Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 101 ตําแหน่ง
Bringing Culture to a Different World
ตอนที่ 101 ตําแหน่ง
ในที่สุดม่านของงานนิทรรศการโลกก็ลดลงเพื่อการแสดงจากคณะละครห่านดํา
ผู้แทนจากประเทศต่างๆ ได้รับอุปกรณ์อาร์คาโนเทคที่พวกเขาต้องการไปไม่มากก็น้อย
ในขณะนี้โลกดูเหมือนจะอําลายุคกลางและเปิดประตูสู่ยุคอุตสาหกรรมด้วยเวทมนตร์เพื่อเป็นพาหนะ
แผนของโจชัวคือการนํานอร์แลนด์เข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทําเช่นนั้นได้ เว้นแต่เขาจะสามารถหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องเครือข่ายได้
แมวดําที่โจชัวพบในคฤหาสน์ของแกรนด์ดยุคแห่งป่าดําเป็นเจ้าของเครือข่ายเพียงอย่างเดียวที่รองรับจนถึงตอนนี้
แต่โจชัวไม่รีบ เมื่อการถ่ายทําเรื่อง “ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ” เริ่มขึ้นดอกไม้แห่งฟารัคซี่จะกลายเป็นนักแสดงนําหญิง ในเวลานั้นโจชัวจะได้พบกับเอลฟ์คนนั้นทุกวัน
วันรุ่งขึ้นหลังจากงานนิทรรศการโลกจบลงโจชัวกลับมาที่โรงเตี๊ยมใจหินแล้ว
“เมลิน่าตอนนี้หวังว่าเจ้าจะสามารถซื้อร้านค้าสองแห่งเพื่อขยายโรงเตี๊ยมได้แล้ว”
โจชัวกําลังดูบันทึกบัญชีที่เมลิน่าเตรียมไว้ให้เขา ผลกําไรและค่าใช้จ่ายของโรงเตี้ยมใจหิน ทั้งหมดถูกระบุไว้อย่างถูกต้องในบันทึก
“ ข้าทําแล้ว ตอนนี้ ข้าสามารถโน้มน้าวใจเจ้าของเอ็มโพเรียมที่อยู่ใกล้ๆกับเราได้ ข้ากําลังคุยกับร้านขายเครื่องประดับด้วย แต่พวกเขาพูดยากนิดหน่อย อย่างไรก็ตามข้าเชื่อว่าข้าสามารถจัดการได้”
เมลินามั่นใจว่าโรงเตี้ยมใจหินเป็นธุรกิจที่ประสบความสําเร็จมากที่สุดที่นางเคยทํามาตลอดชีวิตในฐานะคนค้าขาย
ความสามารถของคนแคระในการดื่มแอลกอฮอล์นั้นยิ่งใหญ่พอๆ กับควายน้ำ ทุกคืนคนแคระเหล่านั้นจะมาดื่มไวน์ข้าวไรย์ราคาแพงหลายสิบถัง
เนื่องจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่มีห้องใต้ดินสําหรับเก็บแอลกอฮอล์ เมลิน่าจึงต้องให้ผู้จัดส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนางจัดหาแอลกอฮอล์ใหม่ทุกสามวัน
แต่สิ่งที่ได้เงินอย่างแท้จริงคือซองการ์ด ใจหิน” จํานวนเหรียญทองที่คนแคระใช้ในการซื้อซองการ์ดอาจกองกันเป็นเนินเขาเล็ก ๆ ในทุกวัน
เมื่อจอมเวทย์หันมาสังเกตใจหินมากขึ้นเรื่อย ๆ โรงเตี้ยมก็เริ่มแออัด
“ เจ้าลงมือแตกสาขาโรงเตี้ยมเลยก็ได้ ไม่จําเป็นต้องรอ”
โจชัวไม่คุ้นเคยกับธุรกิจมากนัก ดังนั้นเขาจึงพึ่งพาแม่ค้าหญิงคนนี้ สําหรับโจชัวเขาเพียงแค่ต้องควบคุมเทคโนโลยีหลักที่อยู่เบื้องหลัง “ใจหิน” จากนั้นก็เพลิดเพลินไปกับกองเงินนับจํานวนนี้
หลังจากที่โจชัวบรรยายสรุปแผนการของเมลิน่าสําหรับการก้าวหน้าต่อไปของโรงเตียมใจหิน นกฮูกตัวหนึ่งก็บินผ่านหน้ ต่างชั้นสองและร่อนลงบนโต๊ะอย่างช้าๆ
นกฮูกมาพร้อมกับจดหมาย สัญลักษณ์ป่าที่คุ้นเคยปิดผนึกอยู่บนจดหมาย
เป็นจดหมายที่มาดามโครเดอร์เขียนเอง
โจชัวเปิดจดหมายและเริ่มอ่านเนื้อหาในจดหมายโดยพื้นฐานแล้ว จดหมายระบุว่าคณะละครป่าดําไม่มีงานยุ่งอีกต่อไป และถามว่าเมื่อใดที่การถ่ายทําภาพยนตร์เรื่องใหม่จะเริ่มขึ้น และการถ่ายทําจะเกิดขึ้นที่ไหน
ลายมือของแกรนด์ดัชเชสค่อนข้างอ่านยาก ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกกังวลมากในขณะที่เขียนจดหมายนั้น
นางอยู่ที่นอร์แลนด์เพื่อสํารวจสถานที่เท่านั้น และไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี้ในระยะยาว บางที่นางอาจหวังว่าจะได้ดูแลกระบวนการถ่ายทําของโจชัวก่อนที่จะออกจากนอร์แลนด์
โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” ทําการฉายมาเกือบหนึ่งเดือนครึ่งแล้ว ในไม่ช้าผู้ชมในนอร์แลนด์น่าจะเบื่อหน่ายกับภาพยนตร์เรื่องนั้น โจชัวรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องหลั่งเลือดใหม่ให้กับโรงละครไวเซนาสเซ่แล้ว
“ เมลิน่า เจ้ารู้จักถนนและโรงแรมใกล้ๆที่วุ่นวายและไม่เป็นระเบียบบ้างไหม?
โจชัววางจดหมายของมาดามโครเดอร์ เขาไม่รีบที่จะตอบ อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้กําหนดสถานที่ถ่ายทําภาพยนตร์เรื่อง “ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ”
“ ถนนที่ไม่เป็นระเบียบ…”
เมลิน่านึก นอร์แลนด์เป็นเมืองที่เป็นสัญลักษณ์ของอารยธรรมมนุษย์ การพยายามหาสถานที่ที่ “ไม่เป็นระเบียบ” นั้นค่อนข้างยาก
แต่มีสถานที่ที่ไม่เป็นระเบียบในนอร์แลนด์
“ ข้าเชื่อว่าสถานที่ท่านโจชัวกําลังค้นหาน่าจะเป็นถนนกระรอก แต่…ถนนสายนั้นอันตรายมาก” เมลิน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวล
“ อันตรายยังไง?”
โจชัวคิดเสมอว่าความปลอดภัยของนอร์แลนด์นั้นดีเป็นพิเศษ อย่างน้อยโจชัวรู้สึกถึงบรรยากาศทางวิชาการที่เข้มข้นในเมืองนี้ มันเป็นบรรยากาศที่สามารถสัมผัสได้ในมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่งในโลก
“ ข้าเคยสอบถามเกี่ยวกับถนนเส้นนั้นมาก่อน อยู่ใกล้กับทางเข้าคนแคระซึ่งนําไปสู่ใต้ดิน นอกจากนี้ถนนสายนั้นไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์มารวมตัวกัน ข้าได้ยินมาว่าเนโครแมนเซอร์มักจะเดินเตร่ไปมาบนถนนเส้นนั้น” เมลิน่ากล่าว
ถนนกระรอกเกิดขึ้นจากกลุ่มคนที่สนใจสถานที่โบราณแห่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งที่หลงเหลืออยู่ใต้ดิน แต่จํานวนของพวกเขาไม่ได้มากมายเท่าคนแคระ
ในขณะที่เมืองด้านบนของนอร์แลนด์เป็นเมืองของผู้วิเศษและมนุษย์ แต่ก็มีการบริหารงานร่วมกันโดยมนุษย์และคนแคระ ด้วยการปกป้องจากพวกคนแคระ พวกที่ไม่ใช่มนุษย์จึงสามารถสร้างถนนสําหรับตนเองในมุมหนึ่งของนอร์แลนด์ได้
มันเป็นถนนที่วุ่นวาย
“ บอกตําแหน่งของถนนนั้นให้ข้าหน่อย”
รูปแบบสถาปัตยกรรมของนอร์แลนด์ไม่เหมาะกับ “ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ” ดังนั้นโจชัวทําได้เพียงหวังว่าถนนกระรอกที่เมลินาบอกว่าอันตรายจะสามารถเข้ากับภาพยนตร์ของเขาได้
เมื่อเห็นว่าการเตือนของนางไม่ได้ผลเมลิน่าก็เลิกคิด นางไม่ลืมว่าโจชัวไม่เพียงแต่เป็นเจ้านายและเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของนางเท่านั้น แต่เขายังเป็นจอมเวทย์ที่ทรงพลัง
ดังนั้นหญิงชราจึงหยิบแผนที่ของนอร์แลนด์ออกมา และชี้ไปที่บริเวณในเมืองด้วยปากกาของนาง
สถานที่นั้นอยู่ที่ชายขอบของนอร์แลนด์ ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไปถึงถนนกระรอก
ถ้าถนนกระรอกวุ่นวายอย่างที่เมลิน่าอธิบายไว้โจชัวรู้สึกว่าควรรีบไปที่นั่นก่อนที่จะมืด
“ทําไมนักรบเทมพลาร์ถึงติดตามเจ้าตลอดเวลา? เจ้าอยากหาที่ที่ทําให้นางหมดสติหรือยัง?”
ชิริที่เงียบฟังการสนทนาอยู่ๆก็พูดขึ้น
นับตั้งแต่งานงานนิทรรศการโลกเมื่อวานนี้อัศวินหญิงเมสซาดูเหมือนจะเป็นศัตรูกับโจชัว แม้ว่าตอนนี้นางกําลังเล่นใจหินอยู่ที่ชั้นล่าง แต่นางก็มักจะจับตาดูโจชัวตลอดเวลา
ดูเหมือนว่านางจะเข้ามาทําหน้าที่แทนดีไซเลส อาจารย์ที่เคารพนับถือของนาง และคอยเฝ้าระวังทุกการกระทําของโจชั่วอยู่เสมอ
“ ถ้าเราทําให้นางหมดสติเราจะกลายเป็นอาชญากรจริงๆ ในฐานะพลเมืองดีของนอร์แลนด์ ข้าจะทําอย่างนั้นได้ยังไงกัน? เราจะปรับตัวเข้ากับมันและอย่าไปสนใจนาง”
เหตุผลที่สําคัญที่สุดที่ว่าทําไมเหล่านักรบเทมพลาร์ไม่กล้าแตะโจชัวก็เพราะว่าโจชัวเป็นพลเมืองของนอร์แลนด์แม้ว่าโจชัวจะเป็นปีศาจ แต่เขาก็ยังได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายของเมืองนี้เมื่อเขาอยู่ในเมืองนี้ นอกจากนี้เขายังได้รับการปกป้องจากคนแคระอีกด้วย
ด้วยอิทธิพลที่ศาสนจักรมีในนอร์แลนด์ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ทําได้แค่ติดตามโจชัวจากระยะไกลเท่านั้น หากโจชัวทําอะไรที่ขัดต่อกฎหมายของนอร์แลนด์พวกเขาจะจับทันที และใช้มันเพื่อต่อต้านเขา
ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วอาชีพในปัจจุบันของอัศวินหญิงคนนั้นควรเปลี่ยนเป็นนักข่าว?