เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 896: ฉิงยี่หยวนที่โกรธเกรี้ยว
ตอนที่ 896: ฉิงยี่หยวนที่โกรธเกรี้ยว
เจี้ยนเฉินปฏิเสธตำแหน่งผู้อาวุโสประจำศาลาอย่างไม่ลังเล ซึ่งทำให้เจ้าศาลาจ้องอย่างงุนงง นี่เป็นครั้งแรกที่เซียนผู้คุมกฎถูกเสนอตำแหน่งผู้อาวุโสประจำศาลาให้ในอาณาจักรทะเล นางคงไม่ปฏิบัติต่อเจี้ยนเฉินดีขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่ว่าเขาถูกเลือกโดยเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
นี่เป็นเพราะภายในศาลาทั้งสามนั้น มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะได้รับฐานะและตำแหน่งผู้อาวุโสประจำศาลาและนั่นก็คือการที่ไปให้ถึงขั้นสูงสุดของ 16 ดาวให้ได้
นอกเหนือจากตำแหน่งนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งแล้ว ตำแหน่งผู้อาวุโสประจำศาลายังเป็นตัวแทนของสถานภาพด้วย มันเป็นชื่อเสียงสูงสุด ตำแหน่งนี้เป็นสองรองจากเจ้าศาลาเท่านั้นและเป็นที่หมายปองของคนนับไม่ถ้วนในเผ่าพันธุ์ทะเล
“เจ้าปฏิเสธคำเชื้อเชิญของข้า” เสียงของเจ้าสำนักเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในตอนแรกนางคิดว่าเจี้ยนเฉินคงจะดีใจอย่างมาก แต่นางไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่แสดงอารมณ์ใดใดและยังปฏิเสธตำแหน่งในตอนท้ายอีก
“เจ้ากังวลว่ามันอาจจะทำให้เกิดความไม่เห็นด้วยในหมู่ผู้อาวุโสประจำศาลาคนอื่นงั้นหรือ ถ้าเจ้าได้เป็นหนึ่งในนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ข้าเป็นคนมอบตำแหน่งนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรกับเจ้าได้” เจ้าศาลาพูด
“ท่านเจ้าศาลา สมบัติของข้าถูกขโมยไป เมื่อข้าแข็งแกร่งเพียงพอในอนาคต ข้าจำเป็นต้องไปที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษเพื่อที่จะเอามันกลับมา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงรับตำแหน่งนั้นไม่ได้” เจี้ยนเฉินอธิบาย เขากังวลว่าการปฏิเสธของเขาจะทำให้เจ้าศาลาไม่พอใจ
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ลืมมันไปเถอะ” ท่านเจ้าสำนักเดินกลับไปที่บัลลังและนั่งลง นางพูดต่อ “ถ้าเป็นแบบนั้น เจ้าจะเป็นแขกของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เจ้าจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันกับ ฉิงยี่หยวน เล่อป้าเทียน และคนอื่น ๆ แต่เจ้าจะไม่ได้เป็นคนของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล”
“ข้าขอบคุณท่านเจ้าศาลาที่มอบตำแหน่งให้” เจี้ยนเฉินขอบคุณและป้องมือออกไป ในฐานะแขก เขาสามารถไปไหนมาไหนได้ในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้อย่างง่ายดายขึ้นในอนาคต มันจะช่วยตัดปัญหาเล็กน้อยออกไปได้เยอะ
เจ้าศาลาคว้าไปที่อากาศ ทันใดนั้น พลังงานมหาศาลก็ได้มารวมกันก่อนที่จะควบแน่นลงไปที่เหรียญขนาดเท่าฝ่ามือ นางกล่าว “เอาเหรียญนี่ไป นี่มีสายพลังของข้าด้านใน ซึ่งจะบ่งบอกว่าเจ้าคือแขก ด้วยสิ่งนี้เจ้าจะมีสถานะเหมือนผู้อาวุโสทั่วไป เจ้าสามารถไปไหนมาไหนได้อิสระในบริเวณสาธารณะของปราสาท”
เจี้ยนเฉินรับเหรียญมาและรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลในนั้นทันที เหรียญเป็นวัตถุที่ทำมาจากพลังงานที่แข็งแกร่งกว่าเหล็กหลายเท่า เจี้ยนเฉินถึงกับสั่นเมื่อเขาตระหนักแบบนั้น เจ้าศาลาเป็นเซียนจักรพรรดิจริง ๆ นางสามารถควบแน่นพลังงานมหาศาลลงไปในเหรียญได้เพียงแค่โบกมือเพียงครั้งเดียว นี่เป็นความแข็งแกร่งที่น่ากลัวจริง ๆ
เจี้ยนเฉินถอนหายใจลึกก่อนที่จะออกจากโถงไป ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วและไม่ต้องกังวลเจตนาร้ายจากศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอีกต่อไป
“ข้าไม่คิดเลยว่าหญิงลึกลับคนนั้นที่ให้ไข่มุกจิตวิญญาณน้ำแก่ข้าจะเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ไม่แปลกเลยที่นางปรากฏตัวขึ้นมาในรูปของวิญญาณ นางมีเหลืออยู่แค่วิญญาณเท่านั้น” เจี้ยนเฉินถอนหายใจในใจ เขารู้ตัวตนที่แท้จริงของหญิงคนนั้นจากเจ้าศาลา
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหญิงลึกลับคนนั้นถึงได้รู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนทวีปเทียนหยวนและไม่สงสัยเลยว่าทำไมนางถึงกล้าพอที่เอ่ยออกมาว่านางสามารถป้องกันจอมยุทธจากทวีปสัตว์เทวะได้ เพราะว่านางคือเทพเจ้าแห่งท้องทะเล หนึ่งในสี่จอมยุทธที่สุดยอดเมื่อครั้งโบราณกาล” เจี้ยนเฉินอ้าปากค้างตอนที่คิดกลับไปเมื่อครั้งที่เขาเจอกับหญิงลึกลับครั้งแรก น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่านางเป็นใครตอนที่เขาเจอนาง
เจี้ยนเฉินเคลื่อนที่ผ่านปราสาทไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเหรียญที่อยู่ในมือของเขา เขาเดินออกไปข้างนอกตามทางที่เขาเข้ามา และกลับไปยังที่ที่เขาแยกกับซี่หวังและคนอื่น ๆ ทั้งสี่อย่างรวดเร็ว คนทั้งห้าไม่ได้ไปไหนและรอเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ คนมองไปที่เขาด้วยสายตาแปลก ๆ
“เจี้ยนเฉิน เจ้าได้พบกับเจ้าศาลาที่เคารพหรือไม่ ? ท่านเจ้าศาลาว่าอย่างไรบ้าง ? นางจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับเราหรือเปล่า ? พวกเราปลอดภัยหรือยัง ? พวกเราจะถูกพวกศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลไล่ตามอีกหรือไม่ ? ” ซี่หวังถามมาเป็นชุดอย่างลนลาน ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นที่พึ่งสุดท้าย เขากังวลว่าเขาอาจจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป
เจี้ยนเฉินยิ้ม เขาเข้าใจเรื่องที่ซี่หวังกังวล วันแห่งการต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้เขาค่อนข้างเหนื่อยเหมือนกัน
เจี้ยนเฉินชูเหรียญของแขกขึ้นมาแล้วพูด “ไม่ต้องห่วงไป พวกเราปลอดภัยแล้ว”
“นั่นมันเหรียญของแขก เจ้าได้กลายเป็นแขกของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแล้ว” เล่อป้าเทียนและคนทั้งสามจ้องตาโตไปที่เหรียญด้วยความเหลือเชื่อ ในตอนนี้ พวกเขามีแต่ความสงสัยในสายตา เซียนผู้คุมกฎธรรมดาได้กลายเป็นแขกของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ทันใดนั้นเอง ท่าทีของโม่ซีรันก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตาของเขาถลนออกมาทันทีในขณะที่เขาตะโกนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “นั่นเป็นพลังของเซียนจักรพรรดิ เหรียญนั่นถูกทำขึ้นมาโดยเจ้าศาลาด้วยตัวนางเอง ! “
“อะไรนะ ! ” ท่าทางของเล่อป้าเทียนและอีก 2 คนเปลี่ยนไปเช่นเดียวกันเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เหรียญของพวกเขาถูกทำขึ้นโดยผู้อาวุโสประจำศาลา แต่เหรียญของเจี้ยนเฉินนั้นมาจากเจ้าศาลาเองโดยตรง นั่นไม่ได้หมายความว่าสถานภาพของเจี้ยนเฉินในศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลนั้นเหนือกว่าพวกเขาทั้งสี่อีกหรือ ?
อีกทั้งปกติแล้วมีเพียงเฉพาะผู้อาวุโสประจำศาลาเท่านั้นที่จะได้รับเหรียญโดยตรงจากเจ้าศาลา
“เจี้ยนเฉิน เจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับท่านเจ้าศาลา ? ทำไมท่านเจ้าศาลาถึงปฏิบัติต่อเจ้าดีนัก ? ” เล่อป้าเทียนถามเบา ๆ เขาเต็มไปด้วยความสงสัยแต่ก็ยังรู้สึกอิจฉาริษยาด้วย
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าดูจากที่ท่านเจ้าศาลาทำแล้ว นางคงมีจุดประสงค์ของนาง” เจี้ยนเฉินพูดคร่าว ๆ เขาไม่ได้ลงรายละเอียด
ฉิงยี่หยวนจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉินในขณะที่สายตาของนางเป็นประกาย เมื่อรู้สึกได้ว่าถูกมอง เจี้ยนเฉินก็ใจหายวูบเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาก็จำได้ในไม่ช้าว่าเขาอยู่ที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและเขาก็ผ่อนคลายลงในที่สุด เขาถาม “ผู้อาวุโสฉิงยี่หยวน ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านมองข้าแบบนั้น ? “
“เจ้าคือหนึ่งในสองคนที่ขโมยชิ้นส่วนของแผนที่แผ่นดินทั้งแปดของข้าไปก่อนหน้านี้” ฉิงยี่หยวนขบฟัน ไฟแห่งโทสะระเบิดขึ้นในตาของนาง นางรู้สึกเกลียดคนผู้นี้เข้ากระดูกดำที่ขโมยชุดเอี้ยมของนางไป
“ผู้อาวุโส ท่านมีหลักฐานในเรื่องที่ท่านพูดหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างหน้าไม่อาย
“หืม เจ้ายังพยายามปฏิเสธมันอีก แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเปลี่ยนพลังแห่งการมีอยู่ของเจ้าได้อย่างไร แต่สมบัติที่เจ้ามีนั้นทำให้ความลับแตก เจ้าซ่อนอยู่ในสมบัติสีทองเมื่อเจ้าเข้ามาใกล้ข้า จากนั้นเจ้าก็ใช้วิธีเล่ห์เหลี่ยมในการขโมยชิ้นส่วนของแผนที่แผ่นดินทั้งแปดไปตอนที่ข้าไม่ทันระวังตัว ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสมบัติที่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้มาก่อนที่อาณาจักรทะเล มีเฉพาะสมบัติของเจ้าเท่านั้นที่ทำแบบนั้นได้ เจ้าจะยังพูดอะไรได้อีกตอนนี้ ? ” ใบหน้าของฉิงยี่หยวนมืดมนดั่งพายุ
เจี้ยนเฉินไม่รู้จะพูดอะไรดีในตอนนี้ เขาไม่คิดว่าวัตถุเซียนจะทำให้เขาถูกเปิดโปงในตอนท้าย เจี้ยนเฉินเข้าใจว่ามันยากที่จะหลอกนางได้อีกในตอนนี้ เนื่องด้วยความสามารถที่เฉพาะของวัตถุเซียนและแสงจ้าสีทองของมัน
“ผู้อาวุโสฉลาดมาก อย่างไรก็ตามผู้เยาว์ไม่มีทางเลือกกับสิ่งที่ทำก่อนหน้านั้นเหมือนกัน ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะเข้าใจและให้อภัยข้า” เจี้ยนเฉินขอโทษออกไป
“ถ้างั้นก็เป็นเจ้าจริง ๆ ” ฉิงยี่หยวนพูดอย่างเย็นชาในขณะที่สายตาของนางเป็นประกายบาดลึก “ทำไมเจ้าไม่รีบเอามันคืนมาล่ะ ? ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมแม้ว่าเจ้าจะเป็นแขกของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล” ฉิงยี่หยวนเหมือนราชสีห์ที่เร่าร้อนในตอนนี้ เสื้อผ้าและผมของนางพลิวไสวแม้จะไม่มีลมเลย
“น้องชาย หลังจากที่สับสนมากมานาน มันเป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยที่ขโมยชิ้นส่วนแผนที่ไปจากฉิงยี่หยวน พระเจ้า นับถือ ข้านับถือเจ้า ข้าขอชื่นชมเจ้าจากก้นบึ้งของจิตใจจริง ๆ ” เล่อป้าเทียนหัวเราะคิกคัก เขาหัวเราะอย่างมีความสุขมาก
อีกด้านหนึ่ง โม่ซีรัน โอวหยุน และซี่หวังทั้งหมดทำหน้าแปลก ๆ รอยยิ้มจาง ๆ เกิดขึ้นที่ริมฝีปากของพวกเขาในขณะที่เขาชื่นชมความกล้าหาญของเจี้ยนเฉินในใจ เขากล้าที่จะขโมยจากฉิงยี่หยวน หนึ่งในแปดสุดยอดจอมยุทธมนุษย์ในขณะที่เขาเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎ แล้วเขายังทำมันสำเร็จอีกด้วย นี่มันข่าวที่น่าตื่นเต้นและหาได้ยากจริง ๆ
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างแปลก ๆ เมื่อเขาเห็นท่าทีของคนอื่นก่อนที่จะมองไปที่ฉิงยี่หยวนอย่างรู้สึกผิด เขาพูด “ผู้อาวุโส ขออภัยด้วย ผู้เยาว์ได้ทำให้ผู้อาวุโสโกรธมากในครั้งก่อน ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะใจกว้างและยกโทษให้ข้า ผู้เยาว์จะคืนของให้ผู้อาวุโสในตอนนี้” หลังจากพูดจบ เจี้ยนเฉินก็ดึงเอาเสื้อสีขาวออกมาจากแหวนมิติ
เสื้อสีขาวนั้นเป็นชุดเอี้ยมที่เจี้ยนเฉินได้มาจากฉิงยี่หยวน มันถูกพับอย่างดีและยังมีกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวของฉิงยี่หยวน
เจี้ยนเฉินคิดว่าฉิงยี่หยวนต้องการมันคืน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดอะไรและเอามันออกมา
ใบหน้าที่สวยงามของฉิงยี่หยวนเริ่มที่จะแดงไปหมดเมื่อนางเห็นเจี้ยนเฉินดึงชุดเอี้ยมออกมา นางหูแดงไปหมดในขณะที่ใบหน้าของนางร้อนฉ่า
“นะ นะ นะ นี่…” เล่อป้าเทียนและคนอื่นมองไปที่เสื้อขาวในมือของเจี้ยนเฉินโดยธรรมชาติ พวกเขารู้ทันทีว่ามันคืออะไรจากการมองเพียงแค่ปราดเดียวจากประสบการณ์เป็นพันพันปีของพวกเขา แต่ละคนพูดไม่ออก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและสงสัย
“ฉิงยี่ยวน นะ นะ นั่นไม่ใช่ของเจ้าใช่ไหม ? ” เล่อป้าเทียนพูดติดอ่างในขณะที่เขาชี้ไปที่เสื้อในสีขาวและจ้องไปที่ฉิงยี่หยวนซึ่งใบหน้าแดงก่ำ
โอวหยุน โม่ซีรัน และซี่หวังทั้งหมดแสดงท่าทางแปลก ๆ ออกมา พวกเขาเม้มปากและห้ามไม่ให้ตัวเองระเบิดหัวเราะออกมา
ฉิงยี่หยวนอายมากขึ้นจากสิ่งที่เล่อป้าเทียนพูด นางพยายามที่จะหาทางหลบเลี่ยง ตอนแรกนางต้องการที่จะให้เจี้ยนเฉินคืนชิ้นส่วนของแผนที่แผ่นดินทั้งแปดมาแต่นางไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะดึงสิ่งนั้นออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้
“ไอ้สารเลว แกตาย ! ” ฉิงยี่หยวนกรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่บาดหูในขณะที่นางโกรธเกรี้ยวไปด้วยความอาย นางยกดาบขึ้นและฟันไปที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่ปราณี
Related