Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 58: พ่ายแพ้
นิยาย Carefree Path of Dreams
Chapter 58: พ่ายแพ้
“กรงเล็บอินทรี!”
ชิวเหลิ่งนั้นเป็นคนที่เยือกเย็นแต่ก็ไม่ ได้เป็นคนที่ยอมจํานนง่าย ๆ แม้ว่าจะถูกศัตรูล้อมเอาไว้ เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะพลิกสถานการณ์
เขาจําหลินหวงที่เป็นลูกศิษย์คนโปรดของจ้าวสํานักห้าผีและเป็นหัวหน้าของศิษย์ทั้งหมดได้ พลังและตําแหน่งของเขานั้นเทียบเท่ากับหลินเหลยเยว่ แม้ว่าเขาจะได้ยินมาว่าหลินหวงนั้นทะลวงผ่านประตูทองที่ 6 ได้แล้ว แต่เมื่อพูดถึงประสบการณ์ ไม่มีทางที่หลินหวงจะเหนือกว่าเขาไปได้!
ถ้าเขาสามารถแก้ลําได้ภายในกระบวนท่าเดียว เขาย่อมชนะการต่อสู้นี้!
ในตอนนั้นเอง เคล็ดกรงเล็บอินทรี ของชิวเหลิงจึงใช้กําลังอย่างเต็มที่ มันเหมือนกับว่าเขามีอินทรีบินวนอยู่ด้านบน และกรงเล็บสีดํามะเมื่อมก็พุ่งลงมาราวกับสายฟ้าฟาด ศิษย์ทั้งสองคนที่ข้าง ๆ หลินหวงกรีดร้อง และรีบถอยหลังหลบการจู่โจมทันที
“ไม่เป็นไร! ทุกคนนิ่ง!”
หลินหวงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา มือขวาของเขากลายเป็นสีซีดและอ่อนนี้ ราวกับไม่มีกระดูกอยู่ข้างในและไร้เลือดโดยสิ้นเชิง จากนั้นก็ออกกระบวนท่า “ฝ่ามือเบญจหยิน!”
“ปัง!”
กรงเล็บอินทรีของชิวเหลิงและฝ่ามือเบญจหยินของหลินหวงพุ่งเข้าหากัน สีหน้าของชิวเหลิ่งเปลี่ยนไป เขาปลิวถอยไปด้านหลัง
เท้าของหลินหวงสลับด้วยความเร็วระดับเดียวกับสายฟ้าและลอยเข้าหาเขาราวกับปิศาจ “หนีเหรอ? เช่นนั้นต้องได้รับอนุญาตจากท่าเท้าเงาปิศาจของข้าก่อนแล้ว!”
ก้าวย่างของเขาเปลี่ยนเป็นคาดเดาไม่ได้ และจู่ ๆ เขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่ข้าง ๆ ชิวเหลิ่งพร้อมกับนิ้วมือที่ย้อมสีดําราวหมึก “กรงเล็บปิศาจ!”
“พรวด!”
หลินหวงยื่นมือที่ปลายเล็บราวกับหยก ที่แผ่ไอปิศาจออกไปเพียงแค่บิดมือ มือทั้งสองข้างของชิวเหลิ่งก็ถูกเขาดึงกลับอย่างรวดเร็วราวกับถูกงูฉกเข้า ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว ก็มีรอยประทับอยู่บนหน้าอก
“ฝุบ!”
สีหน้าของชิวเหลิ่งเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขากระอักเลือดออกมาคําใหญ่และล้ม ลงหมดสติบนพื้น ใบหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีดํา รูทั้ง 5 บนหน้าอกเขาก็มีเลือดสีดําราวหมกไหลออกมา
เพียงแลกเปลี่ยนกันไม่กี่กระบวนท่า ความหวังสุดท้ายของสํานักกุยหลิงก็ล้มครืนไป!
หลังจากเห็นความแตกต่างระหว่างคู่ต่อสู้สองฝ่าย เหลยเยว่ก็หมดคําจะพูด หัวใจของนางราวกับถูกแขวนไว้บนหน้าผา
“อินทรีเหล็กหน้านิ่งอวชิวเหลิ่ง? ก็มีเพียงเท่านี้งั้นรึ? กรงเล็บอินทรีของเจ้าจะเปรียบกับกรงเล็บปิศาจของข้าได้อย่างไร?”
เสียงหัวเราะของหลินหวงเต็มไปด้วย ความดูถูกเหยียดหยาม และดวงตาของเขาก็กวาดไปทั่ว ๆ อย่างเย็นเยือก “นอกจากหลินเหลยเยวแล้ว ใครก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้อง ฆ่าให้หมดไม่มีข้อยกเว้น!”
“หลินหวงผู้นี้ดูจะงําจุดด้อยของตัวเอง เอาไว้ได้เป็นอย่างดี…”
ความคิดหนึ่งแวบผ่านใจของฟางหยวนไปเมื่อเขาเห็นภาพตรงหน้า “วิทยายุทธ์นี้ดูเหมือนจะมีระดับสูงกว่าที่เห็นเมื่อสักครู่… ด้วยความโหดเหี้ยมและไร้ปรานี และยังอยู่ห่างจากประตูจิง เพียงแค่ก้าวเดียวช่างโดดเด่น ถ้าค่อยเป็นค่อยไปจะเป็นอัจฉริยะเหนือธรรมดานั่นย่อมเป็นไปได้ โชคไม่ดี…”
ไม่ว่าจะถูกหรือผิด เขาก็ไม่สามารถยื่น หัวตัวเองไปหาคนที่อยากจะ “ฆ่าให้หมด ไม่มีข้อยกเว้น” ได้
รวมทั้งอวชิวเหลิ่งด้วย
“ตอนแรก ข้าก็คิดว่าจะหาโอกาสสอน บทเรียนแก่พวกเจ้าทุกคน แต่จากสถานการณ์แล้ว ถ้าดึงดันกันต่อไป คนผู้นี้คงจะตายจากอาการบาดเจ็บ… ก็ช่วยข้าลดปัญหาลงไปได้ส่วนหนึ่ง เจ้าก็ไปดีเถิดนะ!”
แม้กระทั่งตอนนี้ ฟางหยวนก็ยังมีอารมณ์คิดถึงเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ ผลักมือทั้งสองข้างไปด้านหน้า และศิษย์สํานักห้าผีที่พุ่งเข้ามาหาเขาก็ปลิวถอยกลับไป
“เอ่อ?”
หลินหวงเอาก็ดูจะถูกดันให้ถอยกลับไปด้วยเล็กน้อย “ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกําลังภายใน? เจ้าไม่ได้มาจากสํานักกุยหลิง?”
“อื่ม… ก็ไม่เชิง แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่ยอมปล่อยข้าไปนี่นะ!”
ฟางหยวนยักไหล่ “ผู้อาวุโสฮั่นอยู่ที่ไหน?”
“อันที่จริงแล้ว หญิงแก่แซ่ฮั่นนั่นอยู่ภายใต้การควบคุมของสํานักเรา ไม่ต้องหวังให้นางมาช่วยเหลือพวกเจ้าหรอก!”
หลินหวงมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของฟางหยวนเพื่อประเมินอายุของเขา และคลื่นความโกรธสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นในอกของเขา เขาเลียริมฝีปากก่อนจะพูด “ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าเหนือกว่าหลินเหลยเยว่อย่างแน่นอน ข้าไม่คิดเลยว่ามณฑลชิงเหอจะมีผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้! น่าเสียดายที่เจ้าคงไม่สามารถรอดพ้นวันนี้ไปได้..
“โอ้ งั้นรึ? โชคร้ายหน่อยนะ ข้ามักจะทําให้ผู้อื่นผิดหวังเสมอเลย!”
เมื่อฟางหยวนได้ยินดังนั้น เขาก็พยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้สุดความสามารถ
เหลยเยวมองคนทั้งคู่ที่เกือบจะลงมือกันแล้ว หมัดของนางกําแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล “ฟางหยวนอาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับพลังภายใน แต่เขาเพิ่งจะเลื่อนมาสู่ระดับปัจจุบัน หลินหวงนั้นมีประสบการณ์มากกว่าเขามาก ไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีสํานักห้าผีคอยสนับสนุนในด้านพลังและวิทยายุทธ์ระดับสูง ฟางหยวนนั้นก็แค่คนธรรมดาทั่วไป เขาจะมีเคล็ดวิชาดี ๆ อันใดได้? แม้แต่ผู้อาวุโสอรี้ก็ยังแพ้ไปแล้ว! มีความหวัง เพียงไม่มากจริง ๆ…”
นางรู้ดีว่า ต่อให้มีศัตรูแค่หลินหวงคนเดียว แต่ด้วยความแตกต่างอย่างมาก ระหว่างพลังภายในและกําลังภายใน เขาสามารถที่จะเอาชนะพวกนางไปทีละคนได้ ดังนั้นการหนีจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีแน่นอน
จู่โจมพร้อมกัน? ศิษย์สํานักห้าผีนั้นมีจํานวนมากกว่าเรามากนัก และยังมีอาวุธระยะไกลเช่นธนูและลูกศรด้วย!
ดังนั้น ความหวังเดียวก็คือให้หลินหวง แพ้และถูกจับไว้ได้ระหว่างการต่อสู้ตัวต่อตัว
นี่…จะยังเป็นไปได้อีกหรือ?
หลินเหลยเยวมองแผ่นหลังของฟางหยวน หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกและอารมณ์ต่าง ๆ ผสมผสานกัน และยังมีความคาดหวังเล็ก ๆ แบบที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
“นายน้อย ก็แค่สังหารพวกมันเสียตรงนี้ ไม่จําเป็นที่ท่านต้องเปลืองแรงเลย?”
ผู้ชายชุดดําที่ด้านข้างหลินหวงโบกมือ และศิษย์สํานักห้าผีกว่าสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมคันธนูและลูกศร สัมผัสอันตรายชะผ่านหัวใจของหลินเหลยเยว่า
“นั่นไม่จําเป็น นี่เป็นการต่อสู้ของพวกข้า ห้ามใครยื่นมือเข้ามาวุ่นวาย!”
หลินหวงส่ายหน้า ขณะที่เขามองฟางหยวนด้วยสายตาเป็นประกาย
นี่ไม่ใช่ว่าเขาพูดด้วยความหยิ่งยะโส แต่เมื่อประลองวิทยายุทธ์ด้วยพลัง ภายใน ต่อให้พวกเขาควบคุมมือธนูไม่ได้ พวกเขาก็ยังสามารถถอยกลับเข้าไปในป่าได้ พวกเขาสามารถใช้กลยุทธ์ได้ ทั้งจู่โจมและป้องกัน ถ้าพวกเขาเริ่มต่อสู้กันแบบกองโจร พวกเขาอาจจะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ แต่ก็เป็นเรื่องยุ่งยากเช่นกัน
โดยเฉพาะถ้าลูกศรถูกยิงออกมาในเวลาเดียวกัน ศิษย์ระดับล่างย่อมไม่รอดจากการถูกสังหาร ศัตรูก็จะพะวงน้อยลง และสามารถหลบหนีไปได้ทันที เป็นการทําลายภารกิจครั้งนี้ให้ล้มเหลวลง
โอกาสเดียวที่มีก็คือใช้ศิษย์หลินเหลยเยว่เป็นเหยื่อ บังคับให้ฟางหยวนเข้าสู้กับเขา
หลินหวงนั้นมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แม้แต่อชิวเหลิ่งยังสู้แพ้เขา แล้วผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่งเข้าถึงระดับประตูทองที่ 6 จะน่ากลัวสักแค่ไหนเชียว?
“เอาละ เจ้าเริ่มได้เลย!”
ฟางหยวนยืนอยู่กลางวงล้อม พลังวิญญาณของเขายังคงเพ่งอยู่ที่รอบ ๆ ตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ พิษสุดหยินนั้นเข้าสู่กระดูกของอวี่ชิวเหลิ่งแล้ว และเขาก็ถึงจุดที่แก้ไข ใดไม่ได้แล้ว เขาโบกมือเป็นที่เชิญให้ หลินหวงออกกระบวนท่าแรก
“เจ้าควรรู้ว่าข้าเป็นผู้ที่ถือสาในกริยาเช่ นนั้นนะ!”
แรกเลยนั้น หลินหวงไม่ใช่คนช่างเจรจา แต่จําต้องเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อดึงเวลา แค่เหลือบมองแวบเดียวเขาก็รู้แล้วว่าแม้แต่เทวดาก็รั้งชีวิตของอว์ชิวเหลิ่งไว้ไม่ได้แล้ว
ฟางหยวนนั้นยังไม่พร้อมที่จะปล่อยให้ เหตุการณ์นี้ดําเนินต่อไป เมื่อคิดถึงว่าหลินหวงนั้นมีจุดประสงค์ร้ายต่อพวกเขาเพียงไหน
แต่ตอนนี้ กริยาและท่าทางของเขานั้น ชัดเจนว่าเขาไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวหลิน หวงแต่อย่างใด!
ท่าทาง “ไม่สนใจ” อย่างโจ่งแจ้งนี้ ทําให้หลินหวงโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
เพราะเขาคิดว่าตัวเองนั้นเป็นเก่งกาจที่สุด พฤติกรรมเช่นนี้จึงไม่อาจยอมรับ ได้โดยสิ้นเชิง
“เจ้าตายซะเถิด!”
เส้นเลือดบนหน้าผากของหลินหวงโป่งขึ้น แม้แต่ผิวซีดเผือดของเขาก็แดง…ขึ้นมาด้วยความโกรธ เขาลอยตัวตรงไปหาคล้ายปิศาจคล้ายสายฟ้าฟาด “ฝ่ามือเบญจหยิน!”
“ฝูบ!”
ฟางหยวนเหลือบมองด้วยหางตาและ พลิกมือขวาขึ้น
“ฟื้ว!”
ท่ามกลางสายลมและเศษสิ่งฟังไปทั่ว เสียงของอินทรีออกล่าดังให้ได้ยิน
หลินเหลยเยว่หลับตาลง มันราวกับนางได้เห็นนกวิญญาณผู้งามสง่า ปีกทั้งสองกางออกกว้าง ถลาลงมาอย่างสง่างามพร้อมกับยื่นกรงเล็บคมกริบออกมา!
กรงเล็บอินทรีครั้งนี้เปี่ยมไปด้วยความแหลมคมและพลัง!
เทียบกับกรงเล็บอินทรีนี้แล้ว กรงเล็บอินทรีของอวชิวเหลิงนั้นเป็นแค่การละเล่นแบบเด็ก ๆ ไปเลย!
“กรอบ!”
มีเสียงกระดูกหักดังออกมา
พร้อมกับเสียงกรีดร้องก้อง ฟางหยวนตะปบแขนขวาของหลินหวงเอาไว้แล้ว บิดจนอยู่ในท่าที่ผิดธรรมดาไป เขาล้มลงบนพื้นและหมดสติไปทันที
ชนะได้ภายในกระบวนท่าเดียว!
หลินหวง ลูกศิษย์คนสําคัญของสํานักห้าผี ผู้เชี่ยวชาญพลังภายใน ผู้ชนะเลิศการประลองยุทธ์รุ่นเยาว์ของมณฑลเลี่ยหยาง พ่ายแพ้ภายในกระบวนท่าเดียว?
การต่อสู้ที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง ทั้งสองรอบ ทั้งสํานักกุยหลิงและศิษย์ สํานักห้าผีล้วนไม่มีคําใดจะเอ่ย รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ฟางหยวน… เก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว?”
หลินเหลยเยวถอนหายใจ นางรู้สึกราวกับว่าเงาที่เขาทิ้งเอาไว้ในหัวใจของนาง นั้นเติบโตขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว มันราวกับมีพายุลูกใหญ่กดทับให้นางจมลงไป และพายุนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
“นายน้อย…แพ้?!”
“เร็ว! ช่วยนายน้อยก่อน!”
ศิษย์สํานักห้าผีทั้งหมดล้วนแต่อึ้งไป
ฉวยโอกาสนี้ ฟางหยวนพุ่งเข้าไปหา เหล่ามือธนู ราวกับเสือพุ่งเข้าไปในฝูง แกะ เพียงแค่ตวัดฝ่ามืออย่างง่ายๆ ไม่กี่ครั้ง มือธนูก็ปลิวไปทีละคนและล้มลง หมดสติอยู่บนพื้น
“ดี!”
แม้ในใจของนางจะรู้สึกถึงความขมเฝื่อน เหลยเยว่ก็ยังยินดีที่ได้เห็นสถาน การณ์พลิกผันไปแล้ว “จับพวกมันทั้งหมดไว้ โดยเฉพาะนายน้อยผู้นั้น!”
“นี่ไม่ดีแล้ว คุณหนู.. ผู้อาวุโสอ.. เสียชีวิตแล้ว!”
ศิษย์สํานักกุยหลิงกําลังจะช่วยพยุงอู่ชิวเหลิ่งขึ้นมา แต่เมื่อเห็นผิวของเขา และตรวจสอบลมหายใจ สีหน้าของศิษย์ผู้นั้นก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงและเขาก็เริ่มร้องโวยวาย
“อะไรนะ?”
ร่างของหลินเหลยเยวผงะถอยไป
การลอบสังหารคราวนี้คร่าชีวิตผู้ อาวุโสของพวกนางไป แม้ว่าพวกนางจะสามารถจับตัวหลินหวงไว้ได้ พวกนางก็ยังอาจจะถูกลงโทษได้เมื่อกลับไป
แต่ทว่า ในตอนนี้เองก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
ท่ามกลางศิษย์สํานักห้าผี เงาดําเงา หนึ่งพุ่งเข้าใส่ฟางหยวนด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด เพียงแค่โบกมือ ประกายเยือกแข็งมากมากก็ปรากฏขึ้นทันที
“ฉีบ!”
อาวุธลับพุ่งผ่านอากาศ อาวุธลับพวกนี้ยังแฝงพลังรุนแรงเอาไว้ ชัดเจนว่าถูกส่งออกมาจากผู้ฝึกยุทธ์ระดับกําลังภายใน
มีผู้อาวุโสแอบซ่อนอยู่ในหมู่ศิษย์สํานักห้าผี!
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้มีผู้อาวุโสของสํานักออกรับหน้า แต่ถ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสเบี้ยน ผู้อาวุโสชั่น หรือตัวสืออวถงเองแล้ว ก็ย่อมเอาชนะไม่ได้
แต่เป็นโชคร้ายของอีกฝ่ายที่โจมตีเข้าใส่ฟางหยวน!
พลังเวทย์ของฟางหยวนนั้นถึงระดับ 3.0 แล้ว และถ้าหากเขาให้ความสนใจมากพอ ก็ไม่มีใครรอบ ๆ จะสามารถปิดบังการกระทําของตนจากเขาได้!
“ฮ่าฮ่า… ข้ารอเจ้าอยู่ตั้งนานแล้ว!”
แม้จะไม่มีเวลาเหลือ เขาก็ยังหัวเราะเสียงดัง เขาตวัดแขนเสื้อรับเอาอาวุธลับทั้งหมดเอาไว้แล้วส่งพวกมันกลับไปอย่างรุนแรง
นี่ฟังดูธรรมดานัก แต่หากไม่มีการควบคุมกําลังภายในอย่างแม่นยํา มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กระบวนท่านี้
ผู้อาวุโสสํานักห้าผีที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น นี้ดูจะเก่งกว่ากว่าหลินหวงมากนัก
“เจ้าก็ต้องลงไปนอนอยู่บนพื้นด้วยเช่นกัน!”
แต่ฟางหยวนนั้นต่างออกไป หลังจากกําจัดอาวุธลับไปแล้ว เขาก็พุ่งเข้าหาเงาดํานั้นพร้อมกรงเล็บ
กรงเล็บอินทรีเหล็กระดับ 7 พร้อมกับ ฝ่ามือทรายดํา!
“ปัง!”
ต้นไม้รอบ ๆ สั่นอย่างรุนแรง ใบไม้และกิ่งไม้มากมายปลิวหล่นลงมา
เลือดสาดกระจายเป็นฟูฝอย แต่นั่นไม่ได้มาจากฟางหยวน มันมาจากร่างของผู้อาวุโสสํานักห้าผีที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา!
“เจ้า… ผ่านประตูจิงแล้ว และอยู่ที่ระดับสูงสุดของประตูทองที่ 7 นี้!”
เขาอุทานออกมาด้วยน้ําเสียงสั่น ๆ เงาดํานั้นล้มลงบนพื้น เผยให้เห็นใบหน้าชราที่มีเลือดไหลออกจากทั้งจมูก และปาก
“อะไรนะ? ประตูทองที่ 7?”
หลินเหลยเยว่ยกมือขึ้นปิดปาก ความคิดที่จะสู้กับฟางหยวนนั้นบินหายออก จากหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรเสีย ประตูจิงนั้นจะผ่านไปได้ก็เมื่อพลังเวทย์ของผู้ฝึกยุทธ์อยู่ในระดับสูงสุดเท่านั้น ไม่มีวิธีลัดอื่นใด
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดยังต้องฝึกอยู่หลายปี หรืออาจจะหลายสิบปี! ผู้คนที่ฝึกทั้งชีวิตก็ยังไม่สามารถผ่านประตูนี้ได้นั้นไม่ใช่อะไรที่หาเจอได้ยากเลย
แต่ฟางหยวนทะลวงผ่านไปได้ในเวลาอันสั้นเพียงเท่านี้?
ตอนนี้เขายังอายุไม่ถึง 20 ปีเสียด้วยซ้ํา ด้วยพรสวรรค์ระดับนี้ นี่มันปิศาจชัด