Black Tech Internet Cafe System - ตอนที่ 136
“นี่ต้องเป็นรูปแบบโครงสร้างจากร้านที่เรากำลังจัดการอยู่แน่!” จางวันยูรับหนังสือมาอ่าน เธอมั่นใจว่านี่จะต้องเป็นอีกหนึ่งสิ่งจากร้านเล็กๆ ที่พวกเขากำลังพยายามปราบปราม!
“นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่พวกเขาใช้แน่ๆ โชคดีที่เราค้นพบมันเสียก่อน ก่อนที่จะส่งผลอันตรายใดๆ แก่ร้านของเรา!” จางวันยูประกาศด้วยเสียงอันดัง
“ดี!” ตงชิงลี่หันเปิดหน้าแรกของหนังสือ Diablo พลางพึมพำกับตัวเอง “หนังสือเล่มนี้ดีจริงหรอ?”
เจียงชิงเฮอรู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างที่มันไม่ถูกต้องเขาคิดเล่นๆ พลางเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผาก
“การเขียนการเรียบเรียงก็ดูปกติดี ..” แรกๆ ก็เฉยๆ ยิ่งอ่านลึกลงไปเท่าไรตงชิงลี่ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากเท่านั้น นวนิยายเรื่องนี้อธิบายเกี่ยวกับโลกอีกใบที่แตกต่างจากโลกใบที่เธออาศัยอยู่โดยสิ้นเชิง
เธอไม่รู้สึกอิจฉาหรือชื่นชม กลับกลายเป็นความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ครั้งที่อ่านตัวอักษร เธอรู้สึกได้เรียนรู้สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ๆ
ยิ่งได้อ่านก็ยิ่งทำให้ความคิดของเธอแตกออกไป ทำให้เธอลองเปลี่ยนมุมมองได้รู้จักโลกใหม่มากขึ้น แน่นอนว่าเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีสิ่งมหัศจรรย์แบบนี้อยู่บนโลกด้วย
ยิ่งใช้เวลากับหนังสือมากเท่าไร ยิ่งเหมือนเธอกำลังถูกดูดเข้าไปมาเท่านั้น เธอหยุดอ่านมันไม่ได้เลยโลกในหนังสือที่เต็มไปด้วยจินตนาการอันล้ำลึก สิ่งที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อนแต่เธอกลับได้รับรู้จากนวนิยายเรื่องนี้ เธอรู้สึกเข้าใจโลกมากขึ้น
ฟางฉีก็เช่นกันเขารู้สึกเป็นเช่นนี้เมื่อได้อ่านนิยาย ได้ใช้จินตนาการที่ผู้เขียนสร้าง เมื่อก่อนตอนที่เขายังอยู่ในโลกใบเก่า คนที่หลงรักนิยายส่วนมากมักจะรู้สึกตื่นเต้นและมีอารมณ์ร่วมอย่างยิ่ง แทบรอไม่ไหวในเวลาไขปริศนา
ในฐานะที่เป็นแฟนตัวยงของนวนิยายตงชิงลี่ถูกนวนิยายเรื่องนี้ดักไว้เสียแล้ว เธอแทบไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าของเธอที่แสดงออกมาขณะที่กำลังอ่านนั้นดูตื่นเต้นจนชวนให้คนรอบข้างลุ้นไปด้วย
ฉันยังมีบางจุดที่ยังสงสัยอยู่เล็กน้อย .. ตงชิงลี่คิดในใจ นี่คือโลกที่คนส่วนมากพูดถึงหรอ .. อืม ฉันต้องอ่านอีกสักรอบ และแล้วเธอก็พลักไปด้านหน้าสุดของหนังสืออีกครั้ง
หากเปรียบเทียบกับเกมแล้ว เกมเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของผู้เล่นจากเนื้อเรื่อง แต่จากพล็อตเรื่องที่ยอดเยี่ยมแล้ว หากได้เล่นเกมร่วมด้วยคงต้องสนุกกว่าเดิมแน่
เจียงชิงเฮอและจางวันยูมองหน้ากัน พวกเขาต่างสงสัยว่าเราควรคว้าหนังสือจากมือของเธอแล้วเผามันทิ้งดีมั้ย .. แต่ก็ได้แค่คิด
ในไม่ช้าความรู้สึกที่เป็นรางไม่ดีของเธอก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อตงชิงลี่พลิกหนังสือและกลับไปอ่านหน้าแรกซ้ำครึ่งที่สอง
บางคนมักจะอ่านส่วนที่ดีและสำคัญที่สุดซ้ำๆ ตอนนี้จางวันยูเริ่มเข้าใจแล้วว่าหนอนหนังสือคืออะไร .. เธอรู้สึกอยากร้องไห้ที่นำหนังสือกลับมา ถ้ารู้ว่าเป็นงี้จะแอบเผาทิ้งซะกลางทาง แต่.. มันก็สายไปแล้ว
เจีงชิงเฮอที่อยู่ตรงนั้นก็รู้สึกขมขื่นไม่แพ้กัน เพราะหลังจากได้ทำแผนลับบางอย่างกับเฮาชง เขาเองก็ไม่สบายใจเช่นกันเมื่อเห็นท่าทางของเจ้านายตัวเองในตอนนี้ แม้ก่อนหน้านี้เธอจะเพิ่งพูดกับเขาเรื่องร้านที่ไร้ยางอายก็เถอะ เจ้านายของเราจะยอมแพ้หรือไม่
บ้าเอ้ย!
…
ในเวลาเดียวกัน นายน้อยเฉินรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินข่าวว่าร้านบลูเฟรม สามารถสร้างปืนสำเร็จแล้ว!
ในฐานะแฟนตัวยงของ CS เขายินดีอย่างยิ่งที่พบว่าตัวเองสามารถจับต้องอาวุธที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้ในโลกแห่งความจริง!
เมื่อทำการสอบถามแล้ว ก็ได้รู้ว่าร้านบลูเฟรมได้สร้างอาวุธนี้ขึ้นมาให้คนบางคนที่มีทุนหนา และเช่นนี้เขาเองจึงรู้สึกตาลุกวาว สำหรับค่าใช้จ่ายมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้ว เพราะเขาสามารถขอเงินจากพ่อได้เสมอ
“ท่านพ่อ!” ระหว่างกำลังทานอาหารเย็นที่บ้าน “ข้าขอคริสตัลจากท่านสักนิดหน่อยจะได้มั้ย ข้าอยากได้อาวุธ”
“อาวุธ?” เฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ
เขารู้ดีว่าลูกชายเขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรแก่ที่บ้านนัก แต่ด้วยความเป็นพ่อและลูกชายเพียงคนเดียว เขารักลูกคนนี้มาก แต่นี่อาจเกินไปหรือเปล่าสำหรับการขอในครั้งนี้
“แกต้องการซื้ออาวุธอะไร?” เฉินเฟิงโบกมือ “บอกฉันหน่อย”
“ข้าขอสักหนึ่งพันคริสตัล ข้าต้องการซื้อปืนพก” นายน้อยเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หนึ่ง ..” เฉินเฟิงตัวแข็ง “แกพูดว่าเท่าไรนะ!?”
แม้ตระกูลเฉินจะร่ำรวยมาก แต่หนึ่งพันคริสตัลถือว่าเป็นเงินที่มากมาย เขาคิดว่าอาวุธคงเพียงราคาไม่กี่ร้อยคริสคัลแต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ การประมวลของเขาครั้งนี้ค่อนข้างต่ำไป
อย่างไรก็ตามตอนนี้ลูกชายหัวแก้วร้องขอถึงคริสตัลพันเม็ด!
“ข้านัดกับท่านอาจารย์ซัวแห่งวังหลิวหยุนและท่านเยหัวหน้ากลุ่มโอเชียน เพื่อซื้อาวุธนี้ด้วยกัน” นายน้อยเฉินกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่อยากดูแย่ต่อหน้าพวกเขา”
การเล่นเกมของพวกเขาทั้งสามคนถือว่าอยู่ในระดับเดียวๆ กัน นอกจากนี้นายน้อยเฉินยังเป็นเพื่อนร่วมทีมกับซัวเต๋าโดยใช้กลยุทธ์ Rush B อีกด้วย
“ใคร!?” หน้าของพ่อกระตุกขณธเอ่ยถามเขารู้สึกอยากตบกระบาลลูกชายให้ตื่นจากคยวามฝันสักที
“ซัวเต๋าจากวังหลิวหยุน ลืมไปเลยว่าฉันนัดพวกเขาเล่น CS หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ” นายน้อยเฉินโบกมือ
“เล่นอะไร?” เฉินเฟิงรู้สึกเหมือนเขาไม่สามารถทำหลายความตั้งใจของลูกชายได้เลย
“CS” นายน้อยเฉินตอบ “คาเฟ่ที่ทุกธุรกิจในเมืองกำลังคว่ำบาตร”
สีหน้าของเฉินเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “แกกล้าไปที่นั่นได้อย่างไร?” เขาเอ่ยถาม เพราะเขาเองก็ได้เข้าร่วมการคว่ำบาตรเช่นกัน
“ทำไมไม่ได้ละ” นายน้อยเฉินถาม “อาจารย์ซัวสัญญากับข้าว่า เขาจะพาข้าไปยังวังหลิวหยุนในฐานะลูกศิษย์ของเขา หากข้าพาเขาเข้าร่วมทีมของข้า”
หน้าของเฉินเฟิงกระตุกรัวกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“เขาเป็นอาจารย์จริงๆ เรอะ?” เฉินเฟิงถามย้ำ “แกแน่ใจนะว่าแกไม่ได้ถูกหลอก!?”
“แม้ว่าข้าจะไม่เคยไปวังของเขามาก่อน แต่นอกจากเขาแล้วข้ายังได้รู้จัก ผู้บังคับบัญชาอันหูเว้ยด้วยนะ” นายน้อยเฉินกล่าวต่อ “บุคคลพวกนี้ที่ข้าเอ่ยถึง พวกเขาไม่ต้องทำความเคารพต่อผู้บังคับบัญชาอันหูเว้ยสักนิด ท่านคิดว่าข้าจะโง่ไม่สังเกตรายละเอียดเลยหรอ?”
เฉินเฟิงรู้ว่าอันหูเว้ยเป็นส่วนหนึ่งที่คาเฟ่เล็กๆ แห่งนั้น และเขาคิดว่าอันหูเว้ยน่าจะมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับมัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากำลังเข้าใจผิด
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป “แกพาฉันไปเล่น CS ด้วยสิหลังจากกินเสร็จน่ะ” เฉินเฟิงเอ่ยขอ