เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2118: ชาติกำเนิดของเสี่ยวม่าน
ตอนที่ 2118: ชาติกำเนิดของเสี่ยวม่าน
“เจี้ยนเฉิน ความเข้าใจของเจ้าเกี่ยวกับกฏแห่งการทำลายล้างได้มาถึงขั้นเหนือเทพช่วงปลาย ดังนั้นความเข้าใจของเจ้าเกี่ยวกับกฏจะแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ข้าจะแสดงให้เห็นว่าข้าใช้กฏแห่งการทำลายล้างได้อย่างไร รวมถึงเคล็ดลับในการใช้กฏ” ไคยะกล่าวกับเจี้ยนเฉิน นางรู้สึกมีความสุขที่เห็นเจี้ยนเพิ่มความเข้าใจในกฏแห่งการทำลายล้างขึ้นเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลายได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
“ไคยะ เจ้าเหนื่อยมากไปแล้วหลังจากทิ้งจารึกไว้ เจ้ายังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์ ดังนั้นอย่าแสดงอะไรให้ข้าอีกเลย เพราะข้าคงจะไม่สบายจากวิธีการที่เจ้าใช้” เจี้ยนเฉินเกลี้ยกล่อมเพื่อตัวของไคยะ เขาไม่ต้องการเห็นนางหมดแรงเพื่อตัวของเขา
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การย่อกฏแห่งการทำลายล้าง ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อไคยะเลย เจี้ยนเฉินยังคงหวังว่านางจะฟื้นฟูให้เสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า
“เจ้าไม่สามารถเข้าใจก่อนหน้านี้ เพราะเจ้าไม่เข้าใจกฏแห่งการทำลายล้าง เมื่อกฏแห่งการทำลายล้างของเจ้ามาถึงขั้นเหนือเทพช่วงปลายแล้วและอยู่ห่างจากราชาเทพเพียงไม่กี่ก้าวก็มีความแตกต่างกันมากขึ้น อย่าลืมว่าจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ เนื่องจากเจ้ามีโอกาสที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ เจ้าไม่อาจเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ได้” ไคยะกล่าว ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะตกลง นางก็เริ่มใช้กฏแห่งการทำลายล้าง
ชัดเจนว่านางหวังจะให้เจี้ยนเฉินเข้าใจวิธีการและเคล็ดลับนี้ได้
เจี้ยนเฉินไม่อาจทำอะไรได้ เขาไม่อาจปล่อยให้ความตั้งใจของไคยะสูญเปล่า ดังนั้นเขาจึงนั่งลงด้านหน้าไคยะและจดจ่ออยู่กับการใช้กฏแห่งการทำลายล้างของไคยะ เขาหลับตาและใช้ความเข้าใจของเขาเป็นครั้งคราวเพื่อทำความเข้าใจอย่างใกล้ชิด
ก่อนที่เขาจะเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้าง เจี้ยนเฉินรู้เพียงว่าความเข้าใจและการใช้กฏแห่งการทำลายล้างของไคยะนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก นางได้ยกระดับเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้างแล้ว เขาได้รับความเข้าใจที่แตกต่างเมื่อไคยะใช้กฏแห่งการทำลายล้าง สิ่งที่เขาพบนั้นน่าตกใจมากว่าความรู้และความเข้าใจของไคยะในกฏแห่งการทำลายล้างนั้นน่ากลัวกว่าที่เขาคิดเอาไว้ มันไม่ใช่สิ่งที่ราชาเทพจะทำความเข้าใจได้ มันทำให้เขาตัวสั่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไคยะทิ้งจารึกกฎแห่งการทำลายล้าง มันยิ่งลึกซึ้งเข้าไปอีก มันมีความลับมากมายในกฏภายใน ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนกับดูตัวเองวิวัฒนาการของกฏ ความซับซ้อนของมันขยายเกินขอบเขตความเข้าใจของเขา
“เจี้ยนเฉิน เจ้าได้รับประโยชน์จากมันหรือไม่ ? ”
หนึ่งปีต่อมาไคยะหยุดทำเพราะความอ่อนเพลีย นางมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างกระตือรือร้น
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าและพูดอย่างเสียใจ “วิธีการควบคุมของเจ้านั้นลึกซึ้งเกินไป ข้าไม่อาจทำความเข้าใจได้เลยในตอนนี้”
“ลึกซึ้งเกินไป ? จริงหรือ ? ” ไคยะค่อนข้างประหลาดใจ นางรู้ว่าความสามารถของเจี้ยนเฉินนั้นมากมายเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแม้แต่เขาก็บอกว่ามันลึกซึ้งเกินไป การเข้าใจวิธีการใช้งานของนางนั้นยากขนาดนั้นจริง ๆ หรือ ?
ถ้ามันยากนัก ทำไมนางเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ?
เจี้ยนเฉินมองไปที่ไคยะด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขารู้ว่าไคยะนั้นกลับชาติมาเกิดจากผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่และค่อย ๆ ฟื้นพลังในอดีตของนาง ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่พลังของนางจะพุ่งเร็วราวกับจรวดหลังจากตื่นจากการหลับใหลของนาง การใช้กฏของนางนั้นเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกันทั้งหมด แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจเทียบได้
แม้ว่าไคยะในตอนนี้จะค่อย ๆ ฟื้นฟูพลังของนาง แต่ความทรงจำของนางก็ไม่มีอะไรแปลกไป สิ่งที่นางรู้มันมีเพียงแค่ในชีวิตนี้
“ไม่มีเวลาเหลืออีกแล้วหลังจากที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนเปิด กิ้งก่าด้านนอกก็ยังคงไม่ไปไหน ดังนั้นข้าจึงไม่อาจรวบรวมเหรียญผลึกแห่งไฟได้ ไคยะ เจ้าฟื้นฟูก่อนเลย ข้าคิดว่าเราจะออกจากที่นี่ไม่ช้านี้ ข้าจะไปดูจื่อหยุนและเสี่ยวม่านก่อน มีบางอย่างที่ข้าต้องเข้าใจ” เจี้ยนเฉินมองไปที่ไคยะก่อนจะหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ เขาใช้พลังของหอคอยอนัตตาเพื่อส่งตัวเขาออกไป
เมื่อเจี้ยนเฉินมาถึงข้าง ๆ จื่อหยุนและเสี่ยวม่าน พวกนางไม่ได้บ่มเพาะ กลับเป็นจื่อหยุนที่กำลังอธิบายเรื่องการบ่มเพาะให้กับเสี่ยวม่านอย่างจริงจังแทน
ทั้งสองยืนขึ้นทันทีที่เห็นเจี้ยนเฉินมาถึง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
เจี้ยนเฉินพยักหน้าให้กับพวกเขาด้วยรอยยิ้มและมองไปที่เสี่ยวม่าน นางโตขึ้นในหลายปีมานี้และนางก็ไม่ได้เป็นเด็กสาวตัวน้อย ๆ ที่อยู่บนเรือรบมิติแล้ว นางได้กลายเป็นเซียนจักรพรรดิและเกือบจะทะลวงไปยังขอบเขตดั้งเดิม
ต้องบอกว่าแม้แต่เจี้ยนเฉินก็เป็นเพียงเซียนสวรรค์เมื่อตอนที่เขาอายุเท่าเสี่ยวม่าน
แน่นอนว่าการดูแลที่เขาได้รับในตอนนั้นไม่ใกล้เคียงกับความพิเศษเท่ากับเสี่ยวม่าน เขามาจากโลกเบื้องล่างที่ขาดแคลนทรัพยากร ในขณะที่นางมาจากโลกที่อุดมสมบูรณ์และได้รับการชี้นำจากราชาเทพ พวกเขาไม่อาจเทียบกันได้
“แม่นางจื่อหยุน มีบางอย่างที่ข้าต้องการคุยเป็นการส่วนตัว” เจี้ยนเฉินพูดอย่างใจเย็นก่อนที่จะเดินไปกับจื่อหยุน พวกเขาปล่อยให้เสี่ยวม่านอยู่เพียงลำพัง
“พี่เจี้ยนเฉินต้องการใช้เวลาอยู่กับพี่จื่อหยุน เขาชอบพี่จื่อหยุนงั้นหรือ ? ” เสี่ยวม่านคิดในใจขณะที่นางมองไปทางเจี้ยนเฉินและจื่อหยุนที่เดินออกไปคู่กัน ใบหน้าของนางก็เบิกบานขึ้น “ใช่แล้ว มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ ไม่อย่างนั้นทำไมพี่เจี้ยนเฉินถึงได้มาช่วยเราครั้งแล้วครั้งเล่า เขาต้องชอบพี่จื่อหยุนมาก ยิ่งไปกว่านั้นพี่จื่อหยุนก็น่ารักมาก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องเหมาะสมสำหรับพี่เจี้ยนเฉินที่จะชอบพี่จื่อหยุน...”
“แม่นางจื่อหยุน ข้าต้องการรู้ช่าติกำเนิดของเสี่ยวม่าน แน่นอนว่าเจ้าไม่ต้องกังลใด ๆ ข้าไม่ได้มีเจตนาใด ๆ ที่ถามออกมา ท่านควรรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวม่านมันได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย ข้าจำเป็นต้องทราบเหตุผลที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้และจากนั้นข้าจะได้วางแผนรับมือกับสิ่งที่มาตามในแต่ละสถานการณ์ได้ดีขึ้น” เจี้ยนเฉินกล่าว เสี้ยวม่านยังเด็กนัก นางไม่รู้จักพ่อและแม่ของนางนอกจากจื่อหยุน ดังนั้นเขาจึงต้องถามจื่อหยุนเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง
“งั้นข้าจะบอกสิ่งที่ข้ารู้….” หลังจากนั้นจื่อหยุนก็บอกทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวให้กับเจี้ยนเฉินทั้งหมด
เจี้ยนเฉินมีความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ปกครองของเสี่ยวม่านจากจื่อหยุน เขาได้รู้ว่าพ่อแม่ของเสี่ยวม่านเป็นคู่รักชราเพียงผิวเผิน พวกเขาสูญเสียการบ่มเพาะทั้งหมดและหลังจากที่ผ่านทุกอย่างไป พวกเขาก็ได้รู้จักกับจื่อหยุน พวกเขาก็จากไปหลังจากนั้น 1,000 ปีต่อมา ก่อนที่พวกเขาจะจากไป พวกเขาได้ทิ้งสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีคุณภาพสูงและเหรียญเนปจูนให้เก็บไว้ ก่อนสั่งให้จื่อหยุนพาเสี่ยวม่านมายังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เจี้ยนเฉินจมลงไปในความคิดของเขาหลังจากรู้เกี่ยวกับพ่อแม่ของเสี่ยวม่าน ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าพ่อแม่ของเสี่ยวม่านเกี่ยวข้องกับพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่สั่งให้จื่อหยุนพาเสี่ยวม่านมาที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทำเช่นนี้เพราะรู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวม่านจะได้รับการปกป้องจากโลกภายในของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ซึ่งไม่มีใครทำร้ายนางได้ตราบเท่าที่นางยังอยู่ที่นั่น
“แม้ว่าพ่อแม่ของเสี่ยวม่านจะเคยเป็นสาวกลัทธิเต๋าแห่งเนปจูน แต่ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ลูกหลานของพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน เพราะนี่ไม่ใช่การดูแลที่ทุกคนจะสามารถรับได้ เว้นแต่พวกเขาจะเป็นทายาทสายตรงของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน”
“ถ้าพ่อแม่เสี่ยวม่านเป็นทายาทสายตรงของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน นายท่านจะต้องส่งพวกเขาออกไปเพื่อปกป้องสายเลือดของเขาและตัดการติดต่อของสายเลือดของพวกเขา นั้นจะเป็นเป็นบอกว่าพวกเขารอดชีวิตจากความหายนะของสำนักได้อย่างไร ท้ายที่สุดพลังสังสารวัฏของอมตะเที่ยงแท้วัฏสังสารจะได้ผลกับสายเลือดและสายสัมพันธ์ผ่านกฎ หากเขาต้องการทำลายสำนักจริง ๆ จะไม่มีใครอยู่รอดได้”
“อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า ผู้นำของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนจะตัดการเชื่อมต่อของพวกเขาผ่านทางสายเลือด แต่เขาก็ยังไม่อาจรักษาพวกเขาไว้ได้ พ่อแม่ของเสี่ยวม่านสูญเสียการบ่มเพาะไปจนหมดเพราะพวกเขายังมีพลังสังสารวัฏบางส่วนที่แพร่กระจายไปยังพวกเขาผ่านทางสายเลือดเล็กน้อยและยังอยู่ภายใต้อิทธิพล พวกเขาค่อย ๆ กลายเป็นคนธรรมดา….”
เจี้ยนเฉินวิเคราะห์อย่างลับ ๆ ความลับของช่าติกำเนิดของเสี่ยวม่านจะค่อย ๆ คลี่คลายขึ้นมา
ทันใดนั้นความคิดก็แว่บเข้ามาในหัวของเจี้ยนเฉิน ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจทุกอย่างทันที
“ดวงจันทร์เนปจูน มันต้องเป็นดวงจันทร์เนปจูน ข้าเข้าใจแล้ว ท้ายที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ดวงจันทร์เนปจูนไม่เคยปรากฏขึ้นในลัทธิเต๋าแห่งเนปจูนหลังจากถูกทำลาย เมื่อเสี่ยวม่านปรากฏขึ้นก็คือหยินและหยางในโถงศักดิ์สิทธิ์เนปจูนซึ่งจะทำให้ดวงจันทร์เนปจูนปรากฏขึ้น การปรากฏขึ้นของดวงจันทร์เนปจูนนั่นหมายความว่าจะทำให้จิตวิญญาณวัตถุถูกปลุกให้ตื่นด้วยสายเลือดของเสี่ยวม่าน สิ่งที่แอบปกป้องเสี่ยวม่านอย่างชัดเจนก็คือกฏของโลกที่สร้างโดยจิตวิญญาณวัตถุ”
“มันเป็นเพียงจิตวิญญาณวัตถุพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนเท่านั้นที่ตื่นขึ้นมาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะกลับไปหลับใหลต่อ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่เงียบขนาดนี้….”
เจี้ยนเฉินสูดหายใจเข้าลึกหลังจากที่เข้าใจทุกอย่าง เขาก็พยายามสงบสติอารมณ์ของเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาได้ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด โดยธรรมชาติแล้วเขาก็รู้ว่าพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นของเสี่ยวม่าน