Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 37 บทวิจารณ์
โจชัวไม่ให้คำอธิบายมกานักเพราะการปล่อยให้ไวเซนาสเช่ดูด้วยตัวเองเป็นวิธีการอธิบายที่ดีสุด ดังนั้น โจชัวจึงเปิดกระเป๋า นำเอาเทปต้นฉบับของ’โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ออกมา จากนั้นก็มองหาผนังเรียบในห้อง เริ่มแสดงมัน
เมื่อภาพยนตร์จบลง โจชัวก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาต้องคุยกับไวเซนาวเช่ถึงการฉายหนังในโรงละครเขา
แต่ ไวเซนาสเช่กลับยังไม่ได้สติ
‘เอ่อ…ข้า..ข้าขออภัย..ท่าน”
ไวเซนาสเช่ถือผ้าช็ดหน้าขณะเช็ดน้ำตาซ้ำๆที่มุมหางตา เครื่องสำอางของเขายังโดนลบไปด้วย
มันทำให้เขาดูเป็นเหมือนผู้หญิงมากขึ้น
โจชัวเคยเห็นผู้คนหลั่งน้ำตาหลังชมจนจบ แต่ไวเซนาสเช่ได้หลั่งน้ำตาตอนกลางของภาพยนตร์ ที่เจ้าชายอสูรช่วยเบลล์ตอนนางโดนหมาป่าล้อม
อารมณ์ของผู้อยู่ในแวดวงศิลปะกับวรรณกรรมมากล้นเหรอ?
“เขามีรูปลักษณ์เป็นปีศาจ แต่กลับมีจิตใจที่งดงามมาก ถึงกับทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อให้คนรักได้อยู่ต่ออย่างมีความสุข นั่นคือรักแท้”
ไวเซนาสเช่เช็ดน้ำตาขณะท่องโคลงสั้นๆตามเนื้อหาจริงของเรื่องราว ทำให้โจชัวตกใจ
ไม่ช้าโจชัวก็ตระหนักว่ามีเหตุผลที่ขุนนางผู้นี้มาเป็นเจ้าของโรงละคร
ในฐานะผู้กำกับเอง ธีมหลักของโจชัวคือ’อย่าตัดสินคนตามรูปลักษณ์ภายนอก’แต่เซอร์ไวเซนาสเช่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่าโจชัวซะอีกหลังดูจบ
บทวิจารณ์ภาพยนตร์คืออะไร?นี่แหละมัน!
ไวเซนาสเช่ใช้เวลาไม่กี่นาทีเพื่อฟื้นตัวจากบรรยากาศที่เขาสร้าง
“ท่าน..การแสดงนี้..มันไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นโลกใหม่ที่ถูกนำเสนอต่อข้า ถ้าสามารถ ท่านช่วยบอกชื่อผลงานนี้กับข้าได้หรือไม่?”
ไวเซนาสเช่ไม่เข้าใจหลักการเบื้องหลังภาพเคลื่อนไหว เมื่อเขาดูภาพยนตร์ มันเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่ยืนดูอะไรบางอย่างในอีกโลก
ทุกฉากสมจริง ไม่มีอุปกรณ์ประกอบฉากอะไรบนเวที แม้แต่มุมการรับชมก็ยังไม่ไกลเท่าระยะทางจากผู้ชมละครถึงเวที
ไวเซนาสเช่อดเอื้อมไปแตะเฟอร์นิเจอร์ที่ขยับในภาพยนตร์ไม่ได้
ประสบการณ์นี้เป็นอะไรที่ไวเซนาสเช่ไม่คิดฝันมาตลอดชีวิต
“มันคือภาพยนตร์”
คำว่า’ภาพยนตร์’ถือเป็นศัพท์ใหม่ต่อเขา
“ภาพยนตร์..ภาพยนตร์ มันเป็นไปตามที่ท่านพูด มันจะสร้างยุคใหม่”
ไวเซนาสเช่พูดซ้ำสิ่งที่โจชัวพูด ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความหมายของโจชัวแล้ว
ภาพยนตร์เหนือกว่าละครเวทีในแง่ของการบรรยายและการแสดงบท
ภาพยนตร์สามารถดึงผู้ชมเข้าเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์…แตกต่างจากละครเวที ซึ่งต้องมีการจัดฉากและเครื่องแต่งกายรวมถึงม่านเปลี่ยนช่วงพัก สิ่งสำคัญสุดคือภาพยนตร์จะทำให้ศิลปะการแสดงอำลาเวทีได้อย่างสมบูรณ์!
“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’นำไวเซนาสเช่ไปยังหลายสถานที่ ตั้งแต่หมู่บ้านเงียบสงบ จนถึงป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะและปลาสาทน่ากลัวแต่อบอุ่น
นอกจากความชื่นชมและความทึ่งในภาพยนตร์ เขายังรู้สึกได้ถึงความเศร้า
เหตุผลก็คือการเริ่มต้นยุคใหม่จะหมายถึงจุดจบของยุคก่อนหน้าและการปรากฏของภาพยนตร์ก็จะทำให้ละครเวทีลดลง และเหมือนกับโรงละครของเขา วันหนึ่งมันจะถูกลืมไม่ว่าอดีตจะเคยรุ่งโรจน์แค่ไหน
แต่ทว่า ความเศร้าก็ถูกลบออกไปอย่างรวดเร็วด้วยการปรากฏของโฉมงามกับเจ้าชายอสูร
“ท่านวางแผนที่จะ..แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงละครของข้าจริงหรือ?”
เขามีความรู้สึกว่าวินาทีที่ภาพยนตร์นี้ปล่อยตัว มันจะถูกจารึกลงประวัติศาสตร์ของโลก!
“ข้าไม่คิดว่าโรงละครแห่งชาตินอร์แลนด์จะต้อนรับข้า”
โจชัวยกถ้วยชาดำร้อนขึ้นจิบ ในฐานะโปรแกรมเมอร์ตัวจริง เขาชอบกาแฟมากกว่าชา แต่เครื่องดื่มที่เขาโปรดปรานคือชาเขียวกับโคล่า
เขาไม่รู้เลยว่าโลกนี้จะมีเมล็ดกาแฟอะไรเหมือนกัน
“ท่านพูดถูก!คนเหล่านี้เป็นพวกกลุ่มนักต้มตุ๋นไร้ยางอาย…เป็นพ่อค้าที่ไม่เข้าใจศิลปะ!”
ไวเซนาสเช่โกรธมากที่คิดว่าโรงละครของเขาจะโดนอีกฝ่ายยึด
อย่างไรก็ตาม เขาลุกขึ้นใหม่ได้แแล้ว แม้กระทั่งศิลปินที่ร่ำรวยสุดก็ยังต้องพึ่งพาเงินเพื่อเอาชีวิตรอด และการขาดทุนอย่างต่อเนื่องของโรงละครก็ทำให้ไวเซนาสเช่ตระหนักถึงประเด็นนี้ ดังนั้น เขาจึงรู้ว่าการเจรจาในอนาคตไม่ใช่ระหว่างศิลปิน แต่เป็นนักธุรกิจ
“ท่าน…การแสดงภาพยนตร์ที่นี่…ข้าจะรับผิดชอบการเตรียมการอย่างเต็มที่ รวมถึงการส่งเสริมและเผยแพร่ สำหรับรายได้จากการขายตั๋ว 70-30พอหรือไม่?”
ถ้าเซอร์ไวเซนาสเช่ไม่ขาดเงินมากจนถึงขั้นไม่สามารถจ่ายเงินให้พนักงานได้ เขาคงขอให้โจชัวรับเงินเต็มร้อยตราบเท่าที่ภาพยนตร์สามารถเล่นในโรงละครเขาได้
“ไม่มีปัญหา”
เทียบกับภาพยนตร์ที่เผยแพร่บนโลก ผู้จัดทำภาพยนตร์จะได้รับรายได้หลังพวกเขาจ่ายค่าส่งเสริมการขายและภาษีต่างๆเท่านั้น ดังนั้น ข้อเสนอของไวเซนาสเช่จึงถือว่าดี
ไม่ต้องพูดถึงว่าโจชัวไม่ได้ลงทุนเลยในการสร้างภาพยนตร์
“ถ้าเป็นเช่นนั้น โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปนำปากกามาทำสัญญา แถม ท่านอาจอยากไปหานายทะเบียนสิทธิบัตรเพื่อรับลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้และสิทธิบัตรสำหรับเทคโนโลยีที่ใช้”
นอร์แลนด์เป็นประเทศที่เคารพเรื่องสัญญาและอย่างน้อยสุด กฏของนอร์แลนด์ก็ค่อนข้างครอบคลุม
“ได้ ข้าจะทำ แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากเยี่ยมชมที่นี่”
โรงละครมีขนาดใหญ่พอสมควรและการตกแต่งภายในก็หรูหรา แต่ของเหล่านี้มีไว้สำหรับละครเวที สถานที่จัดงานเองอาจเตรียมไว้สำหรับการแสดงละครเวทีเท่านั้น
ยังคงมีความแตกต่างระหว่างโรงหนังและโรงละคร ก่อนภาพยนตร์จะออกฉาย โจชัวจำเป็น้ตองเปลี่ยนโรงละครให้เป็นโรงหนังก่อน
“เชิญตามข้ามา”
ไวเซนาสเช่ยืนขึ้น พาโจชัวไปทัวร์โรงละครเป็นการส่วนตัว
วินาทีที่เขาผลักเปิดประตู โจชัวก็เห็นซิริกับไฮร์แลนผู้รออยู่ด้านนอกเกือบสองชั่วโมง
พนักงานหาโต๊ะกับเก้าอี้สองตัวให้พวกนาง มีชาดำและของว่างบนโต๊ะ และดูเหมือนสองสาวจะเพลิดเพลินกับพวกมันอย่างมาก…รวมถึงการเล่นป็องอีกร้อยรอบ