Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 24: พลังภายใน
กลางคืน ในหุบเขาเงียบสงัด
ตระกูลโจวตอนนี้เชื่อฟังฟางหยวนเป็นที่สุด แม้ว่าฟางหยวนจะไล่พวกเขาออกมาจากหุบเขา พวกเขาก็ยังไม่ถือสา และสร้างกระท่อมหญ้าเล็ก ๆ ขึ้นที่ด้านนอกหุบเขา
พวกเขาไม่รู้สักนิดเลยว่าฟางหยวนวางแผนทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อนำตัวเองออกห่างจากปัญหา
จะไม่เป็นปัญหาหรอกหรือถ้าพวกเขาพบว่าฟางหยวนกินข้าวหยกแดงและดื่มชาชำระจิตอยู่ทุกมื้ออาหาร?
หลังจากอิ่มแล้ว ฟางหยวนก็นั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่ตรวจดูบาดแผลของตน
“ดี… พวกเจ้าเริ่มสมานแล้ว…”
เขามีร่างกายที่ดีอย่างน่าอัศจรรย์มาตั้งแต่แรก หลังจากกินข้าวหยกแดงเต็มที่มื้อหนึ่ง การหายของแผลก็เร็วขึ้นอีก
มีเลือดไปเลี้ยงแผลมากขึ้นและอาการปวดลดลง
“หายยิ่งเร็วยิ่งดีที่สุด ไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะพบเข้าเสียก่อน!”
ด้วยระดับ [การแพทย์] ของเขาตอนนี้ร่วมกับสมุนไพร การฟื้นฟูก็เป็นไปได้เร็วมากแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องน่ายินดีให้ประหลาดใจกับคุณสมบัติลับ ๆ ของข้าวหยกแดงอีกด้วย
เมื่อคิดถึงเป้าหมายที่บรรลุแล้ว ฟางหยวนก็ยิ้มกับตัวเอง
แม้ว่าเขาจะไม่มีเวลาหยิบของในคฤหาสน์นั้น แต่รางวัลที่ได้จากตัวซ่งอวี้เจว๋และซ่งจื๋อเกาก็เพียงพอแล้ว
นอกจากเงิน ฟางหยวนยังได้ตำราฝึกจิตของสำนักกุยหลิงจากซ่งอวี้เจว๋ด้วย!
นี่ย่อมเป็นตำราระดับสูงสำนักกุยหลิงเป็นแน่ ซึ่งฟางหยวนก็ถือว่าเป็นของตัวเองแล้ว เขาท่องจำตำราทั้งเล่ม ก่อนจะทำลายมันทิ้งเรียบ
“สำนักกุยหลิงช่างไร้คุณธรรม!”
เมื่อเขาทบทวนตำราฝึกจิตของสำนักกุยหลิงในใจ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม
เพราะว่าในตำรานี้ มีส่วนสำคัญที่ขาดหายไป ส่วนที่ขาดหายไปนั้นหมายถึงเป็นส่วนที่เป็นความลับ และจะได้รับอธิบายจากอาจารย์เพื่อที่ลูกศิษย์จะได้ทำความเข้าใจ เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาความลับของตำรายุทธ์ระดับสูง
ถ้าซ่งอวี้เจว๋สงสัยเรื่องใดในตำราฝึกจิต เขาก็สามารถสอบถามจากซ่งจง
ส่วนเขานั้น? ต่อให้เขารักษาชีวิตของเหล่าโจวเอาไว้ได้ เขาจะคาดหวังให้เหล่าโจวทรยศสำนักกุยหลิงบอกความลับยิ่งใหญ่นี้ให้แก่เขาได้ด้วยเหรอ?
‘หึ… ดูเหมือนว่าถ้าข้าไม่เข้าร่วมกับพวกมัน ต่อให้ข้าพยายามอย่างหนักแค่ไหน ข้าก็ไม่สามารถเรียนวิชาที่ครบสมบูรณ์ได้…’
ฟางหยวนส่ายหัว และเรียกค่าสถานะออกมาดู:
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 1.8
พลังลมปราณ: 1.6
พลังเวทย์: 1.5
อายุ: 18
ระดับการฝึกตน: [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่สาม)]
วิทยายุทธ์: [ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 3)]
ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 1)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)]”
ณ ตอนนี้ ที่ด้านหลัง [การแพทย์] นั้น คำว่า (ระดับ 1) ค่อย ๆ จางหายไปแล้วไม่นานก็เปลี่ยนเป็น (ระดับ 2) และคำอธิบายก็เปลี่ยนไป
“[การแพทย์ (ระดับ 2)] เจ้านับเป็นหมอที่มีความชำนาญผู้หนึ่งและรักษาโรคและความผิดปกติส่วนมากได้ เจ้าสามารถใช้สมุนไพรธรรมดาจากภูเขาให้ได้ผลสูงสุด”
“สมุนไพรธรรมดาจากบนเขา นี่น่าจะหมายถึงว่าการใช้ยาระดับวิญญาณน่าจะไม่มีผลต่อการพัฒนาของข้า…”
ฟางหยวนส่ายหน้าและรู้สึกว่าตัวเองละโมบเกินไปสักนิด
แน่นอนว่า นี่ทำให้เขายินดีอย่างประหลาดเมื่อ [การแพทย์] เพิ่มระดับสูงขึ้น
ความยินดีที่แท้จริงก็คือสามารถเพิ่มแถบประสบการณ์ของฝ่ามือทรายดำขึ้นมาได้หลังสังหารซ่งอวี้เจว๋ และเมื่อคิดว่าเขาสามารถที่จะผ่านประตูต่อไปเมื่อไหร่ก็ได้
‘ใน 12 ประตูทอง 8 ประตูแรก ไค ซิว เชิง ตู่ จิ่ง ชาง จิง สื่อ… สามารถบรรลุได้เองเมื่อสามารถผ่านทั้งสามประตูรุ่งโรจน์เข้าสู่สองประตูสงบไป และยังนับเป็นการเปิดหูเปิดตาของผู้ฝึกวิทยายุทธ์พื้นฐานทั่วไปอีกด้วย’
ฟางหยวนมองที่ฝ่ามือตนเอง รู้สึกเข้าใจมากขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถผ่านประตูทองที่สามได้นั้นก็ไม่ธรรมดา แต่ผู้ที่ผ่านประตูทองที่สี่และห้าได้นั้นนับว่ามีพรสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกยุทธ์ที่อายุยังน้อย
แม้แต่ซ่งอวี้เจว๋เอง ก็เหมือนซ่งจงเมื่อยังเยาว์ สามารถผ่านประตูทองที่สี่ได้
“จากประตูทองที่ 4 เป็นต้นไป แม้ว่าแถบประสบการณ์จะเต็มแล้ว แต่บางครั้งก็อาจจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ผ่านประตูทองต่อไปได้สินะ?”
ฟางหยวนมองที่แถบประสบการณ์ที่เต็มปริ่มไปแล้ว และโดยไม่ลังเลเลย “เพิ่มระดับวิชาฝ่ามือทรายดำของข้าไปที่ระดับถัดไป!”
“ติ๊ง!”
มีเสียงดังตามมา และเขาก็พบว่า ‘3’ ที่ด้านหลัง [ฝ่ามือทรายดับ (ระดับ 3)] กะพริบและเปลี่ยนเป็น ‘4’!
[ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 4)]!
“อืม!”
ฟางหยวนกัดฟัน และพบว่าฝ่ามือของตัวเองเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เส้นเลือดปรากฏขึ้นราวกับหนอน และค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาตามแขนของเขา
ลมร้อนสายหนึ่งวูบจากฝ่ามือของเขาไล่ขึ้นมาที่แขน ผ่านสิ่งกีดขวางหลายจุดก่อนที่จะหยุดลงที่หน้าอกของเขา
พลังร้อนสายนี้แตกต่างจากทุกอย่างที่เขาเคยรู้สึกมาก่อน ที่ท้องน้อยรู้สึกแข็งแกร่งมากขึ้นและมากขึ้น
“นี่คือ… พลังภายใน!?”
ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ
“[ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 4)] วิชานี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายภายนอกของข้าในตอนแรก แต่ตอนนี้มันเริ่มมีผลต่อภายในร่างกายแล้ว?!”
พลังภายในคือแก่นของพลังของผู้ฝึกวิทยายุทธ์ และเป็นพื้นฐานของการฝึกวิชายุทธ์ระดับสูง รังสีกระบี่จากซ่งอวี้เจว๋คือตัวอย่างหนึ่งของการใช้พลังภายใน
ความแข็งแกร่งของฟางหยวนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรังสีกระบี่ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้พิษผ่านฝ่ามือทรายดำ ฟางหยวนก็คงตายภายใต้เงื้อมมือของซ่งอวี้เจว๋ไปแล้ว
“น่าเสียดาย พลังภายในนั้นเมื่อฝึกผ่านฝ่ามือทรายดำนั้นก็ยังนับเป็นแค่พื้นฐาน และไม่สามารถเทียบกับตำราจิตของสำนักกุยหลิงได้… ระดับสูงสุดที่ข้าสามารถไปได้ก็คือประตูทองที่ 5…”
ฟางหยวนรู้ว่าเขานั้นห่างจากระดับสูงสุดของฝ่ามือทรายดำอีกแค่เก้าเดียวหลังจากที่ โข่วเฟิง คิดค้นวิชานี้ขึ้นมา
เขามองที่คำอธิบาย
“[ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 4)] วิชากำลังภายนอก และถ้าสำเร็จวิชานี้ ฝ่ามือของผู้ฝึกจะแข็งแกร่งราวกับโลหะ และสามารถทำลายทองหรือหยกได้ มีทั้งหมด 5 ระดับ และตอนนี้อยู่ที่ระดับที่ 4 สามารถแพร่พิษได้รุนแรงมากขึ้น และเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังภายใน!”
‘เมื่อมีพลังภายในมากขึ้น ข้าก็สามารถผ่านประตูได้มากขึ้น!’
ฟางหยวนหายใจเข้าลึก ๆ ควบคุมพลังที่อยู่ตรงท้องน้อยของเขา และเตรียมทะลวงผ่านประตูทองที่สี่ ประตูตู่
“แกร่ก!”
มีเสียงดังให้ได้ยิน และทันใดนั้นเขาก็รุ้สึกถึงพลังจำนวนมากที่ภายในท้องน้อย พลังภายในที่ในร่างของเขาไหลวนไปอย่างอิสระ
‘การฝ่าประตูทองเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การข้ามฝ่าขอบเขตนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!’
ฟางหยวนคิดกับตัวเองเงียบ ๆ
ตอนนี้เขานับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับประตูทองที่สี่แล้วจริง ๆ ถ้าเขาฝึกเคล็ดการหายใจอย่างหยาบ เขาก็คงสามารถฝึกถึงระดับสี่ได้เช่นกันแต่นั่นก็ไม่มีประตูตู่ให้ทะลวงผ่านและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อีกรอบหรอกนะ
นอกจากนี้ เพื่อที่จะผ่านประตูทองที่ห้า เขาคงต้องดูว่า วิชาไหนที่จะช่วยให้เขาผ่านประตูที่ห้าได้ก่อน และมันก็ไม่ได้ขึ้นกับว่าเขาฝึกกี่วิชา ชาวยุทธ์ทั้งหลายรู้กันดีว่า มีกฎที่ไม่ได้ระบุข้อหนึ่งว่าคนผู้หนึ่งไม่สามารถฝึกทุกอย่างสำเร็จได้
‘ผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับประตูทองที่สี่จะเริ่มฝึกพลังภายใน ถ้าไม่มีตำราจิต เคล็ดกรงเล็บอินทรีก็ทำได้แค่ผ่านสามประตูแรก… แต่ถ้ามีตำราฝึกจิตมาเสริม ก็จะพัฒนาไปได้อีกมากมายและอาจจะถึงกับผ่านสามประตูวิกฤตได้!’
ฟางหยวนตรองกับตัวเองอย่างจริงจัง
ความสามารถของวิชาฝ่ามือทรายดำนั้นเป็นเช่นเดียวกับเทคนิคการหายใจอย่างหยาบและสามารถฝึกได้ถึงประตูทองที่ห้าเท่านั้น
ถ้าเขาอยากจะผ่านประตูชาง เขาจำเป็นต้องมีตำราวิชายุทธ์ระดับสูงกว่านี้มาฝึก
‘ข้าไม่กล้าฝึกตำราฝึกจิตที่ไม่สมบูรณ์เล่มนี้ของสำนักกุยหลิง ถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าหน้าต่างสถานะจะบอกแนวทางที่สมบูรณ์ หรือว่าจะบอกคร่าว ๆ เป็นการคาดเดาเหมือนเช่นฝ่ามือทรายดำ…’
ฟางหยวนลูบคาง ยิ้ม ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นกลายเป็นคนละโมบเสียแล้ว
เขาสลายพลังภายในลง และฝ่ามือของเขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เหมือนคนหนุ่มทั่วไปคนหนึ่ง ไม่มีใครสามารถโยงเขาเข้ากับฆาตกรนั่นได้
“ค่าสถานะของข้าเพิ่มขึ้นบ้างไหมนะ?”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อพลังอุ่น ๆ จากพลังภายในของเขาสลายไปแล้ว ฟางหยวนก็เหลือบมองตารางสถานะ และพบการเปลี่ยนแปลง:
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 2.2
พลังลมปราณ: 2.0
พลังเวทย์: 1.5
อายุ: 18
ระดับการฝึกตน: [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่สี่)]
วิทยายุทธ์: [ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 3)]
ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 2)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)]”
“ยิ่งอันตรายแค่ไหน ก็ยิ่งมีโอกาสพัฒนาตัวเอง ยิ่งมีระดับการฝึกตนสูงขึ้น ความยากก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถึงสามประตูวิกฤต ถ้าล้มเหลว อาจจะสูญเสียการควบคุมร่างกายและอาจจะถึงแก่ชีวิต แต่รางวัลนั้นก็คุ้มค่าแก่การเสี่ยง!”
ฟางหยวนรู้สึกพอใจเป็นที่สุดเมื่อเห็นการเพิ่มขึ้นของพลังกายและพลังลมปราณของตัวเอง
ในตอนนี้ พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูง แสงอาทิตย์สาดผ่านหน้าต่างเข้ามา
“ผ่านไปคืนหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเลย!”
ฟางหยวนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลุกยืน ยืดแข้งยืดขาเล็กน้อย ก่อนจะรู้ตัวว่าขาไม่ได้รู้สึกชาอะไรเลยอยู่แต่แรกแล้ว แต่กลับรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวังชา ส่วนแผลที่หน้าอกนั้นก็เกือบจะหายดีแล้ว เหลือแค่สะเก็ดแผลเท่านั้น
ด้วยอัตราการหายของแผลระดับนี้ ก็คงจะหายสนิทได้ในไม่ใช้และอาจจะไม่เหลือกระทั่งแผลเป็น
“เป็นเรื่องดีจริง ๆ!”
เขาหัวเราะ เดินออกมาทางประตูและตั้งใจจะไปต้มน้ำชงชาเสียหน่อย
เมื่อเขามาถึงทางเข้าหุบเขา เขาก็เห็นผู้ดูแลหลินและสองพี่น้องตระกูลโจว รวมทั้งคนอื่น ๆ รออยู่ที่ปากทางแล้ว
“โจวตงอยากจะขอบคุณคุณชายน้อยที่ช่วยชีวิต!”
เหล่าโจวไม่ได้ดูชราภาพแล้ว และยังดูสุขภาพดี เมื่อเขาเห็นฟางหยวน เขาก็ปล่อยมือโจวเหวินซิน เตรียมคารวะฟางหยวน
“ท่านเพิ่งฟื้นไข้เท่านั้น ควรจะพักผ่อนให้มาก!”
ฟางหยวนตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย
“อื้ม ข้าอยากจะพูดอะไรกับคุณชายน้อยสักคำ ถ้าท่านไม่ว่าอะไร!”
โจวตงหันกลับไปมองพี่น้องตระกูลโจวด้วยท่าทางจริงจัง และกล่าวของคุณผู้ดูแลหลิน “ข้ารู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือของพี่หลินยิ่งนัก!”
“ฮ่าฮ่า พี่โจว ท่านก็สุภาพเกินไปแล้ว!”
ผู้ดูแลหลินเข้าใจได้ว่าเหล่าโจวอยากจะเจรจาบางอย่างกับฟางหยวนเป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงออกปาก “ข้ายังมีอย่างอื่นต้องทำ ต้องขอตัวก่อนแล้ว!”
เขาพาพี่น้องสองคนตระกูลโจวออกจากหุบเขาไปด้วย
“เหล่าโจว ท่านมีอะไรก็เชิญพูด!”
ฟางหยวนชงชากาหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงเงียบ ๆ
“ชานี่…”
เหล่าโจวยกถ้วยชาขึ้น จิบคำหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าไป “ไม่เลว!”
เพราะว่าเหล่าโจวเป็นคนนอก ฟางหยวนจึงไม่ได้ชงชาชำระจิต แต่ใบชาเหล่านี้เขาก็ปลูกและเก็บด้วยตัวเอง และเมื่อผ่านพิธีชงชา มันก็สามารถทำให้โจวตงรู้สึกประหลาดใจในรสชาติได้
‘เขาช่างเป็นผู้มีความสามารถ มีความสามารถชงชาได้ถึงระดับนี้ ข้าคงต้องพูดกับเขาตรง ๆ …’
หลังจากหนึ่งถ้วยชา เหล่าโจวก็พูดออกมา “เฮ่ย! ช่างเป็นโชคร้ายของบ้านข้า!”
ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้สถานการณ์ของตัวเอง