เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 1465: พลังวิญญาณนักรบ (2)
ตอนที่ 1465: พลังวิญญาณนักรบ (2)
“พลังวิญญาณนักรบเป็นพลังที่เกิดขึ้นจากแก่นวิญญาณรวมกับวิญญาณ มันไม่ใช่สิ่งที่คนที่ไม่ใช่นักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะครอบครองได้ พลังวิญญาณนักรบไม่อาจจะควบคุมได้ตอนที่แก่นวิญญาณและวิญญาณนั้นผสมรวมกัน เจ้าอยู่ในขั้นตอนนั้นไปแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจว่าพลังวิญญาณนักรบนี้คืออะไร” เฮายู่ อธิบาย
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายขึ้นมา เขาได้ถามขึ้น – “พลังวิญญาณนักรบนี้เป็นการกดดันวิญญาณเป้าหมายแบบหนึ่งหรือ ? ”
“พลังวิญญาณนักรบเป็นพลังอันวิเศษ จากความเข้าใจของข้าแล้ว มันคล้ายกับการโจมตีวิญญาณและเด่นในเรื่องการคุกคามวิญญาณผู้อื่น แต่มันน่ากลัวกว่าการโจมตีวิญญาณทั่วไป เนื่องจากมีผู้บ่มเพาะไม่กี่คนที่เป็นทั้งนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในโลกของเซียน แม้แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นคนใช้มัน ข้าเคยแต่ได้ยิน ดังนั้นสิ่งที่ข้ารู้ในเรื่องนี้จึงมีจำกัด ถ้าเจ้าต้องการทำความเข้าใจรายละเอียดของมัน เจ้าคงได้แต่ตรวจสอบด้วยตัวเอง”
” แต่ข้าเคยได้ยินข่าวลือว่ามีเหนือเทพเจ้าที่เป็นทั้งนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงสามารถฆ่าเทพเป็นร้อย ๆ คนได้ในครั้งเดียวและทำให้เหนือเทพเจ้าหลายสิบคนบาดเจ็บด้วยพลังวิญญาณนักรบ เหนือเทพเจ้าสองคนนี้ถึงกับอยู่ในสามพันอันดับแรกของเหนือเทพเจ้า เจ้าน่าจะรู้ว่าพลังวิญญาณนักรบนี้ทรงพลังแค่ไหน” เฮายู่ มองไปที่เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินตกตะลึง มันไม่ได้ยากที่คนหนึ่งจะจัดการกับหลายคนที่มีระดับการบ่มเพาะเดียวกัน เขาสามารถทำแบบนั้นได้ แต่การทำให้พวกนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสในกระบวนท่าเดียวและฆ่าคนหลายร้อยคนที่มีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่านั้นน่าตกใจเกินไป ยังไงเสียเวลาที่ใช้ก็น้อยเกินไป
อย่างน้อย ๆ ตอนที่เขาหลอมกระบี่ม่วงฟ้าขึ้นมา เขาก็บอกได้ว่าเขาไร้เทียมทานในหมู่เซียนจักรพรรดิและสามารถรับมือจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมได้ แต่แน่นอนว่าเขาไม่อาจะฆ่าเซียนราชาหลายร้อยคนและเซียนจักรพรรดิกว่าสิบคนได้ในครั้งเดียว
ลมหายใจของเจี้ยนเฉินเริ่มติดขัด เขาตื่นเต้นอย่างมากและตกใจเมื่อคิดได้ว่าพลังวิญญาณนักรบนั้นทรงพลังแค่ไหน ถ้าเขาได้ความสามารถนี้กับพลังในการสู้ของเหนือเทพเจ้าตามที่เฮายู่บอก เขาก็ไม่ต้องกลัวการรุกรานของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง แม้ว่าการรุกรานนั้นจะได้เปรียบอย่างมากในด้านจำนวนเซียนจักรพรรดิและแม้แต่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิม
ตามบันทึกการต่อสู้ของเหนือเทพเจ้าจากโลกเซียนและวิญญาณของเจี้ยนเฉินที่อยู่ในขั้นย้อนกลับ เขาคงพอใจกับความสามารถที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นรับมอบบาดเจ็บสาหัสได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงขั้นย้อนกลับ ในเวลาเดียวกันมันก็เหมือนกับว่าเขาสามารถฆ่าเซียนจักรพรรดิได้เหมือนการที่ เหนือเทพเจ้าฆ่าเทพได้ จบชีวิตเป็นร้อย ๆ ในครั้งเดียว
“พลังวิญญาณนักรบนั้นทรงพลังอย่างมาก แม้แต่โลกเซียนก็ยังรู้จักมัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและนักสู้ถึงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับมัน มีแค่อัจฉริยะในองค์กรใหญ่ที่มีสิทธิที่จะสู้กับมันได้แต่มันก็มีน้อยคนที่สามารถใช้พลังวิญญาณนักรบได้ ตามการคาดการณ์ของข้าแล้ว มันคงยากที่เจ้าจะหาสักสิบคนที่ใช้มันได้ทั่วโลกเซียน”
เฮายู่ เงียบไปสักพัก จากนั้นนางก็มองไปที่เจี้ยนเฉินและพูดต่อ “มันมีอีกอย่าง จากหลายปีที่ผ่านมาที่โลกเซียน ข้าไม่เคยได้ยินผู้ใช้พลังวิญญาณนักรบที่เข้าถึงระดับจอมคนมาก่อน”
เจี้ยนเฉินไม่ได้ตกใจกับข้อมูลนี้ ใบหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงเข้าถึงระดับจอมคน เขาได้ฝึกฝนร่างบรรพกาลมา ในประวัติศาสตร์ของโลกอมตะ ไม่มีใครขึ้นถึงจอมปราชญ์อมตะได้ด้วยร่างบรรพกาล
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้มีท่าทีอื่นใด เฮายู่จึงคิดว่าเขาไม่รู้ว่าจอมคนคืออะไร ดังนั้นนางจึงพูดขึ้น “เจี้ยนเฉิน ตอนนี้เจ้าครอบครองพลังขอบเขตดั้งเดิม ดังนั้นมันได้เวลาที่เจ้าจะทำความเข้าใจข้อมูลพื้นฐานของโลกที่สูงกว่าเดิม ขอบเขตบ่มเพาะในโลกเซียนแบ่งเป็น 5 ขอบเขตใหญ่ ๆ ซึ่งคือมนุษย์, เซียน, ดั้งเดิม, เทพและตั้งต้น ขอบเขตมนุษย์นั้นคือพวกที่ต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎในทวีปเทียนหยวน ขอบเขตเซียนคือเซียนผู้คุมกฎ, เซียนราชาและเซียนจักรพรรดิ ส่วนขอบเขตกำเนิดคือขั้นรับมอบ, ย้อนกลับและแลกเปลี่ยน ความแข็งแกร่งของเจ้าตอนนี้อยู่ในขอบเขตดั้งเดิม แต่ข้าไม่มั่นใจว่าเจ้าจะอยู่ในขั้นใดในวิธีการบ่มเพาะของเจ้า มันยากสำหรับข้าที่จะรู้ถึงความแข็งแกร่งแท้จริงของเจ้า สิ่งเดียวที่ข้าตัดสินได้คือวิญญาณของเจ้าได้ขึ้นถึงขั้นย้อนกลับแล้ว เหนือจากขอบเขตดั้งเดิมคือขอบเขตเทพา มันมีสี่ขั้น ศักดิ์สิทธิ์, เทพ, จอมเทพ, ราชาเทพ เหนือกว่านั้นคือขอบเขตสุดท้ายคือขอบเขตตั้งต้น ! ขอบเขตตั้งต้นแบ่งเป็น 3 ขั้น อสงไขย, บรรพกาล, และสูงสุด ขั้นสูงสุดคือตัวตนชั้นสูงของโลกเซียน ฐานะของพวกเขาเทียบเท่ากับเซียนจักรพรรดิในทวีปเทียนหยวน พวกเขาแข็งแกร่งที่สุดในโลกที่เหนือกว่าและเข้าถึงจุดจบของเส้นทางการบ่มเพาะ เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่มีทางขึ้นถึงจุดสูงสุดทั้งในด้านนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ถ้าเจ้าเข้าไปในโลกเซียนในอนาคต แม้ว่าเจ้าจะใช้ทั้งชีวิตในการบ่มเพาะแต่เจ้าก็ไม่อาจจะมีฐานะสูงส่งแบบในทวีปเทียนหยวนได้ ไม่ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์มากน้อยแค่ไหน เจ้าไม่รู้สึกผิดหวังเพราะเรื่องนี้รึ ? ”
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมา “นางฟ้าเฮายู่ ข้ายังห่างไกลจากขอบเขตเทพ ไม่ใช่ว่าอัครสูงสุดจะห่างไกลกับข้าเกินไปรึไง ? และข้าก็ไม่เคยคิดจะไล่ตามมันตลอดชีวิตของข้า นี่ไม่ต้องนับเรื่องสนใจมันเลย ในอดีตข้าทำงานหนักเพื่อจะมีชีวิตรอด เป้าหมายของข้าคือไม่ตายเพราะคมดาบศัตรู รวมถึงแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องสหายและครอบครัวของข้าได้”
เฮายู่ต้องการจะชมเขา “มันดีหากเจ้ายังคิดแบบนั้น แต่พรสวรรค์ของเจ้านั้นยอดเยี่ยมจนเจ้าสามารถมีตำแหน่งในหมู่อัจฉริยะสมาคมใหญ่ได้ แม้ว่าเจ้าจะไม่อาจเป็นอัครสูงสุดได้ในอนาคต แต่เจ้าก็เป็นตัวตนรองจากอัครสูงสุดได้และยังมีอำนาจอยู่ ”
“ขอบคุณสำหรับคำชม” เจี้ยนเฉินป้องมือพร้อมรอยยิ้ม
“เอาล่ะ เจี้ยนเฉิน ข้าไม่ได้เรียกเจ้ามาหาเพราะจะบอกเจ้าแค่เรื่องพลังวิญญาณนักรบ แม้แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดังนั้นเหตุผลหลักที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อดูพลังวิญญาณนักรบและดูว่ามันทรงพลังเหมือนในข่าวลือรึเปล่า” เฮายู่พูดขึ้น
“ข้าจะแสดงพลังวิญญาณนักรบออกมาหากท่านต้องการดูมัน แต่เพราะข้ายังไม่คุ้นชินกับมัน ข้าอาจจะควบคุมมันไม่ได้ โปรดระวังตัวด้วย นางฟ้า เฮายู่” เจี้ยนเฉินเอ่ยขึ้นมา
เฮายู่หัวเราะออกมา “ข้าอาจจะเป็นแค่วิญญาณ แต่ข้าไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะทำอันตรายได้ภายในโถงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”