BANDIT ILLICIT โคตรเลว SM25++ - โคตรเลว #42 - รู้ความจริง
คิ้วเข้มบนใบหน้าคมของดินเลิกขึ้นเมื่อเห็นท่าทีแปลกไปของลูกน้องทั้งสามคน ดูเหมือนกำลังตื่นตระหนกกับคำพูดของเขาราวกับปิดบังอะไรอยู่ “เป็นอะไรของพวกมึง” แล้วดินก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้ มือหนาล้วงหยิบบุหรี่ในสูทขึ้นมาจุดสูบ
“เปล่าครับ” เป็นเล้งที่ตอบกลับด้วยท่าทีปกติที่สุดถึงแม้สีหน้าตอนนี้จะไม่ปกติก็ตาม ทว่าจะหลุดไม่ได้ถ้าเจ้านายรู้พวกเขาได้ซวยกันทั้งหมดแน่ โดยเฉพาะเพลิงตัวต้นเหตุจะลากใครมาข่มขืนไม่ยอมดูให้ดีก่อน
ขณะที่เสือและตี๋ก็พยายามทำท่าทีกลับให้เป็นปกติเช่นกัน ก่อนผู้เป็นนายจะครางรับรู้ในลำคอเบาๆอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
“อืม” ริมฝีปากหนาพ่นควันขาวคละคลุ้งออกมา พร้อมกับในใจยังคงไม่หายสงสัยกับการหายไปของเพลิง และไม่ได้โง่ถึงกับดูไม่ออกว่าทั้งสามคนกำลังช่วยกันปิดบังอะไรอยู่ “พวกมึงคงไม่ได้ปิดบังอะไรกูอยู่หรอกใช่ไหม”
“ครับ” ทุกคนตอบพร้อมกันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ก็ดี ถ้าเกิดช่วยกันปิดบังหรือช่วยเพื่อนของพวกมึงแล้วกูรู้ทีหลังพวกมึงคงรู้ใช่ไหมว่าจะเป็นยังไง”
“รู้ครับ พวกผมคงไม่กล้าปิดบังอะไรนายหรอก” เล้งว่าแทนเสือกับตี๋ที่ยืนหน้าเริ่มซีด เพราะอย่างนี้ไงถึงจะให้อีกฝ่ายรู้ไม่ได้
“ถ้าเห็นคุณหนูมาแถวนี้โทรไปรายงานกูด้วยและกัน” ดินพูดทิ้งทายแค่นั้นแล้วโยนบุหรี่ลงพื้น ใช้เท้าขยี้มันจนดับ ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินผลุนผลันผ่านทั้งสามคนออกไป
ปึง!
ทั้งสามคนเอี้ยวหน้าไปมองบานประที่ถูกปิดลงด้วยความโล่งอกแค่นิดหน่อยเท่านั้น ยังรู้สึกเสียวสันหลังวูบอยู่เพราะรู้ว่าดินก็คงสงสัยในตัวพวกเขาอยู่ไม่น้อย
พอรู้ความจริงใครจะเก็บอาการได้กันล่ะนี่ถือว่าเก็บสุดๆแล้วและ ถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลแถวนี้ที่ไม่เคยกลัวใครมาก่อนแต่ก็ไม่มีใครไม่กลัวผู้มีอิทธิพลควบคุมประเทศหรอกนะ ขนาดตำรวจยังทำอะไรไม่ได้เลย
“เหี้ยเอ้ย! รอดจากเงื้อมมือตำรวจแต่จะมาตายกับเงื้อมมือมาเฟีย” ตี๋สบถคำออกมาอย่างรู้สึกกลัวตาย พลางเดินไปหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา
“นายชอบบรรยากาศแบบนี้เหรอ” ใบหน้าสวยหันไปถามคนข้างๆขณะกำลังเดินย้อยอาหารรับบรรยากาศกันริมทะเล สายลมแผ่วเบาโชยพัดเรือนผมเงางามของเธอและเขาปลิวไหวๆ ขณะเดียวกันฝ่าเท้าของเขาและเธอต่างถูกน้ำซัดเข้าใส่เป็นพักๆ
“เป็นคนถามมากไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ชิ! ถามก็ไม่ได้” เนเน่หันหน้ากลับ พร้อมกับจิ๊ปากอย่างน่าเบื่อ เขากะจะเดินเงียบๆไม่ต้องพูดต้องอะไรกันเลยรึไง คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีงั้นสิ
“ถ้าไม่ชอบจะมาซื้อบ้านไว้ทำไม” เมื่อสายตาเหลือบเห็นหญิงสาวปั้นหน้าบูดบึ้ง เพลิงจึงเอ่ยบอกไปเสียงเรียบ ทำเอาคนได้ยินขมวดคิ้วเล็กน้อยหันมามองเขาอีกครั้ง
“นี่บ้านนายหรอก..”
ครืด~ ครืด~
ยังไม่ทันที่เนเน่จะถามจบประโยคเสียงโทรศัพท์มือถือของโจรหนุ่มก็แผดเสียงร้องดังแทรกขึ้น ทำให้เพลิงหยุดชะงักไปพร้อมกับเธอ ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางขึ้นมาดู แล้วเขาก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆเฮือกหนึ่งด้วยความรำคาญ เมื่อเห็นชื่อของเสือโชว์อยู่บนจอใส
(ไอ้เพลิงรีบพาเมียมึงกลับมาด่วนเลย) ทันทีที่กดรับน้ำเสียงลนลานของคนปลายสายก็ดังลอดเข้ามา เพลิงขมวดคิ้วยุ่งด้วยความไม่เข้าใจกับสิ่งที่เพื่อนรักพูด ก่อนจะถามออกไป
“ทำไม? มีอะไร”
(มึงรู้ไหมว่าคนที่มึงเอามาทำเมียลูกใคร)
“…..” ยิ่งทำให้เขางุนงงเพิ่มไปอีกอยู่ๆเสือก็ยิงคำถามเกี่ยวกับหญิงสาวที่ยืนมองหน้าเขาอยู่ข้างๆ เหมือนรู้อะไรมา แล้วทำไมเพื่อนรักต้องอยากรู้เกี่ยวกับเธอด้วย
(ทำไมตอนลากมาไม่ดูให้ดีก่อนวะไอ้เพื่อนเวร รู้ปะว่ามึงกำลังจะเดือดร้อน แล้วไม่ใช่แค่มึงนะมันรวมถึงพวกกูด้วย)
“…..”
“มีอะไรเหรอ” เมื่อได้ยินเสียงจากคนปลายดังลอดออกมาอยู่ แต่เห็นเพลิงยังคงยืนนิ่งเงียบไปด้วยความรู้สึกบางอย่างไม่ยอมตอบอะไรกลับสักที เนเน่จึงยกมือเล็กขึ้นมาจับแขนแกร่งแล้วถามขัดออกไป
“รอกูตรงนี้อย่าไปไหน” ออกคำสั่งจบเขาก็เดินออกไปเลยโดยไม่ตอบคำถามนั้น ปล่อยให้แววตาไร้เดียงสาจ้องมองตามหลัง
“สิ่งที่มึงพูดหมายความว่าไง” เห็นว่าเดินห่างมาไกลจากเธอพอควรแล้ว เสียงทุ้มเลยถามขึ้นด้วยความยังคงไม่เข้าใจว่าเพื่อนรักต้องการสื่ออะไร
(ก็ผู้หญิงที่มึงลากเอามาทำเมียอะลูกนายใหญ่)
“…..” เพลิงได้แต่ยืนนิ่ง หัวใจแกร่งกระตุกวูบแทบจะหยุดหายใจความรู้สึกหลากหลายถาโถมจนพูดไม่ออก จนกระทั่งภาพเหตุการณ์และบทสนทนาของเธอและเขาในวันที่เจอกันครั้งแรกแล่นเข้ามาในหัว
“จะสแกนหน้ากูไปฟ้องพ่อมึงรึไง”
“มะ..มองเฉยๆไม่ได้รึไง..อึก..ถะ..ถ้าฉันคิดจะฟ้องป๊าจริง..อึก..นายไม่รอดหรอก”
“หึ! คิดว่าคนอย่างกูจะกลัวพ่อมึงปะ”
(รู้แล้วมึงก็รีบพาเธอกลับมา นายใหญ่ให้นายมาตามหาลูกเขาอยู่ และมึงก็ควรเลิกยุ่งกับเธอซะ) แต่แล้วเสียงจากคนปลายสายก็พูดขึ้นต่อทำให้เขาหลุดจากภวังค์ ไม่วายพูดขึ้นในใจ แบบนี่สินะที่บอกว่าถ้าฟ้องแล้วกูจะไม่รอด
“ทำไมกูต้องเลิกยุ่งกับเมียตัวเองด้วย” ต่อให้รู้ความจริงว่าเมียตัวเองเป็นลูกของเจ้านายที่ขึ้นชื่อว่ามาเฟียใหญ่ก็ทำให้เพลิงเลิกยุ่งกับเนเน่ไม่ได้ จะว่าเขาขาดเธอไม่ได้มันก็ใช่อันนี้ยอมรับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมีความรู้สึกแบบนี้และไม่รู้อีกว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรแค่รู้ว่าห่างจากเธอไม่ได้ เพียงแค่ห่างกันช่วงเวลาเดียวเขาก็กระวนกระวายใจจะแย่แล้ว
แต่ก่อนไม่เคยสนใจจะสะใจทุกครั้งเวลาได้ทำร้ายเธอ ยิ่งนานวันเข้าความรู้สึกของเขากลับเปลี่ยนไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และยิ่งเธอมาอ้อนใส่ทุกครั้งความรู้สึกบางอย่างนั้นก็ปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ
(ถ้ามึงไม่เลิกยุ่งตอนนี้และถ้านายใหญ่รู้เข้าว่ามึงเคยทำอะไรกับลูกสาวเขาไว้บ้างมึงได้ตายแน่ไอ้เพลิง ไม่ใช่แค่มึงพวกกูก็จะซวยไปด้วย)
“…..” มันก็จริงอย่างที่เสือว่า แต่ต่อให้ปล่อยเธอไปสักวันยังไงคนอย่างโน่ก็รู้อยู่ดีถ้าเลือกที่จะสืบการเปลี่ยนไปของลูกสาวตัวเอง สุดท้ายมันก็มีค่าเท่ากันปล่อยไม่ปล่อยเขาก็ตายอยู่ดี
ไม่มีประโยชน์เลยที่เขาต้องปล่อยเธอไป
(มึงปล่อยเธอไปแล้วเลิกยุ่งตอนนี้ยังทันนะเว้ย)
“…..” เพลิงเลือกที่จะตัดสายเพื่อนรักไปโดยไม่พูดอะไรต่อ แน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่ยอมทำตามคำพูดของเพื่อนต่อให้ตัวเองต้องตายก็ตาม
มือหนากดปุ่มปิดเครื่องแล้วใส่ลงในกระเป๋ากางเกงดังเดิม ก่อนสองขาแกร่งจะเดินกลับไปหาอีกคนที่รอตนอยู่ แต่พอเดินมาถึงกลับต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาคู่คมมองไกลไปเห็นร่างเธอเดินลงไปในน้ำทะเลขนาดความลึกถึงเอวของเธอ
เธอคิดจะทำอะไร..ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ
“แม่งเอ้ย!” โจรหนุ่มสบถคำออกมาอย่างหัวเสีย แล้วรีบวิ่งลงไปหาเธอเพื่อพาขึ้นมา
—————————————