เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2587: แย่งชิงอำนาจ
ตอนที่ 2587: แย่งชิงอำนาจ
“กล้าดียังไง ! กงซุนอี้ ระวังปากของเจ้าให้ดี ! ” ซวนจ้านที่สงบสติอารมณ์มาตลอดรู้สึกโกรธทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของกงซุนอี้ เสียงตะคอกของเขาสร้างคลื่นเสียงที่น่ากลัวซึ่งทำให้โถงศักดิ์สิทธิ์ดังก้อง ผู้อาวุโสทั้งหมดในโถงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็หูอื้อเพราะวิญญาณของพวกเขาสั่นเทา
แสงพราวพุ่งขึ้นจากกงซุนอี้ พลังจากกระบี่ผู้พิทักษ์ปกป้องเขาไว้
กระบี่ผู้พิทักษ์ที่เป็นของหานซิน, ไป๋หยู, ตงหลินหยานเซว่และซวนหมิงก็ตอบสนองโดยอัตโนมัติเช่นกัน
“ทรงพลังมาก ! ซวนจ้านเข้าใกล้ขั้นอัครสูงสุดแล้ว ! ” รองหัวหน้าอีก 7 คนหรี่ตา พวกเขาต้องคอยระวังซวนจ้านมากขึ้น
หยู่เฉินที่กำลังจะจากไปก็หยุดชั่วคราวเช่นกัน เขามองกลับไปที่กงซุนอี้ออย่างสงบและถามว่า “กงซุนอี้ บอกข้ามาสิว่าข้าจะเก็บงำอะไรไว้บ้าง ? ”
กงซุนอี้ไม่ตอบคำถาม เขาเหลือบมองผ่านรองหัวหน้าและผู้อาวุโสทั้งหมดด้านล่างและพูดช้า ๆ “ข้าเชื่อว่าหยู่เฉินไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าอีกต่อไป ตำแหน่งหัวหน้าโถงเซียนธาตุแสงควรจะเป็นของคนอื่น”
โถงศักดิ์สิทธิ์เกิดความโกลาหลขึ้นทันที สีหน้าของผู้อาวุโสหลายคนเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาโวยวาย แม้แต่มาสีหน้าของรองหัวหน้าทั้งแปดก็เปลี่ยนไป เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป
กงซุนอี้ต่อต้านหัวหน้าอย่างเปิดเผย หากเขาทำเช่นนี้ในองค์กรหรือกลุ่มอื่นจะเป็นการทรยศหรือก่อกบฏ มันเป็นอาชญากรรมที่อาจทำให้เขาถูกตัดศีรษะ
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของกงซุนอี้อยู่ครู่หนึ่ง
คนเดียวที่สงบนิ่งคือคนที่ถูกท้าทาย หยู่เฉิน หัวหน้าโถงเซียนธาตุแสง
“กล้าดียังไง ! กงซุนอี้ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไร…”
“กงซุนอี้ เจ้าคนทรยศ ! การลงโทษตามกฎมาตรฐานคือประหารชีวิต ! ทำไมเจ้าไม่รีบคุกเข่าขอโทษ ผู้นำอาจเต็มใจที่จะผ่อนปรนการลงโทษให้แก่เจ้า…”
รองหัวหน้า 2 คนร้องตะโกนออกมาทันที ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ พวกเขาฉุนเฉียวมาก
ด้านล่างผู้อาวุโสสองสามคนวิพากษ์วิจารณ์กงซุนอี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของผู้อาวุโสทั้งหมดที่มีอยู่ หลายคนเลือกที่จะเงียบ มีบางคนที่มองไปมาระหว่างหยู่เฉินและกงซุนอี้ แสงในดวงตาของพวกเขากะพริบราวกับว่าพวกเขากำลังวัดอะไรบางอย่าง
“ตาย ? ผ่อนปรนโทษรึ ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” กงซุนอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกที่น่าขบขันที่สุดในโลก เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไปทั่วทั้งโถง มันดูโดดเด่นมาก
“บรรพชนของข้าคือจอมปราชญ์สูงสุดผู้ยิ่งใหญ่ของโถงเซียนธาตุแสง ข้าเป็นทายาทของจอมปราชญ์สูงสุด และแม้แต่หอคอยธาตุแสงก็มาจากบรรพชนของข้า ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังเป็นผู้นำของกระบี่ผู้พิทักษ์ทั้งเก้า กระบี่แห่งสังหารเทพ ข้าขอถามว่ามีใครในโถงเซียนธาตุแสงกล้าลงโทษข้าบ้าง ? ใครมีสิทธิ์ตัดสินข้า ? ” กงซุนอี้กล่าวอย่างหยิ่งผยอง เขาคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ๆ เขาดูหมิ่นชนชั้นสูงของโถงเซียนธาตุแสงทุกคนรวมถึงหัวหน้า
“กงซุนอี้ ! ” ซวนจ้านตะโกนออกมา เขากระโจนแทบเท้าขณะที่จ้องมองไปที่กงซุนอี้ จิตสังหารพุ่งสูงขึ้นภายในดวงตาของเขา พลังแห่งการมีอยู่ที่แข็งแกร่งปะทุออกมาจากร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตามกงซุนอี้ก็ไม่เกรงกลัวในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับซวนจ้านผู้ครอบครองกระบี่ผู้พิทักษ์อีกคน เขาจ้องมองซวนจ้านด้วยท่าทางที่ค่อนข้างยั่วยุและดูหมิ่น เขาพูดว่า “อะไรนะ ? รองหัวหน้าซวนจ้านวางแผนที่จะทำร้ายข้าหรือ ? ข้าอยากจะดูจริง ๆ ว่าเจ้าจะเอาชนะกระบี่ของสังหารเทพ อันดับหนึ่งของข้าด้วยกระบี่ของปลุกจิตที่อยู่อันดับสุดท้ายของเจ้าได้หรือไม่”
“ซวนจ้าน ! ” หัวหน้าโถงเซียนธาตุแสงเรียกเพื่อหยุดซวนจ้านไม่ให้ถูกยั่วยุไปมากกว่านี้ เขายังคงสงบนิ่งราวกับว่าเขาไม่ได้โกรธกับคำพูดของกงซุนอี้เลย เขาจ้องมองกงซุนอี้อย่างสงบและพูดว่า “กงซุนอี้ เนื่องจากเจ้าคิดว่าข้าไม่มีสิทธิ์ในตำแหน่งหัวหน้า เจ้าคิดว่าใครมีสิทธิ์ ? ”
ทันทีที่หัวหน้าพูดอย่างนั้น โถงประชุมขนาดใหญ่ก็เงียบลง มันเงียบมากจนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออก
“หืม มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ? จริง ๆ แล้วเจ้าสามารถพูดได้ว่าโถงเซียนธาตุแสงมาจากบรรพชนของข้า บรรพชนของข้าคือคนสำคัญชั้นยอดตัวจริงของโถงเซียนธาตุแสง สำหรับข้า ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่มีสายเลือดของบรรพชนจนถึงตอนนี้ และข้าก็เป็นเจ้านายของหอคอยธาตุแสงในอนาคตอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ข้าจึงคิดว่ามันก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้า” กงซุนอี้กล่าวขณะที่เขาโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย เขาไม่ได้พยายามที่จะซ่อนสิ่งใด นับตั้งแต่ที่เขาได้รับกระบี่ของสังหารเทพ เขาก็หมายตาตำแหน่งหัวหน้ามาโดยตลอด ในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้วเขาจึงไม่ลังเลเลย
เขารอวันนี้มานานเกินไป
ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสหลายคนจึงเงียบ พวกเขาไม่สามารถโต้เถียง
เขาเป็นทายาทของจอมปราชญ์สูงสุด ผู้ถือกระบี่แห่งสังหารเทพและเป็นเจ้านายในอนาคตของหอคอยธาตุแสง กงซุนอี้คนปัจจุบันเป็นบุคคลหนึ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้
แม้ว่าหอคอยธาตุแสงจะยังไม่ยอมรับใครเป็นเจ้านาย แต่ผู้อาวุโสก็มั่นใจแล้วว่ามันจะกลายเป็นสมบัติของกงซุนอี้ในไม่ช้าก็เร็ว
นั่นเป็นเพราะเจ้านายคนก่อนของหอคอยธาตุแสงคือบรรพชนของกงซุนอี้ กงซุนอี้เป็นคนเดียวที่มีสายเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดที่ปรากฏตัวขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการสืบทอดหอคอยธาตุแสง
พวกเขามั่นใจเพราะในตอนที่เขาได้รับกระบี่ของสังหารเทพ เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญาณวัตถุของหอคอยธาตุแสงดูแลเขาเป็นพิเศษ
“ในแง่ของความแข็งแกร่ง กงซุนอี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขั้นอัครสุงสุดทั่วไปเพราะเขามีกระบี่ของสังหารเทพ เขาอาจมีพลังมากกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ” ผู้อาวุโสพึมพำ
เขาพูดเบา ๆ แต่ทุกคนในโถงมีการบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยม พวกเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ซวนจ้านส่งเสียงกร้าวอย่างเย็นชาขณะที่สายตาของเขาจ้องมองอย่างทะลุปรุโปร่ง ทันใดนั้นเขาก็จับจ้องไปที่ผู้อาวุโสในฝูงชนและก้าวไปข้างหน้า
“รองหัวหน้าซวนจ้านกำลังพยายามทำอะไรอยู่ ? เจ้าทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการเพียงเพราะเจ้าแข็งแกร่งกว่าหรือ ? ทำไมเจ้าไม่ลองดูว่าตัวเองอยู่ในจุดไหน ? ” กงซุนอี้ดึงกระบี่ผู้พิทักษ์ของเขาออกมา มันห่อหุ้มไปด้วยแสงพราว เขาปรากฏตัวต่อหน้าซวนจ้านภายในพริบตา
“กงซุนอี้ เจ้ากำลังพยายามก่อกบฏ ลองคิดดูให้ดี เจ้าเหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าจริง ๆ หรือไม่ ? เจ้าเป็นเพียงราชาเทพธาตุแสงเท่านั้น หากเจ้าไม่มีกระบี่ผู้พิทักษ์ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะก้าวเข้ามาในโถงนี้ เจ้าจะต้องดิ้นรนเพื่อให้ทุกคนยอมจำนนต่อเจ้า” ซวนจ้านพูดอย่างเย็นชา
“ข้าจะต้องดิ้นรนเพื่อให้ทุกคนยอมจำนนต่อข้ารึ ? ” กงซุนอี้ยิ้มเยาะ เขาเหลือบมองด้านล่างและกล่าวว่า “เนื่องจากรองหัวหน้าซวนจ้านบอกว่าข้า กงซุนอี้ จะต้องดิ้นรนเพื่อให้ทุกคนยอมจำนนต่อข้า ข้าก็อยากจะดูว่ามีคนที่สนับสนุนข้าหรือไม่ และมีกี่คน ผู้ที่สนับสนุนข้าโปรดย้ายมาอยู่ข้างข้า”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสในห้องประชุมก็เริ่มเคลื่อนไหว หลังจากลังเลและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้คนก็เริ่มเดินไปข้างหลังกงซุนอี้
เริ่มมีผู้อาวุโสจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เคลื่อนไหว ในท้ายที่สุดมีผู้อาวุโสครึ่งหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังกงซุนอี้
ใบหน้าของซวนจ้านเคร่งเครียดอย่างมากเมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้แต่สีหน้าของไป๋หยู,หานซินและตงหลินหยานเซว่ก็ดูมึนงงมาก