Black Tech Internet Cafe System - ตอนที่ 229
“ฟาง! นั่นหมอกช่างแปลกจริงๆ” ซูโมเดินเข้ามาในห้องโดยสารเห็นฟางฉีและศพที่ถูกผู้โดยสารหน้าขาวอีกคนลากอยู่
เขาตัวสั่นเล็กน้อย
“เขา .. เขาตายหรอ!?”
ผู้ปลูกฝังหน้าขาวมองพวกเขาด้วยความระมัดระวังก่อนจะจากไปพร้อมซากศพ
“ฟะ ฟาง ..” ซูโมเขย่าตัวเขาพลางมองดูเลือดบนพื้น “เกิด .. เกิดอะไรขึ้น!?”
“ข้าไม่รู้” ฟางฉีกล่าว “ข้าได้ยินเสียงใครบางคนอยู่ในห้องถัดไปจากข้า ‘เรือลำนี้ไม่ได้ไปเมืองมังกรดำ ข้าต้องการลง!’ จากนั้นข้าจึงเปิดประตูออกมาก็เจอภาพเหมือนที่เจ้าเห็น”
“อะไรนะ!?” ซูโมมองฟางฉีด้วยความสับสน
ฟางฉีหัวเราะเบาๆ “ข้าพูดเล่นน่ะ ว่าแต่เจ้ารู้จักสถานที่ที่ชื่อครึ่งเมืองหรือเปล่า!?”
“ครึ่งเมืองหรือ” ซูโมมองหน้าฟางฉีด้วยความงุนงงเขาส่งเสียงเตือนด้วยความตื่นตระหนก “ทำไมเจ้าถึงถามเกี่ยวกับสถานที่นั้น”
จู่ๆ เขาก็เขาใจขึ้นมาทันที “เจ้า .. เจ้าหมายถึงจุดหมาปลายทางของเรือจิตวิญญาณนี้ใช่หรือไม่!?”
“ฟะ ฟาง .. ” เราเริ่มตะกุกตะกักด้วยความกลัว “เราต้องวิ่ง ..”
“คนนั้นบอก ..” ฟางฉีชี้ไปตามลรอยเลือด “แต่ตอนนี้เขาพาร่างอันแข็งถือจากไปแล้ว”
ซูโม “…”
ฟางฉีถามย้ำ “บอกข้าเกี่ยวกับครึ่งเมืองที”
“ครึ่งเมือง ..” ซูโมพยายามอธิบายด้วยศัพท์จำกัดความของเขา “แท้จริงแล้วข้าก็ไม่รู้เกี่ยวกับที่นั่นมากนัก ข้าเคยได้ยินเพียงว่ามันเป็นสถานที่ลึกลับและน่ากลัวซึ่งที่นั่นมีแต่ผู้ทำลายล้างและเหล่าโจรผู้ร้ายหลายคนซ่อนตัวอยู่ มันเป็นแหล่งกำเนิดของความชั่วร้ายและอาชญากรรม!”
“มีคนกล่าวว่าพวกเขาสามารถประมูลราชาจักรพรรดิและเหล่าขุนนางที่นั้นด้วยเหตุผลบางอย่างและที่นั่นสัตว์ประหลาดที่กินเลือดเนื้อสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ”
“ดูเหมือนนิทานที่ใช้หลอกเด็ก ..” ฟางฉีถูคาง “แต่ดูเหมือนว่ามีคนรวยมากมายอยู่ที่นั่น มันจะต้องดีกว่าเมืองมังกรดำที่พูดว่ามีผู้ฝึกฝนหลายคนใช่มั้ย!?”
ซูโมไม่รู้จะตอบยังไง
“งั้นเราจะไปครึ่งเมืองกัน!”
ซูโมเหงื่อออกท่วมตัว “มีคนกล่าวว่าที่นั่นเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย ไม่แปลกใจเลยที่ชายคนนั้นจะฆ่าเขาอย่างกับเชือดไก่ .. เขาน่าจะมาจากที่นั่น”
“ผู้ปลูกฝังฆ่ากันเองเป็นเรื่องธรรมดา” ฟางฉีโบกมือ
ขาของซูโมสั่นกลายเป็นเยลลี่ “เจ้าไม่กลัวหรือ?” เขาถาม
“กลัว?” ฟางฉีมองหน้าชายหนุ่มร่างเล็กและพูดว่า “ข้ากลัวแค่ว่าพวกเขาจะยากจน”
“เอาละ กลับไปห้องและพักผ่อนนอนหลับให้สนิท พรุ่งนี้เราจะไปที่เมืองใหม่กัน!” ฟางฉีสูดหายใจเข้า อืม .. เมืองนี้ฟังดูร่ำรวยมาก! นั่นแอบทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงเล็กน้อย
“ฮึ ..”
…
ตอนนี้เจ้าของร้านอยู่ไหนแล้วนะ วันนี้เขาไม่ได้ทำการถ่ายทอดสดเลย .. เจียงเสี่ยวหยูที่กำลังเคี้ยวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคิดในใจว่าเขาต้องออกไปสนุกแน่!
เซียวหยูเดินเข้ามาในคาเฟ่พลางมองรอบๆ “เจ้าของร้านอยู่ไหน? วันนี้ไม่มีถ่ายทอดสดหรอ? เขาไม่เล่น Diablo ให้ดูหรอ”
“เจ้าของออกเดินทางไกล” เจียงเสี่ยวหยูมองหน้าเขา “นี่เจ้าไม่รู้หรอ!?”
“เดินทางไกล! เขาจะกลับมาเมื่อไร!?” เซียวหยูเปล่งเสียงดัง .. กิจกรรมที่เขาโปรดปรานทุกวันคือการดูเจ้าของร้านเล่นเกมเพราะเขาไม่สามารถเล่นได้เหมือนคนอื่นๆ และก็ดูคนอื่นไม่สนุกเท่าฟางฉีแม้แต่พวกองค์ชายเองก็เล่นสู้ไม่ได้สักนิดรวมๆ แล้วคนที่เล่นเกมที่นี่มีฟางฉีคนเดียวที่เขาดูแล้วรู้สึกสนุกที่สุด!
“ข้าไม่รู้” เจียงเสี่ยวหยูเหลือบตามอง “ดูเจ้าจะกระตือรือร้นให้เขากลับมามากกว่าข้าเสียอีก”
“อืม ..” เซียวหยูทำหน้าเซ็ง “ข้าไม่ได้กระตือรือร้น ข้าไม่ได้อยากให้เขากลับมาซะหน่อย!”
เจียงเสี่ยวหยูที่เพลิดเพลินกับบะหมี่เสร็จตบหน้าท้องของเธอ “โอ้ย มันอร่อยมาก!”
เธอมองไปรอบๆ และพบว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างกินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย บางคนก็กำลังเล่นเกมอย่างสนุกสนาน เธอเองเดินออกจากเคาน์เตอร์ทันทีและเดินมุ่งหน้าไปยุ่งคอมพิวเตอร์เพื่อเปิดเกมเซียนกระบี่พิชิตรมาร
“เฮ้! ทำไมเจ้าถึงเล่นเกมได้” เซียวหยูถามด้วยความสับสน
จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ดี! ข้ารู้เนื้อเรื่องทุกอย่างในเกมนี้ แม้แต่ขุมทรัพย์ที่ถูกซ่อน เจ้าไม่สามารถจะจินตนาการในสิ่งที่อยู่ในหัวข้าได้หรอก! ข้าจะบอกวิธีเล่นให้และทำให้เยลู่ยังมีชีวิตอยู่!”
เซียวหยูยืนดูเธอเล่นอย่างตื่นเต้น
…
“ออกมา!”
“ข้าตาย ข้าตายแน่” ซูโมตะโกนสติแตก เขาตัวสั่น “ข้าไม่ควรนั่งเรือจิตวิญญาณนี้เพียงเพราะค่าตั๋วมันถูก … ข้าตายแน่!”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เจ้าจะไปหรือไม่?”
“ไป!?” ซูโมนั่งกอดเข่าด้วยความกลัวอยู่ในห้อง “เราจะไปที่ไหน? เราจะถูกพวกเขาฆ่ามั้ย!?”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? เรือเทียบท่าแล้วเจ้าจะไปมั้ย? ถ้าเจ้าไม่ไปข้าไปละ!” ฟางฉีเปิดประตูเข้าไปพลางมองซูโมแต่นั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง
“เทียบท่า ..” ซูโมยืนขึ้นช้าๆ “ข้ากลัว! แต่ที่แย่กว่าข้าต้องตายแน่!”
เกือบทุกเมืองห้ามไม่ให้เรือจิตวิญญาณบินข้ามและตอนนี้เรือจิตวิญญาณนี้ได้จอดเทียบท่าอยู่ภายนอกเมืองตามปกติ
อย่างไรก็ตามเมืองฟางฉีเงยหน้าเห็นเรือจิตวิญญาณขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าของเมือง เขารู้ว่าเมืองนี้คงไม่ได้มีการห้ามบิน เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ แต่เกือบครึ่งเมืองเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง มันค่อนข้างแปลกตา
อีกครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยอาคารสูงหากหลายรูปแบบ บางตึกมีความสูงถึงร้อยชั้น ในขณะที่ตึกเตี้ยๆ มีแค่ชั้นสองชั้นคล้ายกับบ้านที่อยู่อาศัยในเมืองจิวหัว
มองดูครั้งแรกฟางฉีรู้สึกไม่เคยเห็นเมืองที่แปลกๆ แบบนี้มาก่อน ผู้คนเดินถนนเป็นผู้ฝึกฝนที่นี่แทบจะไม่มีนักรบเลย
คนสิบกว่าคนเดินลงจากเรือพวกเขาเดินตามผู้ปลูกฝังหน้าขาว พร้อมเจ้าของเรือจิตวิญญาณผู้มีหนวดคร่ำครวญคล้ายเมา
ฟางฉีเองเดินตามพวกเขาเข้าไปในเมือง เขามองไปรอบๆ พบว่าถนนที่นี่สะอาดและเป็นระเบียบ
แน่นอนถ้าหากเขาไม่เห็นผู้ปลูกฝังหรือผู้ฝึกฝนปนใครในตรอกมืด ความประทับใจและความตั้งใจของเขาคงไม่เปลี่ยนไป
“ขายพวกเด็กหนุ่มที่มีความสามารถทางการแพทย์และคนที่ความสามารถในการสร้างน้ำอมฤตมา!”
“ข้าสามารถทำกำไรครั้งใหญ่ได้ ..คนที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินอมเทาดูเหมือนจะไม่มีความแข็งแกร่งในการเพาะปลูก และคนนั้น ..”
ใบหน้าของฟางฉีเปลี่ยนเป็นสีเข้มในขณะที่ฟังพวกเขาวิจารย์และซื้อขายกันราวกับว่าพวกเขาเป็นหมู ข้าไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไป ..
ด้วยความคิดที่ไม่พอใจนักฟางฉีเดินเข้าไปหาพวกเขา “นี่พวกนาย ..”
พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ฟางฉี ทันใดนั้นพวกเขาก็เดินพุ่งไปหาฟางฉีทันที
“ข้าทราบซึ้งที่พวกเจ้าพาข้ามาที่นี่ แต่ข้าต้องขอพูดก่อนว่า ข้าไม่ได้เจาะจงจะว่าพวกเจ้าทั้งหมดนะ แต่พวกเจ้าดูราวกับขยะ!” ฟางฉีกล่าวอย่างสุภาพ
ทุกคนมองฟางฉีด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาตัวแข็งไปเสี้ยววิก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง .. พวกเขามองฟางฉีราวกับเป็นคนปัญญาอ่อนที่ไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตนอกบ้าน