เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1854: การแทรกแซงของราชาเทพ
ตอนที่ 1854: การแทรกแซงของราชาเทพ
ใบหน้าของหยางไคซีดลง มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจความน่ากลัวของการโจมตีครั้งก่อนของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินผ่านร่างของเขาราวกับสายฟ้า ทำให้อวัยวะของเขาหายไป และทำให้กระดูกซี่โครงส่วนใหญ่ของเขาเป็นผง เขาบาดเจ็บสาหัสมาก
เขาหันกลับด้วยความยากลำบาก ดวงตาของหยางไคเต็มไปด้วยความเสียใจในขณะที่เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินที่อยู่ห่างไกลด้วยความโกรธและความอัปยศอดสู เขากล่าวว่า “ช่างเป็นทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลัง มันคืออะไร ? ”
“อสนีบาต ! ” เจี้ยนเฉินตอบอย่างเฉยเมย เขาเดินผ่านอากาศด้วยกระบี่สายรุ้ง ทำให้เขาก้าวไปหาหยางไคทีละก้าว
“อสนีบาต, อสนีบาต มันเหมือนสายฟ้า เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ” หยางไคพึมพำ เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับผลลัพธ์ของการต่อสู้
ไม่ใช่เพราะเขากลัวความพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรองลงมาจากราชาเทพในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนพ่ายแพ้ต่อผู้นำตระกูลเทียนหยวนที่สร้างชื่อให้ตัวเองเมื่อหลายสิบปีก่อน
ทันใดนั้นความคมชัดเพียงเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหยางไค สายตาของเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรงทันที
“ยุติการต่อสู้ที่นี่ ! ”
ในขณะนี้เสียงโบราณดังขึ้นรอบ ๆ มันเต็มไปด้วยพลังที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
เมื่อเสียงดังขึ้น พลังแห่งการมีอยู่อันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวก็ถล่มลงมาจากท้องฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นเจี้ยนเฉินหรือหยางไค พวกเขาทั้งสองรู้สึกเหมือนตอนนี้พวกเขาแบกภูเขาขนาดใหญ่สำหรับพลังแห่งการมีอยู่ที่น่ากลัว พวกเขายังดิ้นรนเพื่อเคลื่อนไหว
“ราชาเทพ ! ” เจี้ยนเฉินคิด แต่เขาไม่ได้ประหลาดใจเลย
ชายชราเสื้อคลุมสีขาวปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าอย่างเงียบ ๆ รูปร่างหน้าตาของเขาไม่มีอะไรพิเศษ
อย่างไรก็ตาม มันเป็นของเจ้าของใบหน้าที่ไม่มีคุณสมบัติพิเศษใด ๆ ซึ่งมีพลังแห่งการมีอยู่อันมหาศาล ซึ่งสยบเจี้ยนเฉินและหยางไค
แน่นอนว่าเจี้ยนเฉินและหยางไคไม่ได้ต่อต้านเช่นกัน
“ขอคารวะ,ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด ! ”
ในระยะไกล เหล่าขั้นเหนือเทพที่เฝ้าสำรวจ รวมถึงซวนเตา, ทุกคนโค้งคำนับในเวลาเดียวกันโดยไม่มีข้อยกเว้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
ซีหยูและโม่หยานซึ่งยืนอยู่ด้านหลังซวนเตา ทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจ พวกเขาทั้งสองคารวะชายชราอย่างสุภาพ ทักทายเขาอย่างนอบน้อม
มีขั้นเทพมากมายที่รวมตัวกันอยู่ข้างหลังพวกเขา ตอนนี้ทั้งหมดได้โค้งคำนับ ดวงตาของพวกเขามอดไหม้ด้วยความตื่นเต้น
ราชาเทพเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่ไม่ค่อยออกมาปรากฏตัว แม้กระทั่งพวกเขาเหล่าขั้นเทพก็เป็นไปได้ที่จะไม่มีทางได้เห็นราชาเทพเลยตลอดชีวิต การปรากฏตัวของผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด ทำให้พวกเขาได้เห็นความน่าเกรงขามของราชาเทพ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขามีชีวิตอยู่ตอ่ไปโดยไม่ต้องเสียใจอีกแล้วในชีวิตนี้
หยางไคสงบลง เขาโค้งคำนับให้ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดอย่างเคร่งขรึม ไม่ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะมีเจตนาฆ่าที่ร้ายแรงเพียงใด เขาก็ต้องระงับทุกอย่างในตอนนี้
“นี่คือผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดหรือ ? ” เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นเพื่อผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด หลังจากโค้งคำนับ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหนึ่งในสองราชาเทพผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดลอยอยู่บนท้องฟ้าในขณะที่เขาจ้องมองหยางไคและเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่คร่ำเคร่ง เขาพูดอย่างใจเย็น “ข้ารู้แล้วว่าทำไมสิ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้น หยางไคส่งคืนทองเพลิงให้เจี้ยนเฉินเดี๋ยวนี้”
“ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด ข้าซื้อทองเพลิงมาจากผู้อาวุโสของตระกูลเทียนหยวน มันเป็นของข้าแล้ว” หยางไคกล่าว ความลังเลของเขาที่จะคืนทองเพลิงนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับความหยิ่งยโสของเขา
เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าการต่อสู้ของเขากับหยางไคได้มาถึงจุดสิ้นสุดในตอนนี้ เนื่องจากผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดอยู่ที่นี่ เป็นผลให้เขาวางกระบี่สายรุ้งและเริ่มที่จะไหลเวียนของพลังบรรพกาลเพื่อรักษาตัวเอง เขากอดอกจ้องมองหยางไคอย่างเยือกเย็น
ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดมองหยางไคอย่างลึกซึ้งจากเบื้องบน เขาพูดว่า “เจ้าทั้งสองเป็นเสาหลักแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้ายังคงสร้างปัญหาเช่นนี้ มันจะเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องแบกรับความสูญเสีย ลัทธิปีศาจชั้นฟ้ากำลังจะมาถึงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาในไม่ช้า และมีเพียงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดาราที่กั้นพวกเราออกจากพวกเขา อาณาจักรของเราตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเราจะต้องไม่ปะทะกันเองในเวลาเช่นนี้และต้องไม่ทำให้ตัวเองอ่อนแอลง”
ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดเอากล่องออกมาจากแหวนมิติและพูดว่า “ข้าบังเอิญมีทองเพลิงอยู่กับตัว หยางไค ข้าจะมอบทองเพลิงให้กับเจ้า เจ้าจะได้มีวัสดุทั้งหมดเพื่อหลอมวัตถุเซียนคุณภาพสูงสุดให้ตัวเอง มอบชิ้นส่วนทองเพลิงในมือของเจ้าให้กับเจี้ยนเฉินซะ”
ในครั้งนี้ ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดบอกให้เขามอบมันไปให้กับเจี้ยนเฉินโดยตรง เขาไม่ได้พูดว่า ‘ส่งคืน’ ให้กับเจี้ยนเฉินอีกต่อไป เป็นผลให้หยางไคมีทางออกจากสถานการณ์ย่ำแย่โดยไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียง
ไม่ว่าอย่างไรหยางไคก็เป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลาย เขาเป็นเสาหลักที่สำคัญในอาณาจักร ดังนั้นแม้แต่ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดยังต้องต้องแสดงความเคารพต่อเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่การคุกคามของลัทธิปีศาจชั้นฟ้ากำลังย่างกรายเข้ามา ในช่วงเวลาเช่นนี้ขั้นเหนือเทพช่วงปลายมีความสำคัญมากกว่าหลายเท่า
หยางไคลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะยอมรับทองเพลิงของผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดในตอนท้าย เขานำทองเพลิงที่เขาเอามาจากซีหยูออกจากแหวนมิติของเขาแล้วโยนมันให้กับเจี้ยนเฉินพร้อมพูดอย่างเย็นชาว่า “เจี้ยนเฉิน ข้าจะมอบทองเพลิงเป็นของขวัญให้เจ้าเพราะเป็นคำขอของผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด”
“ไม่ใช่ของขวัญ ท่านส่งคืนมันให้ข้า ! นี่คือเหรียญผลึกระดับสูง 200,000 เหรียญของท่าน” เจี้ยนเฉินเน้นหนักและขว้างแหวนมิติกลับไปให้เขา เจี้ยนเฉินกล่าวต่อไปว่า “ทองเพลิงเป็นเรื่องรองสำหรับการต่อสู้ของเรา เหตุผลหลักคือท่านทำร้ายคนของข้า”
เจี้ยนเฉินประกาศให้โลกรู้ว่าไม่มีใครควรยั่วยุตระกูลเทียนหยวนด้วยคำพูดของเขา
หยางไคจ้องเจี้ยนเฉินอย่างเย็นชา หลังจากแค่นเสียงอย่างฉุนเฉียว เขาก้มคำนับให้ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดอีกครั้งก่อนออกเดินทาง เขากลับไปที่เมืองหลวงพร้อมกับใบหน้าที่ย่ำแย่
เขายังมีไพ่ตายสำคัญที่เขาไม่ได้ใช้ แต่เขารู้ว่าสิ่งนี้ใช้ได้กับเจี้ยนเฉินเช่นกัน อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังไม่ทันได้ใช้ปราณกระบี่อันน่ากลัวทั้งสองเส้น
“เจี้ยนเฉิน ตอนนี้ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว โปรดมาที่พระราชวัง มีเรื่องที่เราต้องการพูดคุยกับเจ้า” ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดปัดเป่าพลังแห่งการมีอยู่เขาออกไป ดูเหมือนว่าเขาจะกลับไปเป็นชายชราธรรมดาคนหนึ่ง หลังจากพูดอย่างนั้นกับเจี้ยนเฉิน เขาก็จากไปโดยตรงและกลับไปที่พระราชวัง
“น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าบรรลุความแข็งแกร่งระดับใหม่หลังจากหายไประยะหนึ่ง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะมีพละกำลังที่น่ากลัวเช่นนี้ หยางไคต้องพ่ายแพ้ให้เจ้าด้วยซ้ำไป” ซวนเตาเดินเข้ามาและพูดอย่างอบอุ่น
เหล่าขั้นเหนือเทพที่เฝ้าดูจากระยะไกลก็ขึ้นมาคุยกับเจี้ยนเฉินหลังจากลังเลเล็กน้อย ความกลัวยังปะปนอยู่ในแววตาของทุกคน
พวกเขาเข้าใจว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกเหนือจากตระกูลหยางที่เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในกลุ่มที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรแล้ว ยังมีตระกูลเทียนหยวนเพิ่มมาด้วย
เจี้ยนเฉินทักทายพวกเขาก่อนที่จะมองซีหยูและโม่หยาน “นอกเหนือจากหยางไคแล้ว ยังมีใครแตะต้องพวกเจ้าอีกหรือไม่ ? ”
เหล่าขั้นเหนือเทพจากเมืองหลวงต่างตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน เขายังไม่พอใจหลังจากการต่อสู้กับหยางไคหรือ ? เขาต้องการลงโทษคนอื่นด้วยหรือ ?
ทันใดนั้นขั้นเหนือเทพทั้งหมดเริ่มมองว่าตระกูลเทียนหยวนเป็นกลุ่มที่ไม่ควรไปยั่วยุ
หยางไคทำร้ายเพียงเซียนจักรพรรดิ แต่เจี้ยนเฉินต่อสู้อย่างดุเดือดกับเขา หากมีคนที่มีสถานะที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นถูกทำให้ขุ่นเคือง ผู้นำตระกูลเทียนหยวนคงมาเอาชีวิตของคนที่ทำ
“นอกจากนี้ยังมีผู้นำตระกูลหยาง, หยางเอ้าหราน, หยางเหลียนซิน, และผู้อาวุโส 4 คน พวกเขาทั้งหกใช้พลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาทำร้ายโม่หยาน” ซีหยูกล่าว นางไม่พอใจตระกูลหยางอย่างมาก เนื่องจากผู้นำของนางทรงพลังมาก มันจึงไม่มีเหตุผลที่นางจะต้องกลัวคนเหล่านี้อีกต่อไป
ในระยะไกล สีหน้าของผู้นำตระกูลหยางเปลี่ยนไปโดยเริ่มจากหยางเอ้าหราน พวกเขาต้องการหนีทันที
“ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ากลับไปอย่างสุขสบายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บหลังจากที่พวกเจ้าทำร้ายน้องสาวของข้าได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างเย็นชา เขายืดนิ้วของเขาทั้งหมด 6 ครั้งและปราณกระบี่อันสว่างไสว 6 เส้นก็ยิงเข้าหาขั้นเทพที่ร่วมกันจับตัวซีหยูและโม่หยาน มันเจาะร่างกายของพวกเขา ทำให้พวกเขาคร่ำครวญอย่างทุกข์ทรมาน พวกเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีหนีไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เจี้ยนเฉินไม่ได้สังหารพวกเขา เขาเพียงแค่ทำร้ายพวกเขาเป็นการลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ