BANDIT ILLICIT โคตรเลว SM25++ - โคตรเลว #67 - เป็นห่วง
เย็นวันเดียวกันกลับมาภายในบริษัทkn groupดวงตากลมโตใต้แพขนตางอนสวยปัดไปด้วยมาสคาร่าจ้องมองผ่านกระจกใสไปสัมผัสกับบรรยากาศภายนอกที่กำลังครึ้มฟ้าครึ้มฝน ขณะยืนกอดอกอยู่หลังเก้าอี้ทำงานหลังจากเซ็นเอกสารสำคัญเสร็จเรียบร้อยได้ไม่นาน
สีหน้าของเนเน่คล้ายดูจะกังวลไม่น้อย ในใจมันรู้สึกหวาดหวั่นมากอยู่ไม่เป็นสุขเอาซะเลยได้แต่พะวกพะวงเป็นห่วงอีกคนที่ไม่รู้ป่านนี้จะได้อ่านข้อความนั้นของเธอหรือยังแล้วได้ทำตามที่บอกไว้ไหม
ซ่า!
ระหว่างนั้นฝนก็กระหน่ำตกลงมาอย่างแรง ทั้งฟ้าแลบและร้องลั่นครืนโครม
“เฮ้อ!” เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ได้แต่หวังว่าตอนนี้เขากำลังจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งที่ผู้เป็นพ่อของเธอตามหาไม่เจอ
หญิงสาวค่อยๆสลัดความกังวลของตัวเอง หมุนตัวเดินไปยังโซฟาเพื่อรอลูกสาวตัวน้อยทั้งสองคนที่กำลังเดินทางกลับมากับป้าของเขา แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวขา
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพอดี ทำให้เนเน่หยุดชะงักมองบานประตูที่ถูกผลักเปิดเข้ามาตามด้วยร่างของลูกสาวตัวน้อยทั้งสองคน โดยมีพี่สาวเดินตามหลังมาด้วย
“จุนแม่ก๋า (คุณแม่ขา)” ทั้งเพลินลินและเพลงพิณต่างก็วิ่งเตาะแตะเข้ามาหา พร้อมกับตะโกนเรียกเธอลั่นด้วยความดีใจปนออดอ้อน ก่อนทั้งสองคนจะกอดเข้าที่ขาเรียวกันคนละข้าง
“ไงคะ ไปเที่ยวมาสนุกไหม” เธอขานรับ ก้มหน้ามองลูกสาวทั้งสองคน แล้วยกฝ่ามือเล็กลูบลงบนศีรษะทุยเบาๆ
“สานุดกะ (สนุกค่ะ)” เด็กหญิงทั้งสองคนพยักหน้าบอกพร้อมกัน ก่อนคนพี่จะพูดต่อสิ่งที่ตัวเองได้ไปทำมาในวันนี้
“จุนป้ากาบจุนลุนพาปายจินอายจิมแย้วก็เย่นขอนเย่นต้วยกะ สานุด (คุณป้ากับคุณลุงพาไปกินไอศกรีมแล้วก็เล่นของเล่นด้วยค่ะ สนุก)”
“ขอบคุณเจ้มากนะคะที่พาเพลินกับเพลงไปเที่ยว แถมยังดูแลอย่างดี” ใบหน้าสวยยิ้มกริ่มเงยขึ้นไปเอ่ยคำขอบคุณพี่สาว วินาทีต่อมาเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วทันทีเมื่อไม่เห็นพี่เขยกับหลานๆเดินตามเข้ามา ก่อนจะถามออกไป “แล้วนี่อาวอมกับหลานๆไปไหนล่ะคะ”
“รออยู่ที่รถน่ะ น้องควีนหลับเลยไม่ได้ลงมาด้วย”
“อ๋อค่ะ” เนเน่พยักหน้ารับรู้ จูงมือลูกสองทั้งสองคนเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายหน้าโซฟา
“แล้ววันนี้เข้าประชุมเป็นยังไงบ้าง” คลีนถามไถ่ออกไปตามประสา ไม่ได้เป็นห่วงอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าเนเน่เป็นคนเก่งและหัวไวพอตัว
“ก็เรียบร้อยดีค่ะเจ้ ลูกค้าดูพอใจมากไม่มีปัญหาอะไร”
“เจ้คิดอยู่แล้วแหละว่าต้องเรียบร้อย น้องสาวเจ้เก่งขนาดนี้” ไม่ว่าชมเปล่ามือเล็กเอื้อมไปลูบศีรษะทุยของเนเน่เบาๆด้วยความปลาบปลื้ม คิดไม่ผิดเลยที่ไว้วางใจให้น้องเข้าประชุมแทน “ต่อไปแบบนี้เจ้ก็หนีเที่ยวบ่อยๆได้แล้วสิ”
“แต่ก็สู้เจ้ไม่ได้หรอกค่ะ ถึงครั้งนี้จะผ่านไปด้วยดีแต่ถ้าเจ้หนีเที่ยวบ่อยนะหนูจะฟ้องลุงคิม” เจ้าตัวถึงกลับยิ้มแก้มปริตอกกลับด้วยคำหยอกล้ออย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าครั้งแรกจะผ่านไปได้ด้วยดีทว่าถึงอย่างนั้นก็ยังคงสู้คนที่บริหารงานมานานกว่าไม่ได้หรอก
“ฮ่าๆๆ เป็นเด็กขี้ฟ้องที่ถ่อมตัวจริงๆเลยนะ” คำพูดของคนตรงหน้าทำคลีนอดที่จะหัวเราะร่าออกมาไม่ได้ “งั้นเจ้กลับก่อนนะเดี๋ยวอาวอมรอนาน” แค่เพียงแป๊บเดียวก็ต้องรีบหยุดกล่าวลาน้องสาว แล้วโน้มตัวนั่งลงยองๆตรงหน้าระหว่างกลางหลานสาวทั้งสองคนเพื่อบอกลาในแบบตัวเอง
“ค่ะเจ้” ใบหน้าสวยพยักรับรู้ด้วยรอยยิ้ม ปล่อยมือลูกสาวทั้งสองคนให้ไปหาผู้เป็นป้าตัวเองที่นั่งอ้าแขนรออยู่อย่างรู้กัน
หมับ!
เพลินลินและเพลงพิณรีบวิ่งเข้าไปกอดคนเป็นป้าทันทีคนละฝั่ง ไม่รีรอที่จะโผเข้าหอมแก้มนวลของผู้เป็นป้าคนละฝั่งฟอดใหญ่
ฟอด~
“หื้ม~ ฟอด~” โดยที่คนเป็นป้าก็หอมกลับคืนคนละฟอดเช่นกัน ฝ่ามือเล็กยกขึ้นลูบกุมผมของหลานตัวน้อยทั้งสองคนเบาๆ “คุณป้ากลับก่อนนะคะเด็กๆ”
“กะ (ค่ะ)” เด็กน้อยทั้งคู่พยักหน้ารับรู้ ทำหน้ามุ่ยไม่อยากให้คนเป็นป้ากลับ
“เป็นอะไรกันคะ ไม่อยากให้คุณป้ากลับเหรอ”
“กะ น้อนเปลงกงกิดตึ๊งจุนป้ามาดๆแน่เยย (น้องเพลงคงคิดถึงคุณป้ามากๆแน่เลย)”
“น้อนเปลินต้วย (น้องเพลินด้วย)”
การงอแงของหลานสาวทั้งสองคน เรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นบนใบหน้าหวานของคนเป็นป้ารวมไปถึงคนเป็นแม่ที่ยืนคลี่ยิ้มอ่อนมองอยู่ด้วย
” โอ๋ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันอีกไงคะ ถ้าหนูมาถึงก็รีบเข้าไปหาคุณป้าในห้องเลยโอเคไหม” ว่าแล้วคลีนก็รั้งศีรษะทุยเล็กของเด็กน้อยทั้งสองคนดึงเข้ามาซบไหล่มนปลอบประโลม ตามด้วยพูดโน้มน้าวออกไป
“เอิ่ม..” ซึ่งเพลินลินทำท่าทางครุ่นคิด ไม่ต่างจากเพลงพิณ ทั้งสองคนยืนคิดกันอยู่สักพัก
“โอเกก็ต้ายกะ (โอเคก็ได้ค่ะ)” เป็นเพลงพิณเอ่ยตกลงขึ้นมาก่อน พอเห็นว่าน้องตอบออกไปแล้วเพลินลินก็พยักหน้าตามหลังติดๆ
“ดีมากค่ะคนเก่ง งั้นคุณป้าไปก่อนนะคุณลุงกับเจ้และเฮียหนูรอนานแล้ว” ว่าจบคลีนก็ยันตัวลุกขึ้นทันที ตวัดสายตาไปมองน้องสาวตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับลาอีกรอบ “เจ้ไปแล้วนะเนเน่ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ค่ะเจ้ กลับดีๆนะคะ”
“ซาหวัดรีกะจุนป้า (สวัสดีค่ะคุณป้า)” แล้วเด็กน้อยคนพี่ก็ไม่ลืมที่จะประนมมือขึ้นไหว กล่าวสวัสดีออกไป
“ซาหวัดรีกะ (สวัสดีค่ะ)” ตามด้วยคนน้อง
“จ้า บ๊ายบาย” พยักหน้ารับคำจบคลีนก็หมุนตัวเดินออกไปทันที ไม่วายเอี้ยวกลับมาโบกมือให้
“บ๊ายบาย/ป๊ายปายกะ (บ๊ายบายค่ะ)” ทั้งสามคนที่ยืนมองอยู่รีบโบกมือให้กลับ มองเจ้าของร่างอรชรเดินนวยนาดไปจนลับตา
“ไปค่ะ เราก็เตรียมตัวกลับกันเถอะ” หลังจากนั้นเนเน่ก้มลงมาเอ่ยบอกลูกสาวทั้งสองคน เท้าเล็กเดินไปหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมของตัวเองขึ้นมาสะพาย แล้วเดินกลับมาเอื้อมหยิบตะกร้าของลูกสาวที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกต่อ
“จุนแม่กะจินยม (คุณแม่ค่ะกินนม)”
เจ้าตัวกลับต้องหยุดชะงักขณะที่กำลังหยิบขึ้นมาถือ เธอหันมองลูกสาวตัวน้อยคนน้องที่เข้ามาเกาะขาขอนม “เดี๋ยวค่อยไปกินบนรถนะคะ”
“กะ (ค่ะ)” เมื่อเด็กน้อยพยักหน้ารับคำเนเน่ก็หันไปหยิบตะกร้าขึ้นมาถือไว้ ก่อนมืออีกข้างจะเอื้อมลงมาจับมือเพลงพิณแน่น
“พี่เพลินมาจับมือน้องสิคะ คุณแม่มีมือเดียว” เจ้าของชื่อพยักหน้าแล้วรีบเข้ามาจับมือน้องสาวแน่นตามคำสั่งผู้เป็นแม่ จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินออกจากห้องไปยังรถยนต์คันหรู
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วรถยนต์คันหรูก็ยังแล่นอยู่ในความเร็วปกติกลางถนนฝ่าสายฝนที่ยังคงกระหน่ำตกลงมาอย่างหนักที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆด้วยฝีมือของเนเน่ เพราะรถค่อนข้างติดหนักอยู่พอสมควร
ภายในรถเงียบสงัดไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย เด็กหญิงตัวน้อยก็ต่างคนต่างกินนมของตัวเองอยู่เบาะคนนั่งกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้คนพี่ได้หลับคาจุกนมไปแล้วเหลือแต่คนน้องที่นอนพิงตาแป๋วอยู่
“จุนแม่ก๋า (คุณแม่ขา)” แล้วความเงียบนั้นก็ถูกทำลายลงเมื่อเพลงพิณถอนริมฝีปากออกจากจุกนม หันมาเอียงคอเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่
“หือ? ว่าไงคะ” ใบหน้าสวยละสายจากถนนเบื้องหน้าหันมาเลิกคิ้วมองเจ้าของเสียงเรียก พร้อมกับขานรับ แวบเดียวก็หันกลับมามองท้องถนนตรงหน้าต่อ
“นี่เยาจาปายนอนหนายกานหย๋อกะ (นี่เราจะไปนอนไหนกันเหรอคะ)”
“นอนบ้านสิคะ ถามทำไมเหรอ” เนเน่ลอบมองลูกสาวก่อนเห็นสีหน้าน้อยๆดูผิดหวังกับสิ่งที่ได้ยิน “เป็นอะไรลูก มีอะไรหรือเปล่า” เธอขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งด้วยความสงสัยสลับกับมองถนน ทั้งที่ริมฝีปากเปล่งเสียงเป็นห่วงถามออกไป
“ตำมายม่ายปายนอนคอนโลระกะ (ทำไมไม่ไปนอนคอนโดล่ะคะ)” ที่แท้ก็อยากไปนอนคอนโดนี่เอง เธอก็นึกว่าเป็นอะไรไปเสียอีก คงอยากไปนอนกับพ่อเขาล่ะสิ
“คุณตากลับมาแล้วค่ะ วันนี้เราเลยต้องไปนอนบ้าน”
“แท่หนูหยาดปายนอนคอนโลกาบจุนป้อ (แต่หนูอยากไปนอนคอนโดกับคุณพ่อ)”
คนเป็นแม่ถอนหายใจเบาๆ นึกสงสารลูกเหลือเกินช่วงนี้ลูกคงไม่ได้เจอเขาอีกนานเลย “วันนี้คุณพ่อไม่ได้มานอนกับเรานะคะ คุณพ่อหนูมีงานด่วนที่ต้องไปทำ” หญิงสาวทำได้แค่กล่อมโกหกลูกออกไป ทั้งที่ในใจไม่อยากโกหกเลยสักนิดเดียวแต่ทำไงได้มันจำเป็นนิหน่า มือเล็กเอื้อมไปลูบศีรษะทุยของเด็กหญิงเบาๆ
“ฮึก” อยู่ๆน้ำตาในดวงตากลมใสก็ไหลกลิ้งลงมาอาบแก้มยุ้ยด้วยความเสียใจ เมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อไปไม่บอกกล่าวกันเลยสักคำ “ตำมายจุนป้อปายตึ๊งม่ายบอดหนูจับปี่เยยระกะ (ทำไมคุณพ่อไปถึงไม่บอกหนูกับพี่เลยล่ะคะ)”
“คุณพ่อมีธุระด่วนไงคะ เลยไม่ได้อยู่รอบอกหนู” ว่าแล้วฝ่ามือเล็กก็เอื้อมไปปาดน้ำตาออกจากแก้มให้ลูกสาว “เดี๋ยวคุณพ่อก็กลับมาหา หนูไม่ต้องร้องนะ”
“ฮึก..กะ แท่หนูก็หยาดนอนคอนโลอยู่รี (คะ แต่หนูก็อยากนอนคอนโดอยู่ดี)” ถึงคนเป็นพ่อไม่อยู่แต่เพลงพิณก็อยากไปนอน แค่ได้กลิ่นท่านเธอก็รู้สึกเหมือนได้นอนอยู่ใกล้ๆพ่อตัวเองแล้ว
“ง่ะ!” ความดิ้นรนของเด็กน้อยทำเอาเนเน่หนักใจอยู่ไม่น้อยเลย ถึงอย่างนั้นก็ลองเกลี้ยกล่อมดูอีกทีถ้าไม่ฟังก็คงต้องยอมถ้าไม่ยอมมีหวังคืนนี้ได้ฟังเสียงร้องไห้ทั้งคืนแน่ๆเพราะเพลงพิณเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเองมาก นิสัยไม่ต้องสืบได้พ่อเขามาเต็มๆ
“แล้วหนูไม่คิดถึงคุณตาเหรอคะ ท่านรอเราอยู่นะ”
“กิดตึ๊งกะแท่ก้อยปายหาปรุ่งนี้ก็ต้าย (คิดถึงค่ะแต่ค่อยไปหาพรุ่งนี้ก็ได้)”
“เฮ้อ” เนเน่ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างหนักใจ คิดแล้วไม่มีผิดว่าลูกต้องไม่ฟัง “งั้นหนูโทรไปขอคุณตาเอาเองละกันนะคะ คุณแม่ขี้เกียจโดนคุณตาดุ”
“ต้ายกะ จุนแม่ท่อจ๋ายมาเยย (ได้ค่ะ คุณแม่ต่อสายมาเลย)” ความทะเยอทะยานของเพลงพิณมีสูงมากซึ่งใครๆต่างก็ต้องยอมให้เธอ ไม่เว้นแม้แต่คนเป็นตา ในเมื่ออยากทำอะไรก็ทำอยากได้อะไรก็ต้องได้ไม่เคยเกรงกลัวใครอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้มันก็เลยไม่ใช่ปัญหาสำหรับเด็กน้อยกลับกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ