Black Tech Internet Cafe System - ตอนที่ 219
“มันคือคลื่นแห่งเงามืดใช่มั้ย?” เซียวหยูมองดูทักษะ
“คลื่นแห่งเงามืด!?” ผู้ชมมองไปที่ทักษะพวกเขารู้สึกไม่คุ้นเคยสักเท่าไร
“ในโลกของ Diablo ผู้ลอบสังหารจะได้เรียนรู้คาถาทางจิตวิญญาณอย่างเช่นคลื่นแห่งเงามืด สกิลนี้ใช้มานาอย่างมากเพื่อสร้างเงาขนาดใหญ่ในการจำกัดประสาทสัมผัสของศัตรู ยิ่งมีคะแนนทักษะสูงก็จะสามารถขยายพื้นที่ได้มาก สกิลนี้จะยิ่งพิเศษหากใช้ในความมืด!” เซียวหยูพูดอย่างมีภูมิ
ในพื้นที่แห่งความมืดการที่จะใช้สกิลคลื่นแห่งเงามืดนั้นนักเวทย์ต้องมีทักษะเหนือระดับสิบขึ้นไป!
การแข่งขันก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นถึงข้อดีของนักเวทย์ในเรื่องของการเคลื่อนย้ายไปในระยะทางใกล้ๆ ได้อย่างรวดเร็วแถมยังโจมตีได้ในระยะไกลอีกด้วย
ข้อดีเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นที่เลือกเล่นนักเวทย์ส่วนมากสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ที่ต่อสู้ในระยะใกล้ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเหล่านักเวทย์เองก็จะต้องระมัดระวังอย่างมากเช่นกันในเวลาที่ใช้เทเลพอร์ทในความมืด เพราะพวกเขาเองก็คคาดเดาไม่ได้เช่นกันว่าศัตรูอยู่ส่วนไหน
“รูนนาเดอร์ รูนนี้มีคุณสมบัติธรรมดา แต่รูนนี่อยู่ถึงระดับสิบสามซึ่งมันส่งผลต่อสกิลคลื่นแห่งเงามืด!” นาหลันหมิงสื่อจิ้บโค้กพลางอธิบายเบาๆ
ช่วงเวลาเดียวกันในเกมอันเชงเคลื่อนย้ายไปยังสนามรบ เขากำลังถูกความมืดกลืนความมืดเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง
ความมืดอันไร้ขอบเขตทำให้ผู้เล่นนักเวทย์นั้นรู้สึกเสียเปรียบ จู่ๆ อันเชงก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งโจมตีเขาในความมืด
เขาหลบ .. เขาสัมผัสได้ถึงค้อนที่หมุนผ่านตัวเขาด้วยเสียงผิวปาก! อย่างไรก็เขาถูกทุบเข้าทีไหล่หนึ่งครั้ง!
วาป!
หลังจากผ่านการวาปย้ายเพื่อนที่โดยเทเลพอร์ตแล้ว ในไม่ช้าอันเชงก็ได้ออกจากความมืด สายตาของเขาสะดุดเขากับพาลาดินในระยะไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก ด้วยความร้อนรนเขาใช้เทเลพอร์ทอีกครั้งโดยที่ไม่รู้ตัว!
ความมืดยังคงวิ่งตามหาเขาอีกครั้ง ..ทันใดนั้นอันเชงก็รู้สึกว่าตัวเขากระแทกเข้ากับกำแพงทึบ กลับเข้าสู่ความมืดเขาได้ยินเสียงผิวปากอีกครั้ง
แน่นอนต้องมีอะไรพุ่งมาโจมตีอย่างแน่นอน เขาเปิดใช้เทเลพอร์ตอีกครั้งโดยไม่ต้องคิด!
“นักเวทย์คนนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย!” มูตงไหล่มองหน้าจอ
“ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน” เซียวหยูโบกมือ “ตอนนี้เขากำลังถูกจับได้ ข้าไม่สามารถพูดได้ว่าเขากำลังเสียเปรียบ!”
บนหน้าจอของอันเชงตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเองไม่สามารถจะออกจากความมืดได้เลยแม้เขาจะใช้เทเลพอร์ทแล้วก็ตาม เขาเลือกที่จะเปลี่ยนแผนโดยการตะโกนออกไป จากนั้น .. คลื่นเพลิงเปลวไฟที่น่ากลัวรูปงูสามหัวก็โผล่ขึ้นต่อหน้าเขา
หลันยันหลบเปลวไฟจากไอดราที่ทะลึกออกมา เธอหายตัวและหลบซ่อนเข้าไปในความมืดอีกครั้ง
“หากพวกเขายังคงต่อสู้กันในลักษณะนี้ต่อไป” มูตงไหล่เอ่ย “พวกเขาจะต้องหยุดชะงักลงเป็นแน่ใช่มั้ย? เพราะท้ายที่สุดไม่มีใครจะสามารถหยุดนักเวทย์และหลบหนีไปได้”
“นั่นน่ะสิ!” นาหลันหมิงสื่อเอ่ย “เขายังไม่ได้เริ่มไล่ตามบ้างเลย”
หลันยันหยุดไล่ตามเขาแล้วในตอนนี้
อันเชงใช้เวลานี้เพื่อพักฟื้นลมหายใจของเขา
เขาเรียกไฮดราออกมา หากคู่ต่อสู้ของเขาโผล่มา สัตว์ประหลาดจากเปลวไฟนรกนี้จะโจมตีอย่างดุเดือดโดยที่เขาจะไม่เป็นกังวล
.. เวลาไล่เลี่ยกันอันเชงเองรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ .. ทำไมคู่ต่อสู้ของเขายังไม่ปรากฏตัวขึ้น!?
“ทำไมอันเชงยังวิ่งกลับมา” ทุกคนดูสับสน
“เขาคงจะเล่นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเขายังคงเฉยเมยเกินไป” นาหลันอธิบาย “หากไม่มีคฆาหรือเทเลพอร์ต พาลาดินก็ไม่สามารถทำอะไรนักเวทย์ได้หรอก ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีในการเล่นคือบังคับให้พวกเขาหลบหนีและเล่นอย่างอดทน หลังจากได้รับคำเตือนจากนักเวทย์ พวกเขาจะกลับมาแน่นอน”
“เนื่องจากนักเวทย์เริ่มเล่นเชิงรับ พวกเขาขจึงต้องเริ่มการต่อสู้ เราต้องทำการข่มขวัญคู่ต่อสู้และในที่สุดเมื่อพวกเขาร้อนรนจนถูกโจมตีก็จะพ่ายแพ้ไป”
ผู้ชมต่างเฝ้ามองอย่างตื่นเต้น เนื่องจากพวกเขาคาดเดาไม่ถูกถึงตำแหน่งของฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากคู่ต่อสู้เว้นระยะห่างมากเกินไป หากเขาไม่กลับมาสู้ นักเวทย์จะต้องเล่นอย่างอดทน
ช่างเป็นข้อเสียอย่างยิ่งสำหรับนักเวทย์ที่จะมองหาพาลาดินในความมืด!
อันเชงมองหาหลันยันเมื่อรู้สึกว่าร่างของเขากำลังถูกวิ่งเข้าหาจากอีกด้านหนึ่ง!
วาป!
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใกล้กันมากหลันยันก็พุ่งมาต่อหน้าต่อตาเขา!
เขาถูกโล่พุ่งชนเข้าอย่างจัง ..
เธอรีบพุ่งหาและขัดจังหวะการเคลื่อนย้ายของอันเชงก่อนมันจะถูกเรียกใช้! การแข่งขันเริ่มดุเดือดและชวนเวียนหัวอันเชงเองโจมตีกลับด้วยโล่อย่างดุเดือด
ขณะนี้ใจของอันเชงเริ่มทดถอยลงเพราะนักเวทย์จะมีช่องโหว่เล็กๆ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้อันเชงเองก็แอบตื่นตระหนกเมื่อเขายกคฆาของเขาขึ้นมาเพื่อเคลื่อนย้าย แต่ขณะเดียวกันโล่ของเขาก็กำลังจะพลังทลายลง
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนย้ายอีกครั้ง!
หลันยันชนะแล้ว
“…” เซียวหยู
ทุกคนอ้าปากค้างเมื่อเห็น “อะไรกัน!?”
“จุดแข็งและทักษะไม่ใช่ปัจจัยาสำคัญ สิ่งสำคัญคือผลลัพท์ของการแข่งขัน” นาหลันหมิงสื่อกล่าว “เราก็สามารถได้รับชัยชนะได้เช่นกัน
[พวกเจ้าใช้กลยุทธ์แบบนี้ พวกเจ้าเล่นสกปก!] ข้อความความเห็นลอยขึ้นบนหน้าจอ
“ต้องเป็นเจ้าของแน่ที่ส่งข้อความนี้ ..”
นาหลันหมิงสื่อ “…”
นัดต่อไปคือการแข่งขันระหว่างหลี่เฮารันที่อยู่ในระดับสี่และโจวฮงยิงที่อยู่ในอันดับสิบสาม
“ผู้หญิงคนนี้มักชอบเล่นกับใบลังและเธอเป็นพี่สาวของเสี่ยวเย้จากกลุ่มโอเซียน” เซียวหยูกล่าว “เธอเป็นคนดี แต่ข้าขอเอียงไปทางท่านพี่หลี่”
“เฮารันซื้อของที่มีคุณสมบัติดีมาเมื่อวาน มันป้องกันสกิลแช่แข็งหรือตรึงได้” มูตงไหล่เอ่ย “เขามีโอกาสมากกว่า”
“เงียบไปเลยเจ้าทั้งสอง!” หลันโมเกือบกระโดดขึ้นจากโซฟา ใครก็ตามที่สองคนนี้บอกจะชนะมักแพ้ตลอด!
“หลี่เฮารันชนะแล้ว” ขณะเดียวกันไฮดราของหลี่เฮารันและคาถาทางจิตวิญญาณของเขาพุ่งพล่านต่อหน้าคู่ต่อสู้ ในไม่ช้าฝั่งตรงข้ามจะต้องล้มลงกับพื้น
“เขาชนะ!?”
หลันโมและจุนหยางชีจ้องมองบนหน้าจอและหันไปมองเซียวหยูและมูตงไหล่ด้วยความไม่วางใจ “เขาชนะ!?”
“ไม่ใช่คนที่เป็นเพื่อนกับเจ้าของร้ายใช่มั้ย” ขณะนี้ผู้คนกำลังสังเกตผู้เล่นนัดต่อไปที่กำลังจะเริ่มขึ้น
“คู่ต่อสู้ของเขาคือ .. ผู้เฒ่าฟู” แม้แต่หลินเซียวและซูเหลียวยังต้องหันมอง
“เขาจะใช้เวลาถึงนาทีมั้ย!?” เซียวหยูส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าอ้วนอาจจะมีโอกาสชนะหากเขาเจอคู่ต่อสู้คนอื่น .. แต่นี่เขาคงราบคาบ”
“…”
หลายคนส่งความเห็นขึ้นไปบนหน้าจอ
[ขอแสดงความเสียใจกับเจ้าอ้วน]
[ไว้อาลัย .. ให้เจ้าอ้วนเช่นกัน]