เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2589: ฝากฝัง
ตอนที่ 2589: ฝากฝัง
ซวนจ้านรู้ว่าหยู่เฉินตัดสินใจแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาจะไม่สามารถหยุดหยู่เฉินจากการออกจากที่ราบรกร้างได้ เขาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจยาว ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก
เขาเข้าใจหยู่เฉิน เขารู้ดีว่าหยู่เฉินไม่มีความปรารถนาที่จะปกครอง โถงเซียนธาตุแสงเป็นบ้านของเขา ตราบใดที่บ้านหลังนี้ยังปลอดภัยและสามารถเติบโตได้อย่างมั่งคั่ง เขาก็จะพอใจ ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ดูแลหรือไม่ก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญ
การก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าทำให้หยู่เฉินรู้สึกถึงการปลดปล่อย
เขาเข้ารับตำแหน่งในอดีตเพราะโถงเซียนธาตุแสงต้องการตัวเขา พวกเขาต้องการผู้เชี่ยวชาญเช่นเขา
ตอนนี้โถงเซียนธาตุแสงมีผู้ปกป้องแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องดูแลมันอีกต่อไป
“พี่หยู่เฉิน ดูแลตัวเองด้วย ! ” ซวนจ้านป้องมือแสดงความเคารพต่อหยู่เฉินและกล่าวอำลา
“ซวนจ้าน ดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน เจ้าต้องให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณวัตถุแห่งหอคอยธาตุแสง เมื่อข้าจากไป ทันทีที่จิตวิญญาณวัตถุตื่นขึ้นมา เจ้าต้องไปขุดคุ้ยเรื่องเชื้อสายนักรบวิญญาณ” นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่หยู่เฉินฝากฝัง หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นริ้วแสงสีขาวและพุ่งออกไปที่ขอบฟ้า หายไปในทันที เขาเดินทางออกจากที่ราบรกร้างตามลำพังอย่างเต็มใจ
ซวนจ้านยังคงอยู่ในจุดที่เขายืนอยู่ เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่หยู่เฉินจากไประยะหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ กลับมามีสติสัมปชัญญะ
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเขารู้สึกเดียวดาย
“กงซุนอี้” ซวนจ้านเอ่ยชื่อกงซุนอี้ เขากัดฟันแน่นขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
แต่ไม่นานเขาก็สงบลง เขากลับมาเป็นปกติ เขากลับไปยังโถงเซียนธาตุแสงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อซวนจ้านกลับไปถึงโถงเซียนธาตุแสง กงซุนอี้ก็นั่งลงบนบัลลังก์ของหัวหน้าอย่างกระตือรือร้น เขารู้สึกว่าตัวเองสูงส่งและอยู่เหนือทุกคนในโลก
“ซวนจ้าน หยู่เฉินอยู่ที่ไหน ? ” กงซุนอี้ถามทันทีด้วยท่าทางเย่อหยิ่งเมื่อเขาเห็นซวนจ้านกลับมา ราวกับว่ามันเป็นหน้าที่ของเขา
“เขาออกจากที่ราบรกร้างไปแล้ว” ซวนจ้านพูดอย่างไร้อารมณ์
“อะไร ? หยู่เฉินออกไปแล้ว ? เขาออกจากที่ราบรกร้าง ? จริง ๆ รึ ? ” ดวงตาของกงซุนอี้เป็นประกาย มันส่องสว่างขึ้นทันทีกับข่าวนั้น เขารู้สึกสบายใจ
หยู่เฉินดำรงตำแหน่งหัวหน้ามานาน ดังนั้นเขาจึงมีอิทธิพลอย่างมากในโถงเซียนธาตุแสง นั่นทำให้กงซุนอี้กังวลมาก เขากังวลว่าหากหยู่เฉินยังอยู่รอบ ๆ เขาจะคุกคามตำแหน่งของเขาในวันหนึ่ง ตอนนี้เขาจากไปแล้ว กงซุนอี้ก็ไม่กลัวอะไรอีก
“ซวนจ้าน ข้าไม่เคยพอใจกงซุนอี้เลย ตอนนี้เขากลายเป็นหัวหน้า ข้าต่อต้านสิ่งนี้มากที่สุด ทำไมเจ้าไม่พาพวกเราไปและออกจากโถงเซียนธาตุแสง ? เราไปสร้างองค์กรของเราเองได้” มู่เหอหนึ่งในรองหัวหน้าทั้งแปดกล่าวกับซวนจ้านอย่างลับ ๆ ในขณะนี้
“ถูกต้อง ซวนจ้าน เรายินดีที่จะสร้างองค์กรของเราเองโดยมีเจ้าเป็นหัวหน้า…”
“ซวนจ้าน ข้าขยะแขยงไม่อยากเห็นกงซุนอี้ ข้าทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาชี้นิ้วสั่งพวกเรา หืม เขาคิดว่าเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ หรือ ? ถ้าเขาไม่มีกระบี่ผู้พิทักษ์ ข้าสามารถบดขยี้เขาได้ด้วยนิ้วเดียว ใครจะสนใจว่าเขามีสายเลือดอะไร ? ถ้าเขาทำให้ข้าโกรธ ข้าจะฆ่าเขาแม้ว่าเขาจะเป็นทายาทโดยตรงของจอมปราชญ์สูงสุด … ”
…
รองหัวหน้าคนอื่น ๆ ล้วนออกความเห็นอย่างลับ ๆ พวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมจำนนต่อการปกครองของกงซุนอี้ พวกเขายอมออกไปพร้อมกับซวนจ้าน
ท้ายที่สุดแล้วซวนจ้านก็เป็นหนึ่งในรองหัวหน้าทั้งแปด แต่เขายังเป็นคนตรงไปตรงมาซึ่งได้รับความเคารพ เขายังเป็นผู้ครอบครองกระบี่ผู้พิทักษ์ ดังนั้นรองหัวหน้าคนอื่น ๆ จึงเต็มใจที่จะติดตามเขาอย่างเต็มที่
ซวนจ้านส่ายหัวเบา ๆ เขาหยุดรองหัวหน้าคนอื่น เขาไม่ต้องการให้โถงเซียนธาตุแสงแตกหักเช่นนี้
“อีก 3 วัน ข้า กงซุนอี้ จะจัดพิธีขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าอย่างเป็นทางการ ข้าจะเชิญหัวหน้าขององค์กรหลักทั้งหมดบนที่ราบรกร้างมาร่วมฉลองกับข้า หลังจากนั้นข้าจะพาทุกคนไปยังที่ราบเมฆาด้วยตัวเองเพื่อเอาวิถีของเซียนจอมปราชญ์กลับคืนมา …”
…
เจี้ยนเฉินยังคงอยู่ในที่พักของเขาในตระกูลเทียนหยวน เขาจ้องมองดอกไม้สูง 2 เมตรที่สวยงามมากด้วยความกระตือรือร้น มันพลิ้วไหวอยู่ตรงหน้าเขา
ดอกไม้นั้นพิเศษมาก มันไม่ได้หยั่งรากลงดิน แต่มันกลับลอยอยู่ในอากาศและรากของมันก็เคลื่อนไปรอบ ๆ และขยายออกไปเรื่อย ๆ เหมือนไม้เลื้อยที่มีชีวิต ดูเหมือนมันจะเปล่งประกายด้วยแสงและมันจะปล่อยพลังงานอันแข็งแกร่งออกมาเป็นครั้งคราว
เห็นได้ชัดว่ามันพยายามปกปิดพลังงานอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยพลังงานในรูปแบบพื้นฐานที่สุดได้อย่างชัดเจน เศษพลังงานมักจะรั่วไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดอกไม้นั้นคือกล้วยไม้กลืนกินอมตะที่เจี้ยนเฉินเลี้ยงไว้
“ราชาเทพช่วงปลาย ดูเหมือนว่าศพของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นจะเป็นอาหารบำรุงที่ดีสำหรับเจ้า หากยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ เจ้าอาจจะตัดผ่านอีกครั้งและไปถึงขอบเขตตั้งต้นในอีกไม่นาน” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเองขณะที่เขามองกล้วยไม้กลืนกินอมตะ
ราวกับว่ากล้วยไม้กลืนกินอมตะสามารถเข้าใจเจี้ยนเฉิน มันคลี่กลีบทุกกลีบราวกับว่ามันกำลังยิ้มในแบบของมันเอง ในขณะเดียวกัน มันก็ส่งคลื่นพลังจิตที่เต็มไปด้วยความสุข
นับตั้งแต่ที่กล้วยไม้กลืนกินอมตะกลายเป็นราชาเทพ มันก็สามารถสื่อสารทางจิตกับเจี้ยนเฉินได้
อย่างไรก็ตามบางทีอาจเป็นผลมาจากข้อจำกัดทางธรรมชาติ มันจึงยังไม่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้
“เมื่อเจ้าไปถึงขอบเขตตั้งต้นแล้ว เจ้าอาจช่วยเหลือข้าได้” เจี้ยนเฉินกล่าวเสริม เขาเริ่มมีความกระตือรือร้นมากขึ้นเกี่ยวกับอนาคต
กล้วยไม้กลืนกินอมตะเติบโตในอัตราที่น่าประหลาดใจมาก ราวกับว่าตราบใดที่มันได้รับการเลี้ยงดูบำรุงอย่างเพียงพอ มันก็สามารถเติบโตต่อไปได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ เหมือนกับว่ามันไม่มีปัญหายากลำบากเลย
เจี้ยนเฉินมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่ากล้วยไม้กลืนกินอมตะอาจช่วยเขาได้มากในอนาคต มันอาจจะเหนือกว่าเขาด้วยอัตราการเติบโตในปัจจุบัน
ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกล้วยไม้กลืนกินอมตะเติบโตขึ้น
กล้วยไม้กลืนกินอมตะแกว่งไปมาอย่างแผ่วเบาในอากาศ มันก้มลงและสะกิดแขนของเจี้ยนเฉินเบา ๆ มันสนิทสนมกับเจี้ยนเฉินมาก
ราวกับว่าการได้ช่วยเจี้ยนเฉินเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดที่มันทำได้
“สงครามกำลังจะมา ข้าไม่มีเวลาอยู่ต่อกับเจ้า บ่มเพาะอย่างสุดความสามารถ เจ้าได้กินซากศพของขั้นอสงไขยไปหลายคนแล้ว ข้าคิดว่าผลพ่วงของซากศพของขั้นอสงไขยจะลดลงเมื่อเจ้าไปถึงขอบเขตตั้งต้น ดูเหมือนว่าข้าต้องเตรียมซากศพของขั้นบรรพกาลให้เจ้า” เจี้ยนเฉินพูดเบา ๆ เขาพูดอย่างง่ายดาย แต่ถ้าใครได้ยินคำพูดของเขา พวกเขาจะตกใจอย่างที่สุด
ขั้นบรรพกาลเป็นบุคคลที่เทียบเท่ากับผู้อาวุโสสูงสุดในองค์กรระดับสูง พวกเขามีอำนาจที่ยิ่งใหญ่และความสามารถพิเศษ แต่เขาถือว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่อาหารบำรุง
กล้วยไม้กลืนกินอมตะพันรอบศพของขั้นอสงไขยทั้งสองที่เจี้ยนเฉินมอบให้ ก่อนที่จะเข้าไปในโถงเมฆธาราของเจี้ยนเฉิน มันเริ่มทำการบ่มเพาะต่อ
หลังจากที่กล้วยไม้กลืนกินอมตะหายเข้าไป เจี้ยนเฉินก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไป เขามองไปในระยะไกลและพึมพำ “ดูเหมือนว่าพันธมิตรสี่เส้ากำลังจะทำอะไรบางอย่างที่สำคัญในครั้งนี้ ? ”