เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2258: จ้าวเฟิงโกรธ
ตอนที่ 2258: จ้าวเฟิงโกรธ
ถ้าเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธามาที่บ้านพักของเจี้ยนเฉิน พวกเขาจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจว่ากฎแห่งศรัทธากลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายในทันที
แต่เดิม ไป๋หยูไม่ได้ใส่ใจกับคำอธิบายของเจี้ยนเฉินมากนัก ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินก็มีแกนวิญญาณหนึ่งสี ดังนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไรสำหรับความเข้าใจในกฎแห่งศรัทธาที่ยากเกินกว่าศิษย์พี่ใหญ่ จ้าวเฟิงจะเข้าใจ ?
แต่ไม่นาน นางก็พบว่าน้ำเสียงของเจี้ยนเฉินดูเหมือนจะดังขึ้นและดังก้องอยู่ในหัวราวกับระฆังอันใหญ่ มันทำให้ใจของนางสั่นและทำให้นางเข้าใจกฎแห่งศรัทธามากขึ้นเรื่อย ๆ
ไป๋หยูดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง นางอดไม่ได้ที่จะหลับตาและจมลงสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ประหลาดใจอย่างลับ ๆ เขาไม่คิดเลยว่าวิญญาณของเขาจะมีความสามารถเช่นนี้หลังจากที่หลอมรวมเข้ากับพลังบรรพกาลที่แท้จริง ในตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาเป็นราชาที่สามารถควบคุมกฏของโลกและสร้างกฎแห่งศรัทธาที่เปลี่ยนแปลงได้ตามที่เขาต้องการ
ในเวลานี้ เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเกิดความใกล้ชิดกับกฎแห่งศรัทธาราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของมัน
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินเพิ่งจะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาเมื่อไม่นาน ดังนั้นความเข้าใจกฏแห่งศรัทธายังคงอยู่ในระดับพื้นฐาน ทำให้เขาควบคุมกฏแห่งศรัทธาได้ในระดับพื้นฐานเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงก็ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกเขตที่พักของเจี้ยนเฉินอย่างระมัดระวัง เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินจากที่พักระยะไกล
“ศิษย์น้องหญิงใกล้ชิดเจียงหยางมากขึ้นทุกวัน นางไม่เพียงแต่ไปบ้านของเขาทุกวัน นางยังอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวันและกลับออกมาด้วยความลังเล ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงไปถึงขั้นตัวติดกันแล้วงั้นหรือ ? ” จ้าวเฟิงคิดพร้อมกับใบหน้าที่หมองคล้ำและกัดฟัน เขาแอบชอบไป๋หยูอย่างลับ ๆ ตอนนี้เขาเห็นความสัมพันธ์ของไป๋หยูและเจียงหยางได้พัฒนาไปเป็นเช่นนี้ เขารู้สึกโกรธอย่างมาก เขาสูญเสียความมีเหตุผลไปหลายต่อหลายครั้ง
จ้างเฟิงมองไปบนฟ้า ความมืดได้ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในยอดเขาทะยานเมฆอย่างไม่หยุด ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ขึ้นมาจากขอบฟ้าอย่างช้า ๆ
“มันดึกมากแล้ว ทำไมศิษย์น้องหญิงยังไม่กลับ ? บัดซบ พวกเขาทำอะไรกันอยู่ตอนนี้ ? ” จ้าวเฟิงยิ่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจขึ้นเรื่อย ๆ ความสงบของเขาหายไปทีละน้อย ๆ พร้อมกับเวลากลางคืนที่เข้ามาเช่นกัน ท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจอดทนได้ต่อไป เขาเดินออกจากป่าอย่างดุดันและทำลายค่ายกลป้องกันด้านนอกที่พักของเจี้ยนเฉินตรง ๆ
เจี้ยนเฉินพยายามอธิบายกฎแห่งศรัทธาให้กับไป๋หยูอย่างสุดความสามารถ แต่ตอนนี้มีเสียงดังก้อง ค่ายกลด้านนอกแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีและจ้าวเฟิงในชุดขาวก็ก้าวเข้ามาจากข้างนอกพร้อมกับกระบี่ธาตุแสงในมือของเขา ใบหน้าของเขามืดครึ้มอย่างมาก
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้เจี้ยนเฉินหยุดลง ส่งผลทำให้กฎแห่งศรัทธาที่ซึมเข้าไปในที่พักก่อนหน้านี้กลับเข้าสู่สถานะเดิมของมันและกลายเป็นลึกซึ้งอีกครั้ง
ไป๋หยูผู้ที่กำลังทำความเข้าใจตกใจกับความเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน นางสับสนในตอนแรก แต่เมื่อนางเห็นจ้าวเฟิงก้าวเข้ามาพร้อมกับกระบี่ธาตุแสง นางก็เข้าใจทุกอย่างทันที
ทันใดนั้นความโกรธก็ผุดเข้ามาจากก้นบึ้งในหัวของไป๋หยู ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนและชี้ไปยังจ้าวเฟิง มันเป็นครั้งแรกที่นางพูดเสียงดังและเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าทำอะไร ? เห็นได้ชัดว่าข้ากำลังทำความเข้าใจกฎแห่งศรัทธา แต่เจ้าทำลายความพยายามทั้งหมดของข้า เพราะเจ้ามารบกวนจากด้านนอก”
ไป๋หยูรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก นางโกรธมาก หากนางทำเช่นนี้ต่อไปเป็นไปได้ว่านางจะทะลวงกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธา
มีเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาหลายคนที่มีแกนวิญญาณสองสีในโถงเซียนธาตุแสง ทุกคนในหมู่พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ไป๋หยูโมโหมากยิ่งขึ้นเมื่อนางเห็นจ้าวเฟิงเข้ามาอย่างกะทันหัน นางกำลังจะได้รับประโยชน์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้ นางไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก ๆ และบังคับสงบอย่างรวดเร็วขณะที่มองไปที่ไป๋หยูที่โกรธแค้น เขาพูดอย่างเฉยเมยและไร้อารมณ์ “ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าศิษย์ของยอดเขาหิมะแอบเข้ามาในบ้านพักของศิษย์น้องรองและต้องการที่จะลงมือกับศิษย์น้องรอง ข้ากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้องรอง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงรีบเช่นนี้”
จ้าวเฟิงโบกกระบี่ธาตุแสงและพูด “ดู ข้ายังรวมกระบี่ธาตุแสงไว้รอด้วย ข้าพร้อมที่จะต่อสู้กับคนที่แอบเข้าไปที่นี่” จ้าวเฟิงนั้นเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ แต่มันไม่ใช่การต่อสู้กับศิษย์ของยอดเขาหิมะที่แอบเข้ามาที่นี่ เขาเตรียมที่จะสู้กับเจี้ยนเฉิน
เมื่อเขาพบว่าเจี้ยนเฉินมีเจตนาไม่ดีต่อไป๋หยู เขาจะโจมตีเจี้ยนเฉินอย่างไม่ลังเล น่าเสียดายสิ่งที่เขาจินตนาการไม่ได้เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าไป๋หยูกำลังฝึกฝนอยู่จริง ๆ ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงไม่มีเหตุผลที่จะโจมตีเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเอาชนะเว่ยเฉิงแต่จ้าวเฟิงก็ยอมเชื่อ เขาคิดว่ามันเป็นข่าวลือที่พูดเกินจริงมากที่สุด ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินมีแกนวิญญาณหนึ่งสี
“ศิษย์น้อง มันดึกแล้ว เจ้าควรจะกลับไปก่อน พรุ่งนี้ข้าจะเล่าถึงประสบการณ์ให้กับเจ้าอีก การทำความเข้าใจกฎแห่งศรัทธา มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะทำได้ในวันเดียว วันนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับเจ้า หากเจ้าไม่สามารถไปต่อได้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จได้ในอีกไม่นาน” เจี้ยนเฉินก็ปลอบโยนไป๋หยูในเวลาที่เหมาะสม
สุดท้ายไป๋หยูก็สงบเล็กน้อยจากคำพูดของเจี้ยนเฉิน นางมองไปที่ท้องฟ้าและพบว่ามันมืดสนิทแล้ว นางกล่าวลาเจี้ยนเฉินและจากไป
หลังจากไป๋หยูจากไปแล้ว กระบี่ธาตุแสงในมือของจ้าวเฟิงก็ค่อย ๆ สลายไป เขามองเจี้ยนเฉินและพูดอย่างข่มขู่ว่า “เจียงหยาง เว้นระยะห่างจากศิษย์น้องหญิง ข้าจะอธิบายกฎแห่งศรัทธาให้เจ้าฟัง มันไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเจ้า เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณหนึ่งสีและให้คำแนะนำปลอม ๆ แก่ศิษย์น้องหญิง” จากนั้นจ้าวเฟิงก็สะบัดแขนเสื้อของเขาและหันหลังกลับออกไป
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ในที่พักและมองไปที่ค่ายกลที่เรียบง่ายที่จ้าวเฟิงทำลาย เขาพึมพำเบา ๆ “ข้าไม่คิดเลยว่าจ้าวเฟิงจะตั้งใจฆ่าข้า” เจี้ยนเฉินส่ายหน้าและเดินออกจากที่พัก เขาโบกมือและสร้างค่ายกลอีกครั้ง เขาไม่เคยคิดจริงจังกับเรื่องของจ้าวเฟิง
หลังจากที่ทำทุกอย่างแล้ว เจี้ยนเฉินก็นั่งลงอยู่ในบ้านพักอีกครั้งและคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่เขาส่งต่อกฏให้ไป๋หยู
“เนื่องจากข้าสามารถควบคุมกฎแห่งศรัทธาและทำให้มันกลายเป็นรูปแบบง่าย ๆ และกลายเป็นรูปแบบที่ชัดเจนที่สุดที่เป็นไปได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าสามารถใช้วิธีเดียวกันในการควบคุมกฏแห่งกระบี่และกฏแห่งการทำลายล้าง ? ” ในตอนนี้เจี้ยนเฉินอยากจะลองใช้กฎแห่งกระบี่และกฏแห่งการทำลายล้าง
ถ้าการคาดเดาของเขาถูกต้อง นั่นหมายความว่าเขาสามารถทำให้นักสู้ที่ต้องการเข้าใจกฏแห่งกระบี่และกฏแห่งทำลายล้างเข้าใจได้อย่างง่ายดาย
เจี้ยนเฉินมีความสุขกับความคิดนั้น หากการคาดเดาของเขาเป็นจริง เขาจะสามารถทำให้คนที่อ่อนแอกว่าเขาทะลวงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องสูญเสียสมบัติสวรรค์เลย เขาสามารถสร้างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดได้ในเวลาที่สั้นที่สุด
“น่าเสียดายที่นี่คือโถงเซียนธาตุแสง เมื่อข้าใช้กฏแห่งทำลายล้างและกฏแห่งกระบี่ที่นี่ ข้าไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกค้นพบ ทำให้ข้าไม่อาจลองกฎอื่น ๆ ได้นอกจากกฎแห่งศรัทธาที่นี่”