Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 48: ลูกไผ่
Chapter 48: ลูกไผ่
“นั่นมัน… นกอินทรี?!”
เมื่อจุดสีดําเข้ามาใกล้มากขึ้น ฟางหยวนก็ได้เห็นว่าเสียงร้องดังลั่นนั่นมาจากนกอินทรียักษ์ มันมีขนสีดําสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นเงาวับราวกับเหล็ก
“สัตว์วิญญาณ! เป็นสัตว์วิญญาณจริง ๆ!”
อินทรียักษ์สีดําตัวนี้เร็วมาก แค่ตอนที่ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นดูมันก็บินผ่านเทือกเขาชอุ่มและหายไปบนฟ้าแล้ว
“แปลก… ทําไมข้าถึงไม่เคยเห็นนกอินทรีนี่มาก่อน?”
ฟางหยวนมองฝูงนกหงเอี่ยนปายที่ดูวุ่นวายและตั้งข้อสงสัย “เป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าเป็นเพราะมีสัตว์วิญญาณจากที่อื่นเข้ามา?”
“จิ๊บ!”
ในตอนนั้นเอง ทั้งฝูงของนกหงเอี่ยนปายรอบ ๆ หน้าผาก็วุ่นวายขึ้นมา ภายใต้การนําของนกวิญญาณกลุ่มหนึ่ง พวกมันก็จับกลุ่มเป็นวงอยู่กลางอากาศราวกับกองทัพหนึ่ง
“วูบ!”
นกอินทรียักษ์นั้นไม่ได้รู้สึกกลัวกลุ่มนกหงเอี่ยนป๋ายที่กลางอากาศ มันพุ่งตรงเข้าใส่นกหงเอียนป๋ายฝูงนั้น
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
เสียงร้องแหลมของฝูงนกดังมา ขนนกสีขาวมากมายร่วงจากฟ้า
กรงเล็บของนกอินทรียักษ์คมราวกับตะขอเหล็กและนกวิญญาณพวกนั้นก็กระเสือกกระสนหลบกรงเล็บคมกริบนั่น อินทรียักษ์ยังใช้จงอยปากจิกกะโหลกนกหงเอี่ยนป๋ายตัวหนึ่ง นกตัวนั้นตายตกทันทีร่างร่วงหล่นลงมา
“กรงเล็บอินทรี! นี่คือกรงเล็บอินทรีที่แท้จริง!”
ขณะฟางหยวนสังเกตการต่อสู้ของนกวิญญาณอย่างใกล้ชิด เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาทําความเข้าใจเคล็ดกรงเล็บอินทรีได้ดีขึ้นกว่าเดิม
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
ในที่สุด หลังจากนกอินทรียักษ์เริ่มฆ่านกหงเอี่ยนป๋ายตัวอื่น ๆ ในฝูง เสียงร้องดังลั่นด้วยความโกรธก็ดังมาจากยอดหน้าผา
นกสีขาวตัวใหญ่ปรากฏขึ้น เป็นราชานกหงเอี่ยนปาย!
มันสยายปีกและบินตรงขึ้นฟ้าไปสู้กับอินทรียักษ์ นกยักษ์ได้เปรียบอย่างรวดเร็ว
“เคี้ยกเคี้ยก!”
นกอินทรียักษ์สะบัดปีกและหลบออกห่างจากราชานกหงเอี่ยนป๋าย จากนั้นมันก็ใช้กรงเล็บคม ๆ กรีดผ่านการป้องกันของหนึ่งในเหล่านกฉีกกระชากร่างของนกตัวนั้น อินทรียักษ์ตัวนั้นแสดงการท้าทายราชานกหงเอี่ยนป๋ายและบินหนีออกจากฝูงราวกับลูกศรหลุดจากแล่ง ขนนกสีดําสนิทสองสามเส้นร่วงหล่นลงมาตอนที่มันบินหนี
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
ร่างไร้วิญญาณของนกพวกนี้นั้นพบเห็นได้ยากแม้ว่าฟางหยวนจะเข้ามาที่นี่บ่อยครั้งเพื่อหยิบฉวยของล้ําค่า
เมื่อเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้น ราชานกหงเอี่ยนปายก็กรีดร้องแหลมยาวและบินนําฝูงนกหงเอียนปายไล่ตามหลังอินทรียักษ์ไป
“เอ๋?”
ฟางหยวนเหลือบมองอย่างเงียบ ๆ และรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ
“อินทรียักษ์สีดํานั่นตั้งใจชะลอความเร็วลง มันต้องการให้พวกนกหงเอี่ยนปายรู้สึกว่าไล่ตามทันได้เป็นสัตว์ที่เจ้าเล่ห์นัก…”
เห็นราชานกนําฝูงนกที่เหลืออยู่ออกจากรังไป ดวงตาของฟางหยวนก็เป็นประกายวับขึ้นมา “เป็นโอกาสของข้าแล้ว!”
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
ฝูงนกบินไกลออกไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็ลับหายไป
ฟางหยวนตามทางเข้าไปและปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ “น่าจะมีของดี ๆ ในรังของราชานกหงเอี่ยนป๋ายอยู่บ้าง! หรือต่อให้ไม่มี ข้าก็จะให้นกหงเอี่ยนป๋ายพวกนั้นได้ลิ้มรสการสูญเสียครั้งใหญ่!”
ก่อนหน้านี้เขาเพียงสังหารพวกมันได้ไม่กี่ตัวเพราะการปรากฏตัวของราชานกและพวกมันที่เหลือ ส่วนตอนนี้นั้นเล่า?
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
เขาปรากฏตัวขึ้น และนกหงเอี่ยนป๋ายก็รู้ตัวว่ามีผู้บุกรุก นกเหล่านั้นกรีดร้องแหลมยาว
“หลบไป!”
นกหงเอียนป๋ายที่ดูแลรังอยู่นั้นอ่อนแอ ฟางหยวนปล่อยเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กไม่กี่กระบวนท่าก็จัดการนกที่เหลือได้เกือบหมด แม้ว่าเสื้อของเขาจะฉีกขาดรุ่งริ่ง แต่นกหงเอี่ยนป๋ายนั้นสาหัสกว่ามาก
“ก็เป็นธรรมดาที่จะมีไข่อยู่ในรังนกธรรมดา…”
ในตอนนี้นั้น ฟางหยวนไม่ได้ถูกดึงดูดด้วยไข่พวกนั้นและเดินตรงไปที่จุดสูงสุด เขากระโดดขึ้นไปบนพื้นหน้าตัดที่เห็น
“ พรึ่บ!”
เท้าทั้งสองวางลงบนที่ราบอย่างมั่นคง มือขวายกขึ้นป้องร่างกาย เขาตรวจสอบรอบตัวว่ามีการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายหรือไม่
บนพื้นหน้าตัดนี่เชื่อมต่อกับหน้าผาและยังมีหลุมใหญ่อยู่ด้านในหลุมนั่นน่าจะเป็นบริเวณที่มีรังนกอยู่
เมื่อเห็นผู้บุกรุกเข้ามาถึงในรัง นกหงเอี่ยนป๋ายก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นและเป็นฝ่ายโจมตีผู้บุกรุกโดยไม่เสียดายชีวิต
“ออกไปให้พ้นทางข้า!”
ฟางหยวนตะโกนอย่างโมโห เขารับมือกับพวกนกและต้องก้าวถอยหลังหลายก้าว และที่สุดก็ลงไปในหลุมที่เห็น
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
ทันใดนั้น ท่ามกลางนกหงเอี่ยนป๋ายทั้งหลาย นกวิญญาณตัวจิ๋วที่มีขนเป็นประกายพุ่งผ่านนกตัวอื่น ๆ ตรงมาที่ฟางหยวน
ฟางหยวนไม่สามารถหลบได้ทัน เขาเรียกกําลังภายในขึ้นมามากขึ้น หัวไหล่สั่นเล็กน้อยราวกับจู่ ๆ ก็มีพลังพุ่งสูงขึ้น
ในตอนนั้นเอง เลือดก็สาดกระจายไปทั่ว!
แม้ว่าเขาจะใช้กําลังภายในป้องกันตัวเอง ไหล่เขาก็ยังถูกกรงเล็บตัดเข้าลึก
“มีสัตว์วิญญาณคอยดูแลรังอยู่จริง ๆ ด้วย แล้วยังสามารถทําให้ข้าบาดเจ็บได้อีกด้วย! ดี! ดีมาก!”
เขาหรี่ตา และครู่ถัดมา เขาก็กระโดดไปข้างหน้าราวกับเสือดาวพุ่งเข้าหาสัตว์วิญญาณโดยไม่สนใจนกตัวอื่นที่เหลือ
“แกต้องลองลิ้มรสฝ่ามือทรายดํากรงเล็บเหล็กของข้า”
ฝามือเขาเปลี่ยนสีดําราวหมึก นิ้วและเล็บเป็นสีเดียวกับเหล็กเงาวับและยังส่งกลิ่นประหลาด
ด้วยความช่วยเหลือจากระบบและการค้นคว้าของเขาเอง ฟางหยวนสามารถใช้ฝ่ามือทรายดําและเคล็ดกรงเล็บอินทรีสร้างเป็นวิชาใหม่เรียกเป็นฝ่ามือทรายดํากรงเล็บเหล็ก
ตอนนี้ฟางหยวนก็สามารถปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงของ [ฝ่ามือทรายดํา (ระดับ 5)] โดยสะสมพิษไว้ที่กรงเล็บอินทรี เปลี่ยนให้มันอยู่ในรูปแบบอันตรายถึงตายอย่างแท้จริงได้
“จิ๊บ!”
นกหงเอี่ยนป๋ายกลายพันธุ์นั้นมีความเร็วสูงมาก พอฟางหยวนพลาด มันก็หนีไปอยู่ที่ไกล ๆ
ถ้านกวิญญาณช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว ปีกของมันก็คงโดนกรงเล็บอินทรีของฟางหยวนจนขาดเข้าแล้ว
“เหอเหอ!”
หลังจากหนึ่งกระบวนท่า ฟางหยวนก็หยุดไล่ล่าและเริ่มหัวเราะ
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
นกวิญญาณนั่นยังบินไปได้ไม่ไกลนัก จู่ ๆ มันก็กรีดร้องโหยหวน จากนั้นก็หล่นจากกลางอากาศตกลงมาตาย แรงลมทําให้ขนปีกของมันพลิ้วขึ้น
นี่เป็นผลจากพิษงูจูเหว่ยกลายพันธุ์ มันมีพิษแรงขนาดที่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีกําลังภายในถูกพิษนี้ยังต้องลําบาก
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
เห็นนกวิญญาณตายตกลง นกหงเอี่ยนป๋ายที่เหลือก็ถอยกันหมด ไม่มีใครกล้าลงมือ พวกนกไม่มีทางเลือกนอกจากยอมปล่อยให้ฟางหยวนเข้าไปในรัง
“โอ้!”
หลุมที่เห็นนั้นไม่ลึกมาก และยังมีแสงที่ส่องผ่านช่องว่างระหว่างก้อนหินส่องเข้ามา ฟางหยวนเดินเข้าไปไม่กี่ก้าวและเริ่มตื่นตัวขึ้น เขาเริ่มได้กลิ่นบางอย่าง “แปลกจริง!”
อันที่จริง มันควรจะมีกลิ่นเหม็นคาวในรังสัตว์วิญญาณนี้
แต่ว่า เขากลับได้กลิ่นอากาศสดชื่นเท่านั้น และยังเป็นอากาศที่สะอาด พลังวิญญาณที่นี่เข้มข้นอย่างน่าแปลกใจ
ที่ก้นหลุม มีก้อนหินสีเขียวก้อนใหญ่ตรงกลางยุบลงเล็กน้อย มีกิ่งไม้และขนที่เกาะเกี่ยวกันเกิดเป็นรังนกขนาดใหญ่มหึมา
“นี่คือรังนอนของราชานกหงเอี่ยนป๋ายสินะ?”
ฟางหยวนเดินตรงไปอีกสองสามก้าว และต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นไข่ของสัตว์วิญญาณ
ตั้งแต่เลี้ยงดูฮวาหูเตียวเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง เขาก็เริ่มสนใจเลี้ยงสัตว์วิญญาณอื่นดูบ้าง สัตว์วิญญาณที่สามารถสื่อสารกับมนุษย์แบบฮวาหูเตียวนั้นหาได้ยาก
ฟางหยวนนั้นหวังจะเลี้ยงนกหงเอี่ยนป๋ายสักตัวเพราะมันเป็นสัตว์วิญญาณที่บินได้
“นกจะรู้สึกใกล้ชิดกับสิ่งที่มันเห็นเป็นสิ่งแรกหลังออกจากไข่ ถ้าข้าเก็บไข่นกวิญญาณได้แล้วเลี้ยงดูมันตั้งแต่ยังเล็ก สัตว์วิญญาณอายุน้อยแบบนั้นก็สามารถที่จะเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงได้”
ฟางหยวนนั้นเสียดายมากที่ราชานกหงเอี่ยนป๋ายไม่ได้มีไข่สักฟองให้เห็น
เขาตรงไปอีกสองสามก้าวเพ่งมองอย่างละเอียดไปตามรังนกดวงตาของเขาสะดุดกับบางอย่างสีเขียว ๆ
ที่ข้าง ๆ รังนก มีน้ําพุไหลผ่านเกิดเป็นแอ่งเล็ก ๆ
ที่ขอบแอ่งน้ํามีต้นไผ่แปลกตาสองสามต้นเติบโตอยู่
ไผ่พวกนั้นมีสีเขียวหยกราวกับสลักขึ้นมาจากหยกคุณภาพสูงและยังแผ่พลังวิญญาณออกมาดูดซับอากาศเสียเอาไว้
“ดูเหมือนว่าไผ่นี่จะเป็นสาเหตุที่ทําให้อากาศในถ้ําสดชื่นได้ขนาดนี้ ”
ฟางหยวนเดินตรงไปตรวจสอบต้นไผ่วิญญาณดู
“เอ๋?”
คราวนี้เขาเห็นอะไรบางอย่าง เขาพบดอกตูมของดอกไผ่ที่เกือบจะบานแล้ว
“ไผ่นี่กําลังจะออกดอก?”
ฟางหยวนนึกถึงบันทึกโบราณที่บอกไว้ว่า “มันคือวงจรชีวิต ต้นไผ่จะออกหน่อทุก ๆ หกสิบปี จากหน่อก็จะเป็นดอก และดอกจะให้ผลก่อนจะเหี่ยวเฉาไป จากนั้นผลก็จะงอกใหม่ เกิดเป็นวงจรที่สมบูรณ์
“ดอกไผ่ที่กําลังบานของไผ่หยกจะเกิดผลไผ่ขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าว หรือที่เรียกว่าลูกไผ่”
“ตํานานเก่าแก่บอกว่าเฟิงหวง*ปฏิเสธที่จะทํารังบนต้นไม้อื่นนอกจากหูถัง ไม่กินอะไรนอกจากเหลียนฉือ และไม่ดื่มอะไรนอกจากน้ำพุที่เลอเลิศที่สุด เหลียนฉือตามที่ตํานานพูดถึงก็คือลูกไผ่!”
“ก่อนหน้านี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีของดีน้อยนัก ข้าคิดว่าเป็นเพราะมีคนเอาของวิเศษพวกนั้นไปก่อนแล้ว และก็ดูเหมือนว่าข้าจะคิดถูก ราชานกหงเอียนป๋ายนี่เอาทุกอย่างมาไว้กับตัว!”
ในหลุมเต็มไปด้วยรัศมีบริสุทธิ์จากสิ่งของวิเศษที่กองรวมกันอยู่ตรงนี้
แต่ของวิเศษบางอย่างนั้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยง่ายมิเช่นนั้นมันจะเสียหายหากถูกเคลื่อนย้ายอย่างไม่เหมาะสม ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่กล้าเก็บของวิเศษใดออกไปเพราะว่าเขายังไม่ได้เตรียมการให้ดีพอ
ต้นไผ่วิญญาณนั้นตรงกันข้าม มันเติบโตขึ้นเดี่ยว ๆ และโตเร็วมาก ดังนั้นไผ่วิญญาณจึงไม่มีปัญหานี้และสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย
ฟางหยวนตรงไปหาต้นไผ่วิญญาณและเริ่มขุดโดยใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรี เขาขุดได้เร็วกว่าใช้เสียมเสียอีก ไม่นานนัก เขาก็จัดการขุดต้นไผ่วิญญาณขึ้นมาได้ทั้งหมดรวมถึงรากของมันด้วย รากของต้นไผ่อยู่ในสภาพดี
“แค่ไผ่วิญญาณนี่ การเดินทางครั้งนี้ของข้าก็คุ้มค่าแล้ว!”
ฟางหยวนแบกต้นไผ่วิญญาณขึ้นมาอย่างมีความสุข และมองหาของวิเศษอื่น
“กิกิ๊!”
ทันใดนั้น ฮวาหูเตียวที่คอยดูลาดเลาก็วิ่งเข้ามาอย่างกระวนกระวาย
“นั่น…นกอินทรียักษ์สีดําตัวนั้น?”
ฟาวหยวนมาที่ทางเข้าถ้ําและเห็นนกอินทรียักษ์สีดํา ก่อนหน้านี้ มันเพียงแค่วนอยู่รอบ ๆ นกหงเอี่ยนป๋ายตัวอื่น ๆ แต่ตอนนี้ มันพุ่งเข้ามาหาเขาตรง ๆ
“มันล่อราชานกหงเอี่ยนป๋ายกับฝูงออกจากรังเพื่อที่กลับมาที่รังนกนี่อีกรอบ?”
เขามองอย่างยินดีก่อนพูด “ดูเหมือนว่าเจ้าจะมาเพราะสมบัติที่ในรังของราชานกหงเอี่ยนป๋าย แต่โชคร้ายสําหรับเจ้าแล้ว ข้ามาถึงที่นี่ก่อนและรับของไปแล้ว…”
ในตอนนั้น มีนกจํานวนมากไล่ตามนกอินทรียักษ์อยู่ ราชานกหงเอี่ยนป๋ายนั้นบินนํานกตัวอื่นแต่ก็ยังช้ากว่านกอินทรียักษ์ และทั้งคู่ก็บินนําไปไกล
ฟางหยวนเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นกอินทรียักษ์นั่นดึงดูดความสนใจของราชานกหงเอียนป๋ายด้วยการเข้าต่อสู้ด้วย และมันก็ใช้ความเร็วที่เหนือกว่าล่ออีกฝ่ายออกไปจากรัง แล้วสุดท้ายนกอินทรียักษ์ก็บินกลับมาที่เป้าหมายแท้จริงของมันซึ่งก็คือสมบัติที่ฟางหยวนเก็บมาจากรั้งเรียบร้อยแล้ว
เพราะว่านกอินทรียักษ์ทํางานตัวเดียวดังนั้นจึงเสียท่าให้กับฟางหยวนที่เข้ามาถึงรังได้ก่อน
“ข้าต้องขออภัยด้วย.ของทั้งหมดนี้เป็นของข้าแล้ว และข้าจะไม่ยกให้เจ้า!”
เมื่อนกอินทรียักษ์พุ่งมาถึงตรงหน้าเขา ฟางหยวนหัวเราะเสียงดังก้อง มือขวาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บสีดํา เขาคว้าจับอย่างแรงและตะโกน “เคล็ดกรงเล็บอินทรี!”
“ปัง!”
นกอินทรียักษ์ปลิวกลับไป
ราชานกหงเอี่ยนป๋ายนั้นอยู่ไม่ไกลนัก และเมื่อมันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็คลั่งขึ้นมาและส่งเสียงกรีดร้องแหลมยาวบาดหู ที่ปลายขนของมันสีเข้มขึ้นราวแต้มด้วยเลือด เจ้าสัตว์ร้ายนั้นบินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วไม่น่าเชื่อ
“คลั่ง? แต่ข้าไม่สนใจจะเล่นกับพวกเจ้ามากไปกว่านี้แล้ว!”
ฟางหยวนหัวเราะ เขาแบกต้นไผ่วิญญาณและหนีลงจากยอดเขาไปอย่างรวดเร็ว
กลับมาที่ปากทางเข้าถ้ํา นกอินทรียักษ์ถูกล้อมไว้ด้วยราชานกหงเอี่ยนป๋ายที่กําลังคลั่ง และมันก็ได้แต่กรีดร้องโหยหวน