Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3182 ความเป็นมาของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3182 ความเป็นมาของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์
ตอนที่ 3182 ความเป็นมาของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์
พยายามหนึ่งแสนปี ล้มเหลวหนึ่งแสนปี แลกมาซึ่งจุดพลิกผันในที่สุด!
คำพูดของไท่ชูดูเหมือนสบายๆ แต่ลองคิดดูแล้วล้วนทำให้คนหนาวสะท้าน
นี่ต้องมีความอุตสาหะและใจมุ่งมั่นมากแค่ไหนจึงจะยืนหยัดหนึ่งแสนปีเพื่อเรื่องหนึ่งได้
ความล้มเหลวนับไม่ถ้วนนั่นล้วนไม่อาจส่งผลต่อความมุ่งมั่นของเขาได้แม้เพียงเสี้ยว!
หากเป็นศัตรูกับคนเช่นนี้ย่อมน่ากลัวยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
กลับเห็นไท่ชูกล่าวต่อไป “ในวันนั้นข้ากำลังอนุมานมหามรรคของตน จู่ๆ ในใจกลับเกิดความรู้สึกบางอย่าง ยามเงยมองแดนเทพอัศจรรย์นั่นก็เห็นโลงสำริดที่มีกลิ่นอายแรกกำเนิดคละคลุ้งใบหนึ่งลอยออกมา นี่ย่อมเป็นเรือนิรันดร์ แม้ว่าในตอนนั้นข้าจะยังไม่รู้ถึงความอัศจรรย์ของมัน แต่กลับกล้ามั่นใจว่านี่คือศุภโชคอย่างหนึ่งจากเขตผนึกชีวิต!”
“ไม่ผิดจากคาด ทันทีที่สมบัตินี้ทะยานออกมาก็ถูกข้าครอบครอง เพียงหนึ่งชั่วยามสั้นๆ ข้าก็ไขนัยเร้นลับแผนที่ดาวบนสมบัตินี้ได้ ควบรวมประตูนิรันดร์และมาถึงกลางฟ้าดินแถบนี้”
ไท่ชูกวาดตาสำรวจฟ้าดิน “ตอนนั้นข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟ้าดินนี้เหมือนกันเจ้า แต่ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยินดี คิดว่านัยเร้นลับที่ซ่อนอยู่ที่นี่ เป็นไปได้สูงว่าอาจทำให้ข้าทะลวงขั้นสูงสุดในมรรคาไร้ขอบเขต ก้าวสู่มรรคาที่สูงยิ่งกว่าได้”
กล่าวถึงตรงนี้ไท่ชูถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง “แต่ต่อมาข้าจึงพบว่าที่นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งของแดนเทพอัศจรรย์เท่านั้น นัยเร้นลับที่เกี่ยวโยงกับต้นกำเนิดและแก่นแท้ของชีวิตมีจำกัดอย่างมาก และสามารถสำรวจได้จากพลังพรสวรรค์เหล่านั้นที่เกิดในฟ้าดินนี้เท่านั้น”
หลินสวินเลิกคิ้วน้อยๆ กล่าวว่า “พรสวรรค์หุบเหวกลืนกินก็ค้นพบจากที่นี่หรือ”
“สหายน้อยอย่าใจร้อน”
ไท่ชูยิ้มน้อยๆ สายตาหันมองกลุ่มแสงเพลิงที่ลุกโชนดุจดั่งดวงดาวไพศาลนั่น “ตอนนั้นข้าใช้เวลามากกว่าพันปีเพื่อสัมผัสและหยั่งถึงพลังพรสวรรค์แต่ละอย่างทั้งหมด หนึ่งเพื่อแสวงหาความลับของชีวิต สองก็เพราะใคร่รู้ว่าในฟ้าดินนี้มีพลังพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่หรือไม่”
“กระทั่งวันหนึ่ง ยามข้าหยั่งรู้พลังพรสวรรค์อย่างหนึ่งในนั้น จู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น”
กล่าวถึงตรงนี้ไท่ชูเลือนสายตามองหลินสวินอีกครั้ง “สหายน้อยอยากดูสักหน่อยหรือไม่”
หลินสวินพยักหน้า
ไท่ชูโบกมือเบาๆ ม่านแสงสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ในม่านแสงมีกลุ่มแสงเพลิงที่กำลังถือกำเนิดแถบหนึ่ง พวกมันเสมือนโผล่มาจากความว่างเปล่า เจือกลิ่นอายแรกกำเนิดเป็นสายๆ ยังไม่ทันเป็นรูปร่างอย่างแท้จริง
แต่เป็นเวลานี้เองการเปลี่ยนแปลงประหลาดบังเกิดขึ้น จู่ๆ กลุ่มแสงเพลิงสายหนึ่งในนั้นพลันสั่นไหว ปรากฏจังหวะชีวิตที่เร้นลับยากหยั่งถึงออกมา
จากนั้นในกลุ่มแสงเพลิงสายนี้อุบัติพลังกลืนกินน่าเหลือเชื่อสายหนึ่ง สูบกลืนพรสวรรค์อื่นๆ ใกล้ตัวมันทั้งหมด!
ในม่านแสงมีเสียงประหลาดใจของไท่ชูดังขึ้น เห็นชัดว่าไท่ชูในตอนนั้นก็สังเกตเห็นตัวการความเปลี่ยนแปลงประหลาดนี้แล้ว
แต่ยามไท่ชูขยับใกล้เข้ามา ละอองแสงเพลิงมหาศาลที่กระจายกลางฟ้าดินแถบนี้ล้วนเสมือนถูกชักจูง พุ่งใส่ไท่ชูอย่างบ้าคลั่ง
การเคลื่อนไหวนี้ใหญ่โตเกินไป ทำให้ไท่ชูยังตั้งรับไม่ทัน
ก็ในพริบตานี้เอง กลุ่มแสงเพลิงที่เปล่งประกายด้วยกลิ่นอายจังหวะชีวิตนั่นกลายเป็นแสงช่อหนึ่ง เผ่นหนีออกจากฟ้าดินแถบนี้
ม่านแสงสลายไปเช่นนี้
ส่วนไท่ชูซึ่งนั่งขัดสมาธิบนแท่นมรรคก็เอ่ยว่า “เห็นแล้วหรือไม่ พลังพรสวรรค์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ถึงกับมีกลิ่นอายของชีวิตราวกับปาฏิหาริย์ นั่นน่าเหลือเชื่อปานใด”
ในใจหลินสวินก็ไม่อาจสงบ เขาเดาอะไรได้รางๆ แล้ว แต่กลับไม่กล้ามั่นใจ
นัยน์ตาไท่ชูเจือแววเสียดายเสี้ยวหนึ่ง “ยามข้าตามไป พลังพรสวรรค์ที่มีชีวิตนั่นก็อาศัยเรือนิรันดร์นอกประตูนิรันดร์หนีไปแล้ว…”
ฟังถึงตรงนี้หลินสวินอดไม่ไหวอีกต่อไป กล่าวว่า “เจ้าจะบอกว่า จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์แปลงมาจากพลังพรสวรรค์สายนั้นที่ถือกำเนิดในฟ้าดินนี้หรือ”
ไท่ชูกล่าว “ไม่ผิด ในกาลเวลาต่อจากนั้นข้าเคยส่งกำลังพลไม่น้อยไปตรวจสอบเรื่องของเรือนิรันดร์ และรู้ในที่สุดว่าพลังพรสวรรค์สายนั้นเหยียบย่างมรรคาแล้ว เรียกตนเองว่าจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ และถึงกับกำลังค้นหาเส้นทางทะลวงขั้นของตน… แค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ”
“น่าเสียดาย บริวารเหล่านั้นของข้าล้วนไม่ได้เรื่อง ไม่อาจจับกุมจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์มาตลอด ต่อมาข้าถึงรู้ว่าสตรีนางนี้ครอบครองพลังแห่งโชคชะตาและกฎกรรมโดยกำเนิด นี่น่าจะเป็นพลังพรสวรรค์ที่ได้ครอบครองตั้งแต่ยามนางถือกำเนิดในฟ้าดินนี้แล้ว และผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับนี้… รับมือด้วยยากเกินไปจริงๆ”
“ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ข้าเคยใช้พลังของระฆังแรกปฐมสร้างเคราะห์สังหารครั้งหนึ่ง เดิมคิดว่าเท่านี้ก็สามารถจับตัวหญิงผู้นั้นได้แล้ว ใครจะไปคิดว่านางยังคงหนีไปได้”
หลินสวินฟังถึงตรงนี้ก็นึกถึงยามจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์มุ่งหน้าไปเมืองเทพศุภโชคในปีนั้น เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่เคยพบเจอครานั้น ตอนนั้นก็เป็นระฆังแรกปฐมที่มาเยือน ทำนางบาดเจ็บสาหัส ส่งผลให้สุดท้ายนางไม่อาจไม่ซ่อนตัวในแดนผนึกเรืองแสง สุดท้ายเลือกเกิดใหม่ฝึกปราณอีกครั้ง!
เห็นชัดว่าที่ไท่ชูพูดถึงในเวลานี้ก็คือเรื่องนี้
แต่ในใจหลินสวินกลับไม่อาจสงบได้
เขาเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดซย่าจื้อจึงบอกว่าในความทรงจำของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ เรื่องราวเกี่ยวกับภายในประตูนิรันดร์กลับว่างเปล่าราวถูกกำจัดทิ้ง
สาเหตุเป็นเพราะในขณะที่จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์กำลังถือกำเนิดก็หนีออกจากฟ้าดินนี้แล้ว มีหรือจะมีความทรงจำอะไรได้
แน่นอนว่าที่หลินสวินสะท้านสะเทือนที่สุด ก็อยู่ที่ชาติกำเนิดของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ถึงกับแปลงมาจากพลังพรสวรรค์สายหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง
และหากสันนิษฐานเช่นนี้ ซย่าจื้อในฐานะจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์กลับชาติมาเกิด ที่มาแรกสุดของนางเท่ากับอยู่ในฟ้าดินนี้ด้วยเช่นกัน!
ฟ้าดินนี้ตั้งอยู่ในแดนเทพอัศจรรย์ และแดนเทพอัศจรรย์ตั้งอยู่ในแหล่งสถานอัศจรรย์ นี่เท่ากับว่าซย่าจื้อก็มาจากแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้!
“สหายน้อย สภาวะจิตของเจ้าไม่สงบ คงเพราะไม่รู้สักนิดว่าความจริงจะพิสดารเช่นนี้กระมัง”
บนแท่นมรรค ไท่ชูเอ่ยถามเสียงเบา
หลินสวินมองแววตากระจ่างเยือกเย็นของฝ่ายตรงข้าม ในใจเสียววาบ ก่อนจะใจเย็นลงเอ่ยว่า “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพลังพรสวรรค์ที่ฟูมฟักในโลกนี้ถึงกับมีชีวิตได้ อีกทั้งพลังพรสวรรค์ของข้ายังมีความเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายมากเช่นนี้”
คิดๆ ดูแม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินตั้งแต่เกิด ทว่าที่มาของพลังพรสวรรค์เช่นนี้กลับไม่ได้มาจากมารดาลั่วชิงสวิน และไม่ใช่ท่านตาทวดลั่วทงเทียน หากแต่เป็นจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ที่ครอบครองสมบัติอย่างเรือนิรันดร์ชิ้นนี้
และจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ก็คือสิ่งมีชีวิตพรสวรรค์สายหนึ่งที่ถือกำเนิดในฟ้าดินนี้!
“นี่ก็คือกฎกรรม”
ไท่ชูยิ้มน้อยๆ “ปีนั้นแม้ว่าจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์จะหนีออกจากฟ้าดินนี้ไป แม้แต่เรือนิรันดร์ยังถูกนางเอาไป แต่ต่อมาลองใคร่ครวญดู สำหรับข้านี่กลับเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง”
“เรื่องดีหรือ”
หลินสวินขมวดคิ้ว
ไท่ชูกล่าว “พรสวรรค์สายหนึ่งกลับมีชีวิตได้ นี่สำหรับข้าเท่ากับทำให้ข้ามองเห็นความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือในฟ้าดินนี้มีนัยเร้นลับที่สามารถรังสรรค์ชีวิตออกมาได้ ครานั้นหลังจากจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์หนีไป ข้าก็เสาะหาเรื่องนี้”
“เสียเวลาไปราวแปดร้อยปี ในที่สุดก็ทำให้ข้าค้นพบความลับอัศจรรย์บางส่วน และพบพลังต้นกำเนิดที่ฟูมฟักจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ออกมาได้ในที่สุด”
แววตาไท่ชูเจือแววผิดแปลกเล็กน้อย หันมองหลินสวิน “กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังต้นกำเนิดเช่นนี้ก็คือรากเหง้าของพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน”
นี่กำลังบอกหลินสวินว่าเขามองทะลุนัยเร้นลับแก่นแท้ของหุบเหวกลืนกินแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย และสำหรับหลินสวิน นี่ก็เป็นภัยคุกคามยิ่งใหญ่สุดขีดอย่างหนึ่ง!
ถึงอย่างไรตั้งแต่เขากำเนิด พรสวรรค์หุบเหวกลืนกินก็มีอิทธิพลต่อโชคชะตาทั้งชีวิตของเขา
หลินสวินนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เจ้าทิ้งรูปจำลองเจตจำนงเผ้ารออยู่ที่นี่ น่าจะไม่ใช่เพียงเพื่อรอวันที่ข้ามาที่นี่แล้วบอกเรื่องพวกนี้กับข้าหรอกกระมัง”
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
ไท่ชูกล่าวยิ้มๆ “อันที่จริงที่ข้ารอคอยอยู่ที่นี่ คนที่เฝ้ารอคราแรกสุดคือจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ ไม่ใช่เจ้า ทว่าแม้แต่ข้าก็ยังคิดไม่ถึงว่าหนึ่งบัวดอกนั้นที่โพธิรอคอย จะเป็นเจ้าหนุ่มที่ครอบครองพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินอย่างเจ้า”
“ไม่ถึงพันปีเศษ เจ้าก็ผงาดขึ้นจากสถานที่ต่ำต้อยนั่นในจักรวรรดิจื่อเย่า การเคี่ยวกรำนับไม่ถ้วนตลอดทางจากทางเดินโบราณฟ้าดาราเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ ผ่านแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แหล่งสถานศุภโชค แหล่งสถานคุนหลุน สุดท้ายก็มาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้…”
“รู้หรือไม่ บนเส้นทางฝึกปราณสายนี้ที่เจ้าเดินอยู่ ข้ามองเห็นความโกลาหล นองเลือด ตัวแปร พิบัติเคราะห์ไม่สิ้นสุด… สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไปเกรงว่าป่านนี้คงตายไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่เจ้ากลับสามารถเปลี่ยนภัยเป็นแคล้วคลาด สร้างผลงานและความเกรียงไกรยิ่งใหญ่ที่เหนือความคาดหมายผู้คน จุดนี้ทำให้ข้าไม่อาจไม่ยอมรับว่าเจ้าเป็นตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ!”
ในน้ำเสียงไท่ชูเต็มไปด้วยแววทอดถอนใจ
ชีวิตนี้ของเขาไม่เคยเจอพวกที่โดดเด่นตระการตาอะไรบ้าง แต่มีเพียงบนตัวหลินสวินเท่านั้นจึงจะสังเกตได้ถึงตัวแปรที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
หลินสวินสีหน้าเยือกเย็น การที่ไท่ชูรู้เรื่องในอดีตของเขาไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายสักนิด
“กล่าวมากขนาดนี้ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
หลินสวินกล่าว
“ง่ายดายยิ่ง อยากได้ของบางอย่างจากตัวสหายน้อย อย่างเช่นเรือนิรันดร์ พรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน นัยเร้นลับนิพพาน และแม่นางที่ชื่อซย่าจื้อคนนั้น”
ไท่ชูสีหน้าสงบนิ่ง
นัยน์ตาหลินสวินเย็นชาน้อยๆ เอ่ยว่า “สิ่งที่เจ้าต้องการเยอะมากจริงๆ”
ไท่ชูยกยิ้มบางๆ กล่าว “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางตอบตกลง แต่เป็นอย่างที่เจ้าว่าในคราแรกสุด ถึงขั้นนี้แล้วหลบๆ ซ่อนๆ ไปก็เห็นชัดว่าน่าเบื่อยิ่ง ที่ข้าพูดตอนนี้เป็นสิ่งที่ข้าปรารถนา หากสหายน้อยตอบตกลง ข้ารับรองได้ว่าจะไม่มีวันมองเจ้าเป็นศัตรูอีก”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะตอบตกลงหรือ” หลินสวินกล่าว
ไท่ชูยิ้มน้อยๆ “ไม่ตกลง”
สภาวะจิต สีหน้า และแววตาของหลินสวินล้วนสงบลงเรื่อยๆ “แล้วไยเจ้าจึงถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว”
ไท่ชูยังคงนั่งขัดสมาธิบนแท่นมรรค ท่าทางสบายๆ น้ำเสียงใจเย็น “ข้าแค่อยากดูสักหน่อยว่าเจ้ากับลั่วทงเทียนจะเลือกเหมือนกันหรือไม่ ตอนนี้ดูท่า พวกเจ้าช่างสมกับเป็นคนตระกูลเดียวกันจริงๆ”
ทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ออกมาก็เสมือนก้อนหินสะเทือนฟ้า ทำให้ในใจหลินสวินสั่นไหวรุนแรง เอ่ยว่า “ท่านตาทวดของข้าถูกเจ้าจับตัวไปหรือ”
ไท่ชูพยักหน้า “ไม่ผิด”
นัยน์ตาหลินสวินเจือแววเย็นเยียบ “เจ้าฆ่าเขาแล้วหรือ”
ไท่ชูพยักหน้าอีกครั้ง “ไม่ผิด”
จากนั้นเขากล่าวอย่างอดทน “เดิมข้าอยากดูหุบเหวกลืนกินบนตัวเขาสักหน่อยค่อยทวงคืนเรือนิรันดร์ กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะเลือกความตาย ก็เหมือนอย่างเจ้าในตอนนี้”
เขาเยือกเย็นและวางตัวสบายยิ่งมาตลอด แม้แต่ยามพูดถึงเรื่องที่สังหารลั่วทงเทียนก็ยังเป็นเช่นนี้ แต่การวางตัวเช่นนั้นกลับเป็นความเฉยเมยและเลือดเย็นสุดขั้วอย่างหนึ่ง
ดุจดั่งนายเหนือหัวสูงสุดที่ฉุดคร่าชีวิต มองสรรพชีวิตเป็นมดปลวก ฉกชิงตามอำเภอใจ ไม่แยแสสักนิด!
………………….