บทที่ 141: ยอมรับการทดสอบ
ท้ายที่สุด เจ้าอ้วนทำได้แค่เถียงออกมา “แน่นอนว่าเพียงแค่คำพูดมันดูง่ายดาย แต่ข้าอยู่ในระดับเซียนเทียนเท่านั้น แล้วข้าจะรับมือกับการเก็บตัวฝึกฝนกับสาวงามทั้งเก้าได้เช่นไร? แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินหรือเฟินเสินยังไม่สามารถทำได้! ในตอนนี้พวกท่านแค่กำลังสร้างความลำบากให้กับข้าเท่านั้น!”
“ไร้สาระ การที่จะครอบครองสมบัติวิญญาณจะต้องลงทุนสักหน่อย มิฉะนั้นพวกเราทั้งหมดจะแสดงความต้องการของตนเองได้อย่างไร!” นักบวชหญิงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด
เจ้าอ้วนไร้คำจะกล่าวต่อ ความจริงคือพวกนางต้องการทดสอบเจ้าอ้วน อีกทั้งพวกนางทุกคนยังเป็นสมบัติวิญญาณขั้นเก้าอีกด้วย
ต้องเข้าใจก่อนว่าหญิงงามเหล่านี้เป็นถึงผู้ฝึกตนระดับฮั่วเสิน แม้แต่ผู้ฝึกตนที่เพียรนั่งสมาธิเป็นร้อยปียังต้องยอมสยบอยู่ใต้มือของพวกนางหากประมาท เรื่องราวประหลาดสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ผู้ฝึกตนระดับสูงมักจะตายตกไปจากเหล่าสตรีพวกนี้เพราะสูญเสียเส้นทางการฝึกฝน
โดยปกติแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะครอบครองปีศาจเทวะเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าคงจะไม่อยู่อย่างไร้เจ้าของมานานนับพันปี! แม้เหล่าผู้เชี่ยวชาญในสำนักพันปีศาจ ยังไม่มีผู้ใดกล้าหาญจะท้าทายอำนาจนี้ ส่วนผู้ที่มีความกล้าหาญมักจะพ่ายแพ้และตายตกไปจากความเหนื่อยล้า
เจ้าอ้วนยังมีข้อสงสัยบางอย่าง เนื่องจากการจัดการกับภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าเป็นเรื่องที่ยากเย็น แล้วยู่เฟิงได้รับการยอมรับได้อย่างไรกัน? ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้มากไปกว่าเจ้าอ้วนเลย แต่ตอนนี้เจ้าอ้วนก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหาตรงหน้าได้ เจ้าอ้วนได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ภายในใจอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “ข้าขอถามได้หรือไม่ เจ้านายคนก่อนของพวกท่านทำเช่นไร เขาเป็นนายน้อยแห่งสำนักพันปีศาจและเขาผ่านการทดสอบอย่างไร?”
ในขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของหญิงงามทั้งเก้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นผู้ฝึกตนประเภทดาบหัวเราะก่อนที่กล่าวออกมาว่า “เด็กหนุ่มผู้นั้นเกรี้ยวกราดอย่างมาก ข้ายังไม่อยากเชื่อว่าเขาจะสามารถผ่านการทดสอบของปีศาจเทวะร่ายรำได้!”
“อะไรนะ?” เจ้าอ้วนประหลาดใจ “ยู่เฟิงเกิดในสำนักที่เดินบนเส้นทางแห่งปีศาจ แต่กลับเลือกวิธีทดสอบของความชอบธรรม? เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน? หรือว่าเขาจะเป็นขันที ถ้าไม่เช่นนั้น….” ขณะที่เขากล่าวเช่นนี้ เขาได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง จากนั้นเขามองไปที่หญิงงามทั้งเก้าและถามต่อ “เรื่องจริงงั้นหรือ? ข้าไม่คิดว่าเขาจะกระทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ใช่หรือไม่?”
หนึ่งในนักบวชเหล่านั้นยักไหล่พร้อมกล่าวอย่างสบายๆ “แน่นอน เห็นได้ชัดเจนว่าเขาจะต้องถูกตอนออกไปแล้ว!”
“ให้ตายเถอะ!” เจ้าอ้วนตะโกนพร้อมกล่าวออกมาอย่างชื่นชม “พี่ใหญ่ยู่เฟิง ข้าชื่นชมเจ้าจากใจจริง!”
“เอ๊ะ อาจจะมีบางสิ่งผิดพลาด?” หลังจากที่เขาตะโกน จากนั้นดวงตาพลันสว่างขึ้นพร้อมกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะไม่ได้ตรวจสอบเขาอย่างละเอียด แต่เขาก็เหมือนบุรุษทั่วไปที่มีความต้องการ เขาดูไม่เหมือนขันทีเลยสักนิด!”
“นั่นเป็นเพราะเขาเตรียมตัวมาก่อน เขาตัดมันออก จากนั้นเก็บไว้ที่เย็นและต่อกลับเข้าไปหลังจากที่ผ่านการทดสอบ” นักบวชอธิบาย
หญิงสาวผู้หนึ่งหัวเราะอย่างเยือกเย็นพร้อมกล่าวว่า “สิ่งที่สวรรค์กำหนดมานั้นไม่อาจคาดเดาได้ เมื่อทุกสิ่งได้แปรเปลี่ยนจะไม่มีวันย้อนคืนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่สำคัญเช่นนี้ เห็นหรือไม่ว่ายู่เฟิงได้รับความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นเท่าใด แต่ถ้าหากเจ้ายอมจ่ายในราคาที่เราเรียกร้อง พวกเราทั้งหมดก็ยินดีจะรับเจ้าเป็นนายคนใหม่โดยไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นคนเลวร้ายเยี่ยงไร!”
“ไม่มีทาง ย่อมไม่ได้!” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาส่ายหน้าอย่างรุนแรงพร้อมปฏิเสธ “ข้าเป็นบุตรชายเพียงผู้เดียว หน้าที่ของข้าคือต้องแบกสายเลือดนี้ไปให้ถึงฝันให้ได้!”
“ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าจะขอบอกเจ้าตรงนี้ว่าแม้แต่เจ้าก็ไม่ใช่เจ้าของชีวิตตัวเจ้า!” หญิงสาวผู้หนึ่งกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
“เป็นเช่นนั้น?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วแน่นทันที
ตอนนี้เจ้าอ้วนไม่ได้คิดเรื่องอื่นนอกจากคำกล่าวของแม่นางฉุ่ยจิ้ง สำหรับน้องสาวผู้นี้ เขาเคารพนางจากใจจริงหรือกล่าวว่าแทบจะบูชานางเลยก็ว่าได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงมอบภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้านี้ให้กับเขา แม้ค่าใช้จ่ายของมันคือการท้าทายอำนาจของอาวุโสในสำนัก!
ถ้าเขาไม่สามารถจัดการกับภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าได้ การกระทำของฉุ่ยจิ้งครั้งนี้จะไร้ประโยชน์ทันที ภาพวาดนี้จะกลายเป็นเพียงภาพวาดธรรมดา ถ้าหากเป็นเช่นนั้นคงจะต้องนำมันกลับไปที่สำนัก และได้รับรางวัลใหญ่จากสำนักเท่านั้น! แต่เจ้าอ้วนไม่เชื่อว่าฉุ่ยจิ้งจะกระทำเรื่องนี้โดยไร้ความหมาย ตั้งแต่ที่นางยกภาพวาดนี้ให้กับเจ้าอ้วน นางจะต้องคิดมาแล้วว่าเขาสามารถจัดการกับภาพนี้ได้ นางจึงละเลยที่จะสนใจมัน
นี่เป็นเพียงกำไรที่เจ้าอ้วนได้รับ และเขาตัดสินใจว่าจะทำมันด้วยความเชื่อใจทั้งหมดที่มีให้แก่ฉุ่ยจิ้ง เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว เจ้าอ้วนตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการทดสอบ “พี่สาว มีเพียงสองวิธีงั้นหรือที่จะสามารถจัดการกับพวกท่านได้?”
“แน่นอน! บุคคลที่สร้างพวกเราขึ้นมาเป็นผู้ตั้งกฏเหล่านี้!” นักบวชเหล่าพร้อมรอยยิ้ม
แต่สตรีนางหนึ่งกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ฮี่ฮี่ เรื่องนี้อาจจะไม่จำเป็น! กฎคือของตาย แต่คนคือของเป็น!”
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายพร้อมถามว่า “หมายความว่าอย่างไร? อย่าบอกนะว่ามีหนทางให้หลีกเลี่ยงกฎ?”
“แน่นอน กฎใดบนโลกใบนี้ล้วนแตกหักได้เสมอ กฎนี้ก็เช่นกัน แต่ปัญหามีอยู่อย่างเดียวคือเจ้าไม่สามารถทำลายกฎได้!” สตรีนางนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่เขายังคงถามต่ออย่างระมัดระวัง “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าจะทำลายกฏของพวกท่านได้อย่างไร!”
“ฮี่ฮี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่ง ตราบใดที่เจ้าสามารถจัดการความแข็งแกร่งที่สุดของพวกเราได้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!” พวกนางกล่าวออกมาอย่างมีไหวพริบ “ข้าขอเตือนเจ้าไว้หนึ่งอย่าง ตอนนี้พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นระดับเฟินเสินขั้นสูงสุด”
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาเป็นเกือบจะหน้ามืดไปทันที ระดับของเขาตอนนี้เพียงเซียนเทียนขั้นสิบสามและต้องเอาชนะผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิน เขาอาจจะต้องใช้เวลามากถึงพันปี เมื่อคิดเช่นนั้นเจ้าอ้วนเข้าใจแล้วว่าพวกนางกำลังพยายามให้เจ้าอ้วนเลือกสองทางขั้นต้นเท่านั้น นั่นก็คืออดทนกับการเก็บตัวฝึกฝนหรือจะอดทนต่อการร่ายรำของปีศาจเทวะ
แน่นอนว่าการเก็บตัวฝึกฝนนั้นน่ากลัวเกินไปและไร้ความหวังที่จะสำเร็จ แต่ทางเลือกการร่ายรำของปีศาจเทวะก็ยังมีท่าไม้ตายที่สามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินหรือเฟินเสินให้ตายตกได้โดยง่าย เห็นได้ชัดว่ามันแข็งแกร่ง ถ้าไม่เช่นนั้นผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินคงจะค้นพบช่องโหว่นานแล้ว แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเส้นทางแห่งความชอบธรรมจะดูมีโอกาสมากกว่า
เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว เจ้าอ้วนถามเกี่ยวกับการทดสอบอย่างสุภาพ “พวกท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่ามีสิ่งใดที่พิเศษในการร่ายรำของปีศาจเทวะ?”
“ฮ่าฮ่า หน้าตาของเจ้าดูคล้ายกับคนโง่เขลา แต่ทว่าฉลาดไม่เบา เจ้ากำลังจะค้นหาจุดอ่อนของการร่ายรำของปีศาจเทวะสินะ!” นักบวชสาวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เหอะ เป็นความคิดดีที่ แต่เจ้าคิดว่าพวกข้าเป็นคนโง่งั้นหรือ?”
“ฮี่ฮี่ แล้วมันจะเป็นอย่างไรถ้าหากเขารู้ความพิเศษของการร่ายรำปีศาจเทวะ? ด้วยพลังของเรา วิธีใดงั้นหรือที่ไขมันตัวน้อยระดับเซียนเทียนจะสามารถป้องกันได้?”
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล แล้วเหตุใดเราจึงไม่อธิบายให้เขาฟังล่ะ? อย่างน้อยเขาก็ยอมมาเล่นสนุกกับเรา หลายพันปีที่ผ่านมาพวกเราเบื่อกับชีวิตหลังความตายมานานพอแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะหาใครสักคนมาเล่นสนุกกับเราเช่นนี้!”
“ใช่แล้ว ถูกต้อง! เจ้านายคนเก่าก็คุมขังพวกเราจนไม่สามารถออกจากภาพได้ตามใจชอบ มันน่าเบื่อมากที่จะต้องอยู่บนพัดใบนั้นตลอดเวลา เหตุใดเราจึงไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อเล่นสนุกกับเขาล่ะ อย่างน้อยการเดินทางครั้งนี้ก็จะไม่สูญเปล่า!”
“ถูกต้อง ข้าเห็นด้วยกับเจ้า!” เหล่าสตรีคนอื่นตอบกลับอย่างร่าเริง
เมื่อเห็นว่าพวกนางทั้งหมดประชุมกันเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าอ้วนยิ้มอย่างร่าเริงและรีบถามต่อทันที “ข้าขอขอบคุณพี่สาวทุกท่านมาก ข้าขอสัญญาว่าข้าจะร่วมเล่นสนุกกับพวกท่านอย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่นท่านต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับการร่ายรำของปีศาจเทวะกับข้าก่อน!”
“ฮ่าฮ่า ง่ายมา! การร่ายรำของปีศาจเทวะนั้นเป็นเพียงชื่อเรียกและมันเป็นเพียงการร่ายรำ!”
“มันก็คงจะดีถ้าเจ้าปิดตาของเจ้าและไม่มองพวกข้า!”
“นอกจากนี้เรายังมีเสียงครางที่ทรงพลังซึ่งสามารถล้มบุรุษที่แข็งแกร่งได้โดยง่ายดาย!”
“เจ้าเพียงต้องควบคุมหูของเจ้าให้ได้!”
“นอกจากนี้พวกเรายังมีกลิ่นที่เย้ายวนอีกด้วย”
“เจ้าก็แค่ไม่ต้องดมกลิ่นนั้น!”
“กล่าวก็คือ พวกเราทั้งหมดไม่สามารถสัมผัสเจ้าได้ เราสามารถใช้เสียง การมองเห็นและกลิ่นเพื่อยั่วยวนเจ้าเท่านั้น ตราบใดที่เจ้าสามารถจัดการกับสัมผัสทั้งห้าได้ มันก็เป็นเรื่องง่ายดายที่เจ้าจะรอดพ้นจากการร่ายรำของปีศาจเทวะ!”
เมื่อได้ยินเหล่าสตรีทั้งหลายกล่าวเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่ามีหนทางให้เขาเดินต่อไปแล้ว เพียงแค่ปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าเขาก็จะสามารถรอดพ้นไปได้ ฟังดูเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่ยากเกินไป แต่ปัญหาก็คือถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้โดยง่าย เหตุใดพวกนางจึงไร้เจ้านายมานานนับพันปี? แล้วเหตุใดยู่เฟิงจึงกล้าหาญพอที่จะเข้าร่วมการทดสอบนี้?
ในหัวของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยข้อสงสัยมากมาย แต่ด้วยความงามเบื้องหน้านี้ พวกนางสมควรตกเป็นสมบัติของตน เรื่องราวทั้งหมดมันจะเป็นอย่างไรกับชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าที่จิตใจไม่มั่นคงเช่นนี้?
ภายใต้การทดสอบของสมบัติวิญญาณขั้นเก้า ทำให้เจ้าอ้วนไม่สามารถแม้แต่จะนั่งลงเพื่อรับประทานอาหาร อีกทั้งหลายปีมานี้ทุกสิ่งอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะเข้าร่วมการทดสอบด้วยการร่ายรำของปีศาจเทวะทันทีตามที่หญิงงามทั้งเก้าชักชวน
เมื่อได้ยินว่าเจ้าอ้วนพร้อมที่จะเข้ารับการทดสอบ สาวงามทั้งเก้าร้องไห้ออกมาอย่างปิติยินดี พวกนางทั้งหมดร่าเริงอย่างรู้สึกสนุกนาน เมื่อมองเห็นความตื่นเต้นของพวกนาง เจ้าอ้วนรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยดี แต่เขาได้กล่าววาจาออกไปแล้วถ้าหากคืนคำคงจะต้องสร้างความอับอายไม่ใช่น้อย ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันแล้วเดินหน้าต่อ
เขาหยดเลือดสองหยดลงบนหยกที่อยู่บนพัดตามคำแนะนำของสาวงามทั้งเก้า หลังจากที่หยกกลืนกินเลือดของเขาเสร็จสิ้น การทดสอบของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าก็ได้เริ่มต้นขึ้น!
MANGA DISCUSSION