BANDIT ILLICIT โคตรเลว SM25++ - โคตรเลว #54 - เจ้าหญิงตัวน้อย
แกร็ก|
"ยัยเน่!" เสียงประตูถูกเปิดเข้าอย่างถือวิสาสะตามด้วยเสียงของแคนดี้ดังมาแต่ไกล เดินพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับแคท ทำให้หญิงสาวที่กำลังผล็อยหลับไปด้วยความเพลียอยู่บนเตียงนอนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วสะดุ้งตื่นอย่างไม่รู้ตัวว่าใครมา
"อื้อ~" เธอครางในลำคออย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนและแสงไฟสลัวกระทบกับเปลือกตาบางจนต้องยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหลบมัน ก่อนรู้สึกถึงที่นอนยุบลงไปแล้วมีมือของใครคนหนึ่งมาจับข้อมือเธอดึงออก
เจ้าของมือนั้นคือแคนดี้
"ฮึก..ตื่นมาคุยกันเดี๋ยวนี้นะไอ้เพื่อนใจร้าย" สาวประเภทสองเอ่ยขึ้นเสียงสั่นทั้งน้ำตารื้นเอ่อออกมาคลอเบ้าทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนรัก หลังได้รู้เรื่องอาการของเนเน่ที่สงสัยอยู่นานและเรื่องทั้งหมดที่ยังไม่รู้จากพ่อเจ้าตัว
"อื้อ~ อะไรเนี่ย" มือเล็กสะบัดออกจากเกาะกุม ปรือตาขึ้นมองเจ้าของการกระทำด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเจือตกใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆเห็นแคนดี้นั่งอยู่ข้างกายโดยน้ำตากลิ้งไหลลงมาอาบแก้มที่แต่งเติมไปด้วยบลัชออน พร้อมกับแคทนั่งอยู่ข้างกายเหมือนกันแต่อีกฝั่งหนึ่งด้านใน รายนั้นพอมีตัวนำบ่อน้ำตาก็ไหลลงมาอัตโนมัติไม่ต่างกัน
สงสัยผู้เป็นพ่อคงจะบอกว่าตนอยู่ที่นี่ถึงพากันมา
เนเน่ค่อยๆดันตัวลุกขึ้นมานั่งเลิกคิ้วมองเพื่อนรักทั้งสองคนสลับกันไปมาด้วยความงุนงงว่าร้องไห้ทำไม อย่างกับมีใครตายงั้นอะ "เป็นอะไรของพวกแกกันเนี่ย มาหาฉันถึงที่แต่มานั่งร้องไห้" ว่าแล้วมือเล็กก็เอื้อมไปปาดน้ำตาออกจากแก้มเพื่อนทั้งสองคน แคนดี้สะอึกสะอื้นจับมือเนเน่ไว้มั่นดึงเข้ามากอด
หมับ!
"เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกกัน..ฮืออออ" เธอปล่อยโฮออกมาหนักหน่วงด้วยความเป็นห่วงเพื่อน นับตั้งแต่วันที่ติดต่อเนเน่ไม่ได้ทุกวันเธอแทบไม่เป็นอันกินอันนอน ไปเรียนก็นั่งเหม่อพะวงไม่รู้เรื่องเลย ไม่กล้าไปถามหาที่บ้านกลัวพ่อเจ้าตัวจะรู้เข้าเดี๋ยวเรื่องใหญ่จนมาถึงวันนี้ทนไม่ไหวเนี่ยแหละ
"ใช่ ฮึก..ทำไมแกไม่บอกพวกฉันวะเน่" คนนั่งมองสะอื้นไห้ว่าบ้าง พร้อมกับขยับเข้าไปกอดเนเน่และแคนดี้
"..…" เธอถอนหายใจเบาๆ ลูบหลังปลอบใจเพื่อนรักทั้งสองคน รับรู้ถึงความรักความเป็นห่วงจากทั้งสองคนที่มีให้ "ก็เพราะพวกแกบ่อน้ำตาแตกง่ายแบบนี้ไงฉันถึงไม่อยากบอกให้เป็นห่วง"
สิ้นสุดคำพูดของเนเน่ แคนดี้กับแคทก็คลายพันธนาการออก ต่างคนต่างยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มตัวเองลวกๆ
"ก็แกชอบทำให้พวกฉันเป็นห่วงทำไมล่ะ แล้วมือถือเป็นโรคอะไรโทรหาก็ไม่เคยติด รู้ไหมว่าฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว"
"มันพัง"
"พังอีกและ ปีนี้แกซื้อมือถือใหม่ไม่รู้กี่เครื่องแล้วนะ"
"โอ๊ย! ก็มันพังจะให้ฉันทำยังไงล่ะ แกจะบ่นทำไมนักหนาเนี่ยแคนดี้" เนเน่ชักสีหน้าไม่พอใจ การขี้บ่นของแคนดี้เป็นอะไรที่น่าเบื่อสุดๆแต่ก่อนทนฟังได้นะแต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากฟังคำบ่นของใครเลย คำที่เธออยากฟังมากที่สุดคือคำที่ไปทางให้กำลังใจ
"..…" เจ้าตัวทำหน้าบูดบึ้ง นิสัยที่เปลี่ยนไปของเนเน่เธอเข้าใจดีว่าเพื่อนรักเป็นอะไรอยู่เลยไม่ถือสา แต่ทว่าแค่รู้สึกน้อยใจเท่านั้นที่อีกคนไม่เข้าใจหัวอกในความเป็นห่วงของเธอเลยสักนิด
"ขอโทษ" พอเห็นอีกฝ่ายเงียบไปด้วยอาการน้อยใจ ซึ่งหญิงสาวรับรู้ได้จึงเอ่ยขอโทษออกมา
"ช่างมันเถอะ แล้วตอนนี้หลานฉันกี่เดือนแล้วผู้หญิงหรือผู้ชาย" ไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่าแคนดี้เอื้อมมือไปลูบท้องเริ่มนูนเบาๆ
"ท้องเพิ่งจะออกยังไม่ทันป่องเลยไหมแคนดี้" แคทตอบแทน
"ฉันถามแกเหรอ?" แคนดี้หันไปมองค้อนแคทตาเขม็ง แต่อีกคนก็เฉยเมยลอยหน้าลอยตาใส่ก่อนเธอจะว่าต่อเชิงหยอกล้อ "สาระแน" ถึงพวกเธอจะรักกันมากแต่มุมทะเลาะหรือด่าเล่นกันก็มีอยู่มากโข ฉะนั้นเรื่องแบบนี้คือปกติ
"ชิ" คนถูกด่าจิ๊ปากกลับเบาๆ ขณะที่เนเน่ส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา ก่อนทุกคนจะคุยกันถามสารทุกข์สุกดิบและนอนค้างที่นี่กับเธออยู่หลายคืน แล้วกลับไปเรียนต่อเวลาไม่มีเรียนก็จะมาหาเพื่อนรักกับหลานเป็นประจำเกือบทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้
จนเวลาผ่านไปหญิงสาวได้ท้องโตขึ้นย่างเข้าเดือนที่เจ็ดท้องจะใหญ่มากเพราะเธอได้ลูกแฝดผู้หญิง ผลการรักษาก็ดีขึ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วรวมไปถึงอาการภายในครรภ์ของเด็กน้อยด้วย เหลือแต่รอคลอดออกมาต้องเช็กดูอาการของเด็กอีกที
ผู้เป็นพ่อและแม่ได้บอกเรื่องทั้งหมดให้พี่ชายกับน้องชายรับรู้แล้ว พวกท่านเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นทั้งสองคนโมโหมากอาละวาดลั่นบ้านโกรธที่พวกท่านมาบอกช้า หลังจากนั้นก็พากันบินมาเยี่ยมอยู่บ่อยครั้งต่างคนต่างแย่งดูแลเธอกันใหญ่เลยเห่อหลานกันสุดๆ โดยเฉพาะตากับตาทวดและยายทวดนะแย่งกันประคบประหงมหลานในท้องกันเช้ายันเย็นทำเอาเธออบอุ่นและมีความสุขมาก แต่ก็ยังมีบางช่วงเวลาที่นึกถึงคนบางคนอยู่ทว่าน้อยกว่าในตอนแรกๆ
สามเดือนต่อมา..
"อุแว้! อุแว้! อุแว้!" เด็กน้อยคนหนึ่งเปล่งเสียงร้องลั่นภายในห้องนอนส่วนตัว ขณะที่พยาบาลอุ้มมาวางลงในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ที่นั่งพิงพนักหัวเตียงรออยู่ ส่วนอีกคนหลับอยู่ในอ้อมแขนคุณยายของเขา
เนเน่คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ หยาดน้ำตากลิ้งไหลลงมาเมื่อได้เห็นหน้าลูกสาวตัวน้อยทั้งสองคนที่รอคอยมาตลอดระยะเวลาเก้าเดือน ก่อนจะนึกถึงใบหน้าคมคายของเพลิงเพราะลูกนั้นได้เขามาเต็มๆได้เธอมาส่วนน้อยนิด
"เจ้าหญิงตัวน้อยของแม่" ว่าแล้วปลายจมูกเชิ้ดรั้นกดหอมลงบนขมับบางๆของลูกสาวในอ้อมแขนทำให้เจ้าตัวน้อยค่อยๆเงียบลง แล้วหันไปยิ้มให้ลูกสาวอีกคนที่หลับอยู่ มันตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกสำหรับการได้เป็นแม่คน ความรักที่แม่มีต่อลูกมันยิ่งใหญ่จริงๆ
"เป็นอะไรของแด๊ดเนี่ย" แนทเอ่ยถามหลังกล่อมหลานอยู่แล้วเผลอหันไปเห็นสีหน้าบูดบึ้งของสามี เหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่างอยู่
"หงุดหงิดว่ะ ทำไมหลานต้องหน้าเหมือนไอ้เพลิงด้วยวะ" โน่ถอนหายใจหนักๆ แล้วตอบกลับ จะฆ่าทิ้งก็ทำไม่ลงนั่นหลานตัวเองแถมยังรักมากด้วย นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้หน้าเป็นตูดไม่สบอารมณ์อยู่แบบนี้ตั้งแต่เห็นหน้าหลานแล้ว
"เอ้า! ก็เขาพ่อลูกกันไหมล่ะ..แด๊ดนี่แปลกคน" แนทส่ายหน้าเบาๆอย่างเหนื่อยหน่าย เบื่อสามีไม่รู้จักแยกแยะ
"รู้ แต่ทำไมไม่เหมือนลูกเราทำไมต้องเหมือนมันด้วย" ยิ่งพูดก็ยิ่งหงุดหงิด ความผิดของเพลิงมันหนักหนาต่อให้ตายไปแล้วเขาก็ไม่หายโกรธและไม่อโหสิกรรมด้วย
"ท่าจะบ้า" เธอเลิกสนใจคนข้างๆหันไปหาลูกสาวที่กำลังนั่งลูบแก้มแดงระเรื่อของหลานสาวอีกคนอยู่ ก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงบนเตียงข้างๆ "เอ่อ..เนเน่แล้วหนูคิดชื่อลูกหรือยัง"
"ยังเลยค่ะ" คนบนเตียงตอบโดยไม่เงยหน้ามามอง
"ให้ม๊าช่วยคิดให้ไหม"
"….." เนเน่หยุดชะงักเงยหน้ามามองผู้เป็นแม่ ใจจริงเธอคิดไว้แล้วแหละอยากให้ชื่อเพลินลินกับเพลงพิณแต่กลัวว่าถ้าบอกออกไปผู้เป็นพ่อคงได้อาละวาดแน่ๆ
"ว่าไงลูก"
"เอ่อ.." เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ดังย้ำขึ้น ทำเอาเธอสะดุ้งเล็กน้อยหลุดจากห้วงความคิดรีบบอกความจริงทันที "จริงๆหนูได้คิดไว้แล้วแหละค่ะ" ครั้งหนึ่งในชีวิตเธออยากคิดชื่อลูกด้วยตัวเองจึงตัดสินใจพูดออกไปเลย
"ชื่ออะไรเหรอ"
"เพลินลินกันเพลงพิณค่ะ"
—————————————