายดาวจะไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมทั้งหมดของเขา แต่ก็แทบจะไม่มีความแตกต่ างจากนั้น ในฐานะที่เป็นลูกคนเดียวของใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้า นายน้อยประกายดาวมีอิทธิพลที่ไม่อ อาจประเมินได้
“ในเมื่อนายน้อยประกายดาวพูดเช่นนี้ เราก็สบายใจขึ้นมาก” ราวกับว่ากงจี้และวูหลูได้รับการปลดปล่อย จากความกังวล ในที่สุดพวกเขาก็ยิ้มกว้างอย่างสบายใจ
ในความเป็นจริง โดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครที่มีการบ่มเพาะเช่นพวกเขาต้องการพึ่งพาอาศัยผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ม ภัยคุกคามจากกลุ่มพันธมิตรชอบธรรมบังคับให้พันธมิตรสี่เส้าของพวกเขาต้องหาใครสักคนเพื่อพึ่งพา
มิฉะนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รุกรานพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง แต่พวกเขาก็ยังคงต้องพบจุดจบหากผู้เฒ่า าเทียนซานก้าวหน้าในการบ่มเพาะ
“พรุ่งนี้เช้ามากับข้า ไปทำลายตระกูลเทียนหยวน ข้าต้องการให้ซ่างกวนมู่เอ๋อมีชีวิตอยู่เพื่อที่นางจะ ะได้รับใช้ข้าอย่างเชื่อฟัง สำหรับเจี้ยนเฉิน ข้าต้องการสับเขาเป็นชิ้น ๆ ด้วยตัวเอง” นายน้อยประกายดา าวยิ้มอย่างชั่วร้าย
“เราจะสนับสนุนนายน้อยประกายดาว เราจำเป็นต้องทำลายตระกูลเทียนหยวนโดยเร็ว เผื่อในกรณีที่พันธมิตรชอบ บธรรมส่งกำลังเสริมเข้ามา” กงจี้กล่าว
“นายน้อยประกายดาว มีคนส่งจดหมายมา มันส่งตรงมาถึงนายน้อยประกายดาวเป็นพิเศษ” ผู้คุ้มกันรายงานจากด้า านนอก หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปพร้อมกับซองจดหมายในมืออย่างสุภาพ
“ช้าก่อน ! ระวัง ! ” กงจี้และวูหลูเปลี่ยนสีหน้า ก่อนที่นายน้อยประกายดาวจะรับซองจดหมาย พวกเขาก็เอ อื้อมมือออกไปและซองจดหมายก็บินไปโดยถูกยับยั้งด้วยพลังงานอันแข็งแกร่ง พวกเขากล่าวอย่างจริงจังว่า “แทบไม่มีใครรู้จักตัวตนของนายน้อยประกายดาว คนที่ส่งจดหมายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ? และเขายังรู้ ด้วยว่านายน้อยประกายดาวอยู่ในพันธมิตรสี่เส้าของเรา เราต้องระวัง”
“ฮึ่ม พวกเจ้าช่างขี้ขลาด ในโลกเซียนมีใครกันที่กล้าทำร้ายข้า ? ” นายน้อยประกายดาวกล่าวอย่างมั่นใจ
“ไม่มีร่องรอยของการการแสดงตนหลงเหลืออยู่ ใครเป็นคนส่งจดหมายกัน ? ” กงจี้และวูหลูคิด พวกเขาตรวจสอ อบซองจดหมายอย่างระมัดระวัง หลังจากยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดปกติ พวกเขาจึงส่งมอบให้กับนายน้อยประกายดาว
ในซองจดหมายมีจดหมายที่เขียนไว้บนหนังของสัตว์อสูร นายน้อยประกายดาวเปิดซองจดหมายและหยิบหนังของ สัตว์อสูรออกมา
หนังของสัตว์อสูรนั้นบางราวกับกระดาษและทนทานมาก อย่างไรก็ตาม มันว่างเปล่าโดยไม่มีคำเขียนใด ๆ เลย ย
“ตราประทับจิตสำนึก ! ” นายน้อยประกายดาวพึมพำ เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ เพียงแวบเดียวว่าหนังของสัตว์อสูรนั้นมีตราประทับจิตสำนึก
ตราประทับจิตสำนึกเป็นเหมือนสื่อกลาง ตราบใดที่เจ้าของของตราประทับรู้วิธีติดต่อกับตราประทับจิตสำนึกด ด้วยสัมผัสทางวิญญาณ พวกเขาก็จะสามารถสนทนากันได้จากระยะไกล
อย่างไรก็ตามหากเป็นคนที่ไม่รู้วิธี มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นายน้อยประกายดาวรู้สึกสนใจ เขาขยายสัมผัสทางวิญญาณของเขาโดยไม่ลังเลใด ๆ เขาติดต่อกับตราประทับจ จิตสำนึกบนหนังของสัตว์อสูร
“เจ้าบอกได้หรือไม่ว่าใครทิ้งตราประทับจิตสำนึกนี้ไว้ ? เป็นคนที่เรารู้จักหรือไม่ ? ” วูหลูถามกงจ จี้อย่างลับ ๆ
“คนที่ทิ้งมันไว้เจตนาปกปิดตัวตน มันยากที่จะบอกได้” กงจี้ส่ายหัวเบา ๆ แสงในดวงตาของนางกะพริบ ด้วยความไม่แน่ใจ
ในไม่ช้านายน้อยประกายดาวก็ลืมตาขึ้น เขายิ้มอย่างมีเลศนัยและพึมพำว่า “ข้าไม่เคยคิดว่ามันจะเป็น นแบบนี้ น่าสนใจน่าสนใจทีเดียว”
“นายน้อยประกายดาว ข้าขอถามได้ไหมว่าใครทิ้งตราประทับจิตสำนึกนี้ไว้ ? ” กงจี้ถาม
“เจ้าทุกคนรู้จักคน ๆ นี้ ชื่อของเขาคือเหลาม่านเทียน” นายน้อยประกายดาวกล่าว
“อะไรนะ ? เหลาม่านเทียน ? ” กงจี้และวูหลูตกใจ
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานหัวใจของพวกเขาก็จมลง พวกเขาค่อนข้างกังวล
เหลาม่านเทียนได้ติดต่อมายังนายน้อยประกายดาว พันธมิตรชอบธรรมวางแผนที่จะสานสัมพันธ์กับนายน้อยประ ะกายดาวด้วยหรือไม่ ?
นี่เป็นข่าวร้ายสำหรับพวกเขา
พวกเขารู้ดีอย่างยิ่งว่าความเชื่อมโยงระหว่างตระกูลเทียนหยวนและพันธมิตรชอบธรรมนั้นไม่ได้ลึกซึ้งมากน นัก เหตุผลเดียวที่พวกเขาพูดไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้นายน้อยประกายดาวไปหาพันธมิตรชอบธรรม และจากพวกเขาไป
“สถานการณ์เปลี่ยนไป เราไม่สามารถทำลายตระกูลเทียนหยวนได้ในคราวเดียว เราจำเป็นต้องกดดันพวกเขาอย่าง ช้า ๆ และบังคับผู้คนจากพันธมิตรชอบธรรม” นายน้อยประกายดาวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ราวกับว่าชัยชนะอยู่ในม มือของเขา