เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2070 : ยึดกระบี่
ตอนที่ 2070 : ยึดกระบี่
“ใครกันที่บอกว่าเรามาเพื่อมรดก ? ” สีหน้าของเจี้ยนเฉินดูแปลกไป เขามองไปที่จื่อหยุนด้วยสายตาแปลก ๆ เขาพูดโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก “มรดกของขั้นบรรพกาลนั้นเพียงพอทำให้ราชาเทพต้องบ้าคลั่งและตาย แต่มันไร้ประโยชน์สำหรับข้า “
อันที่จริงเจี้ยนเฉินได้บ่มเพาะร่างบรรพกาลและเขาก็ก้าวหน้าอย่างประทับใจ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะสลับไปใช้วิธีบ่มเพาะได้ ผลก็คือแม้แต่มรดกของอัครสูงสุดก็แทบจะทำให้เขาสนใจไม่ได้ นี่ไม่ต้องนับมรดกของขั้นบรรพกาลเลย
บางทีมรดกของขั้นบรรพกาลนั้น สำหรับเขาแล้วคงไม่ได้มีค่าเท่ากับเหรียญผลึกห้าสีด้วยซ้ำ
ตอนที่ราชาเทพได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน แววตาของพวกนั้นก็สั่นไหว พวกนั้นมองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยความแปลกใจและสงสัย พวกเขาพยายามปะติดปะต่อเรื่องจนมีความคิดมากมายโผล่มาในหัว
ราชาเทพช่วงต้นที่ไม่สนใจมรดกของขั้นบรรพกาล มันหมายความว่ายังไง ?
มันหมายความว่าเขามีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่หรือไม่ก็มีวิธีการบ่มเพาะที่โดดเด่นจนมองข้ามมรดกของขั้นบรรพกาลได้ แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นไปได้ที่เขาจะโกหก
ราชาเทพอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจี้ยนเฉินหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา แต่สุดท้ายพวกนั้นก็แค่นเสียงออกมา พวกนั้นเชื่อว่าเจี้ยนเฉินโกหกพวกเขาโดยทำท่าเป็นคนมาจากนิกายรึองค์กรใหญ่เพื่อที่เขาจะได้ขู่พวกเขาและชิงมรดกนี้ไป
แต่ศิษย์ของนิกายหรือองค์กรใหญ่ทุกคนจะมีคนคุ้มกันมากมายรายล้อมตัว เจี้ยนเฉินและไคยะเหมือนจะไม่ใช่คนพวกนั้น ดังนั้นพวกเหล่าราชาเทพจึงตัดความเป็นไปได้นี้ทิ้งไป
จื่อหยุนแสดงท่าทีแปลกใจออกมาและมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างตกตะลึง แต่นางก็สีหน้าหม่นลงทันทีและบอกกับราชาเทพรอบตัวนาง “ข้ายกมรดกของข้าให้กับพวกเจ้าได้และข้าจะยอมไปกับเจ้า ข้ามีแค่เงื่อนไขเดียวคือเจ้าจะไม่แตะต้องน้องสาวข้าแม้แต่เส้นผม” หลังจากนั้นนางก็มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาอ้อนวอน “ผู้มีพระคุณ ข้า จื่อหยุน ขอร้องท่านให้ออกจากที่นี่ไปพร้อมกับน้องสาวของข้า หากข้ารอดไปได้ ข้าจะตอบแทนท่านทุกอย่าง”
“ฮึ่ม” ราชาเทพคนหนึ่งแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินที่จื่อหยุนพูด “เราออกไปพร้อมกับน้องสาวเจ้าได้ แต่เจ้าอย่าคิดว่าสองคนนี่จะออกไปพร้อมกับน้องสาวของเจ้า เพราะพวกนี้ไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว” เมื่อพูดจบราชาเทพทั้งสี่ก็ได้ลงมือโจมตี พวกนั้นกวัดแกว่งกระบี่ของตนพร้อมกับปราณกระบี่ที่พุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินและไคยะ
พวกนั้นได้ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ปล่อยเจี้ยนเฉินและไคยะไป ไม่งั้นแล้วหากทั้งสองกระจายข่าวนี้ออกไป มันคงสร้างปัญหาให้กับพวกนั้น สุดท้ายพวกนั้นอาจจะเสียมรดกของขั้นบรรพกาลที่ได้มา
จื่อหยุนหลับตาเมื่อเห็นการโจมตีของราชาเทพทั้งสี่ ตอนแรกนางหวังว่าเสี่ยวม่านจะรอดไปได้กับการที่เจี้ยนเฉินปรากฏตัว นางหวังว่าเขาจะหนีไปพร้อมกับเสี่ยวม่านได้ ยังไงซะนางก็เชื่อใจเจี้ยนเฉินมากกว่าราชาเทพพวกนี้
แต่เมื่อราชาเทพช่วงปลายทั้งสี่คิดจะฆ่าเจี้ยนเฉินและไคยะ นางก็ไม่เชื่อว่าราชาเทพช่วงต้น 2 คนนี้จะทนการโจมตีของราชาเทพช่วงปลายทั้งสี่คนได้
“ปกป้องน้องสาวของเจ้า นางไม่อาจจะทนคลื่นพลังจากการต่อสู้ระหว่างราชาเทพได้” ตอนนั้นเสียงของเจี้ยนเฉินดังขึ้นมาในหัวของจื่อหยุน มันดูสงบ, เยือกเย็นและไม่ได้ลนลานเลยแม้แต่น้อย
ท่าทีใจเย็นของเจี้ยนเฉินนั้นต่างจากที่จื่อหยุนคิดเอาไว้ นางลืมตาขึ้นมาและพบกับสิ่งที่น่าตกใจ ตาของนางเบิกกว้างเพราะความเหลือเชื่อ
ปราณกระบี่สีทองถูกยิงออกไปจากมือของเจี้ยนเฉิน มันส่องประกายด้วยแสงสีทองดำ มันปะทะกับปราณกระบี่ที่อัดแน่นจากกฎไฟและเกิดระเบิดอย่างรุนแรง ปราณกระบี่สีทองทำลายปราณกระบี่ที่อัดแน่นจากกฎไฟและเกิดการระเบิดในอากาศ
ปราณกระบี่สีทองไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย มันยังคงพุ่งต่อไปจนทะลุร่างของราชาเทพช่วงปลายคนหนึ่งก่อนจะหายไปที่ปลายขอบฟ้า
“อ๊าก ! ” ราชาเทพที่ใช้ปราณกระบี่ไฟร้องออกมาและมองมาที่เจี้ยนเฉินอย่างเหลือเชื่อพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว
มีแค่ตอนที่เผชิญหน้ากับปราณกระบี่สีทองนี้ เขาถึงเข้าใจความน่ากลัวของมัน ด้วยการบ่มเพาะขั้นราชาเทพช่วงปลาย เขาไม่อาจะจทนการโจมตีของมันได้เลย เขารู้สึกได้ถึงภัยที่ร้ายแรง
“นี่…นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่ราชาเทพช่วงต้นควรจะมี” ชายคนนั้นตะโกนออกมาและรีบถอยกลับไป
ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ต่อยออกไปด้วยพลังบรรพกาลและสลายปราณกระบี่อีกเส้นไป จากนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้าราชาเทพอีกคนที่เพิ่งจะโจมตีเขาในก้าวเดียว พลังบรรพกาลในมือซ้ายอัดแน่น เขากำกระบี่ซึ่งเป็นวัตถุเซียนขั้นสูงสุดไว้แน่น ปลายกระบี่ที่แหลมคมไม่อาจจะตัดผ่านมือของเขาได้
ราชาเทพคนนี้คือชายหนุ่มในชุดเขียวหน้าตาธรรมดา ตอนที่เขาเห็นเจี้ยนเฉินจับกระบี่ของเขาไว้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ตาเขาก็หรี่ลงและแสดงความตะลึงออกมา เขาต้องการจะดึงมือกลับแต่เขาก็พบว่ามือของเจี้ยนเฉินนั้นราวกับคีม หนีบกระบี่เขาไว้แน่น เขาไม่อาจจะสลัดมันออกไปได้เลย
สีหน้าของชายหนุ่มดูตะลึง เกราะเซียนขั้นสูงปรากฏขึ้นมาครอบคลุมมือขวาของเขาเอาไว้ ในเวลาเดียวกันเขาก็สะบัดมือซ้ายด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อสลัดให้พ้นมือของเจี้ยนเฉินที่สับเข้ามา
ปัง ! เสียงปะทะดังก้อง ชายหนุ่รู้สึกว่ามือของเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งราวกับวัตถุเทพซึ่งไม่อาจจะหยุดมือเขาได้ ไม่ใช่แค่มือซ้ายของเขาที่ไม่อาจจะหยุดเจี้ยนเฉินได้ แต่มือของเขาถึงกับหักด้วยซ้ำ
แคร่ก ! มือของเจี้ยนเฉินสับลงไปที่มือของชายหนุ่มด้วยน้ำหนักที่น่าเหลือเชื่อ เกราะที่ปกป้องมือเอาไว้แตกออกจากการโจมตีครั้งนี้และทำให้มือทั้งมือฉีกขาด
ชายหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขามองไปที่แขนขวาที่เต็มไปด้วยเลือดของตัวเอง เขาตะลึงในใจ ชายคนนี้เป็นแค่ราชาเทพช่วงต้นจริงหรือ ? เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังที่น่าเหลือเชื่อ
เจี้ยนเฉินทำการตรวจสอบอาวุธเซียนในมือและพึมพำออกมา “แม้ว่ามันจะไม่ได้วิเศษนัก แต่ข้าจะลองใช้มันดู ข้าจะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นเมื่อพบอันที่เหมาะกว่า” ตอนที่พูดนั้น เจี้ยนเฉินก็ได้โคจรพลังบรรพกาลเข้าไปในกระบี่และลบตราประทับของชายหนุ่มที่เหลือไว้ในกระบี่ออกอย่างง่ายดาย
กระบี่นี้ได้ผูกกับวิญญาณของชายหนุ่มเอาไว้ ดังนั้นตอนที่ตราประทับถูกทำลาย ชายหนุ่มจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากระอักเลือดออกมาและมองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยความกลัว
พลังของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้กระบี่นั้นไปครอง ปราณกระบี่อันแหลมคมแผ่ออกมาจากตัวเขาแล้วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ดูเหมือนว่ามันจะสร้างกระบี่ลวงตาที่แทงลงไปที่พื้น มันราวกับว่าเขาคือเทพกระบี่
ราชาเทพโดยรอบที่ยังไม่เข้ามาโจมตีต่างก็มองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ตอนนั้นพวกเขา รู้สึกว่าเจี้ยนเฉินคือสัตว์อสูรโบราณที่ตื่นจากการหลับใหล เขาถึงกับน่ากลัวยิ่งกว่านั้น
เจี้ยนเฉินลอยอยู่ในอากาศพร้อกมับกระบี่ในมือ ผมของเขากระพือแม้ว่าจะไม่มีลม เขามองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชาและพูดขึ้นว่า “ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเพราะกระบี่เล่มนี้” เมื่อพูดจบกระบี่นั้นก็ส่องแสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์ออกมา จากนั้นเขาก็กวัดแกว่งกระบี่เข้าใส่ราชาเทพอีกคนที่โจมตีเขา